Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) เพื่อนเก่ากับสถานะของเดวี่ที่เปิดเผย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเพื่อนเก่ากับสถานะของเดวี่ที่เปิดเผย
“ทุกอย่างพร้อมแล้วนะ เมอร์ดอฟ”
“ขอรับนายท่าน ว่าแต่นายท่านจะใช้วิธีนี้จริงๆ หรือขอรับ”
“แรกข้าตั้งใจจะเลี้ยงดูดั่งลูก แต่เมื่อมันไม่รักดีต่อข้าก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ”
“แต่ถ้านายท่านทำพันธสัญญาก็เท่ากับว่าเขาจะเป็นทาสของนายท่านไปตลอดนะขอรับ”
“ข้อดีของทาสคือมันจะฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของเราทุกอย่าง แม้แต่สั่งให้มันไปตายมันก็ต้องตาย ฮ่าๆๆ”
“แล้วเรื่องผู้พิทักษ์ล่ะขอรับ?”
“ถ้าเอามันมาพร้อมกันไม่ได้ ก็กำจัดมันทิ้งไปซักคน แค่นี้ก็ไม่มีผู้พิทักษ์แล้ว หึหึ” ชายปริศนาผู้แฝงตัวอยู่ในเงามืดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นจนเมอร์ดอฟอดที่จะเกรงในอำนาจไม่ได้
“แจ้งไปยังพันธมิตรของข้าด้วยว่าข้าตัดสินใจตามที่เขายื่นข้อเสนอแล้ว โปรดเปิดทางและอำนวยความสะดวกแก่คนของข้าด้วย”
“ขอรับนายท่าน” เมอร์ดอฟกล่าวพร้อมกับหายไปพร้อมกับกลุ่มควันสีดำทันที
‘นกที่มีแค่ปีกเดียว ยังไงมันก็บินไม่ขึ้นหรอกนะ ฮ่าๆๆๆ’
………………………………………………………………
“จะไม่ทันแล้วนะ เอาไงดีล่ะ” ชายน์บ่นหลังจากที่พวกเขาเสียเวลากับการต่อสู้ระหว่างทางและม้าของเขาก็วิ่งเตลิดหนีไปหมดแล้ว อีกทั้งพวกเขายังติดอยู่ในป่ามืด*นั้นอีกจนทำให้กำหนดการเดิมที่วางไว้ล่าช้าออกไป
“ใช้สัตว์เวทย์มาลากรถแทนม้าได้มั๊ย” ชายน์ถามขอความเห็นอีกครั้ง
“ฉันลากไม่ไหวนะบอกไว้ก่อนเลย” เฟย์รีบแย้งทันที
“ใช้วาโยเวทย์หรือเวทย์อื่นได้มั๊ยที่พาเราไปให้ทันอ่ะ” ชายน์เสนออีกความคิด
“ไม่ได้หรอก เพราะกว่าจะไปถึงมันจะกินพลังเวทย์เราไปมากจนเราไม่มีแรงจะลงแข่งได้” เดวี่เอ่ยเหตุผลออกมา
“เอาแบบนี้ดีกว่า นายขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าของนายสิ” เฟย์เสนอทางออกที่ทำเอาชายน์งงเป็นไก่ตาแตก
“ฉันมีเพื่อนเก่าด้วยหรอ?”
“มีสิ แต่ฉันก็ไม่มั่นใจนะว่าเขาจะจำนายได้อ่ะ ฮ่าๆๆ” เฟย์หัวเราะอารมณ์ดี
“ก็ได้ ไหนๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่” ชายน์เอ่ยอย่างปลงๆ ก่อนจะพากันเดินไปยังหน้าผาสีดำอันสูงตระหง่าน เฟย์นั้นแลจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยซึ่งต่างจากชายน์ที่มีสีหน้ากังวลไปตลอดทาง และเช่นเดียวกันกับเดวี่แม้ว่าจะไม่พูดอะไรแต่จากระยะฝีเท้าที่ก้าวยาวๆ ก็พอจะบอกได้ว่าเขาเองก็ร้อนใจและรีบอยากจะไปยังสนามแข่งแล้วไม่น้อย
‘ชิน เขาจะจำฉันได้มั๊ย’
‘เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้จริงๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่เฟย์พูดถึงเป็นใคร’ ชินตอบกลับมาทันทีที่ชายน์เอ่ยถามในใจเบาๆ
“เมื่อเข้าไปถึงแล้วจะมีการทดสอบเพื่อยืนยันตัวนิดหน่อย สิ่งที่ยืนยันตัวของนายได้คือรัตติกาลเพลิง ซึ่งจริงๆ แล้วหลายๆ คนก็สามารถใช้ได้ แต่มันจะไม่เหมือนของนาย” เฟย์หันมาเอ่ยกับชายน์หลังจากที่พากันเดินมายังเบื้องหน้าของหน้าผาอันสูงชันที่ต้องแหงนจนคอตั้งบ่าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมองเห็นยอด
“มั่นใจนะว่าวิธีนี้จะได้ผล” เดวี่ถามย้ำ
“หรือนายจะเอามังกรของนายออกมาพาพวกเราไปล่ะ?”
“มังกรฉันหลับอยู่ แล้วมันก็ยังไม่โตพอที่จะใช้งานได้ในตอนนี้” เดวี่เอ่ยเรียบๆ ตามแบบฉบับของเขา
“หืมมม สัตว์เวทย์ของนายคือมังกรหรือ? สุดยอดเลยอ่ะเดวี่”
“มังกรเด็กหนะชายน์ ยังไม่โตเลย” เฟย์เอ่ยพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้เดวี่
“รีบๆ เข้าเถอะ มัวคุยอะไรไม่เข้าเรื่อง” เดวี่ชิ่งตัดบทก่อนที่เรื่องมังกรของเขาจะพาให้เสียงานและก็ได้ผล บัดนี้เฟย์เลิกเล่นและหันมาเอ่ยอย่างจริงจังมากขึ้น
“เอาล่ะนะ” เฟย์เอ่ยถามและเมื่อชายน์พยักหน้ารอบๆร่างของเฟย์ก็เกิดวงแหวนสีทองมากมายลอยหมุนอยู่รอบๆ แสงสีขาวนวลสว่างว้าบขึ้นพร้อมกับร่างของเฟย์หายไปแต่ร่างของฟินิกซ์สีส้มทองอันแสนงดงามบินพุ่งทะยานออกมาและส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วทั้งผืนป่ามืด
เสียงร้องของฟินิกซ์ก้องกังวานไปทั่วก่อนจะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยอันเป็นสัญญาณว่าเฟย์หลบหายเข้าไปในดาบที่ชายน์ครอบครองอยู่เรียบร้อยแล้ว และเพียงครู่เดียวพื้นแผ่นดินในบริเวณนั้นก็สั่นไหว เศษดินเศษหินร่วงหล่นลงมาจากเบื้องบนหน้าผาพร้อมกับเงาดำทะมึนใหญ่กำลังเคลื่อนที่พุ่งลงมาทางชายน์
“เฮ้ย!!” โดยไม่ทันตั้งตัวเงาดำนั่นพุ่งโฉบมาโจมตีใส่ชายน์และเดวี่จนทั้งสองกระโดดหลบไปคนละทิศทาง
“เฟย์บอกให้ใช้รัตติกาลเพลิงเพื่อยืนยันตัวไม่ใช่หรือ” เดวี่ตะโกนเอ่ยเตือน
”ใช่ๆ ฉันลืมไปเลย” ว่าแล้วชายน์ก็เรียกรัตติกาลเพลิงออกมาเพื่อจะยืนยันตัวตน หากแต่เงาดำนั่นกลับไม่ลดละการจู่โจมเพราะบัดนี้มันกำลังพุ่งใส่ชายน์อีกครั้ง
“อ่าว เฮ้ย!!” เป็นอีกครั้งที่ชายน์ต้องตกใจร้องลั่นเมื่อเขาคิดว่าเขาน่าจะสอบผ่านการยืนยันตัวแล้วหากแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ลดละการจู่โจม เงาดำพุ่งใส่ชายน์ด้วยความเร็วจนชายน์ซัดเวทย์สวนออกไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาใช้เวทย์สายไหนบทไหนออกไปบ้าง และครั้งนี้ปรากฏว่า…
“ยินดีต้อนรับการกลับมานะสหาย ฮ่าๆๆ” ทันทีที่เวทย์ของชายน์พุ่งเข้ากระทบกับเงาดำนั่นมันก็สลายไปพร้อมกับการปรากฏกายของบุรุษหนุ่มร่างกายกำยำขึ้นด้านหลังของชายน์
“เอ่ออ คุณคือ..”
