Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ตำนานดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตำนานดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจ
หลังจากที่เชพลาดเปิดประเด็นเรื่องความหลังของเขาและเดวี่ไว้ก็สร้างความสงสัยให้กับกลุ่มเพื่อนๆ เป็นอย่างมาก จนกระทั่งถึงช่วงเวลาอาหารค่ำของเย็นวันนั้น เซฟานี่ที่เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ก็เปิดประเด็นขึ้นอีกครั้ง
“สรุปว่าเรื่องนั้นมันยังไงเช?”
“เอิ่มม ไม่มีอะไรหรอกครับเซฟานี่” เชตอบเรียบๆ พลางหลบสายตาทุกๆคน
“เรื่องอะไรเหรอ บอกลุงบ้างได้มั๊ยเด็กๆ” เอดิสันกล่าวอย่างอารมณ์ดี ซึ่งตรงกันข้ามที่ทางด้านของเดวี่กลับมีสีหน้าเครียดขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาบ้างอย่างตัดบท
“ฉันและเชเป็นพี่น้องกัน”
“แค่พ่อเดียวกัน และฉันก็ไม่ใช่ปีศาจ” ทันทีที่เดวี่กล่าวจบเชก็เอ่ยออกมาบ้างจนคนทั้งโต๊ะอาหารต้องพากันตกตะลึง
“ยังไง นายเล่ามาให้หมดเลยนะ” มาร์ตินสั่งอย่างสงสัยใคร่รู้
“พวกเธอเป็นใครกันแน่? ไหนลองบอกฉันมาซิ!!” เอดิสันถามพลางขมวดคิ้วสงสัยในตัวของเด็กทั้งสองที่แลว่าจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรนัก
“เดวี่ ลอฟดาน่า ครับ” เดวี่เอ่ยเรียบๆ
“งั้นหนุ่มหล่ออีกคนก็ เชโด้ ลอฟดาน่าสินะ ฮ่าๆๆ” มารีนกล่าวอย่างรู้ทัน และเมื่อเจ้าตัวพยักหน้ารับเธอก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวนะครับท่านพ่อ ท่านแม่” ชายน์ยกมือเบรกพ่อแม่ของตนทันทีก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ท่านพ่อท่านแม่ช่วยเล่าให้พวกผมฟังอย่างละเอียดหน่อยได้มั๊ยครับ?” ชายน์กล่าวพร้อมกับที่นีโอ มาร์ติน เซฟานี่และเจด้าต่างก็พยักหน้าและส่งสายตามาให้เชิงว่าอยากรู้ด้วยเช่นกัน
“เรื่องนี้มันเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่เขา แม่ว่าให้เจ้าตัวเล่าเองดีกว่านะ” มารีนกล่าวพลางส่งยิ้มให้เชและเดวี่ และเมื่อสถานการณ์ออกมาแบบนี้ เชก็เพียงแต่เหลือบมองเดวี่แว้บหนึ่งแล้วจึงเริ่มเปิดประเด็นเล่าเรื่องของเขาทันที
“พ่อของพวกเราคือ เชดาวี่ ลอฟดาน่า องครักษ์แห่งกษัตริย์แกรนเนอร์ แม่ฉันคือ โดน่า เป็นเอลฟ์จากกรีนโซน ทันทีที่ฉันเกิดก็ย้ายไปอยู่กับแม่ที่กรีนโซนจนโต ส่วนพ่อ…..” เชกล่าวพร้อมกับก้มหน้านิ่งจนเดวี่เอ่ยแทรกออกมาบ้าง
“ท่านก็ยังคงคิดถึงและเฝ้าตามหาลูกชายคนโตของท่านเรื่อยมาจนได้พบ ผมเป็นลูกอีกคนของท่าน แม่ผมคือ เดริก้า เป็นชาวปีศาจที่โดนขับไล่ออกมาจากเกรย์โซนเพราะท่านอุ้มท้องกลับบ้านโดยไม่มีพ่อของเด็ก ทันทีที่ผมเกิดแม่ผมก็จากผมไป ท่านพ่อบอกว่าผมโดนส่งตัวกลับมาให้ท่านพ่อ จากนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปเกรย์โซนอีกเลย” เดวี่กล่าวพลางเหลือบมองเช เมื่อเห็นว่าเชยังคงนั่งนิ่ง เดวี่ก็กล่าวต่ออีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้ท่านพ่ออยู่กับท่านโดน่า แต่เมื่อท่านโดน่ารู้ว่าท่านพ่อมีผมกับท่านแม่ ท่านโดน่าก็พาลูกชายหนีกลับกรีนโซน ทางท่านแม่ผมเมื่อรู้ว่าท่านทำให้ท่านโดน่าต้องเสียใจท่านเองก็เลยอุ้มท้องผมกลับบ้านแม้ว่าท่านจะต้องโดนคนทั้งเมืองประจานก็ตาม” เดวี่กล่าวพร้อมกับใบหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดไม่น้อย
“และโดนถอดยศเป็นสามัญชนธรรมดา” มารีนอดที่จะกล่าวแทรกขึ้นมาไม่ได้ ส่วนเชบัดนี้ที่แอบหันมามองหน้าเดวี่ก็มีสีหน้าที่แปลกเปลี่ยนไปจนยากที่คนบนโต๊ะอาหารจะคาดเดาได้
“ครับ ทันทีที่ผมโดนส่งตัวออกจากเกรย์โซน กษัตริย์แห่งเกรย์โซนก็โดนยึดอำนาจและสถาปนากษัตริย์เอสเทอร์ขึ้นปกครองแทน”
“ชื่อเดียวกับอาจารย์เอสเทอร์เราเลยเนอะ ฮ่าๆๆ” มาร์ตินกล่าวพร้อมหัวเราะเฮฮาจนมือของเซฟานี่ฟาดลงบนหัวเขาอย่างจังจนมาร์ตินร้องลั่น
