เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.58 น.
64 ตอน
0 วิจารณ์
48.54K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 17.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
54) ตอนที่54:เคาะตี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่54:เคาะตี
ตอนกินข้าวเย็น หวางนิวเล่าเรื่องตอนบ่ายให้เฉินจงฟัง
“ผมคิดว่าพี่สาวคนโตผมพูดถูก พี่รองควรจะหัดเรียนได้แล้ว ตอนนั้นที่อยู่ด้วยกันอะไรก็พี่ใหญ่ทำหมด พี่รองไม่ทำอะไรเลย ไม่สามารถให้เธอพึ่งพาพี่ใหญ่ได้ตลอดเวลา อีกหน่อยถ้าแต่งงานออกไปหรือยังต้องให้พี่ใหญ่ไปช่วยทำกับข้าวแทนเธออีก พี่รองบอกว่าเธอมาอยู่เพราะอยากจะช่วยพี่ใหญ่ทำผัก แต่พี่รองทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง เธอจะมาช่วยพี่ใหญ่ทำผักได้ยังไง เธอไม่ได้อยากจะทำ เธออยากจะมา ที่นี่มีทั้งแม่และพี่ใหญ่ เธอก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว”
เฉินหู่ชิงพูดก่อน เขาอายุไม่มาก แต่ดูแล้วถือว่าฉลาดมาก อีกอย่างเพราะเขาพูดจาตรงไปตรงมา ในใจคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น พูดอ้อมค้อมไม่เป็น ถึงแม้ในใจเฉินหู่ทั้งสองคนจะเป็นพี่สาว แต่ความเป็นพี่น้องก็ยังมีแบ่งสนิทไม่สนิท ในใจเขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยน จริงใจกับเขา อีกอย่างเฉินเยี่ยนทำจริง เขาย่อมอยู่ข้างเฉินเยี่ยนแน่นอน ถึงแม้เขาจะรู้สึกผูกพันกับเฉินเวย แต่ไม่รู้ว่าทำไม สำหรับเฉินเวยเลย ความรู้สึกผูกพันของเขากับเฉินเยี่ยนไม่เหมือนกัน เขามักจะรู้สึกว่าฉฺนเวยพี่สาวคนนี้เสแสร้ง ไม่เหมือนที่เธอแสดงออกมา ถึงแม้เขาจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาสามารถรู้สึกได้
“ลูกพูดจาอะไร ไม่ว่ายังไงเสี่ยวเวยก็เป็นพี่สาวลูก อีกหน่อยถ้าเธอเป็นอะไร ก็ต้องอาศัยลูกออกหน้าแทนเขานะ ถ้าลูกดีกันพี่รองออกมาก่อน ลูกเป็นแบบนี้ อีกหน่อยพี่รองจะหวังพึ่งลูกได้ยังไง”
หวางนิวทำหน้าเคร่งขรึมใส่ลูกชาย ใจเธอหวังจะให้ลูกชายลูกสาวสามัคคีกัน พึ่งพาอาศัยกันในอนาคต โดยเฉพาะลูกสาว หลังแต่งออกไปถ้าพี่น้องบ้านสามีไม่แข็งแกร่ง ลูกสาวก็จะลำบาก
“ผมไมได้บอกว่าจะไม่ออกหน้าให้พี่รองนะ ถ้าเธอโดนคนแกล้ง ผมต้องออกห้าแทนเธอแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุยเรื่องเธอทำกับข้าวกันอยู่เหรอ แม่ใช้พี่ใหญ่ได้ แต่ไม่ยอมใช้พี่รอง ที่แท้แม่ก็ลำเอียงไปฝั่งพี่รอง อะไรก็ให้พี่ใหญ่ทำ ตอนนี้แยกบ้านกันแล้ว แม่ยังเข้าข้างพี่รอง ผมว่าให้พี่รองอยู่ฝั่งนั้นเรียนรู้เถอะ ยังไงผมกับพี่ใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้พี่รองมาอยู่”