“ข้าชื่อ แดร์ดราก้อน ทุกคนรู้จักข้าในนามของมังกรผู้กล้า” บุรุษหนุ่มแนะนำตัว ชายน์ใช้เสี้ยวเวลาที่สบตาสังเกตุบรุษเบื้องหน้าก็พบว่าร่างกายกำยำที่สวมอาภรณ์สีดำกับผมยาวดำสนิทช่างดูลึกลับไม่เบา อีกทั้งใบหน้าคมเข้มกับไรหนวดสีเทาที่โกนออกแล้วกับดวงตาสีดำนั่นช่างดูมีอำนาจซะเหลือเกิน
“ครับ ท่านแดร์ดราก้อน” ชายน์ตอบกลับอย่างประหม่า
“ท่านเทิ่นอะไรกันล่ะสหายข้า เรียกข้าว่าแดร์เฉยๆ ก็ได้ ฮ่าๆๆ”
“ชายน์เขาจำอดีตไม่ได้หรอกครับท่านแดร์ดราก้อน ผมเดวี่ ลอฟดาน่า ครับ” เดวี่เอ่ยพร้อมแนะนำตัวและโค้งคำนับอย่างสง่างาม
“โอ้.. สายเลือดลอฟดาน่า ไม่นึกว่าจะได้เจอ ยินดีอย่างยิ่งเดวี่” แดร์ดราก้อนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“คือเรามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือหน่อยนะแดร์” ชายน์เอ่ยอย่างเอาใจคนตรงหน้าสุดๆ และดูท่าว่าจะได้ผลดีทีเดียว
“แม้เวลาผ่านจนเจ้ามีชีวิตขึ้นใหม่แต่นิสัยก็ยังไม่เปลี่ยนนะชายน์ ฮ่าๆๆ ว่ามาเลยสหาย”
“ข้าจะรีบไปเทเรอร์น่ะ เกรงว่าถ้าเดินทางเองคงจะไม่ทัน”
“เลยจะให้ข้าพาไปสินะ อืม เข้าใจละ” แดร์ดราก้อนเอ่ยอย่างรู้ทันก่อนจะกลายร่างเป็นมังกรยักษ์สีดำที่สง่าและน่าเกรงขามจนชายน์และเดวี่ได้แต่ยืนมองจนตาค้าง
“ไหนว่ารีบไง ขึ้นหลังข้าสิ” แดร์ดราก้อนเอ่ยเตือนให้ทั้งสองรีบขึ้นไปยังหลังของตนก่อนจะพากันบินมุ่งหน้าไปยังเทเรอร์
“สุดยอดเลยแดร์ ฮ่าๆๆ” ชายน์หัวเราะชอบใจหลังจากที่แดร์ดราก้อนพาบินขึ้นยังบนฟ้า
“จับให้แน่นนะ ข้าทำได้มากกว่าที่เจ้าคิดอีก” ว่าแล้วมังกรหนุ่มก็เร่งความเร็วยิ่งขึ้นจนชายน์หัวเราะลั่นอย่างชอบใจ
“วู้ววว เร็วสุดยอดเลย ฮ่าๆๆ” ชายน์หัวเราะลั่นอย่างชอบใจแต่เดวี่กลับนั่งหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัดเจน .. ‘ก็คนมันไม่ชอบความสูงนี่นะ!!’
………………………………………
ณ สนามประลองเวทย์โรงเรียนเทเรอร์…
“ข่าวว่าเด็กโฮเนอร์ปีนี้ได้ลงแข่งรายการบุคคลทั่วไปด้วยนี่ สงสัยจะไม่ธรรมดา” เด็กเทเรอร์สายเลือดแวร์วูฟคนหนึ่งเอ่ยเปิดประเด็นขึ้นระหว่างรอรายงานตัวเพื่อลงแข่งขัน
“ทั้งๆ ที่รายการอื่นเขามากันหมดแล้ว แต่รายการเดี่ยวระดับนักเรียนกับบุคคลทั่วไปยังไม่โผล่หัวมาเลยตังแต่เมื่อวานล่ะ สงสัยหนีกลับไปแล้วมั้ง ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มผมสีขาวเอ่ยพลางหัวเราะอย่างชอบใจ
“มันอาจรู้ละมั้งว่าจะได้เจอกับนายก็เลยรีบหนีกลับไปแล้วอ่ะเอ็ดดี้ ฮ่าๆๆ”
“ฉันเป็นถึงเจ้าชายและเป็นองค์รัชทายาทของกษัตริย์เอสเทอร์แห่งเกรย์โซน ใครหน้าไหนจะเก่งเกินฉันต้องไม่มี” เอ็ดดี้เอ่ยอย่างมั่นใจสุดๆ เพราะจะว่าไปตั้งแต่เล็กจนโตและเข้ามาอยู่ในเทเรอร์ก็ไม่มีใครกล้าขัดเขาอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะสถานะของเขาหรือจะด้วยฝีมือก็แล้วแต่สิ่งเหล่านั้นมันหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่เอาแต่ใจและไม่เคยยอมให้ใครเลย
“ข่าวว่าประธานรุ่นของโฮเนอร์จะได้เจอกับนาย ส่วนเพื่อนของมันลงรายการบุคคลทั่วไปมั้ง” เพื่อนในกลุ่มของเอ็ดดี้เอ่ยแจ้งข้อมูลที่สืบทราบมา
“แสดงว่าเพื่อนของมันก็คงไม่ธรรมดาถึงได้กล้าลงรายการนั้น หึหึ อีกไม่กี่นาทีก็ลงสนามแล้วฉันว่าเข้าไปรอมันในห้องรับรองดีกว่า” เอ็ดดี้กล่าวสรุปก่อนจะเดินนำเพื่อนๆเข้าไปยังห้องรับรองที่ทางเทเรอร์จัดไว้ให้
ย้อนไปที่ชายน์..
“เร็วอีกได้มั๊ยแดร์ ป่านนี้ทางเทเรอร์คงเริ่มการแข่งขันแล้วมั้ง” ชายน์เอ่ยเร่งแดร์ดราก้อนเพราะกำลังกังวลกับการแข่งขันที่คาดว่าน่าจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“อืม เริ่มตอนเที่ยงตรงใช่มั๊ย? น่าจะทันนะ”
“แต่ต้องรายงานตัวก่อนอีกนะ เผื่อเวลาไว้หน่อยก็ดี”
“นายสองคนนี่ใครเริ่มกันล่ะ?”