“มันใช่เวลามั๊ยห๊ะ มาร์ตี้ คนชื่อเหมือนกันมีเยอะแยะไป ฮึ!!” กล่าวพร้อมกับหันไปตั้งใจฟังต่อ
“นายจะบอกว่า นายคือ….” เชเอ่ยออกมาพร้อมกับชะงักคำพูดไปอย่างไม่มั่นใจ
“หลานชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดของกษัตริย์แห่งเกรย์โซนที่โดนยึดอำนาจราชบัลลังก์” เอดิสันกล่าวเรียบๆ แทนคำตอบที่เดวี่ควรจะตอบ
“ห๊ะ!! งั้นนายก็เป็นรัชทายาทหนะสิ เดวี่” มาร์ตินต้องตกใจอีกครั้งที่สถานะอันแท้จริงของเพื่อนกำลังถูกเปิดเผยออกมาอีกคนหนึ่งแล้ว
“ไม่หรอก อย่าลืมสิว่ากษัตริย์องค์เก่าโดนยึดบังลังก์แล้ว แม้ฉันจะเป็นสายเลือดเดียวที่เหลือ แต่ตอนนี้ก็แค่สามัญชนธรรมดา” เดวี่เอ่ยพลางถอนหายใจยาว
“เพราะชาวเกรย์โซนไม่รู้ว่าสายเลือดแห่งกษัตริย์ของเขายังคงอยู่นี่ อีกทั้งการครองราชย์ของกษัตริย์เอสเทอร์ก็ไม่สง่างามและเป็นที่ไม่พอใจของชาวเกรย์โซนเพราะอะไรนายก็รู้ดี แล้วแบบนี้นายจะไม่เอาของๆนายคืนหรือ?” เซฟานี่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง
“แบบนี้สินะ ท่านพ่อถึงยกดาบดำเล่มนั้นให้กับนายแทนที่จะให้ลูกคนโตอย่างฉัน” เชเอ่ยออกมาในที่สุดหลังจากเงียบมานาน
“ดาบดำคือสิ่งเดียวที่ใช้ยืนยันสถานะของสายเลือดกษัตริย์ได้ มันถูกส่งมาให้ท่านพ่อพร้อมกับฉัน” เดวี่หันไปกล่าวกับเช
“ดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจสินะ หึหึ ดาบนั่นจะต้องอยู่กับสายเลือดของราชันย์ปีศาจเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถใช้ดาบนั่นได้หรอก” เอดิสันกล่าวเสริม
“เพราะงั้นท่านพ่อถึงเก็บดาบไว้ให้ฉันไง คนที่รู้จักมันก็จะรู้จักฉันด้วย” เดวี่กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ผมไม่ค่อยสบาย ขอตัวก่อนนะครับคุณลุง คุณป่า” กล่าวพร้อมหันไปโค้งทำความเคารพเอดิสันและมารีน เมื่อคนทั้งสองพยักหน้าเดวี่ก็เดินออกจากโต๊ะทันที
“ไงล่ะเช หลงเข้าใจผิดน้องชายตัวเองมาตั้งนาน ทีนี้เข้าใจเหตุผลเดวี่หรือยัง” เจด้าหันไปกระซิบกับเชเบาๆ
“แต่ถึงยังไงฉันก็คงไม่สามารถทำดีกับคนที่เป็นต้นเหตุให้แม่ฉันต้องตรอมใจตายได้หรอกนะ” เชกล่าวกลับเรียบๆ พร้อมกับขอตัวออกจากโต๊ะด้วยเช่นกัน
“จะว่าไปสองคนนี่ก็คล้ายกันนะ คนหนึ่งผมดำดวงตาสีดำ ร่างสูงโปร่ง อีกคนก็ผมดำกับดวงตาสีเทาแต่รูปร่างเดียวกันไม่มีผิด” เซฟานี่กล่าวพลางนึกถึงคนทั้งสองทีมีสายเลือดเดียวกัน จริงอยู่ว่าเดวี่จะต่างจากเชแค่ดวงตาสีดำและเชมีดวงตาสีเทา แต่ทว่าลักษณะนิสัยของทั้งคู่นั้นแทบไม่ต่างกันเลย …แต่เดวี่เป็นปีศาจแล้วจะมีปีกสีดำแบบชายน์มั๊ยนะ และถ้างั้นเชก็ต้องหูแหลมแบบพวกเอลฟ์หนะสิ!!
“แล้วตำนานดาบดำนี่เกี่ยวอะไรกับปัญหาของพวกเขาล่ะครับท่านพ่อ ผมเห็นแค่เขาไม่ลงรอยกันเพราะเรื่องครอบครัวมากกว่า” ชายน์หันไปถามเอดิสันอย่างสงสัย
“ก็เชดาวี่เขาไม่เคยเล่าเรื่องของเดวี่ให้เชโด้เขาฟังเลย และเชโด้เขาก็ไม่เคยฟังพ่อเขา ต่างคนต่างไม่ปรับความเข้าใจกันก็เลยเป็นแบบนี้ไง” เอดิสันตอบแต่ชายน์ก็ยังคงงงอยู่ดีจนมารีนต้องกล่าวเสริม
“เดวี่หนะพยายามเข้าหาพี่ชายเขา แต่พี่ชายเขาสิไม่ฟังอะไรเลย เขาคงเสียใจเรื่องแม่เขาแหละ”
“แสดงว่าคุณลุงคุณป้ารู้จักครอบครัวของเชและเดวี่ก่อนแล้วสิครับ” นีโอกล่าวออกมาบ้าง
“ก็ได้ยินเรื่องมาบ้าง เชดาวี่เขาเคยมาปรึกษาแต่พวกเราไม่เคยเจอเด็กสองคนนี้เลยจำไม่ได้แค่นั้นแหละ” มารีนตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อีกอย่างเชเขาน้อยใจพ่อเขาด้วยแหละที่พ่อเขายกดาบดำให้เดวี่ เขาคิดว่าพ่อเขาลำเอียงเลยพาลเกลียดเดวี่อ่ะ” เจด้ากล่าวในสิ่งที่เขารู้มาบ้างและนั่นก็ทำให้หลายๆ คนเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น
………………………………………………………………………..