เฉินหู่พูดอย่างไม่พอใจ
ถึงแม้หวางนิวจะรู้ว่าที่ลูกชายพูดนั้นถูก แต่ลูกชายพูดแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกขายหน้า เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้ลำเอียง ลูกสาวคนเล็กสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก เธอสงสารหน่อยจะเป็นไรไป อีกอย่าง เธอก็ไม่ได้ไม่ดีกับลูกสาวคนโต ถ้าลูกสาวเกิดเรื่อง เธอก็รู้สึกเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนกัน ไม่ลำเอียง อีกอย่างถ้าลูกชายโตขึ้นมาแล้วยังพูดจากับเธอแบบนี้ นี่อายุยังน้อยอยู่เลยก็ปากเก่งกับเธอแล้ว อีกหน่อยจะควบคุมยังไง? ดังนั้นหวางนิวเลยเอาตะเกียบจะมาเคาะเฉินหู่
อันที่จริงเธอไม่ได้คิดจะเคาะเฉินหู่จริงๆ แค่อยากจะขู่เฉินหู่ ให้เขากลัว อีกหน่อยไม่ปากเก่งกับเธอ
แต่อย่ามองว่าเฉินหู่ยังเด็ก เขาไม่ใช่คนขี้กลัว แต่ไหนแต่ไหนเขาเป็นคนไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร พอเขาเห็นแม่ตัวเองคิดจะตีเขา ในใจรู้สึกผิดหวัง แต่เขาไม่พูดอะไร อารมณ์เขาพุ่งขึ้นมา ไม่เพียงไม่หลบ แต่ยังกลับรับตะเกียบของหวางนิวด้วย
หวางนิวไม่คิดจะตีลูกชาย แต่เห็นท่าทางลูกชายเธอก็เริ่มมีอารมณ์ ไม่ได้ชักมือกลับ เตรียมจะตีลูกชายจริงๆ
เฉินเยี่ยนเห็นท่าไม่ดี ถึงแม้ว่าจะโดนตะเกียบเคาะไม่เจ็บเท่าไร แต่ถ้าเคาะโดนหัวน้องชายไป กลัวว่าในใจน้องชายจะรู้สึก และคิดเป็นปรปักษ์กับแม่
แม่ แม่ทำอย่างนี้ผิดนะ จะทำให้ลูกชายหนีไปแม่รู้ไหม?
มือเฉินเยี่ยนรีบเข้าไปกั้นไว้อย่างรวดเร็ว ตะเกียบหวางนิวเคาะลงไปโดนมือเธอ
ถึงแม้หวางนิวไม่ได้ออกแรงอะไร แต่เฉินเยี่ยนยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บ แต่เธอไม่ได้ออกเสียง รีบดึงมือกลับอย่างเร็ว
สีหน้าเฉินจงดูไม่ค่อยดี วางชามข้าวที่ถืออยู่ลง
“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรใช่ไหม? ให้ผมดูหน่อยว่าแดงหรือเปล่า ทำไมพี่ต้องมารับแทนผมด้วย ผมหัวแข็ง แม่ตีผมไม่เจ็บหรอก”
เฉินหู่รีบเอามือเฉินเยี่ยนมาดู เขาใจร้อนมาก น้ำตาเกือบจะไหลออกมา ขณะเดียวกันเขาก็สะเทือนใจ ถึงแม้ตะเกียบตีลงมาจะไม่มีอะไร แต่พี่ใหญ่ออกรับแทนเขา แสดงให้เห็นว่าพี่ใหญ่เป็นห่วงเขา ทนไม่ได้ที่เห็นเขาโดนตี พี่ใหญ่รักเขาด้วยใจจริง เขาโตขึ้นจะดีกับพี่สาว ใครก็แกล้งพี่สาวไม่ได้
