นรกบนดิน(yuri)
-
เขียนโดย themockingjay
วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.
29 ตอน
0 วิจารณ์
23.40K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) แพรว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เหลือได้มาถึงกันครบหมดเเล้วตอน4โมงเศษเธอเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่แต่ละกลุ่มเข้าไปจนคนสุดท้ายเข้ามาและสิ่งที่ทำให้เธอตกใจและงงสุดในรอบเดือนคือเพื่อนเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“55555555555ดูหน้าแกดิ เหมือนเห็นผีอะ” เพื่อนเธอหัวเราะปานจะขาดใจโดยที่ต่างจากเธอที่ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีอย่างที่เพื่อนเธอบอกจริงๆ
“เฮ้ยไม่ตลกนะแพรว แกมาที่นี่ได้ยังไง” เธอที่ยืนตกใจอยู่หน้าประตูทางเข้ากับแพรวอยู่2คน
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง ตอนนี้พาฉันไปพักหน่อยฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“สมน้ำหน้าใครให้แกไปกับอีกกลุ่มกันห้ะ กลุ่มเจ้าหน้าที่ใหม่แกก็ไม่มา”
“ถ้าฉันไปเดี๋ยวแกก็รู้ดิว่าฉันมาอะ เห็นแมะเมื่อกี้หน้าแกเป็นยังไงฉันจะจำไปจนวันตายเลย5555”
“เชอะ เล่าให้ฉันฟังด้วยละกัน มาแบบนี้ฉันก็ตกใจดิ” เธอคุยระหว่างที่พาเพื่อนเธอขึ้นไปยังชั้นที่พวกเธออยู่
“เชรด สมกับเป็นบริษัทของไข่หวานจริงๆ อุ่ยโทษทีฉันลืม”เธอพาเพื่อนเธอขึ้นมายังชั้นที่ต้องรายงานตัวก่อนจะแยกย้ายไปเก็บสำภาระของตัวเอง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงชื่อแล้วตามชั้นมานะ”
“โอเคๆ ” เพื่อนเธอรายงานตัวเซ็นชื่อแล้วไปรับที่นอนกับเจ้าหน้าที่เสร็จเรียบร้อยก่อนจะเดินตามเธอไปยังที่พัก
“ฉันนอนตรงนี้ แกจะนอนตรงไหนอะ”
“เดี๋ยวฉันนอนตรงข้ามแกละกัน”
“อ่าได้” เธอรอเพื่อนเธอจัดการสำภาระจนเสร็จและมองหน้าเพื่อนเธอเหมือนกับว่าเมื่อไหร่จะเล่ามา
“นี่แกทำช้าเพื่อถ่วงเวลาเล่าไหมเนี่ย”
“โถ่ เพื่อนรักใครจะไปทำอย่างนั้นกับเพื่อนรักได้ล่ะจ้ะ อันนี้เขาเรียกว่ามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ต่างหาก”
“เรื่องลีลานี่ฉันยกให้แกเลยอะ”
“อะไร ตอนนี้อีกไม่กี่นาทีจะ5โมงแล้วไปกินข้าวกัน”
“แต่แกยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลยนะว่าแกมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันมีเวลาอีกตั้งเยอะในการเล่าให้แกฟัง แต่ตอนนี้ฉันหิวมาก เนี่ยฉันจัดเสร็จละไปกินข้าวกัน”
“แพรวนี่แก…..”
“รินไปกินข้าวกันค่ะ” เปิ้ล รุ่นพี่เธอจู่ๆ ก็โผล่มาเรียกเธอไปกินข้าวทำให้ทั้งสองต่างพากันมองหน้า
“เอ่อ คือ แพรวนี่พี่เปิ้ลรุ่นพี่เรา พี่เปิ้ลคะนี่แพรวค่ะ เพื่อนรินเอง”
“อะ อ๋ออ สวัสดีค่ะ พี่จะชวนเราไปกินข้าวน่ะ ไม่รู้วาเพื่อนรินอยู่ด้วย”
“อ๋อพอดีเพื่อนรินพึ่งเดินทางมาถึงนี่แหละค่ะ”
“ใช่ค่ะ” เพื่อนเธอยิ้มให้รุ่นพี่
“อ๋อค่ะ งั้นพี่ไปกินข้าวก่อนนะคะ อย่าลืมไปกินข้าวด้วยนะ” ก่อนรุ่นพี่เธอจะเดินจากไปเหลือไว้ให้แพรวทำหน้าเจ้าเล่ห์และมองหน้าเธอตาเป็นมัน
“ก่อนฉันจะเล่าเรื่องฉัน ฉันว่าแกต้องเล่าเรื่องรุ่นพี่สุดแซ่บให้ฉันฟังสักหน่อยละ”
“ก็เป็นรุ่นพี่อะ”
“.......”