“เดวี่ หลับยัง?” ชายน์ที่เข้าห้องมาแล้วพบว่าเดวี่นอนไปแล้วก็เข้าไปเขย่าร่างนั้นเบาๆ แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับ
“หลับแล้วสินะ หึหึ” กล่าวจบก็หันไปปิดไฟในห้องแล้วเหลือไว้เพียงไฟที่หัวเตียงก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับแทรกตัวลงนอนข้างๆ เดวี่อย่างแผ่วเบา แต่ทว่าผ่านไปกว่าชั่วโมงแล้วชายน์ก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี
“เดวี่ ฉันนอนไม่หลับ” หันไปเรียกคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ แต่ก็ยังคงไร้การตอบกลับอยู่ดี
“ถ้าไว้ใจฉันนายควรจะเปิดใจกับฉันมากกว่านี้นะ เหมือนนายจะรู้จักฉัน แต่ฉันสิ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนายเลย” ชายน์ยังคงว่าไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่นอนหันหลังให้เขานั้นไม่ได้หลับตาเลยตั้งแต่แรกแล้ว
“เฟย์” หลังจากที่นอนเงียบไปพักหนึ่งจนเดวี่คิดว่าชายน์หลับไปแล้วนั้น ฉับพลันชายน์ก็เรียกชื่อของใครซักคนหนึ่งที่เดวี่ไม่รู้จักออกมา ทันทีที่ชายน์เรียกพลันก็เกิดแสงสีทองสว่างว้าบขึ้นมากลางห้องพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มผมทองยืนยิ้มอยู่ก่อนจะเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งอยู่ตรงปลายเตียง
“เรียกข้ามาทำไมดึกๆ ดื่นๆ นอนไม่หลับแล้วจะให้ข้าช่วยยังไงดีล่ะ ฮ่าๆๆ” เฟย์เอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน
“ฉันเคยได้ยินมาว่าบทเพลงของฟีนิกซ์ช่วยให้ผ่อนคลายและช่วยบำบัดฟื้นฟูได้ ฉันนอนไม่หลับอ่ะ นายช่วยร้องเพลงก่อมฉันหน่อยสิ” ชายน์ว่าพลางทำเสียงออดอ้อนเต็มที่
“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนะ ฉันเป็นฟีนิกซ์ก็จริง แต่ฉันเป็นฟีนิกซ์ที่ร้องเพลงไม่เป็นนะ นายจะทนฟังได้หรอ?” เฟย์กล่าวพลางยิ้มแป้น แต่ทว่ายังไม่ทันที่ชายน์จะได้ตอบอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“อยากฟังเพลงทำไมไม่บอกฉันล่ะ จะร้องให้ฟัง” เดวี่เอ่ยออกมาแล้วลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันมองเฟย์อย่างไม่วางตา!!
“อ่าว นี่ตื่นตอนไหนเนี่ย ฉันเรียกตั้งนานนายก็ไม่ตอบ” ชายน์ต่อว่า
“หมอนี่ใคร” เดวี่ถามชายน์เสียงเรียบๆ แต่ก็ยังคงจ้องเฟย์อย่างไม่วางตา
“เฟย์ ฟีนิกซ์ของฉันเอง ได้เมื่อตอนหลงป่าหนะ” เมื่อชายน์แนะนำเฟย์ก็เพียงแต่ก้มคำนับเดวี่และส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ฟีนิกซ์ นายสินะที่ช่วยปฐมพยาบาลชายน์ ขอบใจนะ” เดวี่กล่าวพร้อมส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“มันเป็นหน้าที่ของข้าหนะท่านเดวี่ ชายน์คือนายของข้ายังไงข้าก็ไม่ปล่อยให้เขาเป็นอันตรายหรอก”
“แล้วจะฟังมั๊ย” เดวี่หันไปถามชายน์ด้วยสีหน้าเรียบๆ จนชายน์อดสงสัยไม่ได้ว่าหมอนี่ตื่นมาอารมณ์ไหนกันแน่
“ฟังๆๆ” ชายน์ตอบพร้อมยิ้มกว้าง
“งั้นข้าไปนอนนะ เกรงว่าถ้าอยู่ต่อจะทำตัวไมถูก ฮ่าๆๆ” เฟย์กล่าวพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ชายน์แล้วหายวับไปทันที
“มีหนึ่งเรื่องราว ตำนานเล่าขาน
เวลาช้านาน ได้โปรดฟัง
กระต่ายตัวน้อย เฝ้ามองดวงจันทร์
ที่เดิมทุกวัน ไม่ห่างไกล
สวยงาม โอ้จันทรา ดวงดารา ส่องลงมา ช่างเฉิดฉาย
ฝันไป จะวันนึง จะวันใด จะไขว่และคว้ามา……”
เพียงเท่านี้ ร่างของเด็กผู้ชายผมยาวสีดำก็ดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มอย่างพอใจของเด็กผู้ชายอีกคน
“ไม่ใช่ว่าผมไม่เปิดใจ ไม่ใช่ว่าผมปิดบัง แต่ผมไม่อยากเอาเรื่องของผมไปทำให้นายน้อยยุ่งยากใจ เพราะนายน้อยเองก็มีเรื่องมากพออยู่แล้ว” เอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างๆ หูคนที่นอนหลับตาพริ้มอีกครั้ง
“ฝันดีนะครับ นายน้อย” สำหรับเดวี่ ชายน์เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายของเขา ในบางครั้งเขาก็ไม่รู้จะวางตัวในสถานะใด แต่สำหรับคืนนี้ ….ฟ้าร้องคำรามลั่นพร้อมกับสายฝนที่โหมกระหน่ำนั้นทำให้อากาศเย็นยะเยือกลง งั้นขอเพื่อนนอนกอดเพื่อนก่อนก็แล้วกันนะ!!
