Twin แฝดเลือดผสม

8.0

เขียนโดย Shinman33

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.

  39 ตอน
  3 วิจารณ์
  32.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ชิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                                                                    ชิน

 

“ห๊ะ!!  อาจารย์ว่ายังไงนะครับ?”   ชายน์ร้องลั่นห้องหลังจากที่เขาและเพื่อนๆ โดนเรียกตัวเข้าพบกับอาจารย์เอสเทอร์และวัตสัน     และเมื่ออาจารย์วัตสันแจ้งบางอย่างแก่พวกเขาเด็กๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก

“ก็อย่างที่ฉันบอกแหละ   พวกเธอโอเคนะ?  ฮ่าๆๆ”   เอสเทอร์กล่าวรวบรัดพลางหัวเราะชอบใจ

“ขอเหตุผลค่ะอาจารย์”   เซฟานี่ถามเรียบๆ   แต่เธอเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน

“เหตุผลประการแรกคือ   ชายน์มีคะแนนทดสอบทั้งสองรอบของการคัดเลือกประธานรุ่นอยู่ในเกณฑ์สูงสุด   ส่วนเดวี่ได้สิทธิเพราะตำแหน่งประธานรุ่น   เหตุผลที่สองคือพวกเธอเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุดเพราะจากการทดสอบที่ผ่านมานั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเธอรู้ใจกันและทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี   ฉันเลยเสนอต่อสภาโรงเรียนว่าในรายการประเภทกลุ่มนั้นควรให้เป็นหน้าที่ของพวกเธอ”   วัตสันแจงอย่างละเอียด

“แล้วเชกับเจด้าเขาไม่เคยรวมทีมกับพวกเรานี่ค่ะ”   เซฟานี่แย้งอีกครั้ง

“สองคนนั่นเขามีฝีมือดี   และฉันก็เห็นว่าพวกเขาสนิทกับกลุ่มพวกเธอจึงดึงมาร่วมทีมไง” อาจารย์เอสเทอร์กล่าวชี้แจง

“แล้วตัวแทนหอที่เหลือละครับ   เขาจะมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?”   นีโอถามอย่างอดสงสัยไม่ได้

“ทุกๆ ปีก็เป็นหอมังกรดำนะที่ได้สิทธิเข้าแข่งขันรายการนี้   อีกอย่างคือเด็กสายเวทย์และสายยุทธ์ยังไม่มีคนที่โดดเด่นพอ   แม้ว่าแจ็คกี้จะมีความสามารถแต่ก็ยังด้อยกว่าชายน์และเดวี่อย่างเห็นได้ชัด”  อาจารย์วัตสันเอ่ยเรียบๆ

“ถ้าอาจารย์เห็นว่าควร   พวกเราก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ”   เบลตอบออกมาแทนเพื่อนๆ ทุกคน

“โอเค   งั้นตกลงตามนี้นะ   งานประจำปีของแกรนน่าปีนี้ชายน์ลงแข่งรายการบุคคลทั่วไปและเดวี่จะลงแข่งในรายการเดี่ยวของนักเรียนปี1    ส่วนรายการทีมคู่ระดับปี1 จะมีเดวี่กับเช     รายการคู่บุคคลทั่วไปมีเซฟานี่กับชายน์      ส่วนรายการทีมนั้นจะมีเบล  ดัช  มาร์ติน  นีโอและเจด้านะ”   อาจารย์เอสเทอร์กล่าวพร้อมกับบันทึกข้อมูลลงกระดาษเวทย์เสร็จแล้วจึงร่ายเวทย์ส่งข้อมูลนั้นให้คณะกรรมการกลางทันที

“เรียบร้อยแล้วล่ะ   การแข่งขันรอบแรกจะจัดที่กรีนโซนและเกรย์โซนนะ   ส่วนรอบชิงจะกลับมาจัดที่แกรนโซน    จากนั้นจะมีงานเลี้ยงรับรองซึ่งจะตรงกับวันที่มีการประกอบพิธีสำคัญของแกรนน่าด้วยพอดี   ตอนนี้ขอให้พวกเธอเตรียมตัวให้พร้อม   อีก 2 วัน พวกเธอจะต้องไปกรีนโซนนะ”   กล่าวจบอาจารย์เอสเทอร์ก็เดินออกไปทันที