“ให้แม่ดูหน่อย แดงหรืเปล่า? แม่บอกลูกแล้ว แม่ตีหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไร แม่จะออกแรงได้ยังไงล่ะ”
มีความเจ็บปวดแวบขึ้นมานัยน์ตาหวางนิวที่พูดกับเฉินเยี่ยน
หวางจวนวางตะเกียบลงนานแล้ว แต่เพราะนี่เป็นเรื่องของครอบครัวเฉิน เธอเลยพูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ดู
เฉินเยี่ยนไม่ให้พวกเขาดู แล้วยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ แม่ไม่ได้ออกแรง ไม่รู้สึกอะไรเลย ยังไม่เท่ายุงกัดด้วยซ้ำ หนูแค่รู้สึกว่าเฉินหู่ยังเด็ก ไปตีหัวน้อง หนูกลัวจะตีจนน้องโง่เอา รีบกินข้าวกันเถอะ”
เฉินเยี่ยนพูดจบยังใช้มือลูบหัวเฉินหู่ สีหน้ามีรอยยิ้ม มองดูแล้วเป็นปกติมาก เหมือนมือโดนยุงกัดจริงๆ
“ตีเขาบ้างสิดี ปากเก่งขนาดนี้ ไม่โง่จะเรียกว่าอะไร”
หวางนิวจ้องเฉินหู่ พูดด้วยความไม่สบอารมณ์
“ผมไม่ได้โง่อยู่แล้ว”
เฉินหู่บ่นพึมพำ ในใจรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ดูว่าหวางนิวจะว่าเฉินหู่อีกแล้ว เฉินจงเลยพูด “พอได้แล้ว พูดให้น้อยกันหน่อย ก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ให้เสี่ยวเวยอยู่บ้านโน้นไป รีบกินข้าวได้แล้ว วันนี้เหนื่อยกันแล้ว กินเสร็จจะได้นอน”
สามีเอ่ยปากแล้ว หวางนิวเลยไม่พูดะไรต่อ เรื่องนี้ถือว่าแล้วไป
กินข้าวเสร็จ เฉินเยี่ยน หวางจวนและหวางนิวเก็บกวาดกัน ตอนล้างชาม หวางนิวไม่ให้เฉินเยี่ยนทำ บอกว่าเฉินเยี่ยนเหนื่อยแล้ว ให้เธอรีบไปนอน อาศัยไฟที่เตาเฉินเยี่ยนมองดูหลังมือตัวเองมีรอบแดงขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ถึง แต่ก็มองเห็น
เฉินเยี่ยนไม่ดูอีกรอบ เธอออกจากห้องครัว กลับเข้าห้องไปพัก
เพราะตอนบ่ายได้นอนไปหน่อย ดังนั้นหวางจวนที่คุยกับเฉินเยี่ยนอยู่อีกฝั่งหลับไปแล้ว เฉินเยี่ยนกลับไปรู้สึกง่วงเลย หลังมือรู้สึกเจ็บขึ้นมา แต่เธอไม่โทษหวางนิว ในหมู่บ้านเกษตร พ่อแม่ตีลูก โดยเฉพาะตอนเด็กถือเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รักลูก เพียงแต่วิธีที่พวกเขาแสดงออกไม่ถูกต้อง เป็นแก้วตาดวงใจของบรรพบุรุษแบบนั้น ตอนที่หวางนิวรู้สึกว่าเฉินหู่เถียงตัวเองเลยใช้ตะเกียบเคาะถือเป็นเรื่องปกติ เป็นตอนเดียวกับที่ครั้งหนึ่งหวางนิวและเจ้าของร่างเดิมทำหมั่นโถวด้วยกัน เพราะว่าพูดผิดไป เลยโดนหวางนิวตีเหมือนกัน แต่เฉินเวยไม่เคยโดยตีเลย เด็กร้องไห้ถึงได้นมกินสินะ?
