Twin แฝดเลือดผสม

8.0

เขียนโดย Shinman33

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.

  39 ตอน
  3 วิจารณ์
  32.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

35) ภาค2 ความลับจากกษัตริย์กรีนโซน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความลับจากกษัตริย์กรีนโซน

 

“เอาละ   ลงมากันได้ล่ะ   ถึงบ้านฉันแล้ว”

“โห   นี่กล้าเรียกว่าบ้านอีกหรอ   แล้วฉันต้องใช้คำศัพท์กับเธอมั๊ยอ่ะ  หรือพูดแบบนี้ได้” ฮันนี่เอ่ยอย่างตื่นตาตื่นใจ

“ไม่ต้องมากพิธีอะไรนักหรอก  ท่านพ่อเป็นคนง่ายๆหน่ะ  สบายๆ”

”ยิ่งใหญ่สมเป็นวังของกษัตริย์จริงๆ”  ชายน์เอ่ยเมื่อกวาดสายตาสำรวจไปรอบ  คฤหาสน์สีครีมหลังโตพร้อมด้วยเรือนเล็กเรือนน้อยอีกมากรายรยล้อม ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้และหมู่แมกไม้  เบื้องหน้ามีบ่อน้ำขนาดใหญ่กับสนามหญ้าสีเขียวให้ความสดชื่นยามทอดสายตา   และยังเหล่าทหารมากมายที่สวมเครื่องแบบสีเขียวทั้งสวนสนาม ลาดตระเวร  ยืนยามต่างก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง   ....นี่หรือดินแดนของกษัตริย์โลซีกัส   เขาจะเป็นคนแบบไหนกันนะ?

“ยินดีต้อนรับองค์หญิงและพระสหายเจ้าค่ะ   เชิญเสด็จเข้าด้านในก่อนดีกว่า   เสด็จพ่อรออยู่ท้องพระโรงแล้วเจ้าค่ะ”  หญิงสาวพร้อมบริวารที่มารอต้อนรับกล่าวหลังจากที่เด็กๆ ลงจากรถม้าพร้อมจัดแจงให้สาวใช้ยกข้าวของเก็บกระเป๋าก่อนจะพากันเข้าไปในพระราชวัง

“ไม่ได้เจอองค์หญิงซะนาน  ท่านดูโตขึ้นมากนะเจ้าคะ” 

“แค่ปีเดียวเองนะ  แม่นม 555” 

“นั่นนะสิเจ้าค่ะ  ปีเดียวแต่ก็ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน   อ้อ  ข้าวของทั้งหมดของพวกท่านข้าให้สาวใช้เก็บเข้าห้องรับรองแล้ว  ยังไงเชิญทุกท่านที่ท้องพระโรงด้วยนะเจ้าคะ”  แม่นมยังกล่าวต่อและหันมากล่าวกับเด็กๆอย่างยิ้มแย้ม

 

ณ ท้องพระโรงพระราชวังกรีนโซน..

“เสด็จพ่อ”  เซฟานี่กล่าวพร้อมวิ่งเข้ากอดชายสูงวัยที่กำลังยืนยิ้มอยู่เบื้องหน้า   ชายที่ดูมีบารมีน่าเกรมขามเป็นอย่างยิ่ง   แต่ทว่ารอยยิ้มที่เผยออกมานั้นช่างดูอบอุ่นเสียจริงๆ

“555  ลูกสาวพ่อ  เจ้าโตเป็นสาวแล้ว”  ชายผู้เป็นพ่อเอ่ยขณะที่ยังคงกอดลอกสาวอีกทั้งบทสนทนาระหว่างพ่อลูกยังคงดำเนินต่อไปราวกับลืมว่าในท้องพระโรงนี้ยังมีคนอื่นๆ อีก

“เอ่อ  เอิ่ม”  เบลที่ทำตัวไม่ถูกเริ่มแสดงอาการ

“อ้อ  ขอโทษทีที่เสียมารยาท   เรามัวแต่คุยกับลูกเราจนลืมไปเสียสนิทเลย 555”

“มิเป็นไรพะยะค่ะ  แฮ่ๆๆ  หม่อมฉันขออนุญาตแนะนำ” 

“หืมม   ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้น  คุยกับเราสบายๆดีกว่านะ”  องค์กษัตริย์กล่าวแทรกเมื่อเห็นว่าเด็กๆไม่ชินกับคำราชาศัพท์ในวัง

“ครับ  เอิ่ม  ผมเบล ฟีลเนเลียน ครับ”

“ผมเชโด้ ลอฟดาน่า    และน้องชายผม เดวี่  ลอฟดาน่า  ครับ” 

“หนูชื่อ  ฮันนี่  เป็นแม่มดค่ะ”  ฮันนี่กล่าวเสียงใส   และก่อนที่ชายน์จะแนะนำตัว  องค์กษัตริย์ก็ขัดขึ้นมาซะก่อน

“ส่วนหนุ่มหล่อคนนี้  ก็คงเป็นใครไปไม่ได้ซินะ  หึหึ”

“ครับ  ผม ชายน์  ชาโดวส์ อินเดอนาส  ครับ” ชายน์กล่าวแนะนำพร้อมโค้งคำนับอย่างงดงาม

‘ช่างสง่างามเหมือนท่านพ่อเจ้าจริงๆ’  องค์กษัตริย์คิดพลางยิ้มอย่างชื่นชมก่อนจะเหลือบไปเห็นหนุ่มน้อยอีกคนที่ยืนเก้ๆกังอยู่ข้างๆกัน

“ส่วน ผม  เอิ่มมม  ชื่อ คิม  เป็นรุ่นน้องพี่ๆเขาครับ”  คิมเอ่ยแนะนำตัวอย่างประหม่า   ก็แหม  พึ่งจะมารู้ถึงภารกิจและตัวตนของพวกพี่ๆ ก็ต้องปรับตัวกันหน่อย

 

ก่อนหน้านี้...

“ห้ะ!!  เจ้าเด็กนี่แอบตามพวกเรามารึ?” เบลเอ่ยอย่างตกใจเมื่อทุกคนเตรียมออกเดินทางแล้วพบว่า  ในการเดินทางครั้งนี้มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน   แต่ที่ตกใจคือ  เด็กคนที่พึ่งจะฟื้นจากการต่อสู้ทำไมถึงได้ฟื้นตัวได้ไวขนาดนี้

“เมื่อวานเธอยังเจ็บอยู่เลย  แล้วทำไมถึงตามพวกเรามาได้ล่ะ?”  เซฟานี่เอ่ยถาม

“ผมสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ค่อนข้างไวหน่ะครับ  กับคนอื่นก็ได้นะ   เรียกว่าเวทย์รักษาหน่ะครับ”  คิมเอ่ย

“เอลฟ์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรอ?” ฮันนี่ก็เป็นอีกคนที่สงสัย

“เป็นความสามารถจากสายเลือดภูติที่มีอยู่ในตัวผมครับ  ไม่ใช่ความสามารถของสายเลือดเอลฟ์หรอก”

“เอาล่ะ  ก็อย่างที่บอกไปเมื่อครู่แหละ  และฉันกับเดวี่คุยกับคิมแล้ว  อีกทั้งคิดว่าในภายหน้าคิมน่าจะช่วยพวกเราได้  ถือซะว่าฝึกเขาก่อนส่งเข้าโรงเรียนก็แล้วกัน ป่ะ  เรารีบไปพระราชวังของเซกันเถอะ  อย่าให้กษัตริย์ต้องรอนาน”  ชายน์กล่าวพร้อมเดินนำขึ้นรถม้าคันแรก   เซฟานี่ ฮันนี่และเดวี่จึงตามขึ้นไป  ส่วนเบล เชโด้และคิมจึงขึ้นคันที่สอง

“พี่เบล  พี่พอจะเล่าเรื่องของพวกพี่ๆให้ผมฟังหน่อยได้ป่าวครับว่าพี่ๆจะไปไหน ไปทำอะไรกัน” 

“เรื่องมันยาวนะ” เบลเอ่ย

“ว่ามาเลยพี่”  ทันทีที่คิมเอ่ยจบ  มหากาพย์เรื่องเยี่ยมก็พรั่งพรูออกมาจากปากเบลและมีเชโด้คอยเสริม จนผู้ฟังได้แต่ตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้ว่าผู้ที่เล่าจะแต่งเติมไปบ้างก็ตาม

‘พวกพี่แม่งเทพกันจริงๆ’

 

……………………………………………..

 

18.00 น.  ณ ห้องเสวย...