“แค่นี้? ”
“ห้ะ ก็แค่นี้ไงก็เขาเป็นรุ่นพี่จริงๆ นี่”
“ไม่ฉันไม่ได้ถามเรื่องนั้น เมื่อกี้ฉันก็รู้แล้วไหมล่ะว่าเป็นรุ่นพี่น่ะ ที่ฉันอยากถามคือแกเป็นอะไรกับพี่เขา”
“ก็รุ่นพี่ไง ฉันเข้าใจอะไรผิดเนี่ย”
“โอ้ยฉันหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่เขากับแกอะ”
“ก็พี่น้องไง”
“เออ ขอโทษฉันผิดเองที่ถามแก” เธอปวดหัวกับอาการไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวของคนรอบตัวเพื่อนเธอ เพื่อนเธอไม่รู้เลยรึไงว่ารุ่นพี่คนนั้นกำลังจีบเธออยู่ แค่ดูจากการกระทำกับการแต่งตัวที่ดูเหมือนจะไม่ได้ไปกินข้าวนั้นเธออยู่บนดาวพลูโตก็ยังมองออกเลยว่าจะกินเพื่อนของเธอให้ได้น่ะ
“อะไรเล่า แล้วมันอะไรกันเนี่ย”
“ฉันถามแกหน่อย แกมาอยู่ที่นี่แกคิดถึงเรื่องอะไรบ้าง ในหัวแกน่ะ”
“ก็ช่วยคนอพยพ แล้วก็...ไข่หวาน”
“อืมฉันเข้าใจละ ไปกินข้าวกันฉันหิวแล้ว” อ่า เธอเข้าใจว่าทำไมเพื่อนเธอถึงไม่สนใจอย่างอื่นเลย บางทีฉันก็อิจฉานะคนที่ได้เป็นคนรักของเพื่อนเธอน่ะ นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีเเล้วถ้าไข่หวานยังไม่ได้จากพวกเธอไปป่านนี้เพื่อนเธอคงมีความสุขกว่านี้เยอะ รักเดียวใจเดียวจนไม่เหลียวแลใครแบบนี้ต่อไปเพื่อนฉันได้ไปบวชชีแน่ รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจริงๆ ละ เฮ้ออออ
“อะไรของแกเนี่ย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนฉันงงไปหมดแล้ว”
“ช่างมันเถอะๆ ไปๆ วันนี้มีอะไรกินบ้างเนี่ย” แพรวที่เดินนำหน้าไปไม่สนใจรินที่ทำหน้าตางงแล้วงงอีกว่าเพื่อนเธอเป็นอะไรก่อนจะเดินตามเพื่อนของเธอไปยังชั้นที่พวกเธอต้องกินข้าวกัน
“ประกาศๆ ประมาณบ่ายโมงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไปรวมกันที่ห้องประชุมด้วยค่ะ ประกาศๆ ประมาณบ่ายโมงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไปประชุมกันที่ห้องประชุมด้วยค่ะ”
“น่าจะประชุมเรื่องการแบ่งหน้าที่กันแหละ ฉันว่า”
“อืมใช่”
“แต่ฉันแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งเว้ยแพรวคือระหว่างทางแกเจอซอมบี้บ้างปะ”
“ก็เจอนะ แต่นิดเดียวแกสงสัยอะไรอะ”
“คือฉันสงสัยว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเงียบสงบมาก จนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่เรียกเครื่องบินมารับคนที่นี่เลย ทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกตินี่”
“อืมก็จริงอย่างที่แกว่าอะ”
“เออใช่ฉันก็ลืม เดี๋ยวกินข้าวเสร็จฉันจะไปถามหัวหน้าฉันสักแปบนะ แกจะมาด้วยปะหรือจะพักผ่อน”
“ไปด้วยๆ ฉันก็อยากฟังเหมือนกัน”
“โอเคงั้นรีบกินข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวจะไม่มีเวลาคุย”
หลังจากที่พวกเธอกินข้าวกันเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นไปที่ห้องประชุมเพราะชั้นที่เธออยู่ก็ไม่มีหัวหน้า เธอเดาน่าจะอยู่ที่ชั้นประชุมแหละเพราะหัวหน้าเป็นคนเรียกประชุมนะเห็นได้ยินมา เมื่อลิฟท์มาถึงชั้นประชุมแล้วพวกเธอก็มองหาหัวหน้าจนไปเจอที่โต๊ะทำงานฝั่งซ้ายมือของเธอที่กำลังเตรียมข้อมูลอภิปรายตอนบ่ายโมงอยู่
“หัวหน้าคะ รินมีเรื่องสงสัยอยากจะถามอะค่ะ” พวกเธอสองคนทำความเคารพหัวหน้ากันก่อนที่จะถามหัวหน้า
“อืมว่าไงล่ะ”หัวหน้าพักสายตาจากคอมพิวเตอร์ก่อนจะมองมายังเธอ
“คือรินแค่สงสัยว่าทำไมสถานการณ์สงบขนาดนี้ถึงไม่เรียกเครื่องบินมารับผู้อพยพที่นี่ล่ะคะ”
“อื้มดีที่เธอสงสัยนะ เดี๋ยวฉันจะชี้แจงตอนประชุมนี่แหละขอให้เธอวางใจเถอะถ้ามันสงบจริงฉันเรียกมาแน่ เพราะงั้นตอนนี้ไปพักผ่อนแล้วเดี๋ยวขึ้นมาประชุมตอนบ่ายนะ”