แต่เฉินเวยถือเป็นกรณียกเว้น ไม่ใช่ทุกคนจะปฏิบัติแบบนี้กับเฉินเวยเหมือนคนครอบครัวเฉิน หมู่บ้านเกษตรไม่ให้ความสำคัญกับลูกสาว โหดร้ายกับลูกสาวก็ไม่น้อย บางบ้าน เธอร้องไห้ ก็ยกมือขึ้นตบข้างหู ดูสิว่ายังจะร้องต่ออีกไหม เฉินเยี่ยนเลยรู้สึกว่าเฉินเวยโดนตามใจจนเสียนิสัย
ช่างเถอะ ไม่คิดเรื่องเฉินเวยแล้ว พรุ่งนี้เธอจะไปสหกรณ์อีกรอบ เครื่องปรุงที่ครั้งที่แล้วซื้อใช้ไปเกือบหมดแล้ว ควรจะซื้อใหม่ได้แล้ว พอดีผักที่หมักอยู่ที่บ้านยังมีอีกไม่น้อย อีกหลายวันกว่าจะมีตลาดครั้งหน้า หลายวันนี้ยังไม่ค่อยยุ่ง เธอเลยคิดจะไปดู
ตอนกินข้าวเย็น หวางนิวเล่าเรื่องตอนบ่ายให้เฉินจงฟัง
“ผมคิดว่าพี่สาวคนโตผมพูดถูก พี่รองควรจะหัดเรียนได้แล้ว ตอนนั้นที่อยู่ด้วยกันอะไรก็พี่ใหญ่ทำหมด พี่รองไม่ทำอะไรเลย ไม่สามารถให้เธอพึ่งพาพี่ใหญ่ได้ตลอดเวลา อีกหน่อยถ้าแต่งงานออกไปหรือยังต้องให้พี่ใหญ่ไปช่วยทำกับข้าวแทนเธออีก พี่รองบอกว่าเธอมาอยู่เพราะอยากจะช่วยพี่ใหญ่ทำผัก แต่พี่รองทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง เธอจะมาช่วยพี่ใหญ่ทำผักได้ยังไง เธอไม่ได้อยากจะทำ เธออยากจะมา ที่นี่มีทั้งแม่และพี่ใหญ่ เธอก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว”
เฉินหู่ชิงพูดก่อน เขาอายุไม่มาก แต่ดูแล้วถือว่าฉลาดมาก อีกอย่างเพราะเขาพูดจาตรงไปตรงมา ในใจคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น พูดอ้อมค้อมไม่เป็น ถึงแม้ในใจเฉินหู่ทั้งสองคนจะเป็นพี่สาว แต่ความเป็นพี่น้องก็ยังมีแบ่งสนิทไม่สนิท ในใจเขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยน จริงใจกับเขา อีกอย่างเฉินเยี่ยนทำจริง เขาย่อมอยู่ข้างเฉินเยี่ยนแน่นอน ถึงแม้เขาจะรู้สึกผูกพันกับเฉินเวย แต่ไม่รู้ว่าทำไม สำหรับเฉินเวยเลย ความรู้สึกผูกพันของเขากับเฉินเยี่ยนไม่เหมือนกัน เขามักจะรู้สึกว่าฉฺนเวยพี่สาวคนนี้เสแสร้ง ไม่เหมือนที่เธอแสดงออกมา ถึงแม้เขาจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาสามารถรู้สึกได้
“ลูกพูดจาอะไร ไม่ว่ายังไงเสี่ยวเวยก็เป็นพี่สาวลูก อีกหน่อยถ้าเธอเป็นอะไร ก็ต้องอาศัยลูกออกหน้าแทนเขานะ ถ้าลูกดีกันพี่รองออกมาก่อน ลูกเป็นแบบนี้ อีกหน่อยพี่รองจะหวังพึ่งลูกได้ยังไง”
หวางนิวทำหน้าเคร่งขรึมใส่ลูกชาย ใจเธอหวังจะให้ลูกชายลูกสาวสามัคคีกัน พึ่งพาอาศัยกันในอนาคต โดยเฉพาะลูกสาว หลังแต่งออกไปถ้าพี่น้องบ้านสามีไม่แข็งแกร่ง ลูกสาวก็จะลำบาก
“ผมไมได้บอกว่าจะไม่ออกหน้าให้พี่รองนะ ถ้าเธอโดนคนแกล้ง ผมต้องออกห้าแทนเธอแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุยเรื่องเธอทำกับข้าวกันอยู่เหรอ แม่ใช้พี่ใหญ่ได้ แต่ไม่ยอมใช้พี่รอง ที่แท้แม่ก็ลำเอียงไปฝั่งพี่รอง อะไรก็ให้พี่ใหญ่ทำ ตอนนี้แยกบ้านกันแล้ว แม่ยังเข้าข้างพี่รอง ผมว่าให้พี่รองอยู่ฝั่งนั้นเรียนรู้เถอะ ยังไงผมกับพี่ใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้พี่รองมาอยู่”
เฉินหู่พูดอย่างไม่พอใจ
ถึงแม้หวางนิวจะรู้ว่าที่ลูกชายพูดนั้นถูก แต่ลูกชายพูดแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกขายหน้า เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้ลำเอียง ลูกสาวคนเล็กสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก เธอสงสารหน่อยจะเป็นไรไป อีกอย่าง เธอก็ไม่ได้ไม่ดีกับลูกสาวคนโต ถ้าลูกสาวเกิดเรื่อง เธอก็รู้สึกเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนกัน ไม่ลำเอียง อีกอย่างถ้าลูกชายโตขึ้นมาแล้วยังพูดจากับเธอแบบนี้ นี่อายุยังน้อยอยู่เลยก็ปากเก่งกับเธอแล้ว อีกหน่อยจะควบคุมยังไง? ดังนั้นหวางนิวเลยเอาตะเกียบจะมาเคาะเฉินหู่
อันที่จริงเธอไม่ได้คิดจะเคาะเฉินหู่จริงๆ แค่อยากจะขู่เฉินหู่ ให้เขากลัว อีกหน่อยไม่ปากเก่งกับเธอ
แต่อย่ามองว่าเฉินหู่ยังเด็ก เขาไม่ใช่คนขี้กลัว แต่ไหนแต่ไหนเขาเป็นคนไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร พอเขาเห็นแม่ตัวเองคิดจะตีเขา ในใจรู้สึกผิดหวัง แต่เขาไม่พูดอะไร อารมณ์เขาพุ่งขึ้นมา ไม่เพียงไม่หลบ แต่ยังกลับรับตะเกียบของหวางนิวด้วย
หวางนิวไม่คิดจะตีลูกชาย แต่เห็นท่าทางลูกชายเธอก็เริ่มมีอารมณ์ ไม่ได้ชักมือกลับ เตรียมจะตีลูกชายจริงๆ
เฉินเยี่ยนเห็นท่าไม่ดี ถึงแม้ว่าจะโดนตะเกียบเคาะไม่เจ็บเท่าไร แต่ถ้าเคาะโดนหัวน้องชายไป กลัวว่าในใจน้องชายจะรู้สึก และคิดเป็นปรปักษ์กับแม่
แม่ แม่ทำอย่างนี้ผิดนะ จะทำให้ลูกชายหนีไปแม่รู้ไหม?
มือเฉินเยี่ยนรีบเข้าไปกั้นไว้อย่างรวดเร็ว ตะเกียบหวางนิวเคาะลงไปโดนมือเธอ
ถึงแม้หวางนิวไม่ได้ออกแรงอะไร แต่เฉินเยี่ยนยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บ แต่เธอไม่ได้ออกเสียง รีบดึงมือกลับอย่างเร็ว
สีหน้าเฉินจงดูไม่ค่อยดี วางชามข้าวที่ถืออยู่ลง
“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรใช่ไหม? ให้ผมดูหน่อยว่าแดงหรือเปล่า ทำไมพี่ต้องมารับแทนผมด้วย ผมหัวแข็ง แม่ตีผมไม่เจ็บหรอก”
เฉินหู่รีบเอามือเฉินเยี่ยนมาดู เขาใจร้อนมาก น้ำตาเกือบจะไหลออกมา ขณะเดียวกันเขาก็สะเทือนใจ ถึงแม้ตะเกียบตีลงมาจะไม่มีอะไร แต่พี่ใหญ่ออกรับแทนเขา แสดงให้เห็นว่าพี่ใหญ่เป็นห่วงเขา ทนไม่ได้ที่เห็นเขาโดนตี พี่ใหญ่รักเขาด้วยใจจริง เขาโตขึ้นจะดีกับพี่สาว ใครก็แกล้งพี่สาวไม่ได้
“ให้แม่ดูหน่อย แดงหรืเปล่า? แม่บอกลูกแล้ว แม่ตีหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไร แม่จะออกแรงได้ยังไงล่ะ”
มีความเจ็บปวดแวบขึ้นมานัยน์ตาหวางนิวที่พูดกับเฉินเยี่ยน
หวางจวนวางตะเกียบลงนานแล้ว แต่เพราะนี่เป็นเรื่องของครอบครัวเฉิน เธอเลยพูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ดู
เฉินเยี่ยนไม่ให้พวกเขาดู แล้วยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ แม่ไม่ได้ออกแรง ไม่รู้สึกอะไรเลย ยังไม่เท่ายุงกัดด้วยซ้ำ หนูแค่รู้สึกว่าเฉินหู่ยังเด็ก ไปตีหัวน้อง หนูกลัวจะตีจนน้องโง่เอา รีบกินข้าวกันเถอะ”
เฉินเยี่ยนพูดจบยังใช้มือลูบหัวเฉินหู่ สีหน้ามีรอยยิ้ม มองดูแล้วเป็นปกติมาก เหมือนมือโดนยุงกัดจริงๆ
“ตีเขาบ้างสิดี ปากเก่งขนาดนี้ ไม่โง่จะเรียกว่าอะไร”
หวางนิวจ้องเฉินหู่ พูดด้วยความไม่สบอารมณ์
“ผมไม่ได้โง่อยู่แล้ว”
เฉินหู่บ่นพึมพำ ในใจรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ดูว่าหวางนิวจะว่าเฉินหู่อีกแล้ว เฉินจงเลยพูด “พอได้แล้ว พูดให้น้อยกันหน่อย ก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ให้เสี่ยวเวยอยู่บ้านโน้นไป รีบกินข้าวได้แล้ว วันนี้เหนื่อยกันแล้ว กินเสร็จจะได้นอน”
สามีเอ่ยปากแล้ว หวางนิวเลยไม่พูดะไรต่อ เรื่องนี้ถือว่าแล้วไป
กินข้าวเสร็จ เฉินเยี่ยน หวางจวนและหวางนิวเก็บกวาดกัน ตอนล้างชาม หวางนิวไม่ให้เฉินเยี่ยนทำ บอกว่าเฉินเยี่ยนเหนื่อยแล้ว ให้เธอรีบไปนอน อาศัยไฟที่เตาเฉินเยี่ยนมองดูหลังมือตัวเองมีรอบแดงขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ถึง แต่ก็มองเห็น
เฉินเยี่ยนไม่ดูอีกรอบ เธอออกจากห้องครัว กลับเข้าห้องไปพัก
เพราะตอนบ่ายได้นอนไปหน่อย ดังนั้นหวางจวนที่คุยกับเฉินเยี่ยนอยู่อีกฝั่งหลับไปแล้ว เฉินเยี่ยนกลับไปรู้สึกง่วงเลย หลังมือรู้สึกเจ็บขึ้นมา แต่เธอไม่โทษหวางนิว ในหมู่บ้านเกษตร พ่อแม่ตีลูก โดยเฉพาะตอนเด็กถือเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รักลูก เพียงแต่วิธีที่พวกเขาแสดงออกไม่ถูกต้อง เป็นแก้วตาดวงใจของบรรพบุรุษแบบนั้น ตอนที่หวางนิวรู้สึกว่าเฉินหู่เถียงตัวเองเลยใช้ตะเกียบเคาะถือเป็นเรื่องปกติ เป็นตอนเดียวกับที่ครั้งหนึ่งหวางนิวและเจ้าของร่างเดิมทำหมั่นโถวด้วยกัน เพราะว่าพูดผิดไป เลยโดนหวางนิวตีเหมือนกัน แต่เฉินเวยไม่เคยโดยตีเลย เด็กร้องไห้ถึงได้นมกินสินะ?
แต่เฉินเวยถือเป็นกรณียกเว้น ไม่ใช่ทุกคนจะปฏิบัติแบบนี้กับเฉินเวยเหมือนคนครอบครัวเฉิน หมู่บ้านเกษตรไม่ให้ความสำคัญกับลูกสาว โหดร้ายกับลูกสาวก็ไม่น้อย บางบ้าน เธอร้องไห้ ก็ยกมือขึ้นตบข้างหู ดูสิว่ายังจะร้องต่ออีกไหม เฉินเยี่ยนเลยรู้สึกว่าเฉินเวยโดนตามใจจนเสียนิสัย
ช่างเถอะ ไม่คิดเรื่องเฉินเวยแล้ว พรุ่งนี้เธอจะไปสหกรณ์อีกรอบ เครื่องปรุงที่ครั้งที่แล้วซื้อใช้ไปเกือบหมดแล้ว ควรจะซื้อใหม่ได้แล้ว พอดีผักที่หมักอยู่ที่บ้านยังมีอีกไม่น้อย อีกหลายวันกว่าจะมีตลาดครั้งหน้า หลายวันนี้ยังไม่ค่อยยุ่ง เธอเลยคิดจะไปดู
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