            หลังจากที่เด็กๆได้พูดคุยกับองค์กษัตริย์โลซีกัสแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน   จนกระทั่งเวลาเย็นอันเป็นเวลาอาหารค่ำ  ทุกคนต่างได้รับเชิญให้ร่วมรับประทานอาหาร ณ ห้องเสวย   และแน่นอนว่าคงมีประเด็นที่องค์กระษัตริย์ต้องการจะพูดคุยด้วยแน่ๆ

“ชายน์  เธอรู้จักเรื่องของเธอเองและภารกิจนี้มากน้อยแค่ไหน”

“ก็รู้ว่าผมเป็นใครและต้องทำอะไร  และผมต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าผมคือคนนั้นจริงๆ ครับ” ชายน์กล่าว

“เธอ..  พอจะรู้เรื่องการสร้างมิติที่แตกต่างและเวทย์เคลื่อนย้ายมั๊ย?”

“มีเวทย์แบบนี้ด้วยเหรอครับ?”

“เป็นเวทย์เฉพาะ  การสร้างมิติที่แตกต่างมันค่อนข้างยากมากต้องอาศัยความแข็งแกร่งของผู้ใช้จริงๆ จึงจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้  โดยปกติแล้วเราสามารถมองเห็น  รับรู้และสัมผัสกับวัตถุต่างๆได้ มองเห็นได้   แต่ถ้ามีบางอย่างที่เรามองไม่เห็น  และสัมผัสไม่ได้แต่ทว่ามันมีตัวตนจริงๆ ล่ะ  และมันก็ซ้อนทับอยู่กับมิติของเรา..  เธอจะเชื่อมั๊ย?” องค์กษัตริย์กล่าว

“เชื่อครับ   เพราะผมมีประสบการณ์มาแล้ว   ในความเป็นจริงจักรวาลนี้ไม่ได้มีแค่โลกเดียว  ยังมีโลกใบอื่นที่อยู่อีกมิติหนึ่งที่มีผู้คน  มีการใช้ชีวิตตามวิถีของเขา  ซึ่งคนในโลกนั้นอาจไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเรา  อย่างเช่น โลกเรามีเวทย์  ทุกคนมีพลังจิต มีลมปราณ  มีหลายเผ่าพันธุ์ดำรงอยู่  แต่กับโลกอีกมิติเขาอาจจะมีเทคโนโลยี  มีการวิวัฒน์สิ่งต่างๆ ที่ตแตกต่างไปจากเรา   เพียงแต่เราต่างก็ไม่รับรู้ถึงกันและกันเท่านั้นเอง”

“เพราะเราเป็นเพียงผู้อาศัย  เราจึงไม่สามารถควบคุมกฏเกณฑ์นั้นได้   แต่ถ้าเราเป็นผู้สร้างเราย่อมควบคุมกฏเกณฑ์นั้นได้นะ”  คำกล่าวขององค์กษัตริย์ทำให้ชายน์ฉุกคิดขึ้นได้

“แล้วการที่ผมไปยังโลกอีกใบแล้วกลับมานี่ได้  แบบนี้คืออะไรหรือครับ”

“อันนี้น่าจะเป็นเรื่องของประตูเวลาที่ซ้อนทับตรงกันของ2 มิติ นะ   แบบว่ามันมีจุดเชื่อมถึงกันได้  แล้วบังเอิญว่าเธออยู่ในจุดนั้นพอดี   แต่การหลุดไปแล้วกลับมาได้ราวกับว่าเป็นการเดินทางปกตินี่ถ้าเธอไม่ใช่ผู้คุมกฎหรือผู้สร้างมิติ  มันอาจจะหมายถึงเรื่องโชคชะตาหรือปาฏิหาริย์แล้วล่ะ  แต่ทั้งหมดนี้น่าจะมีเวลาเป็นตัวแปร นะ”  องค์กษัตริย์กล่าว

“ท่านเหมือนคนที่อยู่ในโลกอีกใบที่ผมเติบโตมาเลยครับ” ชายน์กล่าว

“แค่เหมือนเองหรอ 555  เธอคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ”  องค์กษัตริย์กล่าวอย่างมีเลศนัยพร้อมเปลี่ยนประเด็น