“เมื่อคืนหลับสบายดีมั๊ยเด็กๆ” มารีนถามเด็กๆ ขณะนั่งร่วมกันรับประทานอาหารเช้าบนโต๊ะอาหาร
“สบายดีครับ อุ่นกำลังดี” เดวี่กล่าวพลางกระตุกยิ้มเบาๆ
“ห้องฉันนี่หนาวแทบแย่ นีโอก็แย่งผ้าห่มฉัน เชก็นอนดิ้น” มาร์ตินเอ่ยออกมาอย่างเด็กๆ
“ทีนายนอนกัดฟันลั่นห้องพวกฉันยังไม่ว่าเลยนะมาร์ติน ฮ่าๆๆๆ” นีโอกล่าวออกมาบ้าง และนั่นก็ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครื้นเครงขึ้นทันตา
“วันนี้พี่ริวจะกลับบ้านนะ ชายน์จะอยู่รอเจอพี่เขาก่อนหรือจะกลับโรงเรียนเลยล่ะ” เอดิสันหันไปถามลูกชายคนเล็ก
“รอเจอพี่ริวก่อนครับ ผมคิดถึงพี่ชายผมจะแย่ ฮ่าๆๆ”
“แล้วริวจะมาถึงตอนไหนค่ะคุณ” มารีนถามเอดิสันเพราะเธอจะได้เตรียมของต้อนรับลูกถูก และยังไม่ทันที่เอดิสันจะได้ตอบอะไร ร่างของริวก็เดินเข้ามายังโต๊ะอาหารพร้อมกับส่งยิ้มแป้นมาให้ทุกๆ คน โดยเฉพาะชายน์
“สวัสดีครับท่านพ่อ ท่านแม่” กล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปกอดมารีน
“พูดถึงก็มาทันทีเลยนะ เดี๋ยวจัดอาหารเช้าเพิ่มอีกชุดนึงนะ” ทักทายลูกชายเสร็จก็หันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที
“มาๆๆ พี่ริวมานั่งข้างๆ ผมนี่” ชายน์ว่าพลางขยับโต๊ะให้ริวมานั่งข้างๆ และริวก็ว่าตามอย่างง่ายดาย
“พี่ริวทำงานหนักเหรอ ผอมกลับมาเชียว ฮ่าๆๆ” ชายน์อดที่จะแซวพี่ชายตัวเองไม่ได้ แต่ริวก็ผอมอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่ริวก็ไม่ตอบคำถามนั้น
“พี่ขอกอดหน่อย” กล่าวจบก็ดึงน้องชายเข้ามากอดพร้อมกับขยี้หัวแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยวจนเอดิสันและมารีนอดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้
“แล้วนี่ริวรู้จักน้องๆ ทุกคนรึยังล่ะ” มารีนถามลูกชายคนโตเพราะเห็นว่าริวยังไม่ได้ทักทายคนอื่นๆ และเด็กๆ ก็ยังไม่ได้ทักทายริวเช่นกัน
“รู้จักบ้างแล้วแหละครับท่านแม่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยเท่าไหร่” ริวกล่าวพลางหันไปส่งยิ้มให้น้องๆ ปี1
“ครับ พี่ริวเป็นถึงประธานรุ่นปี3 คนดังแบบนี้ไม่มีใครไม่รู้จักหรอกครับ ฮ่าๆๆ” มาร์ตินเอ่ยอย่างอารมณ์ดี จากนั้นอาหารมื้อเช้าก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันครื้นเครงเมื่อมีสมาชิกร่วมโต๊ะเพิ่มขึ้นอีก 1 คน
……………………………………………………………………………
“แกทำพลาดอีกแล้วนะ เมอร์ดอร์ฟ!!” เสียงทรงอำนาจนั่นตวาดใส่ชายชุดดำจนบัดนี้ เมอร์ดอร์ฟได้แต่ยืนตัวสั้นเพราะเขารู้ดีว่าเขากำลังจะโดนอะไร
“นายท่าน ขะ ขอรับ ข้าขอโอกาสอีกครั้ง อ๊าคคค” ยังไม่ทันจะกล่าวจบเวทย์มืดอานุภาพสูงก็พุ่งเข้ามาใส่จนร่างของเมอร์ดอร์ฟกระเด็นไปอัดกับกำแพงดังโครม
“แกมันไม่มีน้ำยา ตั้งแต่มันเป็นแค่เด็กทารกแกก็จัดการไม่ได้ มันกลับมาแกก็ทำพลาด ปล่อยจนมันเก่งกล้าแล้วแกก็แพ้มันน่ะสิ!!”
“อ๊าคคคคคค” เมอร์ดอร์ฟร้องลั้นเมื่อกรงเล็บสีดำจิกเข้ามายังดวงตาของเขาจนเลือดสีแดงไหลอาบไปทั่วทั้งใบหน้า บัดนี้ดวงตาของเขามืดสนิทไปแล้วหนึ่งข้าง
“นี่สำหรับความผิดพลาดของแกที่มันทำลายโอกาสของข้า งานนี้ข้าจะไม่ให้แกการเองแล้วเมอร์ดอร์ฟเพราะข้าไม่ไว้ใจเจ้า”
“แต่นายท่านขอรับ..” เมอร์ดอร์ฟพยายามอ้อนวอน
“นากี้ จี พอล” ทันทีที่เสียงชายปริศนาดังขึ้น ร่างของเด็กชายหญิงทั้ง 3 คนก็ปรากฏกายออกมาจากมุมมืดของห้องทันที
“งานนี้ข้าให้เจ้าสานต่อนะ อีก 7 วันจะมีงานประจำปี อย่าทำให้ข้าต้องเสียโอกาสนะ” ทันทีที่ได้รับคำสั่งเด็กทั้ง 3 ก็โค้งรับพร้อมกับเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
“ส่วนเจ้า เมอร์ดอร์ฟ ข้าจะให้เจ้าได้แก้ตัวอีกครั้ง แต่แค่ผู้ช่วยของ 3คนนั่นเท่านั้นนะ” กล่าวจบก็หายลับไปกับความมืด ปล่อยให้เมอร์ดอร์ฟอาฆาตแค้นชายน์อยู่เพียงผู้เดียว
“แกทำฉันตาบอด แกต้องชดใช้ ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาส”
……………………………………………………………………….................................................………………………………………………………………..
อธิบายเพิ่มง่ายๆ นะ เชและเดวี่เป็นพี่น้องกัน พ่อเป็นองครักษ์ของกษัตริย์แกรนโซน แม่ของเดวี่เป็นธิดาของกษัตริย์เกรย์โซนที่โดนยึดอำนาจ เดวี่จึงมีสายเลือดกษัตริย์คร้าบบบบ ส่วนที่ชายน์เป็นเจ้านายของเดวี่นั้นลองเดาเรื่องเอานะ ไม่ยาก ฮ่าๆๆๆ
หลังจากที่เชพลาดเปิดประเด็นเรื่องความหลังของเขาและเดวี่ไว้ก็สร้างความสงสัยให้กับกลุ่มเพื่อนๆ เป็นอย่างมาก จนกระทั่งถึงช่วงเวลาอาหารค่ำของเย็นวันนั้น เซฟานี่ที่เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ก็เปิดประเด็นขึ้นอีกครั้ง
“สรุปว่าเรื่องนั้นมันยังไงเช?”
