Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
15.94K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) Trap Evil : 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ12
อ่า รู้สึกเหมือนฉันแบกภูเขาไว้ทั้งร่างเลย ทำไมร่างกายฉันถึงรู้สึกหนักไปหมดแบบนี้กันเนี้ย แต่แค่นั้นยังไม่พอ อาการปวดเมื่อยตามร่างกายก็ถาโถมเข้าใส่ฉันมาอย่างต่อเนื่อง นี่ฉันไปทำอะไรมากันเนี้ย แต่หลังจากที่ฉันบ่นอยู่ในใจคนเดียวอยู่นั้น ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ฉายขึ้นมาบนหัว มันทำให้รู้ว่าฉันคนนี้ตกเป็นของผู้ชายที่ชื่อว่า ภูเบศ ไปแล้ว
ฉันลืมตาขึ้นมาทันทีหลังจากที่ตั้งสติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว ก็ก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเจอเข้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตรอยู่ห่างเพียงไม่กี่เซนกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่และก็ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังนอนหลับฝันดีอยู่นะเพราะฉันสังเกตเห็นมุมปากของเขายกขึ้นเหมือนกำลังยิ้มอยู่ยังไงอย่างนั้น ตอนนี้หัวสมองฉันตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้ยังไงดี แต่ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่าฉันหิวมาก หิวจนคิดอะไรไม่ออก ถ้าได้อะไรมากินฉันคงคิดอะไรดีๆออกแน่
ฉันคิดได้อย่างนั้นแล้วฉันจึงค่อยๆแกะมือของภูเบศที่กอดฉันไว้อยู่ออก แต่กว่าจะแกะได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ไหนจะใบหน้าของเขาที่ซุกเข้ากับหน้าอกฉันอยู่เนี้ยมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาออก
“อ่า”
ฉันครางออกมาหลังจากที่เท้าแตะพื้นความรู้สึกเจ็บตรงหว่างขามันทำให้ฉันเดินลำบาก แต่ฉันก็ข่มความเจ็บนั้นไว้แล้วฉันก็กวาดสายตามองดูรอบๆห้องผ่านแว่นสายตาที่สวมอยู่ก็เห็นสภาพห้องที่ค่อนข้างเละเทะ เสื้อผ้าทั้งของฉันและภูเบศหล่นเกลื่อนกลาดไปทั่วห้องอย่างกับว่าในห้องนี้พึ่งมีสงครามอะไรเกิดขึ้น ฉันจึงค่อยๆเก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาสวมด้วยความลำบากแล้วก็เดินออกมานอกห้องนอนตรงไปที่ห้องครัวทันที
“มีอะไรกินไหมน่ะ”
ฉันบ่นพึมพำพลางเปิดตู้เย็นดูด้วย แต่ในตู้เย็นกลับมีแต่กระป๋องเบียร์เต็มไปหมด อะไรกันจะกินอะไรดีล่ะทีนี้ ฉันมองไปรอบๆห้องครัวก็เจอเข้ากับถ้วยมาม่าคัพตั้งอยู่หนึ่งถ้วย
“รอดตายแล้วเรา”
แล้วหลังจากนั่นฉันก็ได้แต่ยืนรอให้มาม่าสุกด้วยความทรมาน ตอนนี้ในท้องฉันประท้วงกันหนักมาก ก็ฉันไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เช้าเลยไง
“บุหลัน! บุหลัน!”
เสียงตะโกนของภูเบศดังขึ้นมาทำให้ฉันที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอให้มาม่าสุกอยู่นั้นสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจทันทีก่อนที่ร่างที่มีแต่กางเกงยีนตัวเดียวที่เนื้อตัวของเขามีแต่รอยขีดข่วนเต็มไปหมดของภูเบศโผล่ออกมาด้วยสีหน้าตื่นๆ อ่า รู้สึกผิดจังที่ทำผิวขาวๆของเขาเป็นรอยแบบนั้น และตอนนี้ภูเบศก็เหมือนกำลังมองหาฉันอยู่เหมือนเขาจะไม่เห็นฉันน่ะว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้
“ฉันอยู่นี่”
ฉันพูดขึ้นแล้วภูเบศก็หันมาตามเสียงเรียกของฉันทันที แล้วเขาก็รีบเดินมาหาฉันทันทีพร้อมกับดึงตัวฉันไปกอดไว้แน่นจนฉันเองที่กำลังถูกกอดอยู่ถึงกับทำตัวไม่ถูก
“เป็นไร”
“มาทำอะไรตรงนี้”
ภูเบศพึมพำพูดขณะที่เขากำลังกอดฉันไปด้วย
“หิว มาหาอะไรกิน”
ฉันพูดแล้วก็ดันตัวออกจากอ้อมกอดของภูเบศแล้วก็ชูถ้วยมาม่าให้เขาดู ภูเบศมองตามแล้วก็ถอดหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“นึกว่าหนีกลับไปแล้วเสียอีก”
“อะไรน่ะ”
“เปล่า”
เมื่อกี้ภูเบศเขาพึมพำอะไรฉันฟังไม่ทันอ่ะ
“ทำไมไม่ปลุกฉัน”
คนตัวสูงพูดแล้วก็หันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง
“เกรงใจ”
“เกรงใจอะไรว่ะ เป็นเมียฉันไม่ต้องเกรงใจหรอก”
อ๊าย เมื่อกี้ภูเบศพูดอะไรของเขาเนี้ย ไม่อายฟ้าอายดินเลยหรือไง แต่ฉันก็ทำได้แค่ยืนหน้าแดงกับคำพูดที่ภูเบศพึ่งพูดไป
“มะ เมียอะไร”
ฉันพูดแล้วก็เฉไฉไปมองทางอื่นแทน ไม่รู้ตอนนี้ฉันไม่กล้ามองหน้าภูเบศเลย เพียงแค่สบตากันนิดเดียวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้มันก็ลอยเข้าหัวมาเป็นฉากๆเลย
“ก็เมียฉันไง”
ภูเบศตอบแล้วเอาหน้าผากเขามาจรดที่หน้าผากฉัน มันเลยทำให้เราสองคนสบตากันอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนมือของภูเบศข้างหนึ่งก็แตะที่หน้าฉันส่วนอีกข้างก็โอบรอบเอวฉันอยู่
“เปล่าซะหน่อย”
“หรือจะให้ทำอีกครั้ง”
คนตัวโตพูดแล้วก็เบียดตัวเขาเข้ามาเรื่อยๆจนหลังของฉันติดกับเคาเตอร์ล้างจาน พร้อมกับลมหายใจอุ่นที่เป่ารดใบหน้าฉันไม่เพียงแค่นั้นมือที่เคยอยู่ที่เอวของฉันมันเริ่มเลื่อยขึ้นไปเรื่อยๆแล้วดิ
“ไม่เอา ภูเบศฉันหิว”
ฉันพูดแล้วก็ใช้สองมือดันหน้าอกของเขาถอยออกไปห่างๆ แต่คนอย่างภูเบศหรือจะยอม คนอะไรแรงเยอะชะมัด
“กินดิ ให้กินทั้งคืนเลย”
“จริงดิ”
หลังจากที่ได้ยินว่ากิน หัวสมองฉันก็นึกเห็นอาหารมากมายที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ ตอนนี้ฉันหิวแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว
“อือ ไปห้องนอนกัน”
แต่เดี๋ยวน่ะ อาหารมันมีในห้องนอนเหรอ มองดูเมื่อกี้ไม่เห็นมีเลย แปลกๆแหะ
“ที่ห้องมีข้าวเหรอ”
ฉันถามภูเบศแล้วก็เอียงคอมองเขาอย่างสงสัย ภูเบศเห็นท่าทางของฉันเขาก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มฉันเบาๆ ฉันได้แต่ยืนลูบแก้มขอองตัวเองที่โดยหยิกไปเมื่อกี้นี้เพื่อบรรเทาของเจ็บ
“เธอไม่ได้อยากจะกินฉันเหรอ”
“นายจะตัดแขนตัวเองมาทำเนื้อย่างให้ฉันกินเหรอ”
ฉันถามออกไปด้วยความไม่รู้ ก็เขาบอกว่าฉันกินเขาได้ ตอนนั้นฉันเลยคิดเห็นแต่เนื้อที่ย่างบนไฟร้อนๆขึ้นมา คิดแล้วก็น้ำลายไหล
“ยัยเอ๋อเอ๊ย”
ภูเบศพูดแล้วก็ทำหน้าเซ็งๆใส่ฉัน ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะ แล้วภูเบศก็เดินไปกดโทรศัพท์คุยกับใครก็ไม่รู้แล้วก็วางไป ฉันเลยหันมาสนใจกับมาม่าที่ทำทิ้งไว้เมื่อกี้ต่อ ได้กินซ่ะที
“ทำไร”
“กินไง”
ภูเบศหันมามองหน้าฉันอย่างเอาเรื่องหลังจากที่เห็นฉันยกถ้วยมาม่าขึ้นซด หรือเขาจะโกรธที่ฉันไม่แบ่งให้เขากินด้วยกันน่ะ
“วางไว้เลย มันไม่มีประโยชน์ ฉันสั่งอาหารให้แล้ว”
หลังจากที่ได้ยินคำว่าอาหารฉันก็รีบวางมาม่าลงทันทีเลย แล้วภูเบศก็เดินมาจูงมือฉันออกไปจากห้องครัว
“อ่ะ”
ฉันอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่เดินได้ก้าวหนึ่ง ภูเบศหันมามองฉันด้วยสายตาที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีล่ะ มันดูทั้งตกใจปนเป็นห่วงไปพร้อมๆกัน
“เจ็บเหรอ”
คนตัวโตถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง ฉันเลยแต่พยักหน้าเบาๆเพื่อตอบยืนยันความเจ็บ หลังจากนั้นตัวของฉันก็ลอยขึ้นจากพื้นโดยมีภูเบศเป็นคนยกฉันขึ้นสู่อ้อมอกของเขา ตอนนี้เขากำลังอุ้มฉันอยู่ด้วยมือทั้งสองข้างของเขา ในเวลาไม่นานภูเบศก็วางฉันลงกับโซฟาที่ห้องนั่งเล่นด้วยความเบามือ
“กินข้าวบ้างไหม ตัวเบาชิบ”
ไม่รู้ว่าภูเบศหงุดหงิดอะไรถึงมาพาลชักสีหน้าใส่ฉันแบบนี้ ฉันทำอะไรผิดอีกแล้วล่ะ
“ต่อไปฉันต้องขุนเธอเป็นแม่หมูน้อยแล้วแหละ”
ภูเบศพูดแล้วก็ยืนเท้าเอวมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจฉันอยู่ เอาแล้วไง ฉันไม่อ้วนก็ผิดอีก ผู้ชายนี่ยังไงเข้าใจยากจริงๆ ฮือ ฉันต้องรับมือกับเขายังไงดีล่ะ
5555 บอกแล้วว่าบุหลันไม่เหมือนใคร
นางเอ๋อจนเหมือนคนโง่เลยบางที
ถ้าชีวิตจริงมีคนแบบนี้คงปวดหัวกันน่าดู
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