“สรุปว่าเราจะได้ไปเยือนโรงเรียนเทเรอร์แห่งเกรย์โซนและสเฟียร์น่าแห่งกรีนโซนสินะ  ฮ่าๆๆ”  มาร์ตินเอ่ยออกมาอย่างชอบใจ

“ฉันเคยได้ยินว่าที่เทเรอร์มีแต่พวกโหดๆ    น่าสนใจดีนะ”   เบลกล่าวอย่างท้าทาย

“แต่ที่สเฟียร์น่านี่เขาว่าดีไม่แพ้เราเลยนะ   กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ”   เซฟานี่เอ่ยบ้างเพราะเธอเป็นคนในดินแดนของกรีนโซน   เธอจึงรู้เรื่องที่ดินแดนนั้นเป็นอย่างดี

“รายการคู่และรายการทีมของพวกเราแข่งที่กรีนโซน     ส่วนรายการเดี่ยวของเดวี่และชายน์จะแข่งที่เกรย์โซน   แบบนี้เราจะได้ไปด้วยมั๊ยนะ?”   ดัชเอ่ยออกมาอย่างเสียดายเพราะดูจากความน่าจะเป็นแล้วเขาคงไม่ได้ไปดูเพื่อนๆ ลงแข่งแน่

“แต่ถ้าฉันชนะก็กลับมาชิงที่โรงเรียนของเรานะ   นายรอดูฉันตอนนั้นก็ได้  ฮ่าๆๆ”   ชายน์ปลอบใจเพื่อนพร้อมกับออกเดินนำกลับหอทันที

                สำหรับงานประจำปีของแกรนน่านั้นจะจัดขึ้นทุกปีโดยจัดให้มีการแข่งขันต่างๆ มากมายทั้งดนตรี   ความรู้และทักษะต่างๆ   แต่ที่เป็นสีสันของงานจริงๆ คือการต่อสู้ของรายการต่างๆ   ซึ่งการต่อสู้นี้จะไม่จำกัดอาวุธและวิธีการโดยแบ่งออกเป็นรายการของนักเรียนและบุคคลทั่วไป    สำหรับรายการบุคคลทั่วไปนั้นจะเปิดโอกาสให้กับทุกเพศทุกวัยได้เข้าแข่งขัน   ส่วนรายการของนักเรียนจะจำกัดเฉพาะเด็กนักเรียนของทั้ง 3 โรงเรียนเท่านั้นโดยแบ่งย่อยออกเป็น 4 รุ่นตามชั้นปี    ส่วนรายการคู่จะไม่มีการแบ่งรุ่นแต่ยังคงจำกัดแค่เด็กนักเรียนทั้ง 3 โรงเรียนตามเดิม     การแข่งขันนั้นจะเวียนกันเป็นเป็นเจ้าภาพในรอบแรกแต่ละรายการจนถึงรอบชิงชนะเลิศจึงจะทำการแข่งขันที่โฮเนอร์แห่งแกรนเนอร์     สำหรับผู้ที่ชนะในแต่ละรายการจะได้รับเชิญเข้าร่วมงานในภาคค่ำซึ่งเป็นงานเลี้ยงรับรองแขกจากทั้ง 3 ดินแดน    และจะมีพิธีเวทย์จากจอมเวทย์ทั้งสามดินแดนมาร่วมประกอบพิธีถ่ายเวทย์ให้แก่อัญมณีศักดิ์สิทธิแห่งแกรนน่าจนถึงค่ำ  

 

                                                           …………………………………………

 

‘นี่ นายรู้หรือเปล่าว่าจะลงแข่งขันการต่อสู้ในงานประจำปีของแกรนน่านี่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง’   ชายน์อดที่จะเรียกถามคนที่อยู่ในความคิดไม่ได้หลังจากที่เขาพยายามข่มตานอนอย่างไรก็ไม่หลับซักที

‘เตรียมร่างกายให้แข็งแรง   สติและเวทย์ในแบบต่างๆ ที่ควรจะสามารถเรียกใช้ได้อย่างหลากหลาย    แต่ฉันว่าอย่างนายนะไม่น่าห่วงเรื่องเวทย์หรอกเพราะแค่มีเฟย์อยู่ด้วยนายก็สบายแล้ว    ไหนจะดาบของนายอีกล่ะที่มีทั้งดาบดำแห่งเทวาและดาบไฟของเผ่าฟินิกซ์นั่นอีก’  คนในความคิดกล่าวออกมาเพื่อช่วยลดความกังวลของชายน์ที่เขาสามารถสัมผัสได้ในขณะนี้

