Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
15.60K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) Trap Evil : 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ13
หลังจากอาหารที่ภูเบศสั่งไว้มาส่งพวกเราก็ลงมือทานกันทันที ไม่ต้องถามว่าหิวมากไหม ช้างมาเป็นโขงก็รั้งฉันไม่อยู่แล้วแหละ มารู้ตัวอีกทีอาหารที่เคยมีมากมายอยู่เต็มโต๊ะก็หายไปพริบตา ก็คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่ามันหายไปไหน อยู่ในห้องฉันเองละ โดยการกระทำของฉันทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของภูเบศตลอดเวลา เพราะเขาเอาแต่มองฉันกินเหมือนกับว่าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มันแปลกเหรอที่แันกินเยอะแบบนี้
“อ่า อิ่มล่ะ งั้นกลับนะ”
ฉันกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความลำบากเล็กน้อย นี่มันก็ดึกมากแล้วฉันต้องกลับห้องแล้วล่ะ เป็นห่วงเจ้ายักษ์ด้วยไม่รู้เป็นไงบ้าง คงจะหิวข้าวน่าดูแล้วแหละ
“ใครให้เธอกลับไม่ทราบ”
ภูเบศกล่าวขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานพร้อมกับตวัดสายตามามองฉันด้วยใบหน้าที่หงุดหงิดนิดๆ
“อ้าว ก็นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน จะให้อยู่ไปเพื่ออะไร”
“เป็นเมียฉันก็ต้องอยู่กับฉัน ยังคิดจะหนีไปอยู่ที่อื่นอีก ผู้หญิงนิสัยไม่ดี”
ภูเบศพูดแล้วก็ยกมือขึ้นกอดอกตัวเองแล้วหันหลังให้ฉัน มองจากด้านหลังแบบนี้ฉันยังแอบเห็นเลยว่าหมอนั่นกำลังทำแก้มป่องอยู่ ทำตัวอย่างกับคนกำลังงอนอยู่เลย
“เลิกพูดว่าฉันเป็นเมียนายเสียที ไม่ได้เป็นเสียหน่อย”
คำว่าเมียของเขา ไม่รู้ว่าเขาพูดขึ้นมาทีไรทำไมฉันต้องหน้าแดงทุกทีด้วยนะ ใจจ๋า อย่าเต้นเร็วนักสิ
“อ่อ ที่ทำไปเมื่อกี้เนี่ยไม่เรียกว่าเป็นผัวเมียกันเหรอ”
ภูเบศถามขึ้นมาอและมันทำเอาซะฉันถึงกับพูดไม่ออกไปเลยทันที
“หรือจะเอาอีกสักรอบ”
ภูเบศถามแล้วก็ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มขณะที่มองหน้าฉันไปด้วย เขานี่ยังไงกันเดี๋ยวก็อารมณ์ดี เดี๋ยวก็หงุดหงิด ไม่เข้าใจจริงๆเลย
“ไม่พูดกับนายแล้วจะกลับ”
ฉันพูดเสร็จก็หันหลังให้เขาแล้วเดินตรงไปที่ประตูทางออกทันที แต่ฉันก็เดินได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวแขนของฉันก็โดนกระชากจากทางด้านหลังด้วยฝีมือของภูเบศนั่นเอง แรงกระชากเมื่อกี้ทำให้ฉันตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของภูเบศอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พอฉันมีสติกลับคืนมาฉันก็ดิ้นขัดขืนการเกาะกุมจากภูเบศทันที
“ก็บอกว่าไม่ให้ไป”
“ปล่อยน่ะ”
ฉันออกแรงดิ้นให้มากกว่าเดิม แต่ท่อนแขนที่กอดรัดร่างฉันอยู่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“นอนนี่แหละ ดึกแล้ว เป็นห่วง”
ประโยคที่ภูเบศพูดไปเมื่อกี้ทำให้ฉันหยุดดิ้นแล้วหันไปสบตากับเขาแทน เมื่อกี้เขาบอกว่าเป็นห่วงฉันเหรอ แย่แล้วสิ ฉันปฏิเสธน้ำใจใครไม่เป็นด้วยสิ
“เอ่อ…”
“นะ”
เป็นคุณ คุณก็ต้องยอมถ้าเจอท่าทางออดอ้อนจากผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้ ฉันเลยพยักหน้าแทนคำตอบ หลังจากนั้นภูเบศก็ยิ้มกว้างหลังจากที่ฉันยอมทำตามเขา
“ไปอาบน้ำนอนกันเถอะ”
ภูเบศพูดแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังคิดเรื่องอะไรที่ไม่น่าไว้วางใจอยู่ในหัว
“ฉันไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน”
ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่คิดได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเองที่จะมีของของตัวเองครบทุกอย่าง
“ไม่จำเป็นต้องใส่หรอก”
“ทำไมเหรอ”
“ไม่ใส่อะไรเลยจะได้ทำอะไรๆสะดวกขึ้นกว่าเยอะ”
ภูเบศพูดแล้วก็ดันหลังให้ฉันเดินเข้าไปในห้องนอน
“ได้ไง ไม่ใส่เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
ภูเบศคิดอะไรไม่รอบคอบเลย ถ้าป่วยขึ้นมาจะทำไง ฉันเลยเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเขาแล้วก็หยิบเสื้อยืดตัวหนึ่งออกมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำโดยมีคนตัวสูงเดินตามหลังมาติดๆ
“เข้ามาทำไม ฉันจะอาบน้ำ”
ฉันหยุดเดินแล้วใช้มือดันให้ภูเบศออกไปจากห้องน้ำ แต่คนตัวโตก็น่ามึนดันตัวเข้ามาอยู่นั่นแหละ
“ไม่เอา อาบด้วยกันนี่แหละ ประหยัดดี ฉันง่วงแล้วด้วย”
ภูเบศไม่ใช่เพียงแค่พูด แต่ตอนนี้เขากำลังพยายามถอดกางเกงตัวเองออกอยู่
“เฮ้ย ทำอะไรของนาย”
ฉันเห็นอย่างนั้นเลยรีบไปจับขอบกางเกงของเขาเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้คนตัวโตดึงกางเกงลง นี่เขากำลังคิดจะทำอะไรของเขากันแน่
“อ่อ จะช่วยถอดเหรอ”
ภูเบศพูดแล้วก็ยิ้มเหมือนกำลังล้อเลียนฉันอยู่ ฉันเลยปล่อยมือแล้วเดินออกจากห้องน้ำมาเมื่อรู้ตัวว่าถ้าอยู่ไปมันไม่เป็นประโยชน์ต่อฉันเลย รออาบทีหลังก็ได้
“เชิญอาบตามสบายเลย”
ฉันพูดพลางนั่งกอดอกรอภูเบศอยู่ปลายเตียง ภูเบศมองหน้าฉันด้วยความหงุดหงิดที่ฉันไม่ทำตามสิ่งที่เขาต้องการ คิดว่าเขาหงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไงกัน ฉันเหนื่อยแล้วก็ง่วงมากด้วยยังคิดจะมาแกล้งกันอีก
“เออ”
ปั๊ง!
ภูเบศกระแทกเสียงตอบแล้วก็ปิดประตูห้องน้ำห้องน้ำเสียงดังด้วยความหงุดหงิด เอาสิเรื่องนี้ใครกันแน่ที่น่าหงุดหงิดกว่ากัน คิดว่าเขาหงุดหงิกเป็นคนเดียวหรือไงกัน ฉันเองก็หงุดหงิดไม่แพ้เขาหรอก คอยดูฉันจะงอนเขาซะให้เข็ด
ฉันนั่งรออยู่ที่ปลายเตียงไม่นานคนตัวโตก็เดินออกจากห้องน้ำมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ฉันทำเป็นไม่มองแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป หลังจากที่ได้อาบน้ำฉันก็สบายตัวขึ้นเยอะ ความง่วงก็เลยคืบคลานมา ส่วนภูเบศก็นอนมองฉันอยู่บนเตียง ตอนนี้ฉันใส่เสื้อของภูเบศเพียงแค่ตัวเดียวโดยข้างในไม่ได้ใส่อะไรเลย เพราะปกติฉันก็ไม่ชอบใส่ชั้นในนอนอยู่แล้วมันเลยเคยชินที่จะไม่ใส่และฉันก็ไม่มีชั้นในเปลี่ยนด้วย ไม่เป็นไรเสื้อยืดของภูเบศที่ฉันใส่อยู่มันก็ตัวใหญ่และหนามากมันสามารถปกปิดอะไรๆของฉันได้
ฉันไม่สนใจสายตาที่ภูเบศมองมาเขามองฉันอย่างกับจะกินฉันยังไงยังงั้นฉันเลยไม่คิดที่จะใส่ใจเลยเดินขึ้นมานอนบนเตียงอีกฝังหนึ่ง ภูเบศเห็นว่าฉันไม่สนใจเขาใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็เริ่มบูดบึ้ง เขาเลยทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วนอนหันหลังให้ฉัน ผู้ชายคนนี้กำลังงอนฉัน แต่คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะง้อ
ฉันเลยล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วหันหลังให้เขาเช่นกันเตียงของภูเบศใหญ่มากเลยทำให้เรานอนห่างกันมาก ฉันเลยนอนได้โดยไม่ต้องมีอะไรต้องห่วง แต่เวลาผ่านไปประมาณสามนาทีเตียงอีกฝั่งหนึ่งก็เริ่มมีการขยับตัว ฉันสะดุ้งตัวตื่นหลังจากที่กำลังเคลิ้มๆกำลังจะหลับเมื่อมีมือใหญ่เลื่อนมือมาโอบกอดร่างฉันไว้พร้อมกับใบหน้าที่ซุกลงบนซอกคอฉัน
“งอนอยู่ทำมัยไม่ง้อ”
ภูเบศบ่นเสียงอู้อี้ข้างๆหูฉันพร้อมกับท่อนแขนที่รัดฉันแน่นกว่าเดิม แต่แปลกจังฉันกลับไม่อึดอัดที่เขากอดฉันแน่นแบบนี้แต่รู้สึกอุ่นใจมากกว่า
“ฉันก็งอนนาย”
“ก็ง้ออยู่นี่ไง”
ภูเบศกกล่าวมันทำให้ฉันไม่สามารถกลั้นยิ้มเอาไว้ได้ หมอนี่น่ารักจริงๆ
“หายงอนนะ”
ภูเบศพูดแล้วก็กดจูบร้อนๆลงบนคอฉัน มันทำให้ขนบนร่างกายฉันลุกขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“อะ อืม”
ฉันตอบไปแล้วภูเบศก็พลิกตัวฉันให้หันหน้าไปทางเขาแล้วเขาก็ซุกหน้าลงบนหน้าอกฉัน คิดจะทำอะไรของเขาอีกกันเนี่ย
“นอน ง่วงแล้ว”
ฉันพูดแล้วก็ดันหน้าเขาออกจากหน้าอกฉัน
“ก็นอนแล้วไง หรือจะให้ทำไรอีก พร้อมแล้วน่ะ”
ดูสิ่งที่ภูเบศพูดสิ ฉันจะหลับลงได้ยังไง
“โอ๊ะ แม่เจ้าโนบรา ภูเบศน้อยพร้อมรบ”
ประโยคที่ภูเบศพูดทำให้ฉันเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองทันที
เอาภูเบศตอนบทแรกๆกลับมาที
ทำไมนางหื่นแบบนี้ แถมยังน่ารักอีก
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