“ได้ค่ะหัวหน้า” พวกเธอทำความเคารพกันก่อนที่จะหันหลังกลับไปยังลิฟท์และพาตัวเองและเพื่อนไปพักผ่อน
“เป็นไงเธอไปยั่วรินเป็นไงบ้าง”ข้าวที่ถามเปิ้ลขณะตอนที่กำลังจัดสถานที่ประชุมอยู่
“เฮ้อ พอดีมีเพื่อนรินมาอะ และมานอนด้วยกันเลยนะ ต่อไปนี้ฉันไม่ได้ไปอีกแน่ๆ ”
“หืม เพื่อนรินเหรอ”
"อืมรินเขาว่างั้นอะ"
"มากับเจ้าหน้าที่เก่านี่น่ะหรอ"
"อืมใช่"
"ระวังนะแก ไม่ใช่ว่าโดนคนนี้งาบไปแล้วนะ"
"บ้าเหรอจะงาบไปได้ไง คนนั้นพึ่งมาถึงวันนี้เองนะ"
"ก็งาบตอนอยู่ค่ายไงปัดโถ่"
"จริงอย่างที่เธอบอกปะเนี่ย”
“ฉันก็ไม่รู้ไง เดี๋ยวเราลองสลับกันไปสืบดู ไม่งั้นศัตรู เพิ่มมาอีก1นะ”
“เออจริง งั้นตามนี้”
“งานยังไม่เสร็จนะเจ้าหน้าที่” หัวหน้าที่ตะโกนมาเอ่ยบอกให้เจ้าหน้าที่2นายตั้งใจกับหน้าที่ของตัวเองหน่อย
“ระ...รับทราบค่ะ” ก่อนพวกเธอจะแยกย้ายกันทำงานของตัวเอง
“คราวนี้แกจะเล่าให้ฉันฟังได้ยังว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”พวกเธอสองคนกลับมายังที่พักของตัวเอง
“คาดคั้นจริงเพื่อนฉัน ก็ได้เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง”
“เยี่ยมมากเพื่อน ดีนะฉันไม่แก่ก่อนที่แกจะเล่าให้ฟัง”เธอเอ่ยแซวเพื่อนเธอก่อนจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานเพื่อฟังเพื่อนเธอเล่าอย่างใจจดใจจ่อ
“จ้ะ คือเริ่มเเรกเลยไอเกวมันนึกแผนนี้ได้ตอนแกไปเดินเอาน้ำเว้ย มันบอกว่าที่แกโดนเลือกเร็วขนาดนี้แสดงว่าเขาต้องการเจ้าหน้าที่มาก ดังนั้นพวกเราเลยลองไปหาผบ.ดูแล้วผบ.ก็อนุญาตจริงๆ แต่มีคนที่ผ่านอยู่คนเดียวคือฉันที่ผบ.ดูจากการทดสอบแล้วดูโอเคสุดอะนะ ดังนั้นฉันก็เลยได้มานี่แหละ”
“โห้ แพรวจริงๆ แกไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ” เธอซึ้งมากไม่คิดว่าเพื่อนเธอจะจะสละชีวิตตัวเองมาเพื่อเธอขนาดนี้
“แกไม่ต้องห่วงหรอก อีก4คนก็ไม่ต่างจากฉันเหมือนกัน 4คนนั้นมันแค่ทดสอบไม่ผ่านเลยไม่ได้มา” รินเอามือลูบหน้าตัวเอง เพื่อนเธอรักเธอขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ เธอรู้สึกจะร้องไห้แล้ว
“แต้งมากว่ะแพรว พวกนั้นด้วย ขอบใจแกจริงๆ ว่ะ”
“เออไม่เป็นไรหรอก แค่มาเห็นแกสบายดีมีผู้หญิงมาเต๊าะฉันก็สบายใจแล้ว”
“ห้ะใครมาเต๊าะฉัน”
“ก็รุ่นพี่คนนั้นไง”
“แต่แค่เขามาให้ฉันช่วยอะไรนิดหน่อยนี่เรียกเต๊าะเหรอ” เธอทำหน้างง ที่ผ่านมาก็ไม่คุยอะไรกันมากหนิ มันเรียกเต๊าะตอนไหน พี่เขามาจีบเธอตอนไหนเธอยังไม่รู้เลย
“ช่วยอะไรจ้ะเพื่อน”เพื่อนเธอหลี่ตามอง
“ก็….”
“ประกาศๆ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายมาประชุมกันที่ชั้น60ด้วยค่ะ ประกาศๆ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายมาประชุมกันที่ชั้น60ด้วยค่ะ”
“แหม่รอดตัวไปนะเพื่อนรัก”
“อะไรเล่า ไปๆ หัวหน้าเรียกประชุมแล้ว”
“จ้าาาาาา” เกือบไปแล้วไงนี่ถ้าเพื่อนเธอซักเธออีกนิดนี่ได้บอกไปจริงๆ แน่ เธอยิ่งไม่อยากบอกอยู่เดี๋ยวอีกฝ่ายเสียหายด้วย เธอกับแพรวเดินไปขึ้นลิฟท์ก่อนที่พวกเธอจะขึ้นไปประชุมกัน
การประชุมเริ่มขึ้นด้วยความกดดันบรรยากาศต่างจากการประชุมครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้มากันครบและเริ่มประชุมกันเรียบร้อยแล้ว เธอฟังนั่งฟังประชุมไปก็สรุปได้คร่าวๆ ว่าสถานการณ์ตอนนี้ซอมบี้ได้มีการพัฒนาจากระยะ1ไประยะ2เร็วกว่าปกติ แต่ระยะอื่นยังไม่แน่ชัด ทั่วโลกที่เป็นอยู่ก็เริ่มรับมือและกวาดล้างไปได้เรื่อยๆ แต่ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังคุมไม่ได้อยู่ดี นักวิจัยทั่วโลกต่างก็พยายามคิดค้นวัคซีนต้านเชื้อไวรัสตัวนี้อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยื้อได้นานขนาดไหนเพราะตอนนี้ทั้งอาหาร ยาต่างๆ ก็เริ่มหมดอาชญากรรมเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้นำบางประเทศไม่สนใจประชาชนเลยทำให้ประเทศนั้นกลายเป็นว่ายอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งจากประชากรทั้งหมดในประเทศ แต่ดีที่ประเทศเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นแต่ก็เกือบๆ อะนะ เอาเป็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เริ่มคงที่แต่ก็ยังควบคุมไม่ได้มากนัก และสถานการณ์ในประเทศเราตอนนี้คือสามารถรับมือได้ รับมือในที่นี้หมายถึงเกือบทุกจังหวัดเริ่มควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แล้วแต่ยอดผู้เสียชีวิตก็ยังมีประปรายส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ตาย
เธอก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ประชากรตอนนี้เริ่มคงที่แล้วนั่นก็เป็นเรื่องดีสำหรับทุกคนแต่พอมาในหัวข้อถัดไปทำเอาเจ้าหน้าที่หมดกำลังใจ หดหู่ หวาดกลัวและกดดันตัวเองเป็นอย่างมากเพราะจำนวนระยะ4ก็เพิ่มขึ้นเหมือนกันแต่ยังไม่มากนัก แต่ตอนนี้คือเรายังไม่รู้ว่าวิธีที่จะฆ่ามันให้ตายคืออะไรเพราะตอนนี้หากเจ้าหน้าที่คนไหนที่เจอระยะ4ตอนนี้ก็คิดคำลาก่อนไปยมโลกได้เลยเพราะไม่มีทางรอดอยู่แล้ว เเละข่าวต่อมาตัดกำลังใจเจ้าหน้าที่เราได้เป็นอย่างดีคือตอนนี้ ณ ที่ฐานของเราค้นพบว่ามีระยะ4ถึง2ตัวด้วยกันไม่แน่ใจว่ามันพัฒนาไปถึงขั้นที่แบ่งเพศชายหญิงได้รึเปล่า
แต่ถ้าหากทำอย่างนั้นได้คือเราซวย ซวยแน่ๆ เพราะมันจะขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ แต่เราก็ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เธอเริ่มเครียดแล้วระยะ4มีถึง2ตัวในกรุงเทพฯ ด้วยทหารของเรามีไม่เกิน300พวกเธอจะรอดไปไหมเนี่ย เธอคิดแล้วเริ่มปวดหัวขึ้นมา แต่ถึงยังไงเราก็ยังไม่อพยพคนตอนนี้เพราะเดี๋ยวเราต้องออกลาดตระเวนไปช่วยเหลือที่ติดอยู่ในบ้านและไปหาอาหารมากักตุนไว้ก่อนและต้องแบ่งหน้าที่กันในการรับผิดชอบหน้าที่
เธอหันไปบอกเพื่อนเธอว่าเธอลงกลุ่มราดตระเวนและกลุ่มกักตุนอาหารจะไปอยู่ด้วยกันไหม เพื่อนเธอตอบโดยไม่ต้องคิดว่าไปอยู่แล้วเพราะต้องมาช่วยดูแลเธอ แพรวเป็นคนที่ดีกับเธอมากจริงๆ เธอบอกกับเพื่อนเธอว่าหลังจากจบประชุมแล้วจะพาไปสมัครเพื่อนก็บอกว่าโอเค จากนั้นเราก็นั่งฟังกันต่อต่อไปเป็นเรื่องแบ่งกลุ่มเจ้าหน้าที่หัวหน้าก็ให้แยกกันเป็นกลุ่มย่อยเพื่อที่จะได้วางแผนกันสะดวกและไม่เสียเวลา เธอพาเพื่อนเธอเดินไปอยู่กลุ่มที่ต้องออกนอกสถานที่ที่มีเจ้าหน้าไม่มากนักเพราะหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ที่ต้องเสี่ยงอันตรายมากดังนั้นก็เลยมีแต่เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์อยู่แล้วมีเพียงเธอ2คนเท่านั้นที่ยังเป็นเด็กใหม่อยู่
“อ้าวมีเด็กใหม่เข้ามาแฮะ”
“นั่นสิ ไม่กลัวตายเหรอหนูที่เข้ามาน่ะ”
“นั่นสิเด็กน่ารักทั้งคู่เลย”
“อะแฮ่มต่อไปเราจะประชุมเกี่ยวกับกลุ่มของเรานะครับ”หัวหน้าเธออยู่กลุ่มนี้ด้วยเหรอเนี่ยแต่ก็ไม่แปลกเพราะวันที่พวกเธอมาวันแรก หัวหน้าเธอก็นำทางได้อย่างช่ำชอง
“ก่อนอื่นตอนนี้เรามีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด100คนพอดีเพิ่มจากมีคนเข้ามา2คนนะครับ เราจะเเบ่งกลุ่มกัน5กลุ่ม กลุ่มละ20คนนะครับ…..”และหัวหน้าก็พูดเรื่องการแบ่งเวรไปเรื่อยๆ จนได้ข้อสรุปว่าเธอกับแพรวอยู่กลัมที่1กลุ่มที่มีหัวหน้าอยู่ด้วยเพราะพวกเธอเป็นเด็กฝึกหัดต้องดูแลเป็นพิเศษเพราะงั้นเลยจะให้ทำงานง่ายๆ โดยบุกไปยังสถานที่ใกล้ๆ ก่อน
“ครับและกลุ่มที่1เป็นกลุ่มที่จะต้องออกไปลาดตระเวนในวันพรุ่งนี้และสถานที่ที่จะต้องไปลาดตระเวนคือบ้านของอัครเศธิท์สารครับ!”
กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เหลือได้มาถึงกันครบหมดเเล้วตอน4โมงเศษเธอเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่แต่ละกลุ่มเข้าไปจนคนสุดท้ายเข้ามาและสิ่งที่ทำให้เธอตกใจและงงสุดในรอบเดือนคือเพื่อนเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“55555555555ดูหน้าแกดิ เหมือนเห็นผีอะ” เพื่อนเธอหัวเราะปานจะขาดใจโดยที่ต่างจากเธอที่ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีอย่างที่เพื่อนเธอบอกจริงๆ
“เฮ้ยไม่ตลกนะแพรว แกมาที่นี่ได้ยังไง” เธอที่ยืนตกใจอยู่หน้าประตูทางเข้ากับแพรวอยู่2คน
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง ตอนนี้พาฉันไปพักหน่อยฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“สมน้ำหน้าใครให้แกไปกับอีกกลุ่มกันห้ะ กลุ่มเจ้าหน้าที่ใหม่แกก็ไม่มา”
“ถ้าฉันไปเดี๋ยวแกก็รู้ดิว่าฉันมาอะ เห็นแมะเมื่อกี้หน้าแกเป็นยังไงฉันจะจำไปจนวันตายเลย5555”
“เชอะ เล่าให้ฉันฟังด้วยละกัน มาแบบนี้ฉันก็ตกใจดิ” เธอคุยระหว่างที่พาเพื่อนเธอขึ้นไปยังชั้นที่พวกเธออยู่
“เชรด สมกับเป็นบริษัทของไข่หวานจริงๆ อุ่ยโทษทีฉันลืม”เธอพาเพื่อนเธอขึ้นมายังชั้นที่ต้องรายงานตัวก่อนจะแยกย้ายไปเก็บสำภาระของตัวเอง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงชื่อแล้วตามชั้นมานะ”
“โอเคๆ ” เพื่อนเธอรายงานตัวเซ็นชื่อแล้วไปรับที่นอนกับเจ้าหน้าที่เสร็จเรียบร้อยก่อนจะเดินตามเธอไปยังที่พัก
“ฉันนอนตรงนี้ แกจะนอนตรงไหนอะ”
“เดี๋ยวฉันนอนตรงข้ามแกละกัน”
“อ่าได้” เธอรอเพื่อนเธอจัดการสำภาระจนเสร็จและมองหน้าเพื่อนเธอเหมือนกับว่าเมื่อไหร่จะเล่ามา
“นี่แกทำช้าเพื่อถ่วงเวลาเล่าไหมเนี่ย”
“โถ่ เพื่อนรักใครจะไปทำอย่างนั้นกับเพื่อนรักได้ล่ะจ้ะ อันนี้เขาเรียกว่ามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ต่างหาก”
“เรื่องลีลานี่ฉันยกให้แกเลยอะ”
“อะไร ตอนนี้อีกไม่กี่นาทีจะ5โมงแล้วไปกินข้าวกัน”
“แต่แกยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลยนะว่าแกมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันมีเวลาอีกตั้งเยอะในการเล่าให้แกฟัง แต่ตอนนี้ฉันหิวมาก เนี่ยฉันจัดเสร็จละไปกินข้าวกัน”
“แพรวนี่แก…..”
“รินไปกินข้าวกันค่ะ” เปิ้ล รุ่นพี่เธอจู่ๆ ก็โผล่มาเรียกเธอไปกินข้าวทำให้ทั้งสองต่างพากันมองหน้า
“เอ่อ คือ แพรวนี่พี่เปิ้ลรุ่นพี่เรา พี่เปิ้ลคะนี่แพรวค่ะ เพื่อนรินเอง”
“อะ อ๋ออ สวัสดีค่ะ พี่จะชวนเราไปกินข้าวน่ะ ไม่รู้วาเพื่อนรินอยู่ด้วย”
“อ๋อพอดีเพื่อนรินพึ่งเดินทางมาถึงนี่แหละค่ะ”
“ใช่ค่ะ” เพื่อนเธอยิ้มให้รุ่นพี่
“อ๋อค่ะ งั้นพี่ไปกินข้าวก่อนนะคะ อย่าลืมไปกินข้าวด้วยนะ” ก่อนรุ่นพี่เธอจะเดินจากไปเหลือไว้ให้แพรวทำหน้าเจ้าเล่ห์และมองหน้าเธอตาเป็นมัน
“ก่อนฉันจะเล่าเรื่องฉัน ฉันว่าแกต้องเล่าเรื่องรุ่นพี่สุดแซ่บให้ฉันฟังสักหน่อยละ”
“ก็เป็นรุ่นพี่อะ”
“.......”