‘นั่นแหละ   แม้ว่านายจะสอนฉันใช้เวทย์ต่างๆ จนเชี่ยวชาญแล้วก็ตาม    แต่เรื่องทักษะการต่อสู้นี่ฉันยังไม่เอาไหนเลยนะ’   ชายน์แย้งในสิ่งที่คิดว่ามันเป็นจุดอ่อนของเขามาตลอด

‘นายก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว    แต่ถ้าจะเอาให้ดีกว่านี้ก็ต้องฝึกฝนกันอย่างเข้มเลยหล่ะ    แล้วนายพร้อมมั๊ย?’  

‘พร้อม   ว่าแต่ใครจะฝึกให้ฉันละ     เหลืออีกแค่วันเดียวเองนะ!’   ชายน์ยังคงไม่มั่นใจในทางเลือกของคนในความคิด

‘ฉันจะสอนนายเอง    ขั้นแรกนายต้องมาหาฉันก่อน    หลับตาทำสมาธิให้นิ่งแล้วปล่อยจิตให้สบาย…’   ชายน์ทำตามอย่างว่าง่าย   เขาได้ยินเสียงนั่นดั่งแผ่วลงเรื่อยๆ  จนที่สุดสติก็ดับวูบลงพร้อมกับร่างของชายน์ที่กำลังนอนหลับหายใจอย่างสม่ำเสมอเช่นคนหลับทั่วไป

“เห้ยย  นาย….   แล้วนี่ที่ไหนเนี่ย?”   ชายน์ร้องลั่นเมื่อพบว่าเขาอยู่ในดินแดนสีเขียวที่เต็มไปด้วยหญ้านิ่มๆ กับดอกไม้หลากสีสัน   แสงแดดอ่อนๆ กับกลิ่นหอมของดอกไม้ช่วยให้ผ่อนคลายยิ่งนัก   แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือเด็กที่เขาเคยเจอในฝันนั้นตอนนี้กำลังยืนยิ้มอยู่เบื้องหน้าเขา   ซึ่งการพบกันในแบบนี้ถือเป็นครั้งแรกของเขาและครั้งนี้หน้าตาหมอนี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างในฝันแล้ว     ทว่าใบหน้านั้นกลับซีดขาวราวกับคนไม่มีชีวิตหรือกำลังป่วยก็ไม่ผิด    แต่แววตาและรอยยิ้มนั่นกลับเหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยนเลยนอกจากเส้นผมสีเงินและดวงตาสีเทาเท่านั้นที่แตกต่างกัน   ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองกำลังส่องกระจกอยู่แน่ๆ

“ฉันคือชิน   เคยบอกแล้วว่าฉันก็คือนาย   นายก็คือฉัน  ฮ่าๆๆ”   และแล้วเขาก็แนะนำตัว   หนุ่มน้อยผมเงินยักคิ้วให้ชายน์เมื่อเห็นว่าชายน์กำลังทำหน้างงสุดๆ

“แล้วนายเป็นอะไรกับฉัน    ทำไมเราเหมือนกันขนาดนี้?”   ชายน์ยังคงสงสัยไม่เลิก

“จำที่ฉันขอได้มั๊ยชายน์    ตามหาฉันแล้วช่วยฉันที    ถึงตอนนั้นนายจะเข้าใจทุกอย่างเอง”   ชินกล่าวอย่างจริงจัง

“กับแค่บอกเลยตอนนี้มันลำบากมากเลยหรือไงล่ะ”   ชายน์สวนกลับอย่างหงุดหงิด

“เพราะฉันเองก็ไม่รู้ไงว่าทำไมเราเหมือนกัน   ฉันรู้แค่ฉันโตมากับคนที่หวังประโยชน์ในตัวของฉัน    เขาฝึกฝนฉันต่างๆ นาๆ เพราะเขาหวังให้ฉันซึมซับความเป็นพวกเขาแต่ฉันก็แค่เรียนรู้หากแต่ไม่ได้จงรักภักดิ์ดีเพราะฉันคิดว่าพวกนั้นไม่ใช่คนดีนัก    วันหนึ่งฉันปฏิเสธที่จะทำงานบางอย่างให้กับเขาซึ่งไม่ว่าเขาจะกล่อมยังไงฉันก็ไม่ยอม    จนเขาโมโหมาและพลั้งมือทำร้ายฉันจนหมดสติไป     และเมื่อฉันรู้ตัวอีกทีฉันก็มาอยู่ที่นี่และสามารถรับรู้ความคิดและสื่อสารกับนายได้      ซึ่งมันแปลกมั๊ยล่ะว่าแทนที่จะเป็นใครคนอื่นก็ได้แต่มันกลับเป็นนายคนที่หน้าตาเหมือนฉัน”   ชินกล่าวออกมาบ้าง