“เดวี่ก่อน รายการของฉันแข่งตอนเย็น” ชายน์ตอบแทนเพื่อนที่ตั้งแต่ออกเดินทางก็เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดจาซักคำ
“งั้นเดี๋ยวทำตามที่ฉันว่านะ……” แดร์ดราก้อนยื่นข้อเสนอและวางแผนให้กับสองหนุ่มน้อยและดูท่าว่าทั้งคู่จะสนใจข้อเสนออยู่ไม่น้อย
กลับมาที่สนามประลองเวทย์โรงเรียนเทเรอร์…
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่สนามการแข่งขันการประลองเวทย์ในช่วงที่สองนะค่ะ เอาล่ะค่ะทุกท่าน… หลายรายการก็ดำเนินการแข่งขันไปบ้างแล้วที่กรีนโซน หลายรายการที่แข่งขันแล้วในช่วงเช้าและตอนนี้เวลาเที่ยงตรงก็เป็นรอบที่สองของการแข่งขันโดยเป็นรายการของนักเรียนและในช่วงเย็นจะเป็นรายการของรอบบุคคลทั่วไปนะคะ….” พิธีกรสาวยังคงกล่าวชี้แจงการแข่งขันในรอบที่สองต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับเชิญผู้เข้าแข่งขันคู่แรกออกมาทันที
“สำหรับคู่แรกเป็นการประลองเวทย์ของตัวแทนรุ่นจากโฮเนอร์และเทเรอร์ค่ะ ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันลงสู่สนามเลยคร้า” ทันทีที่กล่าวจบเอ็ดดี้ก็เดินลงสู่สนามและเรียกเสียงเฮของนักเรียนเทเรอร์ตลอดจนผู้เข้าชมก็ส่งเสียงเฮลั่นด้วยเพราะตัวแทนจากเทเรอร์เป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งเกรย์โซนนั่นเอง แม้ว่าประชาชนที่นี่จะไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่แต่ถ้าไม่เชียร์ก็มีหวังโดนขับไล่ออกจากดินแดนแน่ๆ แต่ก่อนที่พิธีกรสาวจะทันได้กล่าวอะไรต่อก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามากระซิบบางอย่างแก่เธอแล้ววิ่งออกไปทันทีที่จบการสนทนา
“เอ่อออ ต้องขอแจ้งว่าบัดนี้ผู้เข้าประลองเวทย์จากโฮเนอร์ยังไม่ได้รายงานตัวเลยนะคะ ไม่ทราบว่าผู้เข้าประลองเวทย์อยู่ในที่นี้หรือเปล่าค่ะ” ทันทีที่เอ่ยจบก็เกิดเสียงบ่นดังระงมไปทั่ว
“ถ้าไม่มีการรายงานตัวหรือไม่แสดงตัวในตอนนี้ทางเราขอตัดสิทธิแล้วให้ท่านแพ้นะคะ”
“หนึ่ง….สอง….” และยังไม่ทันที่เธอจะกล่าวจบก็บังเกิดเงาสีดำขนาดใหญ่พาดผ่านทับสนามประลองเวทย์พร้อมกับร่างของเด็กผู้ชายตัวสูงกระโดดลงมากลางสนามประลองจนเรียกเสียงฮือฮาได้ทั่วทั้งสนาม
“เอ่ออ นี่คือ..” ยังไม่ทันที่พิธีกรสาวจะเอ่ยจบเดวี่ก็ชิงเอ่ยแทรกขึ้นก่อน
“เดวี่ ลอฟดาน่า ผู้เข้าแข่งขันในรายการนี้” ทันทีที่กล่าวจบก็เรียกเสียงฮือฮาได้อีกเป็นอย่างดี เพราะลอฟดาน่าที่ทุกคนคิดว่าสูญสิ้นไปแล้วบัดนี้ได้มีคนเอ่ยถึงมันออกมาอีกครั้ง
“แอบอ้างมากกว่ามั้ง” เอ็ดดี้เอ่ยอย่างหยามเหยียด
“เนื่องจากว่าผู้เข้าแข่งขั้นจากเทเรอร์เป็นถึงองค์รัชทายาท ดังนั้นคุณเดวี่ควรจะแสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาทก่อนนะคะ” เสียงเอ่ยของพิธีกรสาวเล่นเอาเดวี่ชะงักไปทันทีเพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจะต้องมาทำความเคารพสายเลือดที่ปล้นบังลังก์ของเขาไปแบบนี้
“เชิญคะคุณเดวี่” พิธีกรสาวกล่าวเตือนพร้อมกับเสียงโห่ของผู้ชมบางส่วนที่ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เดวี่แนะนำตัวได้โห่ร้องลั่นสนามจนเขาต้องตัดสินใจทำตามที่พิธีกรสาวแนะนำ
“ฮ่าๆๆ ก็แค่นั้นแหละ ไอ้ลูกกษัตริย์ไร้บังลังก์.. ไร้แผ่นดิน!!” คำกล่าวของเอ็ดดี้ทำเอาเดวี่กำหมัดแน่นและเมื่อพิธีกรสาวส่งสัญญาณเริ่มต้นเดวี่ก็เป็นฝ่ายจู่โจมทันที
“เฮ้ย!!” เอ็ดดี้ตกใจร้องลั่นที่ใบมีดสีดำนับร้อยสาดซัดเข้ามายังเขาจนต้องกระโดดหลบไม่เป็นท่า บัดนี้ชายน์และแดร์ดราก้อนในร่างของคนก็เข้ามานั่งชมการประลองเวทย์อยู่ข้างสนามเรียบร้อยแล้วและอดที่จะนินทาคนในสนามไม่ได้
“เห็นเงียบๆ แบบนี้ไม่นึกว่าหมอนั่นจะใจร้อนได้ขนาดนี้นะ ฮ่าๆๆ”
“หมอนี่โหดมากเลยนะ ยิ่งเวลาไม่มีสตินะน่ากลัวสุดๆ” ชายน์เอ่ยอวดอ้างสรรพคุณของเพื่อนอย่างภาคภูมิใจพลางนั่งมองการต่อสู้ที่บัดนี้เดวี่กำลังจู่โจมอย่างบ้าคลั่งมากว่าสิบนาทีแล้วจนดูท่าว่าทั้งคูคงจะเหนื่อยกับการใช้เวทย์ไปไม่น้อย
“จัดการมันเลย” เอ็ดดี้เอ่ยสั่งฝูงหมาป่านับสิบที่เขาเรียกออกมาเพื่อผ่อนแรงตัวเองและตัดกำลังเดวี่ด้วย
‘มีสัตว์เวทย์เยอะขนาดนี้เลยรึ หึหึ’ เดวี่กระตุกยิ้มอย่างเครียดๆ เพราะเขาเองยังไม่สามารถใช้สัตว์เวทย์ของตนได้เนื่องจากสัตว์เวทย์ของเขายังไม่โตพอนั่นเอง
แฮร่…. ฝูงหมาป่าตัวโตนับสิบวิ่งล้อมเดวี่และผลัดกันจู่โจมซึ่งอันตรายของเจ้าพวกนี้คือมันสามารถพ่นลูกบอลไฟได้ และบัดนี้มันก็กำลังระดมพ่นลูกบอลไฟใส่เดวี่อย่างไม่ยั้ง
“ไม่ง่ายหรอกไอ้พวกหมาหมู่” เดวี่เรียกรัตติกาลเวทย์ออกมาเป็นแนวกำแพงกั้นลูกบอลนั้นและก็ดูท่าว่าจะได้ผลเป็นอย่างดี แต่เดวี่เองก็เผลอเปิดโอกาสให้หนึ่งในหมาป่าเข้าจู่โจมจากด้านหลังจนได้
“อึก!!” หมาป่าตัวโตกระโดดกัดเข้าที่แขนของเดวี่ส่งผลให้กำแพงจากรัตติกาลเวทย์คลายลงทำให้ฝูงหมาป่าเข้าจู่โจมเดวี่ได้ง่ายขึ้น ร่างของเดวี่ล้มลงพร้อมกับฝูงหมาป่ากำลังรุมฟัดร่างนั้นจนฝุ่นฟุ้งไปทั่ว
“ขอให้สนุกกับลูกๆ ของฉันนะ ฮ่าๆๆ” เอ็ดดี้กล่าวพร้อมกับสร้างวงแหวนสีดำเข้าคลอบร่างของเดวี่และฝูงหมาป่าไว้เพื่อเป็นพันธนาการจัดการเดวี่ไม่ให้หลุดออกมาได้
“โห จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมใช้ของที่ฉันให้อีกนะ อึดจริงๆ” แดร์ดราก้อนเอ่ยอย่างทึ่งๆ และอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“ถ้าไม่เจ็บก็ไม่มีแรงฮึดหนะสิ หมอนี่จิตกว่าที่คิดแฮะ” ชายน์เองก็ตกใจไม่น้อยที่เดวี่ปล่อยให้ฝูงหมาป่าเข้ารุมขนาดนั้นทั้งๆ ที่เดวี่สามารถจะจัดการได้ตั้งแต่มันยังเข้าไม่ถึงตัวเลยด้วยซ้ำ
“จัดการเลยแล้วกันนะ อ่อนจริงๆ เลยสายเลือดลอฟดาน่าเนี่ย” กล่าวจบเอ็ดดี้ก็เรียกดาบสีแดงสดเล่มงามออกมาไว้ในมือก่อนจะยกขึ้นแล้วฟาดใส่ยังวงแหวนสีดำนั่นทันที
บึ้มมม… เสียงระเบิดดังไปทั่วทั้งสนาม ร่างของหมาป่ากระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดดิ้นตายอย่างน่าอนาถ เอ็ดดี้เองก็ตกใจไม่น้อยเพราะแรงระเบิดนั่นไม่ได้มาจากดาบของเขาอย่างแน่นอนเพราะการระเบิดนั้นมันเกิดขึ้นก่อนและเขาก็ยั้งมือไว้ได้ทัน ท่ามกลางกลุ่มควันที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วปรากฏเงาลางๆ สีดำกำลังจัดการหมาป่าทีละตัวและขว้างมันออกมาด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากตัวแรกก่อนที่ร่างนั้นจะบินพุ่งออกมาจากกลุ่มควันนั่นพร้อมกับเสียงเฮของผู้ชมรอบๆ สนามที่เอาใจช่วยเดวี่ดังลั่นไปทั่ว
“ตกใจหรือเอ็ดดี้ ฉันรู้นี่ก็ไม่ใช่ร่างจริงของแกหรอกใช่มั๊ย?” เดวี่ที่บัดนี้เผยร่างจริงออกมาแล้วทำเอาเอ็ดดี้ตกใจไม่น้อย ร่างกายโตขึ้นพร้อมกับปีกสีดำใหญ่ช่างน่ากลัวนัก ยิ่งเมื่อสบตากับดวงตาสีแดงเข้มและเขี้ยวสีขาวยามเมื่อพูดนั้นก็ทำเอาเอ็ดดี้ประหม่าไม่น้อยแต่ก็ยังทำใจดีร่ายเวทย์ออกมาเตรียมรับมือกับเดวี่ทันที กลุ่มควันสีดำลอยเข้าปกคลุมร่างของเอ็ดดี้ไปชั่วขณะ เสียงหอนของหมาป่าดังลั่นไปทั่วทั้งสนามก่อนที่ร่างของหมาป่าตัวโตจะกระโจนออกมาและพุ่งโจมตีเดวี่ทันที
“สัตว์ชั้นต่ำริอาจมาสู้กับราชันย์ปีศาจอย่างข้ารึ หึหึ” เดวี่เอ่ยด้วยเสียงอันทรงอำนาจก่อนจะบินหลบการโจมตีนั้นและโฉบลงมาหิ้วร่างของหมาป่าแล้วบิ้นขึ้นไปบนฟ้าจนผู้ชมต้องแหงนมองจนคอตั้งบ่า
“เขี้ยวเล็กๆ เล็บสั้นๆ แบบนี้มันไม่ระคายผิวฉันหรอกเอ็ดดี้” เดวี่เอ่ยขณะที่บินวนอยู่บนฟ้าโดยมีร่างหมาป่ากำลังดิ้นและใช้ทั้งขาทั้งเขี้ยวเข้าขัดขืนทำร้ายเดวี่อย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่เกิดผลใดๆ จนหมาป่าพ่นไฟใส่เดวี่ในระยะประชิดและก็ได้ผลทันที เดวี่ปล่อยร่างของหมาป่าลงสู่พื้นดินทันทีและบินตามลงมาติดๆ พร้อมกับใช้รัตติกาลเวทย์ซัดใส่ร่างของหมาป่าในช่วงเสี้ยววินาทีที่ร่างนั้นจะตกถึงพื้น แรงปะทะของรัตติกาลเวทย์กับร่างหมาป่าส่งผลให้ร่างนั้นร่วงลงเร็วขึ้นและกระแทกกับพื้นแรงขึ้นจนแผ่นดินยุบเป็นหลุมเลยทีเดียว
ตุบ!! เสียงวัตถุหนักตกกระแทกพื้นพร้อมกับฝุ่นฟุ้งไปทั่ว และเมื่อฝุ่นจางลงก็เผยให้เห็นร่างของเอ็ดดี้นอนกระอักเลือดออกมาเป็นกองและตามมาด้วยร่างของเดวี่ที่เรียกดาบสีดำเล่มงามออกมาพร้อมกับเก็บปีกแล้วกระโดดลงสู่พื้นดินอย่างงดงามก่อนจะยกดาบขึ้นชูเหนือหัว
“ดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจ ดาบที่ยืนยันถึงตัวตนของข้า” ทันทีที่เอ่ยจบบรรดาคนที่รู้จักดาบเล่มนี้ดีต่างก็ลุกขึ้นพร้อมทำความเคารพเดวี่อย่างนอบน้อม ส่วนคนที่ไม่รู้จักดาบดำก็ได้แต่ทำหน้างง
“ฉันทำความเคารพแกเพราะสถานะของแกแล้ว และบัดนี้แกก็ควรจะทำความเคารพดาบของฉันด้วยเช่นกันนะ ไอลูกกษัตริย์ขี้โกง!!” เดวี่เอ่ยเตือนสติของเอ็ดดี้ที่นอนมองหน้าเขาอย่างอาฆาตแค้นก่อนจะเอ่ยและกระทำบางสิ่งออกมา
“ไม่มีวัน ถุ๊ย!!” กล่าวจบเอ็ดดี้ก็ถุยน้ำลายสวนขึ้นใส่หน้าของเดวี่ทันที เลือดและน้ำลายกระเด็นติดแก้มของเดวี่จนแดงอย่างเห็นได้ชัด เดวี่เพียงแต่กระตุกยิ้มเย็นๆ ก่อนจะ…
“อ๊าคคค” ดาบดำเล่มงามฟาดแสกหน้าของเอ็ดดี้จนเจ้าตัวร้องลั่นก่อนจะสลบไปในที่สุด
‘เฮ…’ เสียงเฮดังลั่นไปทั่วทั้งสนาม บ้างก็ลุกทำความเคารพอีกครั้ง บ้างก็ส่งสายตาชื่นชมและบ้างก็กำลังหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความยินดียิ่ง น้ำตาแห่งความหวังนั่นเอง
‘รออีกหน่อยนะประชาชนของข้า ข้ากำลังพยายาม’
*ป่ามืด คือป่าที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีดำจนแสงใดๆ ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ ตนไม้ต่างๆ ก็เป็นสีดำทั้งสิ้น
…………………………………………..........................................…………………………………………………………………
“ทุกอย่างพร้อมแล้วนะ เมอร์ดอฟ”
“ขอรับนายท่าน ว่าแต่นายท่านจะใช้วิธีนี้จริงๆ หรือขอรับ”
“แรกข้าตั้งใจจะเลี้ยงดูดั่งลูก แต่เมื่อมันไม่รักดีต่อข้าก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ”
“แต่ถ้านายท่านทำพันธสัญญาก็เท่ากับว่าเขาจะเป็นทาสของนายท่านไปตลอดนะขอรับ”
“ข้อดีของทาสคือมันจะฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของเราทุกอย่าง แม้แต่สั่งให้มันไปตายมันก็ต้องตาย ฮ่าๆๆ”
“แล้วเรื่องผู้พิทักษ์ล่ะขอรับ?”