“ที่ฉันชวนคุยเรื่องนี้  คือจะบอกว่า  เธอคงรับรู้เรื่องของคฤหาสน์สีขาวของวิลเลี่ยมบ้างแล้ว  ซึ่งเรื่องมิติที่แตกต่างและการซ่อนคฤหาสน์ขาวนี้มันมีหลักการเดียวกันนะ คือการสร้างโลกอีกใบซ้อนทับกับโลกปัจจุบันนี้ไว้แล้วใช้เวทย์เคลื่อนย้ายทำการย้ายบางอย่างเข้าไปเก็บไว้   โดยที่โลกสองใบที่ซ้อนทับกันจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน...   อ้อ  จริงๆ แล้วพระราชวังของบรรพบุรุษเธอก็คือสภาแกรนน่าและวิหารที่ใช้ประกอบพิธีนั่นแหละ   ตอนนั้นมันรุ่งเรื่องกว่านี้  ใหญ่โตกว่านี้   แต่การต่อสู้เมื่อครั้งนั้น...  ทุกอย่างเสียหายไปมาก  เหลือเพียงคฤหาสน์สีขาวซึ่งพ่อและแม่เธอรักมันมาก   แต่มันหายไปจากแกรนน่า    อย่างที่เธอรับรู้มานั่นแหละว่าพ่อของเธอสร้างมิติซ้อนมันไว้   ส่วนเหตุที่ว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงหามันไม่พบและคนในสภาแกรนน่าถึงบอกว่าสายเลือดลอฟดาน่าเท่านั้นจึงจะค้นหามันเจอ   ก็เพราะคนพวกนั้นเข้าไม่มีความสามารถที่มากพออย่างไรล่ะ”

“แล้วถ้าเป็นระดับนักเวทย์ที่เก่งๆ หรือระดับกษัตริย์  แบบนี้จะหาเจอรึเปล่าครับ” ชายน์ถาม

“ไม่ใช่ว่าคนเก่งๆเหล่านั้นหรือกษัตริย์องค์อื่นๆ ไม่สนใจนะ   ทุกคนปรารถนาที่จะได้มันมาแต่ทุกคนไม่มีความสามารถที่มากพอจะค้นหามันต่างหาก   ที่ฉันพูดเรื่องนี้เพราะความลับเรื่องเวทย์เคลื่อนย้ายและมิติที่แตกต่างเป็นเรื่องของความลับของพ่อเธอ   มีแค่สายเลือดเขาเท่านั้นแหละที่จะหามันเจอและสามารถสร้างมันขึ้นมาอีกได้”  คำตอบขององค์กษัตริย์ทำให้ชายน์ต้องอึ้ง

“แสดงว่าพ่อผมต้องเก่งมากๆ”

“เธอก็เหมือนพ่อเธอมากนะ   ฉันเชื่อว่าเธอจะหามันเจอและเด็กอีกคนก็จะหามันเจอได้เช่นกัน!!”

‘ใช่  ถ้าฉันทำได้  ชินก็ต้องทำได้  และเขาเก่งกว่าฉันมากซะด้วย’

 

………………………………………………………..

            หลังจากทานอาหารค่ำจบลง   เด็กๆ ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน   ส่วนชายน์นั้นองค์กษัตริย์เรียกตัวไว้คุยเป็นส่วนตัวอีกพักนึงจากนั้นจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะในวันรุ่งขึ้นเด็กๆ จะต้องออกเดินทางต่อแต่เช้า   แต่ทว่าเรื่องราวทั้งหมดที่สนทนากันบนโต๊ะอาหารกลับทำให้ชายน์นั้นไม่สามารถหลับตาลงนอนได้   แน่นอนว่าเพื่อนๆที่ร่วมรับรู้ต่างก็คิดไม่ต่างกัน   บัดนี้เลยกลายเป็นว่าทุกคนต่างมารอสนทนากันต่อ ณ ห้องพักของชายน์เป็นที่เรียบร้อย..

“นายพอจะเล่าเรื่องของนายตอนที่อยู่ในโลกอีกใบให้พวกเราฟังได้มั๊ย?” เซฟานี่เปิดประเด็น

“แล้วพี่จะไปที่โลกนั้นได้อีกรึเปล่า”  คิมก็สงสัย

“แล้วพวกเราสามารถไปแบบที่นานไปได้มั๊ย?” เบลก็ยิงคำถามตามมาติดๆ จนเจ้าตัวต้องยกมือสั่งห้ามคนอื่นๆ ที่เตรียมอ้าปากถามเช่นกัน

“พอเลยๆ  เดี๋ยวฉันตบคำถามทีละคนก็แล้วกันนะ   อย่าพึ่งถามซ้ำล่ะ” ชายน์เอ่ยพร้อมตอบคำถาม