“เอิ่มม ไม่มีอะไรหรอกครับเซฟานี่” เชตอบเรียบๆ พลางหลบสายตาทุกๆคน
“เรื่องอะไรเหรอ บอกลุงบ้างได้มั๊ยเด็กๆ” เอดิสันกล่าวอย่างอารมณ์ดี ซึ่งตรงกันข้ามที่ทางด้านของเดวี่กลับมีสีหน้าเครียดขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาบ้างอย่างตัดบท
“ฉันและเชเป็นพี่น้องกัน”
“แค่พ่อเดียวกัน และฉันก็ไม่ใช่ปีศาจ” ทันทีที่เดวี่กล่าวจบเชก็เอ่ยออกมาบ้างจนคนทั้งโต๊ะอาหารต้องพากันตกตะลึง
“ยังไง นายเล่ามาให้หมดเลยนะ” มาร์ตินสั่งอย่างสงสัยใคร่รู้
“พวกเธอเป็นใครกันแน่? ไหนลองบอกฉันมาซิ!!” เอดิสันถามพลางขมวดคิ้วสงสัยในตัวของเด็กทั้งสองที่แลว่าจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรนัก
“เดวี่ ลอฟดาน่า ครับ” เดวี่เอ่ยเรียบๆ
“งั้นหนุ่มหล่ออีกคนก็ เชโด้ ลอฟดาน่าสินะ ฮ่าๆๆ” มารีนกล่าวอย่างรู้ทัน และเมื่อเจ้าตัวพยักหน้ารับเธอก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวนะครับท่านพ่อ ท่านแม่” ชายน์ยกมือเบรกพ่อแม่ของตนทันทีก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ท่านพ่อท่านแม่ช่วยเล่าให้พวกผมฟังอย่างละเอียดหน่อยได้มั๊ยครับ?” ชายน์กล่าวพร้อมกับที่นีโอ มาร์ติน เซฟานี่และเจด้าต่างก็พยักหน้าและส่งสายตามาให้เชิงว่าอยากรู้ด้วยเช่นกัน
“เรื่องนี้มันเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่เขา แม่ว่าให้เจ้าตัวเล่าเองดีกว่านะ” มารีนกล่าวพลางส่งยิ้มให้เชและเดวี่ และเมื่อสถานการณ์ออกมาแบบนี้ เชก็เพียงแต่เหลือบมองเดวี่แว้บหนึ่งแล้วจึงเริ่มเปิดประเด็นเล่าเรื่องของเขาทันที
“พ่อของพวกเราคือ เชดาวี่ ลอฟดาน่า องครักษ์แห่งกษัตริย์แกรนเนอร์ แม่ฉันคือ โดน่า เป็นเอลฟ์จากกรีนโซน ทันทีที่ฉันเกิดก็ย้ายไปอยู่กับแม่ที่กรีนโซนจนโต ส่วนพ่อ…..” เชกล่าวพร้อมกับก้มหน้านิ่งจนเดวี่เอ่ยแทรกออกมาบ้าง
“ท่านก็ยังคงคิดถึงและเฝ้าตามหาลูกชายคนโตของท่านเรื่อยมาจนได้พบ ผมเป็นลูกอีกคนของท่าน แม่ผมคือ เดริก้า เป็นชาวปีศาจที่โดนขับไล่ออกมาจากเกรย์โซนเพราะท่านอุ้มท้องกลับบ้านโดยไม่มีพ่อของเด็ก ทันทีที่ผมเกิดแม่ผมก็จากผมไป ท่านพ่อบอกว่าผมโดนส่งตัวกลับมาให้ท่านพ่อ จากนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปเกรย์โซนอีกเลย” เดวี่กล่าวพลางเหลือบมองเช เมื่อเห็นว่าเชยังคงนั่งนิ่ง เดวี่ก็กล่าวต่ออีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้ท่านพ่ออยู่กับท่านโดน่า แต่เมื่อท่านโดน่ารู้ว่าท่านพ่อมีผมกับท่านแม่ ท่านโดน่าก็พาลูกชายหนีกลับกรีนโซน ทางท่านแม่ผมเมื่อรู้ว่าท่านทำให้ท่านโดน่าต้องเสียใจท่านเองก็เลยอุ้มท้องผมกลับบ้านแม้ว่าท่านจะต้องโดนคนทั้งเมืองประจานก็ตาม” เดวี่กล่าวพร้อมกับใบหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดไม่น้อย
“และโดนถอดยศเป็นสามัญชนธรรมดา” มารีนอดที่จะกล่าวแทรกขึ้นมาไม่ได้ ส่วนเชบัดนี้ที่แอบหันมามองหน้าเดวี่ก็มีสีหน้าที่แปลกเปลี่ยนไปจนยากที่คนบนโต๊ะอาหารจะคาดเดาได้
“ครับ ทันทีที่ผมโดนส่งตัวออกจากเกรย์โซน กษัตริย์แห่งเกรย์โซนก็โดนยึดอำนาจและสถาปนากษัตริย์เอสเทอร์ขึ้นปกครองแทน”
“ชื่อเดียวกับอาจารย์เอสเทอร์เราเลยเนอะ ฮ่าๆๆ” มาร์ตินกล่าวพร้อมหัวเราะเฮฮาจนมือของเซฟานี่ฟาดลงบนหัวเขาอย่างจังจนมาร์ตินร้องลั่น
“มันใช่เวลามั๊ยห๊ะ มาร์ตี้ คนชื่อเหมือนกันมีเยอะแยะไป ฮึ!!” กล่าวพร้อมกับหันไปตั้งใจฟังต่อ
“นายจะบอกว่า นายคือ….” เชเอ่ยออกมาพร้อมกับชะงักคำพูดไปอย่างไม่มั่นใจ
“หลานชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดของกษัตริย์แห่งเกรย์โซนที่โดนยึดอำนาจราชบัลลังก์” เอดิสันกล่าวเรียบๆ แทนคำตอบที่เดวี่ควรจะตอบ
“ห๊ะ!! งั้นนายก็เป็นรัชทายาทหนะสิ เดวี่” มาร์ตินต้องตกใจอีกครั้งที่สถานะอันแท้จริงของเพื่อนกำลังถูกเปิดเผยออกมาอีกคนหนึ่งแล้ว
“ไม่หรอก อย่าลืมสิว่ากษัตริย์องค์เก่าโดนยึดบังลังก์แล้ว แม้ฉันจะเป็นสายเลือดเดียวที่เหลือ แต่ตอนนี้ก็แค่สามัญชนธรรมดา” เดวี่เอ่ยพลางถอนหายใจยาว
“เพราะชาวเกรย์โซนไม่รู้ว่าสายเลือดแห่งกษัตริย์ของเขายังคงอยู่นี่ อีกทั้งการครองราชย์ของกษัตริย์เอสเทอร์ก็ไม่สง่างามและเป็นที่ไม่พอใจของชาวเกรย์โซนเพราะอะไรนายก็รู้ดี แล้วแบบนี้นายจะไม่เอาของๆนายคืนหรือ?” เซฟานี่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง
“แบบนี้สินะ ท่านพ่อถึงยกดาบดำเล่มนั้นให้กับนายแทนที่จะให้ลูกคนโตอย่างฉัน” เชเอ่ยออกมาในที่สุดหลังจากเงียบมานาน
“ดาบดำคือสิ่งเดียวที่ใช้ยืนยันสถานะของสายเลือดกษัตริย์ได้ มันถูกส่งมาให้ท่านพ่อพร้อมกับฉัน” เดวี่หันไปกล่าวกับเช
“ดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจสินะ หึหึ ดาบนั่นจะต้องอยู่กับสายเลือดของราชันย์ปีศาจเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถใช้ดาบนั่นได้หรอก” เอดิสันกล่าวเสริม
“เพราะงั้นท่านพ่อถึงเก็บดาบไว้ให้ฉันไง คนที่รู้จักมันก็จะรู้จักฉันด้วย” เดวี่กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ผมไม่ค่อยสบาย ขอตัวก่อนนะครับคุณลุง คุณป่า” กล่าวพร้อมหันไปโค้งทำความเคารพเอดิสันและมารีน เมื่อคนทั้งสองพยักหน้าเดวี่ก็เดินออกจากโต๊ะทันที
“ไงล่ะเช หลงเข้าใจผิดน้องชายตัวเองมาตั้งนาน ทีนี้เข้าใจเหตุผลเดวี่หรือยัง” เจด้าหันไปกระซิบกับเชเบาๆ
“แต่ถึงยังไงฉันก็คงไม่สามารถทำดีกับคนที่เป็นต้นเหตุให้แม่ฉันต้องตรอมใจตายได้หรอกนะ” เชกล่าวกลับเรียบๆ พร้อมกับขอตัวออกจากโต๊ะด้วยเช่นกัน
“จะว่าไปสองคนนี่ก็คล้ายกันนะ คนหนึ่งผมดำดวงตาสีดำ ร่างสูงโปร่ง อีกคนก็ผมดำกับดวงตาสีเทาแต่รูปร่างเดียวกันไม่มีผิด” เซฟานี่กล่าวพลางนึกถึงคนทั้งสองทีมีสายเลือดเดียวกัน จริงอยู่ว่าเดวี่จะต่างจากเชแค่ดวงตาสีดำและเชมีดวงตาสีเทา แต่ทว่าลักษณะนิสัยของทั้งคู่นั้นแทบไม่ต่างกันเลย …แต่เดวี่เป็นปีศาจแล้วจะมีปีกสีดำแบบชายน์มั๊ยนะ และถ้างั้นเชก็ต้องหูแหลมแบบพวกเอลฟ์หนะสิ!!
“แล้วตำนานดาบดำนี่เกี่ยวอะไรกับปัญหาของพวกเขาล่ะครับท่านพ่อ ผมเห็นแค่เขาไม่ลงรอยกันเพราะเรื่องครอบครัวมากกว่า” ชายน์หันไปถามเอดิสันอย่างสงสัย
“ก็เชดาวี่เขาไม่เคยเล่าเรื่องของเดวี่ให้เชโด้เขาฟังเลย และเชโด้เขาก็ไม่เคยฟังพ่อเขา ต่างคนต่างไม่ปรับความเข้าใจกันก็เลยเป็นแบบนี้ไง” เอดิสันตอบแต่ชายน์ก็ยังคงงงอยู่ดีจนมารีนต้องกล่าวเสริม
“เดวี่หนะพยายามเข้าหาพี่ชายเขา แต่พี่ชายเขาสิไม่ฟังอะไรเลย เขาคงเสียใจเรื่องแม่เขาแหละ”
“แสดงว่าคุณลุงคุณป้ารู้จักครอบครัวของเชและเดวี่ก่อนแล้วสิครับ” นีโอกล่าวออกมาบ้าง
“ก็ได้ยินเรื่องมาบ้าง เชดาวี่เขาเคยมาปรึกษาแต่พวกเราไม่เคยเจอเด็กสองคนนี้เลยจำไม่ได้แค่นั้นแหละ” มารีนตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อีกอย่างเชเขาน้อยใจพ่อเขาด้วยแหละที่พ่อเขายกดาบดำให้เดวี่ เขาคิดว่าพ่อเขาลำเอียงเลยพาลเกลียดเดวี่อ่ะ” เจด้ากล่าวในสิ่งที่เขารู้มาบ้างและนั่นก็ทำให้หลายๆ คนเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น
………………………………………………………………………..