“ถ้าเอามันมาพร้อมกันไม่ได้ ก็กำจัดมันทิ้งไปซักคน แค่นี้ก็ไม่มีผู้พิทักษ์แล้ว หึหึ” ชายปริศนาผู้แฝงตัวอยู่ในเงามืดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นจนเมอร์ดอฟอดที่จะเกรงในอำนาจไม่ได้
“แจ้งไปยังพันธมิตรของข้าด้วยว่าข้าตัดสินใจตามที่เขายื่นข้อเสนอแล้ว โปรดเปิดทางและอำนวยความสะดวกแก่คนของข้าด้วย”
“ขอรับนายท่าน” เมอร์ดอฟกล่าวพร้อมกับหายไปพร้อมกับกลุ่มควันสีดำทันที
‘นกที่มีแค่ปีกเดียว ยังไงมันก็บินไม่ขึ้นหรอกนะ ฮ่าๆๆๆ’
………………………………………………………………
“จะไม่ทันแล้วนะ เอาไงดีล่ะ” ชายน์บ่นหลังจากที่พวกเขาเสียเวลากับการต่อสู้ระหว่างทางและม้าของเขาก็วิ่งเตลิดหนีไปหมดแล้ว อีกทั้งพวกเขายังติดอยู่ในป่ามืด*นั้นอีกจนทำให้กำหนดการเดิมที่วางไว้ล่าช้าออกไป
“ใช้สัตว์เวทย์มาลากรถแทนม้าได้มั๊ย” ชายน์ถามขอความเห็นอีกครั้ง
“ฉันลากไม่ไหวนะบอกไว้ก่อนเลย” เฟย์รีบแย้งทันที
“ใช้วาโยเวทย์หรือเวทย์อื่นได้มั๊ยที่พาเราไปให้ทันอ่ะ” ชายน์เสนออีกความคิด
“ไม่ได้หรอก เพราะกว่าจะไปถึงมันจะกินพลังเวทย์เราไปมากจนเราไม่มีแรงจะลงแข่งได้” เดวี่เอ่ยเหตุผลออกมา
“เอาแบบนี้ดีกว่า นายขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าของนายสิ” เฟย์เสนอทางออกที่ทำเอาชายน์งงเป็นไก่ตาแตก
“ฉันมีเพื่อนเก่าด้วยหรอ?”
“มีสิ แต่ฉันก็ไม่มั่นใจนะว่าเขาจะจำนายได้อ่ะ ฮ่าๆๆ” เฟย์หัวเราะอารมณ์ดี
“ก็ได้ ไหนๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่” ชายน์เอ่ยอย่างปลงๆ ก่อนจะพากันเดินไปยังหน้าผาสีดำอันสูงตระหง่าน เฟย์นั้นแลจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยซึ่งต่างจากชายน์ที่มีสีหน้ากังวลไปตลอดทาง และเช่นเดียวกันกับเดวี่แม้ว่าจะไม่พูดอะไรแต่จากระยะฝีเท้าที่ก้าวยาวๆ ก็พอจะบอกได้ว่าเขาเองก็ร้อนใจและรีบอยากจะไปยังสนามแข่งแล้วไม่น้อย
‘ชิน เขาจะจำฉันได้มั๊ย’
‘เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้จริงๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่เฟย์พูดถึงเป็นใคร’ ชินตอบกลับมาทันทีที่ชายน์เอ่ยถามในใจเบาๆ
“เมื่อเข้าไปถึงแล้วจะมีการทดสอบเพื่อยืนยันตัวนิดหน่อย สิ่งที่ยืนยันตัวของนายได้คือรัตติกาลเพลิง ซึ่งจริงๆ แล้วหลายๆ คนก็สามารถใช้ได้ แต่มันจะไม่เหมือนของนาย” เฟย์หันมาเอ่ยกับชายน์หลังจากที่พากันเดินมายังเบื้องหน้าของหน้าผาอันสูงชันที่ต้องแหงนจนคอตั้งบ่าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมองเห็นยอด
“มั่นใจนะว่าวิธีนี้จะได้ผล” เดวี่ถามย้ำ
“หรือนายจะเอามังกรของนายออกมาพาพวกเราไปล่ะ?”
“มังกรฉันหลับอยู่ แล้วมันก็ยังไม่โตพอที่จะใช้งานได้ในตอนนี้” เดวี่เอ่ยเรียบๆ ตามแบบฉบับของเขา
“หืมมม สัตว์เวทย์ของนายคือมังกรหรือ? สุดยอดเลยอ่ะเดวี่”
“มังกรเด็กหนะชายน์ ยังไม่โตเลย” เฟย์เอ่ยพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้เดวี่
“รีบๆ เข้าเถอะ มัวคุยอะไรไม่เข้าเรื่อง” เดวี่ชิ่งตัดบทก่อนที่เรื่องมังกรของเขาจะพาให้เสียงานและก็ได้ผล บัดนี้เฟย์เลิกเล่นและหันมาเอ่ยอย่างจริงจังมากขึ้น
“เอาล่ะนะ” เฟย์เอ่ยถามและเมื่อชายน์พยักหน้ารอบๆร่างของเฟย์ก็เกิดวงแหวนสีทองมากมายลอยหมุนอยู่รอบๆ แสงสีขาวนวลสว่างว้าบขึ้นพร้อมกับร่างของเฟย์หายไปแต่ร่างของฟินิกซ์สีส้มทองอันแสนงดงามบินพุ่งทะยานออกมาและส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วทั้งผืนป่ามืด
เสียงร้องของฟินิกซ์ก้องกังวานไปทั่วก่อนจะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยอันเป็นสัญญาณว่าเฟย์หลบหายเข้าไปในดาบที่ชายน์ครอบครองอยู่เรียบร้อยแล้ว และเพียงครู่เดียวพื้นแผ่นดินในบริเวณนั้นก็สั่นไหว เศษดินเศษหินร่วงหล่นลงมาจากเบื้องบนหน้าผาพร้อมกับเงาดำทะมึนใหญ่กำลังเคลื่อนที่พุ่งลงมาทางชายน์
“เฮ้ย!!” โดยไม่ทันตั้งตัวเงาดำนั่นพุ่งโฉบมาโจมตีใส่ชายน์และเดวี่จนทั้งสองกระโดดหลบไปคนละทิศทาง
“เฟย์บอกให้ใช้รัตติกาลเพลิงเพื่อยืนยันตัวไม่ใช่หรือ” เดวี่ตะโกนเอ่ยเตือน
”ใช่ๆ ฉันลืมไปเลย” ว่าแล้วชายน์ก็เรียกรัตติกาลเพลิงออกมาเพื่อจะยืนยันตัวตน หากแต่เงาดำนั่นกลับไม่ลดละการจู่โจมเพราะบัดนี้มันกำลังพุ่งใส่ชายน์อีกครั้ง
“อ่าว เฮ้ย!!” เป็นอีกครั้งที่ชายน์ต้องตกใจร้องลั่นเมื่อเขาคิดว่าเขาน่าจะสอบผ่านการยืนยันตัวแล้วหากแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ลดละการจู่โจม เงาดำพุ่งใส่ชายน์ด้วยความเร็วจนชายน์ซัดเวทย์สวนออกไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาใช้เวทย์สายไหนบทไหนออกไปบ้าง และครั้งนี้ปรากฏว่า…
“ยินดีต้อนรับการกลับมานะสหาย ฮ่าๆๆ” ทันทีที่เวทย์ของชายน์พุ่งเข้ากระทบกับเงาดำนั่นมันก็สลายไปพร้อมกับการปรากฏกายของบุรุษหนุ่มร่างกายกำยำขึ้นด้านหลังของชายน์
“เอ่ออ คุณคือ..”
“ข้าชื่อ แดร์ดราก้อน ทุกคนรู้จักข้าในนามของมังกรผู้กล้า” บุรุษหนุ่มแนะนำตัว ชายน์ใช้เสี้ยวเวลาที่สบตาสังเกตุบรุษเบื้องหน้าก็พบว่าร่างกายกำยำที่สวมอาภรณ์สีดำกับผมยาวดำสนิทช่างดูลึกลับไม่เบา อีกทั้งใบหน้าคมเข้มกับไรหนวดสีเทาที่โกนออกแล้วกับดวงตาสีดำนั่นช่างดูมีอำนาจซะเหลือเกิน
“ครับ ท่านแดร์ดราก้อน” ชายน์ตอบกลับอย่างประหม่า
“ท่านเทิ่นอะไรกันล่ะสหายข้า เรียกข้าว่าแดร์เฉยๆ ก็ได้ ฮ่าๆๆ”
“ชายน์เขาจำอดีตไม่ได้หรอกครับท่านแดร์ดราก้อน ผมเดวี่ ลอฟดาน่า ครับ” เดวี่เอ่ยพร้อมแนะนำตัวและโค้งคำนับอย่างสง่างาม
“โอ้.. สายเลือดลอฟดาน่า ไม่นึกว่าจะได้เจอ ยินดีอย่างยิ่งเดวี่” แดร์ดราก้อนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“คือเรามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือหน่อยนะแดร์” ชายน์เอ่ยอย่างเอาใจคนตรงหน้าสุดๆ และดูท่าว่าจะได้ผลดีทีเดียว
“แม้เวลาผ่านจนเจ้ามีชีวิตขึ้นใหม่แต่นิสัยก็ยังไม่เปลี่ยนนะชายน์ ฮ่าๆๆ ว่ามาเลยสหาย”
“ข้าจะรีบไปเทเรอร์น่ะ เกรงว่าถ้าเดินทางเองคงจะไม่ทัน”
“เลยจะให้ข้าพาไปสินะ อืม เข้าใจละ” แดร์ดราก้อนเอ่ยอย่างรู้ทันก่อนจะกลายร่างเป็นมังกรยักษ์สีดำที่สง่าและน่าเกรงขามจนชายน์และเดวี่ได้แต่ยืนมองจนตาค้าง
“ไหนว่ารีบไง ขึ้นหลังข้าสิ” แดร์ดราก้อนเอ่ยเตือนให้ทั้งสองรีบขึ้นไปยังหลังของตนก่อนจะพากันบินมุ่งหน้าไปยังเทเรอร์
“สุดยอดเลยแดร์ ฮ่าๆๆ” ชายน์หัวเราะชอบใจหลังจากที่แดร์ดราก้อนพาบินขึ้นยังบนฟ้า
“จับให้แน่นนะ ข้าทำได้มากกว่าที่เจ้าคิดอีก” ว่าแล้วมังกรหนุ่มก็เร่งความเร็วยิ่งขึ้นจนชายน์หัวเราะลั่นอย่างชอบใจ
“วู้ววว เร็วสุดยอดเลย ฮ่าๆๆ” ชายน์หัวเราะลั่นอย่างชอบใจแต่เดวี่กลับนั่งหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัดเจน .. ‘ก็คนมันไม่ชอบความสูงนี่นะ!!’
………………………………………
ณ สนามประลองเวทย์โรงเรียนเทเรอร์…
“ข่าวว่าเด็กโฮเนอร์ปีนี้ได้ลงแข่งรายการบุคคลทั่วไปด้วยนี่ สงสัยจะไม่ธรรมดา” เด็กเทเรอร์สายเลือดแวร์วูฟคนหนึ่งเอ่ยเปิดประเด็นขึ้นระหว่างรอรายงานตัวเพื่อลงแข่งขัน
“ทั้งๆ ที่รายการอื่นเขามากันหมดแล้ว แต่รายการเดี่ยวระดับนักเรียนกับบุคคลทั่วไปยังไม่โผล่หัวมาเลยตังแต่เมื่อวานล่ะ สงสัยหนีกลับไปแล้วมั้ง ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มผมสีขาวเอ่ยพลางหัวเราะอย่างชอบใจ
“มันอาจรู้ละมั้งว่าจะได้เจอกับนายก็เลยรีบหนีกลับไปแล้วอ่ะเอ็ดดี้ ฮ่าๆๆ”
“ฉันเป็นถึงเจ้าชายและเป็นองค์รัชทายาทของกษัตริย์เอสเทอร์แห่งเกรย์โซน ใครหน้าไหนจะเก่งเกินฉันต้องไม่มี” เอ็ดดี้เอ่ยอย่างมั่นใจสุดๆ เพราะจะว่าไปตั้งแต่เล็กจนโตและเข้ามาอยู่ในเทเรอร์ก็ไม่มีใครกล้าขัดเขาอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะสถานะของเขาหรือจะด้วยฝีมือก็แล้วแต่สิ่งเหล่านั้นมันหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่เอาแต่ใจและไม่เคยยอมให้ใครเลย
“ข่าวว่าประธานรุ่นของโฮเนอร์จะได้เจอกับนาย ส่วนเพื่อนของมันลงรายการบุคคลทั่วไปมั้ง” เพื่อนในกลุ่มของเอ็ดดี้เอ่ยแจ้งข้อมูลที่สืบทราบมา
“แสดงว่าเพื่อนของมันก็คงไม่ธรรมดาถึงได้กล้าลงรายการนั้น หึหึ อีกไม่กี่นาทีก็ลงสนามแล้วฉันว่าเข้าไปรอมันในห้องรับรองดีกว่า” เอ็ดดี้กล่าวสรุปก่อนจะเดินนำเพื่อนๆเข้าไปยังห้องรับรองที่ทางเทเรอร์จัดไว้ให้
ย้อนไปที่ชายน์..
“เร็วอีกได้มั๊ยแดร์ ป่านนี้ทางเทเรอร์คงเริ่มการแข่งขันแล้วมั้ง” ชายน์เอ่ยเร่งแดร์ดราก้อนเพราะกำลังกังวลกับการแข่งขันที่คาดว่าน่าจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“อืม เริ่มตอนเที่ยงตรงใช่มั๊ย? น่าจะทันนะ”
“แต่ต้องรายงานตัวก่อนอีกนะ เผื่อเวลาไว้หน่อยก็ดี”
“นายสองคนนี่ใครเริ่มกันล่ะ?”
“เดวี่ก่อน รายการของฉันแข่งตอนเย็น” ชายน์ตอบแทนเพื่อนที่ตั้งแต่ออกเดินทางก็เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดจาซักคำ
“งั้นเดี๋ยวทำตามที่ฉันว่านะ……” แดร์ดราก้อนยื่นข้อเสนอและวางแผนให้กับสองหนุ่มน้อยและดูท่าว่าทั้งคู่จะสนใจข้อเสนออยู่ไม่น้อย
กลับมาที่สนามประลองเวทย์โรงเรียนเทเรอร์…
“ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่สนามการแข่งขันการประลองเวทย์ในช่วงที่สองนะค่ะ เอาล่ะค่ะทุกท่าน… หลายรายการก็ดำเนินการแข่งขันไปบ้างแล้วที่กรีนโซน หลายรายการที่แข่งขันแล้วในช่วงเช้าและตอนนี้เวลาเที่ยงตรงก็เป็นรอบที่สองของการแข่งขันโดยเป็นรายการของนักเรียนและในช่วงเย็นจะเป็นรายการของรอบบุคคลทั่วไปนะคะ….” พิธีกรสาวยังคงกล่าวชี้แจงการแข่งขันในรอบที่สองต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับเชิญผู้เข้าแข่งขันคู่แรกออกมาทันที
“สำหรับคู่แรกเป็นการประลองเวทย์ของตัวแทนรุ่นจากโฮเนอร์และเทเรอร์ค่ะ ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันลงสู่สนามเลยคร้า” ทันทีที่กล่าวจบเอ็ดดี้ก็เดินลงสู่สนามและเรียกเสียงเฮของนักเรียนเทเรอร์ตลอดจนผู้เข้าชมก็ส่งเสียงเฮลั่นด้วยเพราะตัวแทนจากเทเรอร์เป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งเกรย์โซนนั่นเอง แม้ว่าประชาชนที่นี่จะไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่แต่ถ้าไม่เชียร์ก็มีหวังโดนขับไล่ออกจากดินแดนแน่ๆ แต่ก่อนที่พิธีกรสาวจะทันได้กล่าวอะไรต่อก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามากระซิบบางอย่างแก่เธอแล้ววิ่งออกไปทันทีที่จบการสนทนา
“เอ่อออ ต้องขอแจ้งว่าบัดนี้ผู้เข้าประลองเวทย์จากโฮเนอร์ยังไม่ได้รายงานตัวเลยนะคะ ไม่ทราบว่าผู้เข้าประลองเวทย์อยู่ในที่นี้หรือเปล่าค่ะ” ทันทีที่เอ่ยจบก็เกิดเสียงบ่นดังระงมไปทั่ว
“ถ้าไม่มีการรายงานตัวหรือไม่แสดงตัวในตอนนี้ทางเราขอตัดสิทธิแล้วให้ท่านแพ้นะคะ”
“หนึ่ง….สอง….” และยังไม่ทันที่เธอจะกล่าวจบก็บังเกิดเงาสีดำขนาดใหญ่พาดผ่านทับสนามประลองเวทย์พร้อมกับร่างของเด็กผู้ชายตัวสูงกระโดดลงมากลางสนามประลองจนเรียกเสียงฮือฮาได้ทั่วทั้งสนาม
“เอ่ออ นี่คือ..” ยังไม่ทันที่พิธีกรสาวจะเอ่ยจบเดวี่ก็ชิงเอ่ยแทรกขึ้นก่อน
“เดวี่ ลอฟดาน่า ผู้เข้าแข่งขันในรายการนี้” ทันทีที่กล่าวจบก็เรียกเสียงฮือฮาได้อีกเป็นอย่างดี เพราะลอฟดาน่าที่ทุกคนคิดว่าสูญสิ้นไปแล้วบัดนี้ได้มีคนเอ่ยถึงมันออกมาอีกครั้ง
“แอบอ้างมากกว่ามั้ง” เอ็ดดี้เอ่ยอย่างหยามเหยียด
“เนื่องจากว่าผู้เข้าแข่งขั้นจากเทเรอร์เป็นถึงองค์รัชทายาท ดังนั้นคุณเดวี่ควรจะแสดงความเคารพต่อองค์รัชทายาทก่อนนะคะ” เสียงเอ่ยของพิธีกรสาวเล่นเอาเดวี่ชะงักไปทันทีเพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจะต้องมาทำความเคารพสายเลือดที่ปล้นบังลังก์ของเขาไปแบบนี้
“เชิญคะคุณเดวี่” พิธีกรสาวกล่าวเตือนพร้อมกับเสียงโห่ของผู้ชมบางส่วนที่ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เดวี่แนะนำตัวได้โห่ร้องลั่นสนามจนเขาต้องตัดสินใจทำตามที่พิธีกรสาวแนะนำ
“ฮ่าๆๆ ก็แค่นั้นแหละ ไอ้ลูกกษัตริย์ไร้บังลังก์.. ไร้แผ่นดิน!!” คำกล่าวของเอ็ดดี้ทำเอาเดวี่กำหมัดแน่นและเมื่อพิธีกรสาวส่งสัญญาณเริ่มต้นเดวี่ก็เป็นฝ่ายจู่โจมทันที
“เฮ้ย!!” เอ็ดดี้ตกใจร้องลั่นที่ใบมีดสีดำนับร้อยสาดซัดเข้ามายังเขาจนต้องกระโดดหลบไม่เป็นท่า บัดนี้ชายน์และแดร์ดราก้อนในร่างของคนก็เข้ามานั่งชมการประลองเวทย์อยู่ข้างสนามเรียบร้อยแล้วและอดที่จะนินทาคนในสนามไม่ได้
“เห็นเงียบๆ แบบนี้ไม่นึกว่าหมอนั่นจะใจร้อนได้ขนาดนี้นะ ฮ่าๆๆ”
“หมอนี่โหดมากเลยนะ ยิ่งเวลาไม่มีสตินะน่ากลัวสุดๆ” ชายน์เอ่ยอวดอ้างสรรพคุณของเพื่อนอย่างภาคภูมิใจพลางนั่งมองการต่อสู้ที่บัดนี้เดวี่กำลังจู่โจมอย่างบ้าคลั่งมากว่าสิบนาทีแล้วจนดูท่าว่าทั้งคูคงจะเหนื่อยกับการใช้เวทย์ไปไม่น้อย
“จัดการมันเลย” เอ็ดดี้เอ่ยสั่งฝูงหมาป่านับสิบที่เขาเรียกออกมาเพื่อผ่อนแรงตัวเองและตัดกำลังเดวี่ด้วย
‘มีสัตว์เวทย์เยอะขนาดนี้เลยรึ หึหึ’ เดวี่กระตุกยิ้มอย่างเครียดๆ เพราะเขาเองยังไม่สามารถใช้สัตว์เวทย์ของตนได้เนื่องจากสัตว์เวทย์ของเขายังไม่โตพอนั่นเอง
แฮร่…. ฝูงหมาป่าตัวโตนับสิบวิ่งล้อมเดวี่และผลัดกันจู่โจมซึ่งอันตรายของเจ้าพวกนี้คือมันสามารถพ่นลูกบอลไฟได้ และบัดนี้มันก็กำลังระดมพ่นลูกบอลไฟใส่เดวี่อย่างไม่ยั้ง
“ไม่ง่ายหรอกไอ้พวกหมาหมู่” เดวี่เรียกรัตติกาลเวทย์ออกมาเป็นแนวกำแพงกั้นลูกบอลนั้นและก็ดูท่าว่าจะได้ผลเป็นอย่างดี แต่เดวี่เองก็เผลอเปิดโอกาสให้หนึ่งในหมาป่าเข้าจู่โจมจากด้านหลังจนได้
“อึก!!” หมาป่าตัวโตกระโดดกัดเข้าที่แขนของเดวี่ส่งผลให้กำแพงจากรัตติกาลเวทย์คลายลงทำให้ฝูงหมาป่าเข้าจู่โจมเดวี่ได้ง่ายขึ้น ร่างของเดวี่ล้มลงพร้อมกับฝูงหมาป่ากำลังรุมฟัดร่างนั้นจนฝุ่นฟุ้งไปทั่ว
“ขอให้สนุกกับลูกๆ ของฉันนะ ฮ่าๆๆ” เอ็ดดี้กล่าวพร้อมกับสร้างวงแหวนสีดำเข้าคลอบร่างของเดวี่และฝูงหมาป่าไว้เพื่อเป็นพันธนาการจัดการเดวี่ไม่ให้หลุดออกมาได้
“โห จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมใช้ของที่ฉันให้อีกนะ อึดจริงๆ” แดร์ดราก้อนเอ่ยอย่างทึ่งๆ และอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“ถ้าไม่เจ็บก็ไม่มีแรงฮึดหนะสิ หมอนี่จิตกว่าที่คิดแฮะ” ชายน์เองก็ตกใจไม่น้อยที่เดวี่ปล่อยให้ฝูงหมาป่าเข้ารุมขนาดนั้นทั้งๆ ที่เดวี่สามารถจะจัดการได้ตั้งแต่มันยังเข้าไม่ถึงตัวเลยด้วยซ้ำ
“จัดการเลยแล้วกันนะ อ่อนจริงๆ เลยสายเลือดลอฟดาน่าเนี่ย” กล่าวจบเอ็ดดี้ก็เรียกดาบสีแดงสดเล่มงามออกมาไว้ในมือก่อนจะยกขึ้นแล้วฟาดใส่ยังวงแหวนสีดำนั่นทันที
บึ้มมม… เสียงระเบิดดังไปทั่วทั้งสนาม ร่างของหมาป่ากระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดดิ้นตายอย่างน่าอนาถ เอ็ดดี้เองก็ตกใจไม่น้อยเพราะแรงระเบิดนั่นไม่ได้มาจากดาบของเขาอย่างแน่นอนเพราะการระเบิดนั้นมันเกิดขึ้นก่อนและเขาก็ยั้งมือไว้ได้ทัน ท่ามกลางกลุ่มควันที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วปรากฏเงาลางๆ สีดำกำลังจัดการหมาป่าทีละตัวและขว้างมันออกมาด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากตัวแรกก่อนที่ร่างนั้นจะบินพุ่งออกมาจากกลุ่มควันนั่นพร้อมกับเสียงเฮของผู้ชมรอบๆ สนามที่เอาใจช่วยเดวี่ดังลั่นไปทั่ว
“ตกใจหรือเอ็ดดี้ ฉันรู้นี่ก็ไม่ใช่ร่างจริงของแกหรอกใช่มั๊ย?” เดวี่ที่บัดนี้เผยร่างจริงออกมาแล้วทำเอาเอ็ดดี้ตกใจไม่น้อย ร่างกายโตขึ้นพร้อมกับปีกสีดำใหญ่ช่างน่ากลัวนัก ยิ่งเมื่อสบตากับดวงตาสีแดงเข้มและเขี้ยวสีขาวยามเมื่อพูดนั้นก็ทำเอาเอ็ดดี้ประหม่าไม่น้อยแต่ก็ยังทำใจดีร่ายเวทย์ออกมาเตรียมรับมือกับเดวี่ทันที กลุ่มควันสีดำลอยเข้าปกคลุมร่างของเอ็ดดี้ไปชั่วขณะ เสียงหอนของหมาป่าดังลั่นไปทั่วทั้งสนามก่อนที่ร่างของหมาป่าตัวโตจะกระโจนออกมาและพุ่งโจมตีเดวี่ทันที
“สัตว์ชั้นต่ำริอาจมาสู้กับราชันย์ปีศาจอย่างข้ารึ หึหึ” เดวี่เอ่ยด้วยเสียงอันทรงอำนาจก่อนจะบินหลบการโจมตีนั้นและโฉบลงมาหิ้วร่างของหมาป่าแล้วบิ้นขึ้นไปบนฟ้าจนผู้ชมต้องแหงนมองจนคอตั้งบ่า
“เขี้ยวเล็กๆ เล็บสั้นๆ แบบนี้มันไม่ระคายผิวฉันหรอกเอ็ดดี้” เดวี่เอ่ยขณะที่บินวนอยู่บนฟ้าโดยมีร่างหมาป่ากำลังดิ้นและใช้ทั้งขาทั้งเขี้ยวเข้าขัดขืนทำร้ายเดวี่อย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่เกิดผลใดๆ จนหมาป่าพ่นไฟใส่เดวี่ในระยะประชิดและก็ได้ผลทันที เดวี่ปล่อยร่างของหมาป่าลงสู่พื้นดินทันทีและบินตามลงมาติดๆ พร้อมกับใช้รัตติกาลเวทย์ซัดใส่ร่างของหมาป่าในช่วงเสี้ยววินาทีที่ร่างนั้นจะตกถึงพื้น แรงปะทะของรัตติกาลเวทย์กับร่างหมาป่าส่งผลให้ร่างนั้นร่วงลงเร็วขึ้นและกระแทกกับพื้นแรงขึ้นจนแผ่นดินยุบเป็นหลุมเลยทีเดียว
ตุบ!! เสียงวัตถุหนักตกกระแทกพื้นพร้อมกับฝุ่นฟุ้งไปทั่ว และเมื่อฝุ่นจางลงก็เผยให้เห็นร่างของเอ็ดดี้นอนกระอักเลือดออกมาเป็นกองและตามมาด้วยร่างของเดวี่ที่เรียกดาบสีดำเล่มงามออกมาพร้อมกับเก็บปีกแล้วกระโดดลงสู่พื้นดินอย่างงดงามก่อนจะยกดาบขึ้นชูเหนือหัว
“ดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจ ดาบที่ยืนยันถึงตัวตนของข้า” ทันทีที่เอ่ยจบบรรดาคนที่รู้จักดาบเล่มนี้ดีต่างก็ลุกขึ้นพร้อมทำความเคารพเดวี่อย่างนอบน้อม ส่วนคนที่ไม่รู้จักดาบดำก็ได้แต่ทำหน้างง
“ฉันทำความเคารพแกเพราะสถานะของแกแล้ว และบัดนี้แกก็ควรจะทำความเคารพดาบของฉันด้วยเช่นกันนะ ไอลูกกษัตริย์ขี้โกง!!” เดวี่เอ่ยเตือนสติของเอ็ดดี้ที่นอนมองหน้าเขาอย่างอาฆาตแค้นก่อนจะเอ่ยและกระทำบางสิ่งออกมา
“ไม่มีวัน ถุ๊ย!!” กล่าวจบเอ็ดดี้ก็ถุยน้ำลายสวนขึ้นใส่หน้าของเดวี่ทันที เลือดและน้ำลายกระเด็นติดแก้มของเดวี่จนแดงอย่างเห็นได้ชัด เดวี่เพียงแต่กระตุกยิ้มเย็นๆ ก่อนจะ…
“อ๊าคคค” ดาบดำเล่มงามฟาดแสกหน้าของเอ็ดดี้จนเจ้าตัวร้องลั่นก่อนจะสลบไปในที่สุด
‘เฮ…’ เสียงเฮดังลั่นไปทั่วทั้งสนาม บ้างก็ลุกทำความเคารพอีกครั้ง บ้างก็ส่งสายตาชื่นชมและบ้างก็กำลังหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความยินดียิ่ง น้ำตาแห่งความหวังนั่นเอง
‘รออีกหน่อยนะประชาชนของข้า ข้ากำลังพยายาม’
*ป่ามืด คือป่าที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีดำจนแสงใดๆ ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ ตนไม้ต่างๆ ก็เป็นสีดำทั้งสิ้น
…………………………………………..........................................…………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