“ประเด็นแรก   โลกที่นั่นเหรอ  คนที่นั่นไม่มีพลังเวทย์ไม่มีลมปราณขับเคลื่อนในแบบโลกแกรนน่า  ไม่มีภูตหรือสัตว์พูดได้แบบเรา   แต่ที่นั้นมีเทคโนโลยี   มีวิวัฒนาการของสิ่งอื่นแทน   เขามีโทรศัพท์ที่ใช้สื่อสารกันได้แม้ว่าจะอยู่ไกลกันมากก็ตาม   เขามีรถเป็นพาหนะในการเดินทาง   มีไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ   เรียกว่าเจริญกันไปคนละแบบ   ประเด็นต่อมาถ้าถามว่ากลับไปอีกได้มั๊ยก็คงต้องไขปริศนาให้กระจ่างก่อนว่า ประตูเวลาที่ซ้อนทับกันของ 2 มิตินี้มันอยู่ตรงไหน   แล้วการข้ามผ่านมันต้องมีตัวแปรใดบ้าง  เช่นเวลาหรืออื่นๆ    สุดท้ายคือฉันคิดว่าใครก็สามารถเดินทางข้ามมิติได้นะ”   ชายน์ตอบแบบรวบรัด

“ฉันอยากเห็นการใช้ชีวิตของคนที่นั่นจัง” เชโด้กล่าว

“และอยากเห็นหน้าตาของคนที่นั่นด้วย”  ฮันนี่เสริม

“เขาก็เหมือนเรานี่แหละฮันนี่   อ้อ  ตอนอยู่ที่นั่นฉันมีเพื่อนสนิทคนนึงนะ  มันชื่ออิฐ   นี่ถ้ามันสามารถมากับฉันได้ก็คงดี   เพราะหมอนี่เก่งการประดิษฐ์มากๆ  ไม่แนว่าเขาอาจจะใช้วิทยาการและเทคโนโ,ลยีของโลกมนุษย์มาเป็นปัญญาประดิษฐ์ให้กับที่โลกนี้   และเราอาจจะมีรถขับแทนรถม้า  มีโทรศัพท์ใช้คุยกัน มองเห็นหน้ากันหรืออาจจะสร้างกองทัพหุ่นยนต์เลยก็ได้นะ 555” ชายน์กล่าวอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเพื่อนเก่าที่เขาเองก็ไม่เคยลืมมันเลย

“ไอ้ที่นายพูดๆ มาเนี่ย   พวกเราไม่เห็นจะรู้จักเลย   แล้วนายสร้างมันไม่ได้หรอ”  เซฟานี่เอ่ยเพราะเธอไม่เคยเห็นรถยนต์ โทรศัพท์หรือหุ่นยนต์ใดๆทั้งสิ้น

“ทำไม่ได้หรอกเซ   แต่ถ้ามีโอกาสฉันจะทำให้เธอได้รู้จักกับสิ่งเหล่านั้นเอง”  ชายน์รับปากตามที่เขาคิด

“เอาล่ะ  แยกย้ายไปนอน   ฉันง่วงแล้ว”  ชายน์ไล่เพื่อน

“เห้ยพี่  งั้นคืนนี้ผมนอนที่นี่นะ  พ่อเคยสอนว่าถ้าเราอยู่กับคนเก่งๆ จะทำให้เราเก่งขึ้น..  ผมอยากเรียนรู้เวทย์ขั้นเทพจากพี่อ่ะ”  คิมอ้อนโดยที่ไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาอื่นๆ กำลังมองเขาอยู่

“งั้นฉันอยู่ด้วย  เดี๋ยวฉันช่วยสอนนายอีกแรง  หึหึ”  เดวี่กล่าว

“คิมเอ้ยย  นายนี่มันช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลย 555”  เซฟานี่เอ่ยอารมณ์ดีก่อนจะเดินออกไป  เพื่อนๆก็ได้แต่ขำก่อนจะพากันเดินตามออกไป   เหลือเพียง 3 หนุ่มที่ต่างแสดงอาการออกกันไปคนละทางอยู่ในห้อง

 

 

“เราจะตามพวกนั้นไปแบบนี้เรื่อยๆเลยหรือเจ้าค่ะ  คุณหนูชิน”

“ใช่  เพราะหมอนั่นได้อัญมณีสีเขียวแล้ว  ฉันจะปล่อยให้มันค้นหาจนเจอไปเรื่อยๆ แล้วรอจังหวะชิงมันมา”

“แล้วคุณหนูสามารถรับรู้ได้แบบหมอนั่นไหมครับ”

“อัญมณีจะเรียกหากัน  อย่าลืมสิว่าตัวฉันและตัวหมอนั่นก็คืออัญมณีชิ้นหนึ่งเหมือนกันแล้วทำไมฉันจะไม่รับรู้ล่ะ  หึหึ”

‘รอดูแผนการของฉันนะ  ชายน์’

 

 

..........................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา