Twin แฝดเลือดผสม
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
34) ภาค2 ผู้ติดตาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 34 ผู้ติดตาม
“คิม แคท ลูกกลับมาแล้ว โฮๆๆ แม่เป็นห่วงแทบแย่” หญิงผู้เป็นแม่เอ่ยทั้งน้ำตาพร้อมปรี่เข้ามายังลูกทั้งสองที่ยังคงไร้สติอยู่
“พวกเขาเป็นอะไร?”
“แคทแค่หมดสติจากความอ่อนเพลีย พักซักหน่อยก็ปกติแล้วค่ะ” เซฟานี่เอ่ย
“แล้วคิมล่ะ? ทำไมมีบาดแผลด้วย เขาจะเป็นอะไรมั๊ย?” ถามพร้อมสำรวจร่างกายลูกชาย
“อาการไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ เรารักษาอาการเบื้องต้นให้และ และน่าแปลกที่เขาฟื้นฟู้ตัวเองได้เร็วมากๆ แม้จะหมดสติอยู่ก็ตาม” ชายน์เอ่ยอย่างสงสัย
“จริงสิ ทำไมสองคนนี้ถืออัญมณีนั่นได้ เกี่ยวอะไรกับเอลฟ์หรือเปล่า?” เชโด้เอ่ยทักหลังจากที่นึกถึงคำพูดจากบิดาของคาร์เมอร์เมื่อครั้งทำพิธีได้
“คุณน้าพอจะเล่าเรื่องของลูกคุณน้าให้เราฟังได้มั๊ยค่ะ” ฮันนี่เอ่ย หญิงผู้เป็นแม่มองหน้าฮันนี่อย่างลังเล กอนจะตัดสินใจเล่าเรื่องของบุตรให้แขกตัวน้อยฟัง
“คิมเป็นเด็กที่เก่ง นอกจากพ่อของเขาที่ตายไปแล้วก็เขาคนเดียวในบ้านนี่แหละที่มีพลังเวทย์ เขาเหมือนพ่อของเขามาก ใช่ เขาเป็นเอลฟ์เหมือนพ่อเขา ส่วนแคทนอกจากสายเลือดแล้วก็ไม่มีอะไรเหมือนกับพ่อเขาเลย พลังเวทย์ก็ไม่มี พ่อพวกเขาตายไปเมื่อไม่นานมานี้เพราะมีคนรู้ว่าเรามีศิลาก้อนนั้น ศิลาที่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันสำคัญอย่างไร แต่ก่อนที่พ่อเขาจะตายก็สั่งไว้ตลอดว่าให้ดูแลมันให้ดีๆ เรื่องมันแย่เพราะศิลานั่น ครอบครัวเราต้องสูญเสีย ลูกชายฉันต้องลำบาก ลูกสาวก็เกือบตาย ฉันเกือบเสียลูกทั้งสองไปเพราะเรื่องบ้าๆนี่ ฮือๆๆ ฉันอยากให้ลูกฉันมีอนาคต อยากให้เขาเก่ง ฮือๆๆ” หญิงวัยกลางคนเล่าทั้งนำตาอีกทั้งยังปลดปล่อยความอัดอั้นมาจนหมด
“พอแล้วค่ะคุณน้า หนูขอโทษนะคะที่ทำให้คุณน้า.. เอิ่ม คุณน้าหยุดร้องก่อนนะคะ” เซฟานี่พยายามปลอบพร้อมกันที่คิมเริ่มได้สติขึ้นมาพอดี
“แม่ครับ” เสียงเรียกจากลูกชายช่วยเรียกสติผู้เป็นแม่ให้หยุดร้องพร้อมวิ่งเข้าหาลูกชายที่พึ่งฟื้นพร้อมเอ่ยถามอาการด้วยความยินดี
“คิมเป็นไงมั่งลูก ไม่เจ็บใช่มั๊ย? ลูกชายของแม่ปลอดภัยแล้วนะ” เอ่ยพร้อมทั้งกอดทั้งหอมลูกชายเสมือนเขาเป็นเด็กๆทั้งที่กำลังโตเป็นหนุ่มแล้ว ซึ่งเจ้าตัวที่รู้ว่าบ้านกำลังมีแขกและคงจะเขินไม่น้อยก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆพร้อมยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างปกติ
‘ฟื้นตัวเร็วจริงๆ’ เดวี่คิดและแน่นอนว่าทุกคนต่างก็คงมีความคิดไม่ต่างกัน
“ฟื้นแล้วสินะ หนุ่มน้อย ทุกอย่างปลอดภัยแล้วจร้า” ฮันนี่เอ่ยพร้อมส่งยิ้มหวานให้
“พวกพี่ๆ ใช่มั๊ยที่ไปช่วยผมและน้อง ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ผม คิม ครับ” คิมกล่าวขอบคุณพร้อมแนะนำตัว
“พวกพี่มาจากโฮเนอร์นะ พี่ชื่อเบล เวทย์อัคคี คนนั้นชื่อเชโด้ เวทย์อัคนี สาวสวยผมดำนี่พี่ฮันนี่เป็นแม่มด ส่วนพี่ผมทองชื่อเซฟานี่ เป็นเอลฟ์เหมือนเธอแหละ” เบลกล่าวแนะนำเพื่อนๆให้คิมรู้จัก เจ้าตัวก็ได้แต่ทำความเคารพพี่ๆ แต่ก็ไม่วายอดชื่นชมไม่ได้
“โห พี่ๆ ต้องเก่งมากแน่ๆ แล้วพี่ผู้ชายอีกสองคนละครับพี่เบล ยังไม่ได้แนะนำเลย” คิมทักเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายผมดำอีกสองคนนั่งมองเงียบๆอยู่ด้านหลัง จนที่สุดคนแรกก็เอ่ยแนะนำตัว
“พี่ชื่อ ชายน์ ส่วนนี่เดวี่ พวกเราเป็นปีศาจหน่ะ 555” ชายน์เอ่ยแนะนำตัวอย่างอารมณ์ดี
“พี่ๆ ตลกจัง แฮ่ๆๆๆ” คิมอดที่จะขำไม่ได้
“อ่า เมื่อครูนี้คุณน้าบอกว่าอยากให้คิมเก่ง มีอนาคตใช่ป่าวครับ” ชายน์เอ่ยหลังจากที่นั่งฟังการสนทนาของเพื่อนๆและเจ้าบ้านมาพักใหญ่
“จร่ะ เขามีพลังเวทย์ น้าเชื่อว่าเขาจะเก่งได้ และเมื่อเขาเก่งเขาจะดูแลน้องสาวเขาได้ วันนึงเมื่อน้าตายไป น้าจะได้ไม่ห่วงอะไร” หญิงวัยกลางคนกล่าวพร้อมแววตาเศร้าจนเซฟานี่อดที่จะเอื่อมมือมาบีบเบาๆไม่ได้
“อีกสองเดือนโรงเรียนเราจะเปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ นายไปที่โฮเนอร์แล้วบอกเขาว่ามาสมัครเรียน” ชายน์หันไปเอ่ยกับคิมพร้อมเดินเข้าไปหาพร้อมส่งบางอย่างให้
“สอบให้ผ่านแล้วเลือกสายสามัญ หากระหว่างนั้นมีปัญหาอะไรให้นายบอกไปว่า ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาส ส่งนายมาเรียน สิ่งนี้ทุกคนจะเชื่อและดูแลนายเป็นอย่างดีจนกว่าชั้นจะกลับโรงเรียน”
“หือ” เดวี่อุทานออกมาเบาๆพร้อมกับสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
“เข็มกลัด?” คิมยังคงงงกับสิ่งที่อยู่ในมือ
“เข็มกลัดของประธานประจำสายสามัญปี1อ่ะ” เซฟานี่เอ่ยเพียงเท่านั้น สีหน้าของคิมก็เปลี่ยนไปทันที
“ยังไงพวกเราคงต้องไปแล้ว คุณน้าดูแลตัวเองดีๆนะครับ ไว้มีโอกาสคงได้พบกันอีกนะครับ คิม อย่าลืมนะ 555” ชายน์กล่าวลาเจ้าบ้านพร้อมเดินนำออกมา และเช่นกันกับเพื่อนๆที่ร่ำลาแล้วเดินทะยอยตามออกมา
“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆที่ช่วยพวกเรา ขอบคุณๆ” หญิงวัยกลางคนได้แต่กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา
“ถึงขนาดให้เข็มกลัดเลยหรอ?” เดวี่ที่เดินตามออกมาเอ่ยถามเรียบๆ
“1 รู้สึกสงสาร อยากให้หมอนั่นมีอนาคตอย่างว่า 2 เสียดายคนเก่งๆ เขาควรจะได้ใช้ฝีมือสร้างประโยชน์เพื่อแผ่นดินนี้และสุดท้าย..” ชายน์หันมายิ้มก่อนจะเอ่ย
“เข็มกลัดนั่นฉันปลอมขึ้นมา มีอีกหลายอันเลยแหละ 555”
……………………………………………………………………..
หลังจากกล่าวลากันเรียบร้อย ขบวนของชายน์ก็มุ่งหน้าออกเดินทางต่อทันที ภารกิจของผู้พิทักษ์กับการเก็บอัญมณีชิ้นแรกดูเหมือนว่าจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น ขบวนของเด็กๆเดินทางผ่านเข้ากลางหมู่บ้านแล้วและกำลังจะมุ่งหน้าไปยังกรีนโซนแต่เนื่องจากยังกำหนดเส้นทางและจุดหมายไม่ได้ ร้านอาหารกลางหมู่บ้านจึงเป็นสถานที่สำหรับประชุมวางแผนในภารกิจต่อไป
“แล้วเราจะไปไหนกันต่ออ่ะ ชายน์ อย่าบอกนะว่าให้ฉันใช้แผนที่เดินทางของแม่มดอีกอ่ะ” ฮันนี่ถามพร้อมออกตัว
“ไม่ต้องแล้วหล่ะ ฉันเชื่อว่าอัญมณีมันจะสื่อสารกันได้ เหมือนที่อัญมณีสีฟ้ามันเรียกฉันไง” ชายน์เอ่ย
“นายสงสัยอะไรมั๊ย ชายน์ว่าทำไมอัญมณีต้องมี 7 ชิ้น” เชโด้เอ่ย
“ก็ถ้าตามคำบอกเล่าและตำนานจริงๆ มันควรเป็น 9 ใช่ไหมล่ะ ถ้าให้เดานะ อีก 2 ชิ้นนั้นก็คือตัวฉันและชินละมั้ง เหตุนี้มันเลยมีอัญมณีแค่ 7 ชิ้น” ชายน์ตอบ
“และก็ช่างบังเอิญที่จำนวนชิ้นมันตรงกับจำนวนของสายเลือดของนายพอดิบพอดี” เซฟานี่เอ่ยออกมาบ้างจนชายน์ถึงกับชะงักไป
“เธอกำลังจะบอกอะไร?”
“นายลองคิดดูนะ อัญมณีที่แตกออกในตอนนั้นมี 9 ชิ้น 9 สี ถ้าไม่นับนายกับชินที่จัดว่าเป็นแสงขาวและแสงดำ ก็เหลือ 7 ซึ่งพอดีกับสายเลือดผสมทั้ง 7 ของนาย อัญมณีชิ้นแรกสีเขียวมีส่วนเกี่ยวข้องกับภูติเพราะพ่อของคิมเป็นสายเลือดภูติ”
“เธอจะบอกว่า งั้นอัญมณีอีก 6 ชิ้นที่เหลือน่าจะกระจายอยู่กับอีก 6 สายเลือดงั้นหรือ?” เบลเอ่ยขัดก่อนที่เซฟานี่จะพูดจบ
“ใช่ ฉันก็ไม่รู้นะว่าประเด็นนี้จะมีน้ำหนักในการทำภารกิจนี้รึเปล่า ฉันแค่สันนิษฐานจากข้อมูลที่มีหน่ะ” ครั้งนี้เซฟานี่เอ่ยอย่างไม่มั่นใจ
“นายว่าไง?” ชายน์หันไปถามเดวี่ที่นั่งเงียบมาตลอดอย่างขอความเห็น
“ก็ยังไม่มีอะไรยืนยันได้แน่ชัด แต่หากจะจับประเด็นนี้ในการทำภารกิจ ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร” เดวี่ตอบตามที่คิด
“ฉันเห็นด้วยกับทุกคนนะ ลองดูก็ไม่เสียหาย เพราะสุดท้าย ชายน์จะรู้เองแหละว่าที่เราทำมันใช่หรือไม่ใช่ ” ฮันนี่เอ่ยเสริม จากนั้นแผนการต่างๆในการเดินทางก็ถูกเสนอออกมามากมายจากเพื่อนๆ ก่อนจะได้ข้อสรุปและออกเดินทางต่อโดยที่ไม่มีใครรับรู้เลยว่าในการเดินทางนี้พวกเขาไม่ได้มากันแค่ 6 คน!!
‘แคท เห็นพี่คิมมั๊ยลูก?’
‘เอ่อ คื่อว่า’..
เวลา 19.30 น. ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในหมู่บ้านชานเมืองกรีนโซน
“คืนนี้พักกันที่นี่นะ พรุ่งนี้บ่ายๆ เราจะเข้าถึงเมืองหลวงกรีนโซน จากนั้น ฉันจะพาทุกคนแวะพักที่บ้านของชั้น” เซฟานี่กล่าว
“เรียกบ้านหรอ ชั้นว่าเรียกคฤหาสน์ ปราสาทหรือราชวังน่าจะเหมาะกว่ามั้ง 555” ฮันนี้แซวเมื่อรู้สถานะของเซฟานี่
“จะอะไรก็ช่างเหอะหน่า ท่านพ่ออยากพบชายน์หน่ะ ยังไงก็คงต้องแวะ” เซฟานี่กล่าว
“คืนนี้ก็เหมือนเดิมนะ ชั้นพักกับฮันนี่ ส่วนพวกนายก็จัดการกันเอาเอง” กล่าวจบก็คว้ากุญแจห้องจากพนักงานบริการไปทันทีหลังจากที่ติดต่อห้องพักเสร็จแล้ว ฮันนี่ก็ได้แต่ยิ้มแล้ววิ่งตามเพื่อนสาวไป ทิ้งให้หนุ่มๆยืนงงและอดที่จะขำไม่ได้
“เหมือนเดิมแหละนะ ส่วนค่าใช้จ่าย งานนี้ชายน์ แกรับผิดชอบไปก็แล้วกัน 555” เบลเอ่ยก่อนจะคว้ามือเชโด้และวิ่งหนีลูกเตะจากชายน์ที่กำลังเหวี่ยงขายาวๆตามหลังจากที่รู้ว่าเขาต้องจ่ายค่าห้องพักเองและจ่ายให้เพื่อนๆ ด้วย
“ไอ้บ้าเอ้ย” ชายน์บ่น
“แค่นี้เงินนายไม่หมดหรอก ต่อให้ทำภารกิจอีก 5 ปี เงินนายก็ยังไม่หมด” เดวี่เอ่ยอารมณ์ดี ไม่บ่อยนักที่เขาจะกวนชายน์ด้วยคำพูดและสีหน้าทะเล้นแบบนี้แบบนี้และแน่นอนว่าคนอื่นๆไม่มีทางเห็นเดวี่ในมุมนี้แน่
‘นายเวลาขี่เล่นนี่มีเสน่ห์จัดอ่ะ เดวี่’
ก๊อกๆๆ หลังจากเข้าพักได้ไม่นาน พลันเสียงเคาะประตูห้องชายน์ก็ดังขึ้น
“ใคร” เดวี่ถามเรียบๆ
“ฉันไปดูเอง” ชายน์เอ่ย แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูกลับไม่พบใครเลย
“สงสัยเจ้าพวกนั้นมาก่อกวนแน่ๆ” ชายน์บ่นพลางหมุนตัวปิดประตู
‘เฮ้ มองไม่เห็นกันจริงๆ หรอ?’ บางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องกำลังโบกมือทักทายแต่ทว่าเจ้าของห้องกลับมองไม่เห็นด้วยซ้ำ
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เห็นมีใคร” เดวี่เอ่ยหลังจากที่เป็นคนเดินไปเปิดประตู
“ไม่มีก็ปิดซะซิ จะเปิดค้างไว้ทำไม ช้นจะอาบน้ำ” ชายน์เอ่ยพร้อมกับแก้ผ้าจนคนที่จับลูกบิดประตูต้องรีบปิดประตูพร้อมเบือนหน้าหนี
“ชอบโอ้อวดหรอ หัดอายคนเขาซะบ้างซิ” เดวี่บ่นกับพฤติกรรมของเพื่อนขี้แกล้งคนนี้ และทุกครั้งก็เป็นเขาซะเองที่ใจเต้นผิดจังหวะโครมคราม
“ก็ไม่ได้ไปอวดใครเขานี่ ก็แค่นาย 555 อื้ม ว่าแต่ อาบน้ำด้วยกันมั๊ย คริคริ” ชายน์เอ่ยชวน
“ไม่อ่ะ ไม่ชอบอวด” เดวี่กล่าวพลางยักคิ้วให้
‘ทำไมช่วงนี้หมอนี่กวนทรีนจัง’ ชายน์ได้แต่คิดแล้วก็ยิ้มก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
5 นาทีผ่านไป...
“เดวี่ หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อย”
“ก็ถือเอข้าไปแล้ว จะเอาไปทำอะไรอีก”
“ไม่มี สงสัยลืมไว้ข้างนอก นะๆ หยิบให้หน่อย” คนที่อยู่ในห้องน้ำส่งเสียงอ้อน เดวี่จึงตัดความรำคาญเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้
“เอาเข้ามาให้เลยนะ ฉันไม่ถือ” ชายน์เอ่ย เดวี่จึงเดินเข้าไป แต่ทว่า..
ปัง!! เสียงประตูปิดพร้อมกับลูกบิดประตูล็อกทันที
“เห้ย!! เล่นอะไรเนี่ย” เดวี่เสียงดัง
“นายต่างหากเล่นอะไร นายยืนติดกับประตูนะ ฉันจะไปปิดได้ไง” ชายน์เถียงพร้อมคว้าผ้าเช็ดตัวในมือเพื่อนมาพันเอว บัดนี้ใบหน้าของเดวี่แสดงความเครียดออกมาอย่างชัดเจน
“ปกติประตูจะล็อกจากด้านใน ซึ่งเราต้องปลอดล็อกได้สิ แต่นี่.. เหมือนมีใครบิดลูกบิดสวนจากด้านนอกไว้” เดวี่เอ่ยพลางพยายามบิดลูกบิดประตูแต่ก็ไม่เป็นผล
“เรียกคนมาช่วยไง เฟย์ ออกมาช่วยหน่อย” ชายน์ออกความคิดพรางเอ่ยปากเรียกฟีนิกซ์หนุ่มทันที แต่ทว่า..
“เข้ามาอีกคนทำไมละเนี่ยยยย” ชายน์เอ่ยอย่างตกใจที่เฟย์ปรากกกายในห้องน้ำอีกคน
“เอ้า!! ก็นายอยู่ในนี้ พอนายเรียกชั้น ชั้นก็ต้องมาที่นี่สิ หรือจะให้ไปโผล่ที่ไหนล่ะ” เฟย์ย้อนผู้เป็นนาย
“ข้างนอกไง”
“ออกไปไม่ได้แล้ว”
“ฉันออกไปเอง” กล่าวจบกลุ่มควันสีดำก็ปรากฏรอบกายเดวี่ก่อนจะพาร่างเจ้าของหายวับไปก่อนที่ประตูห้องน้ำจะเปิดออก
“ทำไมไม่ทำแต่แรก ปล่อยให้..” ชายน์ที่ยังพูดไม่จบก็พลันต้องเงียบปากลงเพราะเดวี่ส่งสัญญาณให้หยุดพูดซะก่อน
“ใคร ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้!!” เดวี่เอ่ยด้วยน้ำเสี้ยงทุ้มต่ำพร้อมกับเขี้ยวสีขาวและดวงตาสีแดง อีกทั้งในมือของเดวี่ตอนนี้ปรากฏลูกไฟสีดำขึ้นอันเป็นสัญลักษณ์ว่าพร้อมลงมือแล้ว
“ไม่ออกมาใช่มั๊ย? ได้!!” กล่าวจบก็เตรียมจะลงมือ แต่.. พลันก็มีเสียงแทรกออกมาพร้อมกับร่างของใครบางคนซะก่อน...
“เฮ้ย!! อย่าๆๆ นี่ผมเองครับพี่”
“….” ทั้งสองคนต่างก็แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้า เว้นเสียแต่เฟย์ที่ยืนยิ้มเสมือนว่ารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว
“เล่นอะไร คิม แล้วมาได้ยังไงเนี่ย” ชายน์เอ่ยพลางถอนหายใจ
“นายใช้เวทย์อะไร” เดวี่ถาม จนคนที่โดนซักได้แต่ยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นว่าเดวี่ยังคงไม่ลดรังสีอัมหิตลงแม้แต่น้อย
“คือแบบนี้นะพี่ พอผมตื่นพี่ๆก็จะไปแล้วผมยังคาใจไงพี่ ว่าสรุปพวกพี่เป็นใคร มาจากไหน จะไปไหนแล้วผมควรตอบแทนพี่ๆดีหรือเปล่า ผมพอจะช่วยอะไรพี่ได้มั๊ย? และผมตัดสินใจได้ว่าควรจะตอบแทนพี่ๆ ผมจึงฝากแคทลาแม่แล้วแอบตามพี่มาเนี่ย ว่าแต่พี่ๆจะไปไหน ไปทำอะไรอ่ะ” คิมเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องสนุก
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“เด็กกว่าแค่ปีเดียวนะพี่ อ้อ เวทย์ที่ใช้อะหรอ มันเป็นเวทย์สำหรับพรางกายหน่ะพี่ เมื่อผมใช้เวทย์จะไม่มีใครเห็นผม ไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสตัวตนผมได้ จับพลังไอเวทย์ก็ไม่ได้นะ” คิมเถียงเดวี่พร้อมตอบคำถาม
“สายเลือดเอลฟ์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรอ?” เดวี่สงสัย
“อันนี้ไม่ใช่ความสามารถของเอลฟ์ครับ แต่เป็นความสามารถเฉพาะของสายเลือดภูติจากพ่อหน่ะครับ พ่อผมเป็นลูกครึงเอลฟ์กับภูติครับ” คิมตอบ
“กระจ่าง 555 ไม่เสียแรงที่พี่อุส่าห์จองไว้ด้วยเข็มกลัดประธานสายสามัญ” ชายน์ตอบพร้อมเดินหนีไปแต่งตัวหลังจากที่นุ่งผ้าเช็ดตัวมานาน ส่วยเฟย์เมื่อเห็นดังนี้ก็หนีเข้าไปในดาบเหมือนเดิม
“แล้วพี่จะว่าอะไรมั๊ยถ้าผมจะขอติดตามพวกพี่ๆไปด้วยอ่ะ ผมรู้นะพี่ๆจะทำอะไร ผมช่วยพี่ได้นะ” คิมเอ่ยพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ชายน์เพียงแต่หันไปมองหน้าเดวี่อย่างขอความเห็น เมื่อเดวี่พยักหน้า ชายน์จึงตอบไป
“เอาสิ”
“เย้ งั้นคืนนี้ผมนอนนี่เลยนะพี่ ใช้เวทย์พรางกายมาทั้งวัน เหนื่อยเป็นบ้าเลย ฝันดีครับพี่ๆ” กล่าวจบก็กระโดดขึ้นเตียงนอนโดยไม่รอให้เจ้าของเขาอนุญาต
‘นอนสามคน จะนอนหลับมั๊ยเนี่ย’ เดวี่ทำหน้ายากจะคาดเดา แต่สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลย...
.....................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