“แค่นี้? ”
“ห้ะ ก็แค่นี้ไงก็เขาเป็นรุ่นพี่จริงๆ นี่”
“ไม่ฉันไม่ได้ถามเรื่องนั้น เมื่อกี้ฉันก็รู้แล้วไหมล่ะว่าเป็นรุ่นพี่น่ะ ที่ฉันอยากถามคือแกเป็นอะไรกับพี่เขา”
“ก็รุ่นพี่ไง ฉันเข้าใจอะไรผิดเนี่ย”
“โอ้ยฉันหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่เขากับแกอะ”
“ก็พี่น้องไง”
“เออ ขอโทษฉันผิดเองที่ถามแก” เธอปวดหัวกับอาการไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวของคนรอบตัวเพื่อนเธอ เพื่อนเธอไม่รู้เลยรึไงว่ารุ่นพี่คนนั้นกำลังจีบเธออยู่ แค่ดูจากการกระทำกับการแต่งตัวที่ดูเหมือนจะไม่ได้ไปกินข้าวนั้นเธออยู่บนดาวพลูโตก็ยังมองออกเลยว่าจะกินเพื่อนของเธอให้ได้น่ะ
“อะไรเล่า แล้วมันอะไรกันเนี่ย”
“ฉันถามแกหน่อย แกมาอยู่ที่นี่แกคิดถึงเรื่องอะไรบ้าง ในหัวแกน่ะ”
“ก็ช่วยคนอพยพ แล้วก็...ไข่หวาน”
“อืมฉันเข้าใจละ ไปกินข้าวกันฉันหิวแล้ว” อ่า เธอเข้าใจว่าทำไมเพื่อนเธอถึงไม่สนใจอย่างอื่นเลย บางทีฉันก็อิจฉานะคนที่ได้เป็นคนรักของเพื่อนเธอน่ะ นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีเเล้วถ้าไข่หวานยังไม่ได้จากพวกเธอไปป่านนี้เพื่อนเธอคงมีความสุขกว่านี้เยอะ รักเดียวใจเดียวจนไม่เหลียวแลใครแบบนี้ต่อไปเพื่อนฉันได้ไปบวชชีแน่ รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจริงๆ ละ เฮ้ออออ
“อะไรของแกเนี่ย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนฉันงงไปหมดแล้ว”
“ช่างมันเถอะๆ ไปๆ วันนี้มีอะไรกินบ้างเนี่ย” แพรวที่เดินนำหน้าไปไม่สนใจรินที่ทำหน้าตางงแล้วงงอีกว่าเพื่อนเธอเป็นอะไรก่อนจะเดินตามเพื่อนของเธอไปยังชั้นที่พวกเธอต้องกินข้าวกัน
“ประกาศๆ ประมาณบ่ายโมงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไปรวมกันที่ห้องประชุมด้วยค่ะ ประกาศๆ ประมาณบ่ายโมงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไปประชุมกันที่ห้องประชุมด้วยค่ะ”
“น่าจะประชุมเรื่องการแบ่งหน้าที่กันแหละ ฉันว่า”
“อืมใช่”
“แต่ฉันแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งเว้ยแพรวคือระหว่างทางแกเจอซอมบี้บ้างปะ”
“ก็เจอนะ แต่นิดเดียวแกสงสัยอะไรอะ”
“คือฉันสงสัยว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเงียบสงบมาก จนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่เรียกเครื่องบินมารับคนที่นี่เลย ทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกตินี่”
“อืมก็จริงอย่างที่แกว่าอะ”
“เออใช่ฉันก็ลืม เดี๋ยวกินข้าวเสร็จฉันจะไปถามหัวหน้าฉันสักแปบนะ แกจะมาด้วยปะหรือจะพักผ่อน”
“ไปด้วยๆ ฉันก็อยากฟังเหมือนกัน”
“โอเคงั้นรีบกินข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวจะไม่มีเวลาคุย”
หลังจากที่พวกเธอกินข้าวกันเสร็จหมดเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นไปที่ห้องประชุมเพราะชั้นที่เธออยู่ก็ไม่มีหัวหน้า เธอเดาน่าจะอยู่ที่ชั้นประชุมแหละเพราะหัวหน้าเป็นคนเรียกประชุมนะเห็นได้ยินมา เมื่อลิฟท์มาถึงชั้นประชุมแล้วพวกเธอก็มองหาหัวหน้าจนไปเจอที่โต๊ะทำงานฝั่งซ้ายมือของเธอที่กำลังเตรียมข้อมูลอภิปรายตอนบ่ายโมงอยู่
“หัวหน้าคะ รินมีเรื่องสงสัยอยากจะถามอะค่ะ” พวกเธอสองคนทำความเคารพหัวหน้ากันก่อนที่จะถามหัวหน้า
“อืมว่าไงล่ะ”หัวหน้าพักสายตาจากคอมพิวเตอร์ก่อนจะมองมายังเธอ
“คือรินแค่สงสัยว่าทำไมสถานการณ์สงบขนาดนี้ถึงไม่เรียกเครื่องบินมารับผู้อพยพที่นี่ล่ะคะ”
“อื้มดีที่เธอสงสัยนะ เดี๋ยวฉันจะชี้แจงตอนประชุมนี่แหละขอให้เธอวางใจเถอะถ้ามันสงบจริงฉันเรียกมาแน่ เพราะงั้นตอนนี้ไปพักผ่อนแล้วเดี๋ยวขึ้นมาประชุมตอนบ่ายนะ”
“ได้ค่ะหัวหน้า” พวกเธอทำความเคารพกันก่อนที่จะหันหลังกลับไปยังลิฟท์และพาตัวเองและเพื่อนไปพักผ่อน