“เดวี่ หลับยัง?” ชายน์ที่เข้าห้องมาแล้วพบว่าเดวี่นอนไปแล้วก็เข้าไปเขย่าร่างนั้นเบาๆ แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับ
“หลับแล้วสินะ หึหึ” กล่าวจบก็หันไปปิดไฟในห้องแล้วเหลือไว้เพียงไฟที่หัวเตียงก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับแทรกตัวลงนอนข้างๆ เดวี่อย่างแผ่วเบา แต่ทว่าผ่านไปกว่าชั่วโมงแล้วชายน์ก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี
“เดวี่ ฉันนอนไม่หลับ” หันไปเรียกคนที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ แต่ก็ยังคงไร้การตอบกลับอยู่ดี
“ถ้าไว้ใจฉันนายควรจะเปิดใจกับฉันมากกว่านี้นะ เหมือนนายจะรู้จักฉัน แต่ฉันสิ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนายเลย” ชายน์ยังคงว่าไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่นอนหันหลังให้เขานั้นไม่ได้หลับตาเลยตั้งแต่แรกแล้ว
“เฟย์” หลังจากที่นอนเงียบไปพักหนึ่งจนเดวี่คิดว่าชายน์หลับไปแล้วนั้น ฉับพลันชายน์ก็เรียกชื่อของใครซักคนหนึ่งที่เดวี่ไม่รู้จักออกมา ทันทีที่ชายน์เรียกพลันก็เกิดแสงสีทองสว่างว้าบขึ้นมากลางห้องพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มผมทองยืนยิ้มอยู่ก่อนจะเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งอยู่ตรงปลายเตียง
“เรียกข้ามาทำไมดึกๆ ดื่นๆ นอนไม่หลับแล้วจะให้ข้าช่วยยังไงดีล่ะ ฮ่าๆๆ” เฟย์เอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน
“ฉันเคยได้ยินมาว่าบทเพลงของฟีนิกซ์ช่วยให้ผ่อนคลายและช่วยบำบัดฟื้นฟูได้ ฉันนอนไม่หลับอ่ะ นายช่วยร้องเพลงก่อมฉันหน่อยสิ” ชายน์ว่าพลางทำเสียงออดอ้อนเต็มที่
“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนะ ฉันเป็นฟีนิกซ์ก็จริง แต่ฉันเป็นฟีนิกซ์ที่ร้องเพลงไม่เป็นนะ นายจะทนฟังได้หรอ?” เฟย์กล่าวพลางยิ้มแป้น แต่ทว่ายังไม่ทันที่ชายน์จะได้ตอบอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“อยากฟังเพลงทำไมไม่บอกฉันล่ะ จะร้องให้ฟัง” เดวี่เอ่ยออกมาแล้วลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันมองเฟย์อย่างไม่วางตา!!
“อ่าว นี่ตื่นตอนไหนเนี่ย ฉันเรียกตั้งนานนายก็ไม่ตอบ” ชายน์ต่อว่า
“หมอนี่ใคร” เดวี่ถามชายน์เสียงเรียบๆ แต่ก็ยังคงจ้องเฟย์อย่างไม่วางตา
“เฟย์ ฟีนิกซ์ของฉันเอง ได้เมื่อตอนหลงป่าหนะ” เมื่อชายน์แนะนำเฟย์ก็เพียงแต่ก้มคำนับเดวี่และส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ฟีนิกซ์ นายสินะที่ช่วยปฐมพยาบาลชายน์ ขอบใจนะ” เดวี่กล่าวพร้อมส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“มันเป็นหน้าที่ของข้าหนะท่านเดวี่ ชายน์คือนายของข้ายังไงข้าก็ไม่ปล่อยให้เขาเป็นอันตรายหรอก”
“แล้วจะฟังมั๊ย” เดวี่หันไปถามชายน์ด้วยสีหน้าเรียบๆ จนชายน์อดสงสัยไม่ได้ว่าหมอนี่ตื่นมาอารมณ์ไหนกันแน่
“ฟังๆๆ” ชายน์ตอบพร้อมยิ้มกว้าง
“งั้นข้าไปนอนนะ เกรงว่าถ้าอยู่ต่อจะทำตัวไมถูก ฮ่าๆๆ” เฟย์กล่าวพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ชายน์แล้วหายวับไปทันที
“มีหนึ่งเรื่องราว ตำนานเล่าขาน
เวลาช้านาน ได้โปรดฟัง
กระต่ายตัวน้อย เฝ้ามองดวงจันทร์
ที่เดิมทุกวัน ไม่ห่างไกล
สวยงาม โอ้จันทรา ดวงดารา ส่องลงมา ช่างเฉิดฉาย
ฝันไป จะวันนึง จะวันใด จะไขว่และคว้ามา……”
เพียงเท่านี้ ร่างของเด็กผู้ชายผมยาวสีดำก็ดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มอย่างพอใจของเด็กผู้ชายอีกคน
“ไม่ใช่ว่าผมไม่เปิดใจ ไม่ใช่ว่าผมปิดบัง แต่ผมไม่อยากเอาเรื่องของผมไปทำให้นายน้อยยุ่งยากใจ เพราะนายน้อยเองก็มีเรื่องมากพออยู่แล้ว” เอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างๆ หูคนที่นอนหลับตาพริ้มอีกครั้ง
“ฝันดีนะครับ นายน้อย” สำหรับเดวี่ ชายน์เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายของเขา ในบางครั้งเขาก็ไม่รู้จะวางตัวในสถานะใด แต่สำหรับคืนนี้ ….ฟ้าร้องคำรามลั่นพร้อมกับสายฝนที่โหมกระหน่ำนั้นทำให้อากาศเย็นยะเยือกลง งั้นขอเพื่อนนอนกอดเพื่อนก่อนก็แล้วกันนะ!!
