Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.74K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) ยุทธการปราบอสูร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยุทธการปราบอสูร
ก่อนหน้านี้….
“สรุปว่านายจะให้ฉันกับฮันนี่ตามไปช่วยพวกนั้นหรอ? แล้วทางนี้ล่ะจะเอาอยู่หรือ?” เซฟานี่ถามอย่างอดห่วงไม่ได้
“ทางนี้มีฉันมีเดวี่อยู่นะ อีกอย่างทางนี้ก็ยังไม่มีเหตุอะไร เธอไปช่วยเพื่อนเราก่อนเถอะเพราะตามที่เชและเจด้าแจ้งมานั้นฉันคิดว่าทางนั้นกำลังต้องการความช่วยเหลือนะ” ชายน์เอ่ยเหตุผลมาสนับสนุนจนเซฟานี่และฮันนี่ยอมทำตามในที่สุดและรีบออกเดินทางไปสมทบเพื่อนๆ ทันที
“แน่ใจแล้วหรือว่าเอาอยู่?” เดวี่เอ่ยถามชายน์หลังจากที่เพื่อนๆ ออกไปกันแล้ว
“ก็ไม่มั่นใจหรอก แต่คิดว่ามีนาย มีเฟย์และแดร์ดราก้อนอยู่ด้วยก็น่าจะไหวนะ” ชายน์ตอบพลางส่งยิ้มหวานไปให้เดวี่จนเจ้าตัวที่เอ่ยถามต้องรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ใกล้ได้เวลางานเลี้ยงรับรองแล้ว นายไปเตรียมตัวเถอะ”
“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?”
“ก็อยู่ร่วมงานและขึ้นรับรางวัล เมื่อสิ้นสุดงานเลี้ยงนายก็ต้องเริ่มภารกิจแรกของนายทันทีนั่นก็คือการถ่ายกระแสพลังเวทย์ให้แก่ผลึกเวทย์” เดวี่แจงรายละเอียดและกำหนดการให้ชายน์ฟัง
“งั้นแสดงว่าช่วงงานเลี้ยงรับรองไม่น่าจะมีอะไร แต่ช่วงพิธีถ่ายกระแสพลังเวทย์ละก็ไม่แน่สินะ”
“รู้ดังนั้นก็ดี เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก็แล้วกันนะ ฉันเตือนได้เลยว่าถ้าพลาดคืออันตรายถึงชีวิตเลยนะ”
“เอาเป็นว่าแกรนน่าจะต้องปลอดภัย” ชายน์เอ่ยอย่างจริงจังก่อนจะเดินนำออกไปยังหอพักของตนปล่อยให้เดวี่ครุ่นคิดในคำพูดของชายน์และเดินตามไปอย่างเงียบๆ
………………………………………………..
“อ๊ากกก” เสียงร้องของเบลดังลั่นหลังจากที่เจ้าตัวมัวแต่กางบาเรียและร่ายเวทย์มนตราป้องกันให้กับนีโอที่นอนหมดสติอยู่จนไม่ทันได้ระวังการลอบโจมตีของศัตรูที่จ้องโจมตีอยู่รอบทิศทาง และเช่นกันกับคนอื่นๆ ที่ต่างก็รับมือกับเหล่าอสูรจนไม่สามารถระวังหลังให้กันและกันได้โดยคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือบ๊อบและเพื่อนๆ อีกสามคนที่มีเพียงกริชเงินเล่มสั้นเป็นอาวุธเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะการต่อสู้ที่ดีและมีพละกำลังที่มากมายแต่การจะเข้าถึงตัวเพื่อกำจัดอสูรนั้นก็เป็นไปได้ยากนักและแน่นอนว่าการโจมตีจากระยะไกลของเหล่าอสูรย่อมได้เปรียบและบังเกิดผลกว่า
บึ้ม..บึ้มๆๆ เสียงระเบิดดังกึกก้องท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชนไปทั่ว เหล่าอสูรที่กำลังได้ใจอยู่กับการเป็นฝ่ายรุกจนไม่ทันได้สังเกตผู้มาเยือนที่กำลังมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่นิ่งจนยากจะคาดเดา
“เริ่มเลยนะ!!” สิ้นเสียงของเช เจด้าก็ชิงจังหวะเริ่มก่อนทันที พายุหมุนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้อนหินนับร้อยจากเชที่ลอยตัวขึ้นและหมุนไปตามแรงลมพายุก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเหล่าอสูรที่อยู่เบื้องหน้าจนฝ่ายตั้งรับที่ไม่ทันระวังตัวได้รับพายุหินไปกันเต็มๆ
“ใคร ใครบังอาจลอบโจมตีกองทัพข้า ออกมา!!” แม่ทัพอสูรเอ่ยอย่างหัวเสียและก็เป็นเชที่ปรากฏตัวออกมาก่อนและตามด้วยเจด้าเจ้าของพายุหมุนนั่นเอง
“ทักทายนะไอ้พวกอสูรกบฏ” เชเอ่ยทักอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่และนั่นก็สร้างความโกรธเกรี้ยวให้เหล่าอสูรเข้าไปอีก
“ปากดีได้ไม่นานนักหรอกเดี๋ยวแกก็จะมีชะตากรรมไท่ต่างไปจากเพื่อนแกหรอก จัดการ!!” แม่ทัพอสูรเอ่ยบัญชาการอีกครั้ง
“เจด้าช่วยพาเบลและนีโอกลับไปก่อนได้มั๊ย? เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”
“แต่ว่า…”
“เซฟานี่กับฮันนี่กำลังตามมา เธอไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก” เชเอ่ยอย่างจริงจัง
“ก็ได้” ทันทีที่รับคำเจด้าก็ปลีกตัวออกไปยังจุดที่เบลและนีโออยู่ แต่เมอร์ดอร์ฟที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาขวางไว้ซะก่อน
“จะออกไปหน่ะขออนุญาตฉันหรือยัง หึหึ”
“สำคัญด้วยหรือ? หึหึ” เจด้าตอบกลับเรียบๆ แต่ไอเวทย์กลับแผ่ออกมามามายอันเป็นสัญญาณของการเตรียมพร้อมต่อสู้นั่นเอง
“ถ้าแน่จริงก็พากันไปให้ได้ก็แล้วกัน!!” กล่าวจบการโจมตีของเมอร์ดอร์ฟก็เริ่มต้นขึ้น ดาบสีดำถูกเรียกออกมาจัดการกับเจด้า แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือก็ปรากฏลูกบอลน้ำขนาดใหญ่นับสิบลูกพุ่งเข้าโจมตีเมอร์ดอร์ฟซะก่อนจนเจ้าตัวต้องเป็นฝ่ายตั้งรับซะเอง
“ไปเลยเจด้า เดี๋ยวฉันขอลุยเอง” เซฟานี่เอ่ยขณะขี่ไม้กวาดร่อนลงยังพื้นดิน
“ฝากด้วยนะ” เจด้าเอ่ยพลางพานีโอและเบลออกไปด้วยวาโยเวทย์ของตน
“ไม่น่าเชื่อว่าฉันต้องมาสู้กับผู้หญิง”
“สู้กับผู้หญิงที่เก่งกว่าแก นับว่าเป็นเกียรติที่สุดของแกแล้ว ย๊ากกกก!!” กล่าวจบดาบสีฟ้าใสก็ปรากฏขึ้นในมือของเซและพาเจ้าของร่างพุ่งทะยานเข้าใส่เมอร์ดอร์ฟทันที การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดแม้ว่าเซฟานี่จะเสียเปรียบเรื่องเชิงดาบและกำลังอยู่บ้างจนปรากฏบาดแผลบนเรือนร่างให้เห็นบ้างแล้ว แต่การสู้ด้วยดาบนั่นไม่ใช่เป้าหมายของเธอแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง
‘หวังว่ามันจะได้ผลนะฮันนี่’ ไวเท่าความคิดเมื่อได้จังหวะเข็มพิษจำนวนหนึ่งถูกซัดเข้าใส่ร่างของเมอร์ดอร์ฟเข้าอย่างจังจนเจ้าตัวถึงกับชะงักและทรุดลงทันที
“จะรุมฉันหรอ? เข้ามาเลย” นากี้ที่กำลังรับมืออยู่กับดัชตั้งแต่แรกเอ่ยอย่างชอบใจเมื่อเห็นว่าฮันนี่ได้เข้ามาสมทบกับดัชเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอันที่จริงการรับมือกับดัชก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไรเพราะดัชไม่ใช่คนที่เก่งนักแต่เมื่อมีโอกาสได้ลองกับแม่มดคนนี้อีกสักครั้งก็คงดีไม่น้อย
“คราวก่อนฉันประมาทเธอไปหน่อย คราวนี้ขอให้เธอจดจำฉันไว้ดีๆ นะ” ฮันนี่เอ่ยอย่างจริงจังพร้อมกับไม้คฑาที่เปล่งแสงสว่างอยู่ในมือ
“ก็ลองดู” สิ้นคำของนากี้เวทย์มืดสีดำลักษณะคล้ายหอกนับร้อยก็พุ่งเข้ามาอย่างไว
พรึ่บ!! แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ก็ปะทะเข้ากับกำแพงเวทย์สีขาวของดัชที่สร้างขึ้นมาเป็นโล่กำบังได้อย่างฉิวเฉียดก็สลายหายไปทันที
“ขอบใจนะนาย” ฮันนี่เอ่ยพร้อมกับยกไม้คฑาขึ้นแล้วร่ายเวทย์ทันที หมอกควันสีม่วงดำลอยคลุ้งไปทั่วก่อนจะพุ่งเข้าใส่นากี้อย่างจัง
“อึก!!” แม้ว่าจะพลิกตัวหลบแล้วก็ตามทีแต่ทว่าหมอกสีม่วงนี่กลับตามติดและโจมตีเธอได้ราวกับรู้และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของเธอได้เป็นอย่างดี
“นี่แค่ทักทายนะ เธอทำฉันไว้แสบนักฉันเอาคืนไม่แพ้เธอแน่!!” ไม่รอให้ตั้งตัวฮันนี่ยกไม้คฑาที่เปล่งแสงจ้าชี้ไปยังนากี้พร้อมกับร่ายเวทย์อีกครั้ง ทันทีที่แสงปลายคฑาพุ่งเข้าสัมผัสร่างนากี้ก็นิ่งราวกับหุ่นปั้น ดวงตาสองข้างจ้องมองฮันนี่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่ทว่าร่างกายเธอไม่สามารถขยับได้นั่นเอง
“ฮ่าๆๆ เธออยากจะทำอะไรฉันหรอ? ใช้เวทย์สิ หรือเรียกอาวุธเธอออกมาก็ได้ เอาเลย!!” ฮันนี่ท้าทายนากี้ด้วยน้ำเสียงอันแสนร้ายกาจจนดัชอดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้
“เธอคงรู้แล้วใช้มั๊ยว่าเธอโดนคำสาปฉันอยู่ ใช่ฉันสาปเธอแล้วตอนนี้เธออยู่ในอำนาจของฉัน และฉันสามารถบงการชีวิตเธอได้เลยแหละนะ อยากรู้มั๊ยว่าเธอจะเป็นยังไงต่อ หึหึ ตบหน้าตัวเองสิ!!” ฮันนี่เอ่ยเสียงเฉียบขาดจนดัชตกลึงเพราะทันทีที่สิ้นคำสั่งนากี้ก็ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างจัง
“ขนาดนี้เลยหรือฮันนี่?”
“นายไม่รู้หรอกว่าหล่อนทำอะไรฉันไว้บ้าง ฉันจะเอาคืน!!” ฮันนี่เอ่ยกับดัชก่อนจะหันไปหานากี้อีกครั้ง
“ยังไม่พอ ตบอีก!!” และแน่นอนว่านากี้ตบหน้าตัวเองอีกครั้ง
“แรงกว่านี้!!”
เพี๊ยะ!! เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของนากี้ เจ้าตัวได้แต่มองฮันนี่ด้วยสายตาอาฆาต
“เกลียดฉันหรอ? เกลียดมากมั๊ย? ฮ่าๆๆ งั้นไปปลดปล่อยกันนะ” ฮันนี่เอ่ยพลางยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
“ไปจัดการอสูรเหล่านั้นให้หมด อย่าให้มันรอดแม้แต่ตนเดียว” ด้วยคำสาปของฮันนี่ที่ร่ายใส่นากี้ทำให้นากี้ต้องตกอยู่ในอำนาจของเธอและทำตามคำสั่งนั้นอย่างง่ายดาย…
“เฮ้ย เธอทำอะไรของเธอเนี่ย!!” เสียงร้องอย่างตกใจของแม่ทัพอสูรที่กำลังหลบการโจมตีของนากี้เอ่ยอย่างหัวเสียเช่นกับกับเชที่สงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดพวกเดียวกันถึงโจมตีกันเอง
บึ้มมมมม!! ระเบิดจากรัตติกาลเวทย์ของนากี้ส่งซ้ำไปให้อีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่มีทีว่าว่าจะสนใจคำถามของแม่ทัพอสูรเลย หนำซ้ำยังหันไปโจมตีเหล่าทหารอสูรที่กำลังบินอยู่ด้านบนอีกด้วย
บัดนี้การต่อสู้กับเหล่าอสูรเบาแรงลงไปมากเพราะนากี้ที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฮันนี้ได้เข้ามาช่วยผ่อนแรงให้กับมาร์ติน บ๊อบและสหายทั้งสามแล้ว และเหตุการณ์ที่พลิกผันนี่เองที่สร้างความงุนงงสงสัยให้กับพวกเขาไม่น้อย
“นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมพวกมันไล่ฆ่ากันเองล่ะ?” มาร์ตินสงสัยจึงเอ่ยเปิดประเด็นอออกมา
“นั่นหนะสิครับ ผมเองก็งงเช่นกัน” บ๊อบเอ่ยคำตอบที่ไม่ช่วยอะไรอออกมาตอบมาร์ตินจนดัชที่กำลังปลีกตัวเข้ามาเสริมทัพเอ่ยแทรกออกมาในที่สุด
“ฝีมือของฮันนี่เขาหน่ะครับ เอาไว้จะเล่าให้ฟังทีหลังนะ”
“ห๊ะ!! ฝีมือของฮันนี่หรอ? อย่าบอกนะว่า…” มาร์ตินเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ
“ครับ แม่มดก็ต้องคู่กับคำสาปหนะสิ หึหึ” ดัชเอ่ยเรียบๆ แต่เล่นเอามาร์ตินหน้าซีดไปทันที
‘นี่คำสาปของแม่มดทำได้ขนาดนี้เลยหรือ?’
ทางด้านของเซฟานี่…
“ยาพิษ!!” เอ่ยได้เพียงเท่านั้นร่างของเมอร์ดอฟก็ทรุดลงกองกับพื้นทันที
“ยาพิษที่ปรุงด้วยตำราเวทย์ของแม่มดนี่ได้ผลดีนะ ฮ่าๆๆ” เซฟานี่เอ่ยอย่างเหนื่อยหอบเพราะเธอก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน บัดนี้ร่างของเมอร์ดอร์ฟไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกจากปาก ทั่วทั้งร่างกายอ่อนแรงลงจนไม่สามารถบังคับส่วนใดๆ ของร่างกายได้
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก พิษกำลังแผ่ไปทั่วร่างกายของแก อีกไม่นานแกก็จะค่อยๆ หลับไปเองแหละ ฉันไม่จัดการแกเลยหรอกนะ เพราะเดี๋ยวแกจะไม่มีเวลาทบทวนความเลวของตัวเอง หึหึ” เซฟานี่เอ่ยพลางกุมบาดแผลที่ไหล่ของตนเองเก่อนจะหันหลังเดินจากไปปล่อยให้เมอร์ดอร์ฟมองตามด้วยสายตาอาฆาต
‘นายข้าไม่ปล่อยให้มันจบแบบนี้แน่นังหนู!!’
……………………………………………………….
“เซเป็นอย่างไรบ้าง เธอบาดเจ็บหรอ?” ฮันนี่เอ่ยถามเพื่อนสาวหลังจากที่เธอ ดัช เช มาร์ติน บ๊อบและสหายทั้งสามปลีกตัวออกมารวมกันได้แล้วนั่นเอง
“นิดหน่อย ทุกคนโอเคนะ?” เซฟานี่ถาม
“ก็บาดเจ็บกันนิดหน่อย ตอนนี้นากี้กำลังจัดการพวกนั้นแทนเราอยู่ คาดว่าพวกมันจะหมดลงในที่สุด” เชตอบตามที่เขาคิดเพราะบัดนี้กองทัพอสูรบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด
“คำสาปเธอจะอยู่อีกนานแค่ไหน?” มาร์ตินถาม
“แค่พระอาทิตย์ขึ้นหน่ะ พรุ่งนี้เช้าก็สิ้นคำสาปแล้ว”
“งั้นคืนนี้แม่นั่นคงไม่สามารถตามไปยังพิธีถ่ายกระแสพลังเวทย์ของชายน์ได้สินะ” ดัชเอ่ย
“ใช่แล้ว ทางนั้นกำลังจะเริ่มพิธีสินะ ฉันว่าเราควรกลับไปนะ ฉันสังหรณ์ใจแปลกๆ” เซฟานี่เอ่ยอย่างจริงจัง
“งั้นพวกคุณรีบกลับไปเถอะครับ ทางนี้เดี๋ยวพวกเราจัดการต่อเอง เพราะเท่าทีดูตอนนี้พวกมันลดลงมากและคนของพวกเราก็ปลอดภัยแล้ว อีกอย่างพวกมันก็คงจะฟัดกันเองไปอีกนานแหละครับ” บ๊อบเอ่ย
“แน่ใจนะครับ” มาร์ตินอดเป็นห่วงไม่ได้
“ครับผม กริชเงินนี่ก็เอาอยู่ครับ ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณพวกคุณมากนะครับคุณ…”
“ผมมาร์ตินครับ”
“ฮันนี่ค่ะ”
“เซฟานี่ค่ะ”
.”ดัชครับ”
“เชโด้ครับ” ทุกคนเอ่ยแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการนัก
“ครับผม หวังว่าเราจะได้ตอบแทนพวกคุณนะ รีบเดินทางเถอะครับ” บ๊อบกล่าว
ทันทีที่กลุ่มของเด็กๆ พากันออกไปพร้อมกับบ๊อบและสหายทั้งสามย้อนกลับไปยังที่หลบภัยของชาวบ้านแล้วก็ปรากฏร่างของบุรุษชุดดำพร้อมกับผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่งขึ้น
“เห็นที่ข้าต้องไปตามหาแม่มดดำมาร่วมอุดมการณ์บ้างแล้ว”
“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะขอรับนายท่าน”
“ฝากเจ้าด้วยนะ คาซัส ไม่งั้นเห็นทีข้าคงต้องพลาดท่าให้เด็กนั่นอยู่ร่ำไป” สิ้นคำกล่าวหมอกสีดำก็ลอยเข้าปกคลุ่มไปทั่วทั้งบริเวณ เมอร์ดอร์ฟ เหล่าอสูรและนากี้ที่กำลังสู้รบกันเองอยู่นั่นถูกหมอกควันเข้าปกคลุมจนมองไม่เห็นและในที่สุดทั้งหมดก็หายไป
………………………………………………………...............................……………………………………………
ก่อนหน้านี้….
“สรุปว่านายจะให้ฉันกับฮันนี่ตามไปช่วยพวกนั้นหรอ? แล้วทางนี้ล่ะจะเอาอยู่หรือ?” เซฟานี่ถามอย่างอดห่วงไม่ได้
“ทางนี้มีฉันมีเดวี่อยู่นะ อีกอย่างทางนี้ก็ยังไม่มีเหตุอะไร เธอไปช่วยเพื่อนเราก่อนเถอะเพราะตามที่เชและเจด้าแจ้งมานั้นฉันคิดว่าทางนั้นกำลังต้องการความช่วยเหลือนะ” ชายน์เอ่ยเหตุผลมาสนับสนุนจนเซฟานี่และฮันนี่ยอมทำตามในที่สุดและรีบออกเดินทางไปสมทบเพื่อนๆ ทันที
“แน่ใจแล้วหรือว่าเอาอยู่?” เดวี่เอ่ยถามชายน์หลังจากที่เพื่อนๆ ออกไปกันแล้ว
“ก็ไม่มั่นใจหรอก แต่คิดว่ามีนาย มีเฟย์และแดร์ดราก้อนอยู่ด้วยก็น่าจะไหวนะ” ชายน์ตอบพลางส่งยิ้มหวานไปให้เดวี่จนเจ้าตัวที่เอ่ยถามต้องรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ใกล้ได้เวลางานเลี้ยงรับรองแล้ว นายไปเตรียมตัวเถอะ”
“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?”
“ก็อยู่ร่วมงานและขึ้นรับรางวัล เมื่อสิ้นสุดงานเลี้ยงนายก็ต้องเริ่มภารกิจแรกของนายทันทีนั่นก็คือการถ่ายกระแสพลังเวทย์ให้แก่ผลึกเวทย์” เดวี่แจงรายละเอียดและกำหนดการให้ชายน์ฟัง
“งั้นแสดงว่าช่วงงานเลี้ยงรับรองไม่น่าจะมีอะไร แต่ช่วงพิธีถ่ายกระแสพลังเวทย์ละก็ไม่แน่สินะ”
“รู้ดังนั้นก็ดี เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก็แล้วกันนะ ฉันเตือนได้เลยว่าถ้าพลาดคืออันตรายถึงชีวิตเลยนะ”
“เอาเป็นว่าแกรนน่าจะต้องปลอดภัย” ชายน์เอ่ยอย่างจริงจังก่อนจะเดินนำออกไปยังหอพักของตนปล่อยให้เดวี่ครุ่นคิดในคำพูดของชายน์และเดินตามไปอย่างเงียบๆ
………………………………………………..
“อ๊ากกก” เสียงร้องของเบลดังลั่นหลังจากที่เจ้าตัวมัวแต่กางบาเรียและร่ายเวทย์มนตราป้องกันให้กับนีโอที่นอนหมดสติอยู่จนไม่ทันได้ระวังการลอบโจมตีของศัตรูที่จ้องโจมตีอยู่รอบทิศทาง และเช่นกันกับคนอื่นๆ ที่ต่างก็รับมือกับเหล่าอสูรจนไม่สามารถระวังหลังให้กันและกันได้โดยคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือบ๊อบและเพื่อนๆ อีกสามคนที่มีเพียงกริชเงินเล่มสั้นเป็นอาวุธเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะการต่อสู้ที่ดีและมีพละกำลังที่มากมายแต่การจะเข้าถึงตัวเพื่อกำจัดอสูรนั้นก็เป็นไปได้ยากนักและแน่นอนว่าการโจมตีจากระยะไกลของเหล่าอสูรย่อมได้เปรียบและบังเกิดผลกว่า
บึ้ม..บึ้มๆๆ เสียงระเบิดดังกึกก้องท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชนไปทั่ว เหล่าอสูรที่กำลังได้ใจอยู่กับการเป็นฝ่ายรุกจนไม่ทันได้สังเกตผู้มาเยือนที่กำลังมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่นิ่งจนยากจะคาดเดา
“เริ่มเลยนะ!!” สิ้นเสียงของเช เจด้าก็ชิงจังหวะเริ่มก่อนทันที พายุหมุนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้อนหินนับร้อยจากเชที่ลอยตัวขึ้นและหมุนไปตามแรงลมพายุก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเหล่าอสูรที่อยู่เบื้องหน้าจนฝ่ายตั้งรับที่ไม่ทันระวังตัวได้รับพายุหินไปกันเต็มๆ
“ใคร ใครบังอาจลอบโจมตีกองทัพข้า ออกมา!!” แม่ทัพอสูรเอ่ยอย่างหัวเสียและก็เป็นเชที่ปรากฏตัวออกมาก่อนและตามด้วยเจด้าเจ้าของพายุหมุนนั่นเอง
“ทักทายนะไอ้พวกอสูรกบฏ” เชเอ่ยทักอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่และนั่นก็สร้างความโกรธเกรี้ยวให้เหล่าอสูรเข้าไปอีก
“ปากดีได้ไม่นานนักหรอกเดี๋ยวแกก็จะมีชะตากรรมไท่ต่างไปจากเพื่อนแกหรอก จัดการ!!” แม่ทัพอสูรเอ่ยบัญชาการอีกครั้ง
“เจด้าช่วยพาเบลและนีโอกลับไปก่อนได้มั๊ย? เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”
“แต่ว่า…”
“เซฟานี่กับฮันนี่กำลังตามมา เธอไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก” เชเอ่ยอย่างจริงจัง
“ก็ได้” ทันทีที่รับคำเจด้าก็ปลีกตัวออกไปยังจุดที่เบลและนีโออยู่ แต่เมอร์ดอร์ฟที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาขวางไว้ซะก่อน
“จะออกไปหน่ะขออนุญาตฉันหรือยัง หึหึ”
“สำคัญด้วยหรือ? หึหึ” เจด้าตอบกลับเรียบๆ แต่ไอเวทย์กลับแผ่ออกมามามายอันเป็นสัญญาณของการเตรียมพร้อมต่อสู้นั่นเอง
“ถ้าแน่จริงก็พากันไปให้ได้ก็แล้วกัน!!” กล่าวจบการโจมตีของเมอร์ดอร์ฟก็เริ่มต้นขึ้น ดาบสีดำถูกเรียกออกมาจัดการกับเจด้า แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือก็ปรากฏลูกบอลน้ำขนาดใหญ่นับสิบลูกพุ่งเข้าโจมตีเมอร์ดอร์ฟซะก่อนจนเจ้าตัวต้องเป็นฝ่ายตั้งรับซะเอง
“ไปเลยเจด้า เดี๋ยวฉันขอลุยเอง” เซฟานี่เอ่ยขณะขี่ไม้กวาดร่อนลงยังพื้นดิน
“ฝากด้วยนะ” เจด้าเอ่ยพลางพานีโอและเบลออกไปด้วยวาโยเวทย์ของตน
“ไม่น่าเชื่อว่าฉันต้องมาสู้กับผู้หญิง”
“สู้กับผู้หญิงที่เก่งกว่าแก นับว่าเป็นเกียรติที่สุดของแกแล้ว ย๊ากกกก!!” กล่าวจบดาบสีฟ้าใสก็ปรากฏขึ้นในมือของเซและพาเจ้าของร่างพุ่งทะยานเข้าใส่เมอร์ดอร์ฟทันที การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดแม้ว่าเซฟานี่จะเสียเปรียบเรื่องเชิงดาบและกำลังอยู่บ้างจนปรากฏบาดแผลบนเรือนร่างให้เห็นบ้างแล้ว แต่การสู้ด้วยดาบนั่นไม่ใช่เป้าหมายของเธอแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง
‘หวังว่ามันจะได้ผลนะฮันนี่’ ไวเท่าความคิดเมื่อได้จังหวะเข็มพิษจำนวนหนึ่งถูกซัดเข้าใส่ร่างของเมอร์ดอร์ฟเข้าอย่างจังจนเจ้าตัวถึงกับชะงักและทรุดลงทันที
“จะรุมฉันหรอ? เข้ามาเลย” นากี้ที่กำลังรับมืออยู่กับดัชตั้งแต่แรกเอ่ยอย่างชอบใจเมื่อเห็นว่าฮันนี่ได้เข้ามาสมทบกับดัชเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอันที่จริงการรับมือกับดัชก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไรเพราะดัชไม่ใช่คนที่เก่งนักแต่เมื่อมีโอกาสได้ลองกับแม่มดคนนี้อีกสักครั้งก็คงดีไม่น้อย
“คราวก่อนฉันประมาทเธอไปหน่อย คราวนี้ขอให้เธอจดจำฉันไว้ดีๆ นะ” ฮันนี่เอ่ยอย่างจริงจังพร้อมกับไม้คฑาที่เปล่งแสงสว่างอยู่ในมือ
“ก็ลองดู” สิ้นคำของนากี้เวทย์มืดสีดำลักษณะคล้ายหอกนับร้อยก็พุ่งเข้ามาอย่างไว
พรึ่บ!! แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ก็ปะทะเข้ากับกำแพงเวทย์สีขาวของดัชที่สร้างขึ้นมาเป็นโล่กำบังได้อย่างฉิวเฉียดก็สลายหายไปทันที
“ขอบใจนะนาย” ฮันนี่เอ่ยพร้อมกับยกไม้คฑาขึ้นแล้วร่ายเวทย์ทันที หมอกควันสีม่วงดำลอยคลุ้งไปทั่วก่อนจะพุ่งเข้าใส่นากี้อย่างจัง
“อึก!!” แม้ว่าจะพลิกตัวหลบแล้วก็ตามทีแต่ทว่าหมอกสีม่วงนี่กลับตามติดและโจมตีเธอได้ราวกับรู้และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของเธอได้เป็นอย่างดี
“นี่แค่ทักทายนะ เธอทำฉันไว้แสบนักฉันเอาคืนไม่แพ้เธอแน่!!” ไม่รอให้ตั้งตัวฮันนี่ยกไม้คฑาที่เปล่งแสงจ้าชี้ไปยังนากี้พร้อมกับร่ายเวทย์อีกครั้ง ทันทีที่แสงปลายคฑาพุ่งเข้าสัมผัสร่างนากี้ก็นิ่งราวกับหุ่นปั้น ดวงตาสองข้างจ้องมองฮันนี่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่ทว่าร่างกายเธอไม่สามารถขยับได้นั่นเอง
“ฮ่าๆๆ เธออยากจะทำอะไรฉันหรอ? ใช้เวทย์สิ หรือเรียกอาวุธเธอออกมาก็ได้ เอาเลย!!” ฮันนี่ท้าทายนากี้ด้วยน้ำเสียงอันแสนร้ายกาจจนดัชอดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้
“เธอคงรู้แล้วใช้มั๊ยว่าเธอโดนคำสาปฉันอยู่ ใช่ฉันสาปเธอแล้วตอนนี้เธออยู่ในอำนาจของฉัน และฉันสามารถบงการชีวิตเธอได้เลยแหละนะ อยากรู้มั๊ยว่าเธอจะเป็นยังไงต่อ หึหึ ตบหน้าตัวเองสิ!!” ฮันนี่เอ่ยเสียงเฉียบขาดจนดัชตกลึงเพราะทันทีที่สิ้นคำสั่งนากี้ก็ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างจัง
“ขนาดนี้เลยหรือฮันนี่?”
“นายไม่รู้หรอกว่าหล่อนทำอะไรฉันไว้บ้าง ฉันจะเอาคืน!!” ฮันนี่เอ่ยกับดัชก่อนจะหันไปหานากี้อีกครั้ง
“ยังไม่พอ ตบอีก!!” และแน่นอนว่านากี้ตบหน้าตัวเองอีกครั้ง
“แรงกว่านี้!!”
เพี๊ยะ!! เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของนากี้ เจ้าตัวได้แต่มองฮันนี่ด้วยสายตาอาฆาต
“เกลียดฉันหรอ? เกลียดมากมั๊ย? ฮ่าๆๆ งั้นไปปลดปล่อยกันนะ” ฮันนี่เอ่ยพลางยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
“ไปจัดการอสูรเหล่านั้นให้หมด อย่าให้มันรอดแม้แต่ตนเดียว” ด้วยคำสาปของฮันนี่ที่ร่ายใส่นากี้ทำให้นากี้ต้องตกอยู่ในอำนาจของเธอและทำตามคำสั่งนั้นอย่างง่ายดาย…
“เฮ้ย เธอทำอะไรของเธอเนี่ย!!” เสียงร้องอย่างตกใจของแม่ทัพอสูรที่กำลังหลบการโจมตีของนากี้เอ่ยอย่างหัวเสียเช่นกับกับเชที่สงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดพวกเดียวกันถึงโจมตีกันเอง
บึ้มมมมม!! ระเบิดจากรัตติกาลเวทย์ของนากี้ส่งซ้ำไปให้อีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่มีทีว่าว่าจะสนใจคำถามของแม่ทัพอสูรเลย หนำซ้ำยังหันไปโจมตีเหล่าทหารอสูรที่กำลังบินอยู่ด้านบนอีกด้วย
บัดนี้การต่อสู้กับเหล่าอสูรเบาแรงลงไปมากเพราะนากี้ที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฮันนี้ได้เข้ามาช่วยผ่อนแรงให้กับมาร์ติน บ๊อบและสหายทั้งสามแล้ว และเหตุการณ์ที่พลิกผันนี่เองที่สร้างความงุนงงสงสัยให้กับพวกเขาไม่น้อย
“นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมพวกมันไล่ฆ่ากันเองล่ะ?” มาร์ตินสงสัยจึงเอ่ยเปิดประเด็นอออกมา
“นั่นหนะสิครับ ผมเองก็งงเช่นกัน” บ๊อบเอ่ยคำตอบที่ไม่ช่วยอะไรอออกมาตอบมาร์ตินจนดัชที่กำลังปลีกตัวเข้ามาเสริมทัพเอ่ยแทรกออกมาในที่สุด
“ฝีมือของฮันนี่เขาหน่ะครับ เอาไว้จะเล่าให้ฟังทีหลังนะ”
“ห๊ะ!! ฝีมือของฮันนี่หรอ? อย่าบอกนะว่า…” มาร์ตินเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ
“ครับ แม่มดก็ต้องคู่กับคำสาปหนะสิ หึหึ” ดัชเอ่ยเรียบๆ แต่เล่นเอามาร์ตินหน้าซีดไปทันที
‘นี่คำสาปของแม่มดทำได้ขนาดนี้เลยหรือ?’
ทางด้านของเซฟานี่…
“ยาพิษ!!” เอ่ยได้เพียงเท่านั้นร่างของเมอร์ดอฟก็ทรุดลงกองกับพื้นทันที
“ยาพิษที่ปรุงด้วยตำราเวทย์ของแม่มดนี่ได้ผลดีนะ ฮ่าๆๆ” เซฟานี่เอ่ยอย่างเหนื่อยหอบเพราะเธอก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน บัดนี้ร่างของเมอร์ดอร์ฟไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกจากปาก ทั่วทั้งร่างกายอ่อนแรงลงจนไม่สามารถบังคับส่วนใดๆ ของร่างกายได้
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก พิษกำลังแผ่ไปทั่วร่างกายของแก อีกไม่นานแกก็จะค่อยๆ หลับไปเองแหละ ฉันไม่จัดการแกเลยหรอกนะ เพราะเดี๋ยวแกจะไม่มีเวลาทบทวนความเลวของตัวเอง หึหึ” เซฟานี่เอ่ยพลางกุมบาดแผลที่ไหล่ของตนเองเก่อนจะหันหลังเดินจากไปปล่อยให้เมอร์ดอร์ฟมองตามด้วยสายตาอาฆาต
‘นายข้าไม่ปล่อยให้มันจบแบบนี้แน่นังหนู!!’
……………………………………………………….
“เซเป็นอย่างไรบ้าง เธอบาดเจ็บหรอ?” ฮันนี่เอ่ยถามเพื่อนสาวหลังจากที่เธอ ดัช เช มาร์ติน บ๊อบและสหายทั้งสามปลีกตัวออกมารวมกันได้แล้วนั่นเอง
“นิดหน่อย ทุกคนโอเคนะ?” เซฟานี่ถาม
“ก็บาดเจ็บกันนิดหน่อย ตอนนี้นากี้กำลังจัดการพวกนั้นแทนเราอยู่ คาดว่าพวกมันจะหมดลงในที่สุด” เชตอบตามที่เขาคิดเพราะบัดนี้กองทัพอสูรบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด
“คำสาปเธอจะอยู่อีกนานแค่ไหน?” มาร์ตินถาม
“แค่พระอาทิตย์ขึ้นหน่ะ พรุ่งนี้เช้าก็สิ้นคำสาปแล้ว”
“งั้นคืนนี้แม่นั่นคงไม่สามารถตามไปยังพิธีถ่ายกระแสพลังเวทย์ของชายน์ได้สินะ” ดัชเอ่ย
“ใช่แล้ว ทางนั้นกำลังจะเริ่มพิธีสินะ ฉันว่าเราควรกลับไปนะ ฉันสังหรณ์ใจแปลกๆ” เซฟานี่เอ่ยอย่างจริงจัง
“งั้นพวกคุณรีบกลับไปเถอะครับ ทางนี้เดี๋ยวพวกเราจัดการต่อเอง เพราะเท่าทีดูตอนนี้พวกมันลดลงมากและคนของพวกเราก็ปลอดภัยแล้ว อีกอย่างพวกมันก็คงจะฟัดกันเองไปอีกนานแหละครับ” บ๊อบเอ่ย
“แน่ใจนะครับ” มาร์ตินอดเป็นห่วงไม่ได้
“ครับผม กริชเงินนี่ก็เอาอยู่ครับ ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณพวกคุณมากนะครับคุณ…”
“ผมมาร์ตินครับ”
“ฮันนี่ค่ะ”
“เซฟานี่ค่ะ”
.”ดัชครับ”
“เชโด้ครับ” ทุกคนเอ่ยแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการนัก
“ครับผม หวังว่าเราจะได้ตอบแทนพวกคุณนะ รีบเดินทางเถอะครับ” บ๊อบกล่าว
ทันทีที่กลุ่มของเด็กๆ พากันออกไปพร้อมกับบ๊อบและสหายทั้งสามย้อนกลับไปยังที่หลบภัยของชาวบ้านแล้วก็ปรากฏร่างของบุรุษชุดดำพร้อมกับผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่งขึ้น
“เห็นที่ข้าต้องไปตามหาแม่มดดำมาร่วมอุดมการณ์บ้างแล้ว”
“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะขอรับนายท่าน”
“ฝากเจ้าด้วยนะ คาซัส ไม่งั้นเห็นทีข้าคงต้องพลาดท่าให้เด็กนั่นอยู่ร่ำไป” สิ้นคำกล่าวหมอกสีดำก็ลอยเข้าปกคลุ่มไปทั่วทั้งบริเวณ เมอร์ดอร์ฟ เหล่าอสูรและนากี้ที่กำลังสู้รบกันเองอยู่นั่นถูกหมอกควันเข้าปกคลุมจนมองไม่เห็นและในที่สุดทั้งหมดก็หายไป
………………………………………………………...............................……………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