“เป็นไงเธอไปยั่วรินเป็นไงบ้าง”ข้าวที่ถามเปิ้ลขณะตอนที่กำลังจัดสถานที่ประชุมอยู่
“เฮ้อ พอดีมีเพื่อนรินมาอะ และมานอนด้วยกันเลยนะ ต่อไปนี้ฉันไม่ได้ไปอีกแน่ๆ ”
“หืม เพื่อนรินเหรอ”
"อืมรินเขาว่างั้นอะ"
"มากับเจ้าหน้าที่เก่านี่น่ะหรอ"
"อืมใช่"
"ระวังนะแก ไม่ใช่ว่าโดนคนนี้งาบไปแล้วนะ"
"บ้าเหรอจะงาบไปได้ไง คนนั้นพึ่งมาถึงวันนี้เองนะ"
"ก็งาบตอนอยู่ค่ายไงปัดโถ่"
"จริงอย่างที่เธอบอกปะเนี่ย”
“ฉันก็ไม่รู้ไง เดี๋ยวเราลองสลับกันไปสืบดู ไม่งั้นศัตรู เพิ่มมาอีก1นะ”
“เออจริง งั้นตามนี้”
“งานยังไม่เสร็จนะเจ้าหน้าที่” หัวหน้าที่ตะโกนมาเอ่ยบอกให้เจ้าหน้าที่2นายตั้งใจกับหน้าที่ของตัวเองหน่อย
“ระ...รับทราบค่ะ” ก่อนพวกเธอจะแยกย้ายกันทำงานของตัวเอง
“คราวนี้แกจะเล่าให้ฉันฟังได้ยังว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”พวกเธอสองคนกลับมายังที่พักของตัวเอง
“คาดคั้นจริงเพื่อนฉัน ก็ได้เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง”
“เยี่ยมมากเพื่อน ดีนะฉันไม่แก่ก่อนที่แกจะเล่าให้ฟัง”เธอเอ่ยแซวเพื่อนเธอก่อนจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานเพื่อฟังเพื่อนเธอเล่าอย่างใจจดใจจ่อ
“จ้ะ คือเริ่มเเรกเลยไอเกวมันนึกแผนนี้ได้ตอนแกไปเดินเอาน้ำเว้ย มันบอกว่าที่แกโดนเลือกเร็วขนาดนี้แสดงว่าเขาต้องการเจ้าหน้าที่มาก ดังนั้นพวกเราเลยลองไปหาผบ.ดูแล้วผบ.ก็อนุญาตจริงๆ แต่มีคนที่ผ่านอยู่คนเดียวคือฉันที่ผบ.ดูจากการทดสอบแล้วดูโอเคสุดอะนะ ดังนั้นฉันก็เลยได้มานี่แหละ”
“โห้ แพรวจริงๆ แกไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ” เธอซึ้งมากไม่คิดว่าเพื่อนเธอจะจะสละชีวิตตัวเองมาเพื่อเธอขนาดนี้
“แกไม่ต้องห่วงหรอก อีก4คนก็ไม่ต่างจากฉันเหมือนกัน 4คนนั้นมันแค่ทดสอบไม่ผ่านเลยไม่ได้มา” รินเอามือลูบหน้าตัวเอง เพื่อนเธอรักเธอขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ เธอรู้สึกจะร้องไห้แล้ว
“แต้งมากว่ะแพรว พวกนั้นด้วย ขอบใจแกจริงๆ ว่ะ”
“เออไม่เป็นไรหรอก แค่มาเห็นแกสบายดีมีผู้หญิงมาเต๊าะฉันก็สบายใจแล้ว”
“ห้ะใครมาเต๊าะฉัน”
“ก็รุ่นพี่คนนั้นไง”
“แต่แค่เขามาให้ฉันช่วยอะไรนิดหน่อยนี่เรียกเต๊าะเหรอ” เธอทำหน้างง ที่ผ่านมาก็ไม่คุยอะไรกันมากหนิ มันเรียกเต๊าะตอนไหน พี่เขามาจีบเธอตอนไหนเธอยังไม่รู้เลย
“ช่วยอะไรจ้ะเพื่อน”เพื่อนเธอหลี่ตามอง
“ก็….”
“ประกาศๆ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายมาประชุมกันที่ชั้น60ด้วยค่ะ ประกาศๆ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายมาประชุมกันที่ชั้น60ด้วยค่ะ”
“แหม่รอดตัวไปนะเพื่อนรัก”
“อะไรเล่า ไปๆ หัวหน้าเรียกประชุมแล้ว”
“จ้าาาาาา” เกือบไปแล้วไงนี่ถ้าเพื่อนเธอซักเธออีกนิดนี่ได้บอกไปจริงๆ แน่ เธอยิ่งไม่อยากบอกอยู่เดี๋ยวอีกฝ่ายเสียหายด้วย เธอกับแพรวเดินไปขึ้นลิฟท์ก่อนที่พวกเธอจะขึ้นไปประชุมกัน
การประชุมเริ่มขึ้นด้วยความกดดันบรรยากาศต่างจากการประชุมครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้มากันครบและเริ่มประชุมกันเรียบร้อยแล้ว เธอฟังนั่งฟังประชุมไปก็สรุปได้คร่าวๆ ว่าสถานการณ์ตอนนี้ซอมบี้ได้มีการพัฒนาจากระยะ1ไประยะ2เร็วกว่าปกติ แต่ระยะอื่นยังไม่แน่ชัด ทั่วโลกที่เป็นอยู่ก็เริ่มรับมือและกวาดล้างไปได้เรื่อยๆ แต่ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังคุมไม่ได้อยู่ดี นักวิจัยทั่วโลกต่างก็พยายามคิดค้นวัคซีนต้านเชื้อไวรัสตัวนี้อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยื้อได้นานขนาดไหนเพราะตอนนี้ทั้งอาหาร ยาต่างๆ ก็เริ่มหมดอาชญากรรมเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้นำบางประเทศไม่สนใจประชาชนเลยทำให้ประเทศนั้นกลายเป็นว่ายอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งจากประชากรทั้งหมดในประเทศ แต่ดีที่ประเทศเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นแต่ก็เกือบๆ อะนะ เอาเป็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เริ่มคงที่แต่ก็ยังควบคุมไม่ได้มากนัก และสถานการณ์ในประเทศเราตอนนี้คือสามารถรับมือได้ รับมือในที่นี้หมายถึงเกือบทุกจังหวัดเริ่มควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แล้วแต่ยอดผู้เสียชีวิตก็ยังมีประปรายส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ตาย
เธอก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ประชากรตอนนี้เริ่มคงที่แล้วนั่นก็เป็นเรื่องดีสำหรับทุกคนแต่พอมาในหัวข้อถัดไปทำเอาเจ้าหน้าที่หมดกำลังใจ หดหู่ หวาดกลัวและกดดันตัวเองเป็นอย่างมากเพราะจำนวนระยะ4ก็เพิ่มขึ้นเหมือนกันแต่ยังไม่มากนัก แต่ตอนนี้คือเรายังไม่รู้ว่าวิธีที่จะฆ่ามันให้ตายคืออะไรเพราะตอนนี้หากเจ้าหน้าที่คนไหนที่เจอระยะ4ตอนนี้ก็คิดคำลาก่อนไปยมโลกได้เลยเพราะไม่มีทางรอดอยู่แล้ว เเละข่าวต่อมาตัดกำลังใจเจ้าหน้าที่เราได้เป็นอย่างดีคือตอนนี้ ณ ที่ฐานของเราค้นพบว่ามีระยะ4ถึง2ตัวด้วยกันไม่แน่ใจว่ามันพัฒนาไปถึงขั้นที่แบ่งเพศชายหญิงได้รึเปล่า
แต่ถ้าหากทำอย่างนั้นได้คือเราซวย ซวยแน่ๆ เพราะมันจะขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ แต่เราก็ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เธอเริ่มเครียดแล้วระยะ4มีถึง2ตัวในกรุงเทพฯ ด้วยทหารของเรามีไม่เกิน300พวกเธอจะรอดไปไหมเนี่ย เธอคิดแล้วเริ่มปวดหัวขึ้นมา แต่ถึงยังไงเราก็ยังไม่อพยพคนตอนนี้เพราะเดี๋ยวเราต้องออกลาดตระเวนไปช่วยเหลือที่ติดอยู่ในบ้านและไปหาอาหารมากักตุนไว้ก่อนและต้องแบ่งหน้าที่กันในการรับผิดชอบหน้าที่
เธอหันไปบอกเพื่อนเธอว่าเธอลงกลุ่มราดตระเวนและกลุ่มกักตุนอาหารจะไปอยู่ด้วยกันไหม เพื่อนเธอตอบโดยไม่ต้องคิดว่าไปอยู่แล้วเพราะต้องมาช่วยดูแลเธอ แพรวเป็นคนที่ดีกับเธอมากจริงๆ เธอบอกกับเพื่อนเธอว่าหลังจากจบประชุมแล้วจะพาไปสมัครเพื่อนก็บอกว่าโอเค จากนั้นเราก็นั่งฟังกันต่อต่อไปเป็นเรื่องแบ่งกลุ่มเจ้าหน้าที่หัวหน้าก็ให้แยกกันเป็นกลุ่มย่อยเพื่อที่จะได้วางแผนกันสะดวกและไม่เสียเวลา เธอพาเพื่อนเธอเดินไปอยู่กลุ่มที่ต้องออกนอกสถานที่ที่มีเจ้าหน้าไม่มากนักเพราะหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ที่ต้องเสี่ยงอันตรายมากดังนั้นก็เลยมีแต่เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์อยู่แล้วมีเพียงเธอ2คนเท่านั้นที่ยังเป็นเด็กใหม่อยู่
“อ้าวมีเด็กใหม่เข้ามาแฮะ”
“นั่นสิ ไม่กลัวตายเหรอหนูที่เข้ามาน่ะ”
“นั่นสิเด็กน่ารักทั้งคู่เลย”
“อะแฮ่มต่อไปเราจะประชุมเกี่ยวกับกลุ่มของเรานะครับ”หัวหน้าเธออยู่กลุ่มนี้ด้วยเหรอเนี่ยแต่ก็ไม่แปลกเพราะวันที่พวกเธอมาวันแรก หัวหน้าเธอก็นำทางได้อย่างช่ำชอง
“ก่อนอื่นตอนนี้เรามีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด100คนพอดีเพิ่มจากมีคนเข้ามา2คนนะครับ เราจะเเบ่งกลุ่มกัน5กลุ่ม กลุ่มละ20คนนะครับ…..”และหัวหน้าก็พูดเรื่องการแบ่งเวรไปเรื่อยๆ จนได้ข้อสรุปว่าเธอกับแพรวอยู่กลัมที่1กลุ่มที่มีหัวหน้าอยู่ด้วยเพราะพวกเธอเป็นเด็กฝึกหัดต้องดูแลเป็นพิเศษเพราะงั้นเลยจะให้ทำงานง่ายๆ โดยบุกไปยังสถานที่ใกล้ๆ ก่อน
“ครับและกลุ่มที่1เป็นกลุ่มที่จะต้องออกไปลาดตระเวนในวันพรุ่งนี้และสถานที่ที่จะต้องไปลาดตระเวนคือบ้านของอัครเศธิท์สารครับ!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