“เมื่อคืนหลับสบายดีมั๊ยเด็กๆ” มารีนถามเด็กๆ ขณะนั่งร่วมกันรับประทานอาหารเช้าบนโต๊ะอาหาร
“สบายดีครับ อุ่นกำลังดี” เดวี่กล่าวพลางกระตุกยิ้มเบาๆ
“ห้องฉันนี่หนาวแทบแย่ นีโอก็แย่งผ้าห่มฉัน เชก็นอนดิ้น” มาร์ตินเอ่ยออกมาอย่างเด็กๆ
“ทีนายนอนกัดฟันลั่นห้องพวกฉันยังไม่ว่าเลยนะมาร์ติน ฮ่าๆๆๆ” นีโอกล่าวออกมาบ้าง และนั่นก็ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครื้นเครงขึ้นทันตา
“วันนี้พี่ริวจะกลับบ้านนะ ชายน์จะอยู่รอเจอพี่เขาก่อนหรือจะกลับโรงเรียนเลยล่ะ” เอดิสันหันไปถามลูกชายคนเล็ก
“รอเจอพี่ริวก่อนครับ ผมคิดถึงพี่ชายผมจะแย่ ฮ่าๆๆ”
“แล้วริวจะมาถึงตอนไหนค่ะคุณ” มารีนถามเอดิสันเพราะเธอจะได้เตรียมของต้อนรับลูกถูก และยังไม่ทันที่เอดิสันจะได้ตอบอะไร ร่างของริวก็เดินเข้ามายังโต๊ะอาหารพร้อมกับส่งยิ้มแป้นมาให้ทุกๆ คน โดยเฉพาะชายน์
“สวัสดีครับท่านพ่อ ท่านแม่” กล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปกอดมารีน
“พูดถึงก็มาทันทีเลยนะ เดี๋ยวจัดอาหารเช้าเพิ่มอีกชุดนึงนะ” ทักทายลูกชายเสร็จก็หันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที
“มาๆๆ พี่ริวมานั่งข้างๆ ผมนี่” ชายน์ว่าพลางขยับโต๊ะให้ริวมานั่งข้างๆ และริวก็ว่าตามอย่างง่ายดาย
“พี่ริวทำงานหนักเหรอ ผอมกลับมาเชียว ฮ่าๆๆ” ชายน์อดที่จะแซวพี่ชายตัวเองไม่ได้ แต่ริวก็ผอมอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่ริวก็ไม่ตอบคำถามนั้น
“พี่ขอกอดหน่อย” กล่าวจบก็ดึงน้องชายเข้ามากอดพร้อมกับขยี้หัวแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยวจนเอดิสันและมารีนอดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้
“แล้วนี่ริวรู้จักน้องๆ ทุกคนรึยังล่ะ” มารีนถามลูกชายคนโตเพราะเห็นว่าริวยังไม่ได้ทักทายคนอื่นๆ และเด็กๆ ก็ยังไม่ได้ทักทายริวเช่นกัน
“รู้จักบ้างแล้วแหละครับท่านแม่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยเท่าไหร่” ริวกล่าวพลางหันไปส่งยิ้มให้น้องๆ ปี1
“ครับ พี่ริวเป็นถึงประธานรุ่นปี3 คนดังแบบนี้ไม่มีใครไม่รู้จักหรอกครับ ฮ่าๆๆ” มาร์ตินเอ่ยอย่างอารมณ์ดี จากนั้นอาหารมื้อเช้าก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันครื้นเครงเมื่อมีสมาชิกร่วมโต๊ะเพิ่มขึ้นอีก 1 คน
……………………………………………………………………………
“แกทำพลาดอีกแล้วนะ เมอร์ดอร์ฟ!!” เสียงทรงอำนาจนั่นตวาดใส่ชายชุดดำจนบัดนี้ เมอร์ดอร์ฟได้แต่ยืนตัวสั้นเพราะเขารู้ดีว่าเขากำลังจะโดนอะไร
“นายท่าน ขะ ขอรับ ข้าขอโอกาสอีกครั้ง อ๊าคคค” ยังไม่ทันจะกล่าวจบเวทย์มืดอานุภาพสูงก็พุ่งเข้ามาใส่จนร่างของเมอร์ดอร์ฟกระเด็นไปอัดกับกำแพงดังโครม
“แกมันไม่มีน้ำยา ตั้งแต่มันเป็นแค่เด็กทารกแกก็จัดการไม่ได้ มันกลับมาแกก็ทำพลาด ปล่อยจนมันเก่งกล้าแล้วแกก็แพ้มันน่ะสิ!!”
“อ๊าคคคคคค” เมอร์ดอร์ฟร้องลั้นเมื่อกรงเล็บสีดำจิกเข้ามายังดวงตาของเขาจนเลือดสีแดงไหลอาบไปทั่วทั้งใบหน้า บัดนี้ดวงตาของเขามืดสนิทไปแล้วหนึ่งข้าง
“นี่สำหรับความผิดพลาดของแกที่มันทำลายโอกาสของข้า งานนี้ข้าจะไม่ให้แกการเองแล้วเมอร์ดอร์ฟเพราะข้าไม่ไว้ใจเจ้า”
“แต่นายท่านขอรับ..” เมอร์ดอร์ฟพยายามอ้อนวอน
“นากี้ จี พอล” ทันทีที่เสียงชายปริศนาดังขึ้น ร่างของเด็กชายหญิงทั้ง 3 คนก็ปรากฏกายออกมาจากมุมมืดของห้องทันที
“งานนี้ข้าให้เจ้าสานต่อนะ อีก 7 วันจะมีงานประจำปี อย่าทำให้ข้าต้องเสียโอกาสนะ” ทันทีที่ได้รับคำสั่งเด็กทั้ง 3 ก็โค้งรับพร้อมกับเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
“ส่วนเจ้า เมอร์ดอร์ฟ ข้าจะให้เจ้าได้แก้ตัวอีกครั้ง แต่แค่ผู้ช่วยของ 3คนนั่นเท่านั้นนะ” กล่าวจบก็หายลับไปกับความมืด ปล่อยให้เมอร์ดอร์ฟอาฆาตแค้นชายน์อยู่เพียงผู้เดียว
“แกทำฉันตาบอด แกต้องชดใช้ ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาส”
……………………………………………………………………….................................................………………………………………………………………..
อธิบายเพิ่มง่ายๆ นะ เชและเดวี่เป็นพี่น้องกัน พ่อเป็นองครักษ์ของกษัตริย์แกรนโซน แม่ของเดวี่เป็นธิดาของกษัตริย์เกรย์โซนที่โดนยึดอำนาจ เดวี่จึงมีสายเลือดกษัตริย์คร้าบบบบ ส่วนที่ชายน์เป็นเจ้านายของเดวี่นั้นลองเดาเรื่องเอานะ ไม่ยาก ฮ่าๆๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