“บางทีระหว่างเราอาจมีบางอย่างที่เราต้องช่วยกันหาคำตอบ    ว่าแต่นายมั่นใจหรือว่านายยังไม่ตายจริงๆ อ่ะ ชิน?”   ชายน์เริ่มอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงปกติ

“คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรฉันรุนแรงหรอก   เพราะเขายังไม่ได้ประโยชน์จากฉันไง    บางทีฉันก็คิดนะว่าร่างของฉันน่าจะอยู่ที่ใดซักแห่งที่ฉันเองก็หาไม่เจอและกลับไปไม่ได้”

“ใคร?”

“พวกกบฏเวทย์มืด!!”  

“พวกนี้อีกแล้วหรอ    แล้วนายจะทำยังไงต่อ?”   ชายน์เอ่ยออกมาเบาๆ

 “เฮ้ออออ   พักเรื่องของฉันไว้ก่อนเถอะ   เอาเรื่องของนายก่อนดีกว่ามั้ง  ฮ่าๆๆ”   ชินเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“นั่นสิ   ไหนนายว่าจะสอนอะไรฉันนะ   เร็วๆ เลย ”   ชายน์กล่าวพลางลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

“นายมีพลังเวทย์มากมาย   อีกทั้งมีผู้ช่วยเยอะแยะคงไม่พลาดท่าง่ายๆ หรอก    อีกอย่างนะเฟย์เขาเก่งจะตายไป”   ชินเอ่ยพร้องลุกขึ้นยืนบ้าง

“รู้จักเฟย์ด้วยหรอ?”

“ฉันรู้ทุกอย่างที่นายรับรู้   อย่าลืมสิว่าฉันอยู่ในความคิดนายและนี่มันก็พื้นที่ในจิตใจของนายเอง    เพราะงั้นทุกอย่างที่นายคิดฉันก็รับรู้ด้วยนะ ฮ่าๆๆ”  

“ฉันอยากฝึกเชิงดาบ”   ชายน์เปลี่ยนเรื่องพร้อมเรียกดาบสีดำออกมาไว้ในมือ

“อยู่ที่นี่ฉันไม่มีดาบ   ขอยืมของนายหน่อยสิ”   ชินเอ่ยขอหน้าตาเฉย   ชายน์ที่เห็นว่าหากเขามัวโอ้เอ้คงไม่ได้ฝึกแน่จึงเรีกดาบไฟของเฟย์ออกมาให้ชินทันที

“ดาบนี่สวยจัง  ฮ่าๆๆ   เริ่มเลยแล้วกันนะ!!”   กล่าวจบชินก็เริ่มเป็นฝ่ายบุกชายน์ทันที   ทั้งสองผลัดกันบุกผลัดกันตั้งรับอย่างไม่มีใครยอมใคร   แต่ด้วยเชิงดาบที่ด้อยกว่าของชายน์จึงทำให้เขาเป็นฝ่ายตั้งรับเสียมากกว่า    จนเมื่อการประลองสิ้นสุดลงที่ดาบในมือของชินจ่ออยู่ที่คอของชายน์ในขณะที่ดาบของชายน์หลุดมือลงไปกองอยู่กับพื้น

“นายไหวพริบดีแต่ยังใช้ดาบไม่คล่อง   การออกดาบไม่แม่นยำและหนักหน่วง    ฉันว่านายควรฝึกในจุดๆ นี้ก่อน”   ชินวิเคราะห์การใช้ดาบของชายน์จากการต่อสู้ที่ผ่านมา

“ฉันก็พึ่งจะใช้ดาบเป็นเมื่อตอนมาอยู่แกรนน่านี่แหละ   ที่โลกเก่าของฉันเขาใช้ปืนกันอ่ะ ฮ่าๆๆ”   ชายน์กล่าวพลางนึกถึงโลกใบที่เขาเติบโตมา   หากเขาเรียนถึง ม.2  เขาก็จะได้เรียนกระบี่กระบองและก็คงจะเอามาใช้ได้บ้างแหละ   คิดแล้วก็เสียดาย

“โปรดชี้แนะและสอนข้าด้วยเถิด ท่านอาจารย์”   ชายน์กล่าวหยอกล้อพลางนั่งคุกเข่าต่อหน้าชินจนชินอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“การใช้ดาบประสาทสัมผัสต้องดีและมีความว่องไว   ซึ่งนายยังช้าอยู่มากอีกทั้งทักษะการเคลื่อนไหวก็ต้องคล่องแคล่วว่องไว    งั้นฉันจะเริ่มจากให้นายใช้ดาบฟันใบไม้ก่อนก็แล้วกัน”   กล่าวจบใบไม้นับร้อยก็ร่วงลงมาจากต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ พร้อมกับพุ่งตรงมายังชายน์จนคนที่ไม่ทันตั้งตัวต้องยกดาบปัดป้องพร้อมกับร้องโวยวายลั่น

“แฮ่กๆๆ   นายเล่นอะไรเนี่ยชิน   ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ”   ชายน์บ่นพลางเหนื่อยหอบหลังจากที่เขาจัดการใบไม้ผสานเวทย์ของชินกว่าร้อยๆ ใบที่ส่งมาหลายต่อหลายรอบจนหมดเกลี้ยง

“นี่แค่เริ่มต้นนะ   ของจริงมันต่อจากนี้!!”   ทันทีที่ชินกล่าวจบเถาวัลย์ยักษ์นับสิบเส้นก็พุ่งทะลุขึ้นมาจากพื้นหญ้าพร้อมกับเข้าจู่โจมชายน์ทันที    แม้ว่าชายน์จะมีทักษะการเคลื่อนไหวที่ดีพอควรแต่จากการฝึกที่พึ่งจะผ่านมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ก็ทำให้ชายน์ล้าลงบ้างแล้ว

“เถาวัลย์บ้าอะไรเนี่ย   ตัดแล้วก็ยังงอกมาได้อีก”   ชายน์บ่นลั่นเมื่อเขาใช้ดาบตัดเถาวัลย์ไปหลายเส้นแล้วแต่มันก็ยังงอกออกมาได้ใหม่ทุกเส้น    อีกทั้งเถาวัลย์เหล่านั้นยังเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตจนชายน์ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่าจู่โจมแล้วในตอนนี้

“นายต้องเคลื่อนไหวให้คล่องกว่านี้   ระวังการจู่โจมด้านหลังด้วย   ประสาทสัมผัสต้องไวกว่านี้   ตัดสินใจให้เด็ดขาดหน่อย…”   และอีกต่างๆ มากมายที่ชินตะโกนสั่งอย่างอารมณ์ดีจนชายน์อดหงุดหงิดไม่ได้

“ย๊ากกกก…”   ชายน์ที่กำลังหงุดหงิดกับพฤติกรรมของชินอยู่นั้นบัดนี้กำลังเปลี่ยนอารมณ์หงุดหงิดมาลงที่เจ้าพวกเถาวัลย์เหล่านี้บ้างแล้ว     ร่างของเด็กหนุ่มผมดำกำลังพุ่งสวนขึ้นไปไล่ตัดเถาวัลย์อย่างบ้าคลั่งนั่นยิ่งทำให้เสียงหัวเราะของชินดังขึ้นเข้าไปอีก    เพียงไม่กี่นาทีเถาวัลย์เหล่านั้นก็มลายไปจนสิ้น    ซึ่งไม่ใช่เพราะฝีมือของชายน์เป็นแน่   หากแต่ที่มันหายไปนั้นเพราะชินยอมสลายเวทย์เวทย์แล้วต่างหาก!!

“เหนื่อยมั๊ย?”   ชินหย่อนกายนั่งลงข้างๆ ชายน์พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง   แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของชายน์ที่ส่งมาให้ชินก็เพียงแต่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง

“นายรู้วิธีการผสานเวทย์ลงในอาวุธมั๊ย   มันจะช่วยผ่อนแรงได้เยอะนะ”

“ฉันก็ทำแล้วนี่ไง   ร่างกายถึงได้เปลี่ยนจนมีปีกงอกออกมาเนี่ย”   ชายน์ว่าพลางสยายปีกสีดำออกมาจนชินอดที่จะยิ้มไม่ได้

“ไม่ใช่สิ   ครั้งนั้นนายผสานเวทย์ลงในดาบเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและเพื่อให้มันมีอานุภาพก็จริง     แต่มันก็แค่พื้นฐาน    ที่ฉันกำลังบอกนี่คือการผสานเวทย์ในแต่ละครั้งที่ต่อสู้ต่างหากล่ะ”   ชินบอกพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จนชายน์อดที่จะสนใจไม่ได้

“หมายความว่าเราสามารถผสานเวทย์ของเราลงไปได้อีกหรือ?” 

“ใช่   เราผสานได้เท่าที่พลังเวทย์เรามีแหละ    แต่อาวุธนั้นๆ ต้องสามารถรองรับพลังเวทย์เราได้นะ    ข้อดีของการผสานในแต่ละครั้งนี้นายจะใช้เวทย์สายใดก็ได้   อย่างเช่นดาบดำของนายถ้าใช้อัคคีมาผสานก็เป็นดาบอัคคี   ใช้วารีก็เป็นดาบวารีแต่คุณสมบัติของดาบดำก็ยังคงอยู่”   ชินเอ่ยพลางอธิบาย

“แล้วคนอื่นๆ เขาทำแบบนี้ได้มั๊ย?”   ชายน์ถามด้วยความอยากรู้

“ได้สิ  หลายๆ คนทำได้และเดวี่ก็ทำได้     เพียงแต่นายยังไม่เคยทำ  ฮ่าๆๆ”  

“งั้นสอนฉันหน่อย”   ชายน์เอ่ยพร้อมยิ้มประจบ   จากนั้นการฝึกใช้ดาบโดยผสานเวทย์ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งโดยคราวนี้ชินเป็นคนสอนโดยตรงซึ่งชายน์ก็สามารถเรียนรู้และทำออกมาได้เป็นอย่างดี    การฝึกของชายน์ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ราวกับว่าชายน์ได้ลืมวันลืมคืนไปแล้ว    และที่สำคัญเขาอยู่ในโลกแห่งจิตใจของเขาเองที่เวลาในที่แห่งนี้หยุดนิ่งไว้จนชายน์เองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอยู่ที่นี่มากี่ชั่วโมงแล้ว

 

                                                                ………………………………………….

 

“ชายน์…   ชายน์…”   เบลร้องเรียกชายน์ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าเช้านี้เพื่อนร่วมห้องของเขาตื่นสายกว่าปกติ    อีกทั้งเมื่อเรียกหลายต่อหลายรอบแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นจนต้องเข้ามาเขย่าตัวแรงๆ

“ชายน์เป็นอะไร   เขาป่วยหรือเปล่า?”   เดวี่   รูมเมทที่พึ่งจะแลกห้องกันกับดัชได้ไม่นานนั้นก้าวออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับถามด้วยความสงสัย

“ไม่รู้ว่ะเดวี่   ฉันเรียกมันนานแล้วแต่ชายน์มันก็ยังไม่ตื่นเลย    ตัวก็ไม่ร้อนนะเหมือนคนหลับลึกมากๆ อ่ะ”   เบลเอ่ยออกมาตามที่ตนสงสัยหลังจากที่ตรวจดูอาการของชายน์แล้วก็ไม่ปรากฏอาการป่วยหรือร่องรอยบาดแผลการถูกลอบทำร้ายใดๆ ออกมาเลยนอกจากสภาพที่เหมือนกับการนอนหลับธรรมดา

“ชายน์   ได้ยินฉันมั๊ย?”   เดวี่เข้ามาปลุกบ้างแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ

“ท่าทางไม่ดีแล้วเดวี่   ฉันไปตามเพื่อนๆ ก่อนนะ”   ว่าแล้วเบลก็รีบวิ่งออกไปตามเพื่อนๆ ทันที

“นายน้อย  นายน้อยขอรับ  ได้ยินผมมั๊ย?”   เดวี่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนกว่าในตอนแรกมากเพราะชายน์ที่นอนหลับอยู่ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายแล้วเลยก็ว่าได้    หากแต่ลมหายใจที่พ่นออกมาอย่างสม่ำเสมอนั้นคือสิ่งยืนยันว่าคนๆ นี้ยังคงมีชีวิตอยู่      หรือเขาจะกลายเป็นเจ้าชายน์นิทราไปแล้ว!!

..................................................................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา