ทวงรักนางซิน

-

เขียนโดย Phaky

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.02 น.

  47 ตอน
  1 วิจารณ์
  37.07K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ฟ้าฝน...ไม่เป็นใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
ไงล่ะๆ ผมทรงใหม่ของหนูพิมพ์ น่ารักมั้ยคะ
********************************************************************************
 
“อาบน้ำห้านาที แต่หวีผมหน้าครึ่งชั่วโมง”
 
มือบางจับหวีกลมม้วนผมม้าเต่อให้พองตามวิธีที่ช่างเสริมสวยสอนมา ดูเหมือนจะง่าย แต่คนทำไม่เป็นทำอย่างไรมันก็ไม่พองกลมสวยเหมือนที่ช่างทำสักที นึกถึงก็ทั้งฉุนทั้งขำยายเพื่อนจอมแสบที่หลอกเธอไปร้านเสริมสวยเมื่อวานหลังเลิกงาน เม็ดทรายบอกว่าอยากเปลี่ยนสีผมเลยชวนเธอไปช่วยเลือกสี แต่พอไปถึงกลับเป็นเธอที่ถูกจับกดนั่งลงบนเก้าอี้ เม็ดทรายบอกความต้องการกับช่างเสริมสวยว่าอยากเปลี่ยนลุคของเธอให้สดใสขึ้น เออออกันอยู่ครู่หนึ่งช่างก็แนะนำให้ลองตัดผมหน้า เล็มปลายผมให้ได้ทรง แล้วเปลี่ยนสีผมดำขลับเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆจะช่วยขับให้ใบหน้าสว่างสดใส แน่นอนว่าคนไม่เคยทำอะไรกับผมเลยนอกจากสระทำความสะอาดและตัดปลายไม่ให้ยาวเกินไปไม่เห็นด้วย แต่เม็ดทรายส่ายหน้าไม่ยอม ช่างก็อีกคน พอเธอจะลุกหนี ยายเพื่อนตัวร้ายก็จับเธอนั่งลงที่เดิมแล้วบังคับให้หันหน้ามองในกระจก ชะงักไปหลายอึดใจกับภาพในนั้น ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเพื่อนถึงต้องลากเธอมาที่นี่ เพราะขนาดเธอเองยังอดตกใจกับความทรุดโทรมของเงาสะท้อนผู้หญิงในกระจกนั้นไม่ได้เลย สภาพสุดอัปลักษณ์บังคับให้ต้องพยักหน้า ยอมให้ช่างเสริมสวยจัดการได้ตามใจชอบ
 
“มันโอเคเหรอทราย พิมพ์ไม่มั่นใจเลย รู้สึกว่าหน้ามันเด๋อแปลกๆ”
 
“เด๋อที่ไหน น่ารักจะตาย ใช่ไหมคะพี่ช่าง” เม็ดทรายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปโฉมใหม่ของเพื่อน
 
“จริงจ้ะ น้องหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย พอตัดหน้าม้าแบบนี้ยิ่งเหมือนตุ๊กตาเข้าไปใหญ่”
 
“ตุ๊กตา? พิมพ์ว่าไม่...”
 
“เชื่อทรายสิ นางสาวเทพิมพ์ที่อยู่ตรงหน้าทรายตอนนี้น่ารักสุดๆ เตรียมน้ำจิ้มไว้ให้พอเถอะ”
 
“น้ำจิ้ม? น้ำจิ้มเกี่ยวอะไรกับผมหน้าม้าเหรอทราย”
 
“แม่สาวน้อย ก็น้ำจิ้มเอาไว้กินขนมจีบยังไงล่ะยะ เชื่อสิ ว่าจะต้องมีหนุ่มๆมาขายขนมจีบให้พิมพ์เยอะแน่ๆ”
 
“ทรายก็ พูดไปเรื่อย”
 
นึกแล้วก็ขำคำทำนายของแม่หมอเม็ดทราย แม้จะเห็นด้วยเล็กน้อยกว่ารูปโฉมใหม่ที่ช่างเสริมสวยใช้เวลากว่าสามชั่วโมงบันดาลให้นั้นช่วยให้ซอมบี้พันปีมีสภาพกลับมาเหมือนผู้เหมือนคนปกติบ้างแล้วก็เถอะ แต่สวยขึ้นไม่ได้แปลว่าสวย ผมหน้าม้าสีน้ำตาลอ่อนมิสามารถกลบความขี้ริ้วบนใบหน้าเธอได้ ผู้หญิงหน้าบ้านๆแต่งตัวเชยๆอย่างเธอจึงไม่เป็นที่ต้องการของตลาดอยู่วันยังค่ำ
 
“เที่ยงกว่าแล้วนี่”
 
หมดเวลาคร่ำครวญหน้ากระจกเมื่อเห็นเวลาบนหน้านาฬิกาข้างฝาผนัง วันนี้เธอเข้างานบ่ายโมง ตอนนี้เที่ยงกับอีกห้านาที เวลาที่เหลือก่อนเข้างานทันถมเถหากยังมีธรธัญญ์มาคอยรับส่ง แต่อาจไม่พอเมื่อเธอต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปเอง เทพิมพ์หยุดความคิดไว้แค่นั้นเมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิดถึงอดีตคนรักครั้งที่ร้อยแปดแล้วปัดหน้าม้าให้เข้าที่ คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ หันซ้ายมองขวามั่นใจว่าไม่ลืมอะไรก็เตรียมก้าวเท้าออกจากประตูบ้าน ทว่าท้องฟ้าคงจะไม่รักเธอเลยถึงได้เทเม็ดฝนกระหน่ำลงมาต่อหน้าต่อตา แหงนหน้าขึ้นมองก้อนเมฆสีมืดดำแล้วก็รู้ว่าคงอีกนานกว่าฝนจะหยุด สำหรับสายแว้นคงไม่มีทางเลือกมากนัก เทพิมพ์ไขกุญแจเปิดเบาะมอเตอร์ไซค์ แล้วหยิบชุดกันฝนสีชมพูขึ้นมาสวมมิดชิด จากนั้นก็คว้าหมวกกันน๊อกครอบศีรษะอีกทีกันเปียก
 
“ขอให้วันนี้เป็นวันดีๆนะคะ”
 
แค่เริ่มต้นอากาศก็ไม่เป็นใจซะแล้ว เทพิมพ์จึงอวยพรปลอบใจตัวเอง มอเตอร์ไซค์คันเก่งขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย ทว่าวันนี้ต้องลดความเร็วจากเดิมเกือบครึ่งเพราะฝนตกจนมองทางไม่ชัด ซ้ำบนถนนเริ่มมีน้ำรอระบายท่วมขังพาให้ควบคุมรถลำบาก
 
ซ่าาาาาาาา
 
แล้วก็เป็นวันดีสมใจ เมื่อขี่รถไปได้ครึ่งทาง จังหวะที่เข้าใกล้หัวโค้ง มีรถยนต์ขับมาโดยไม่ลดความเร็วตรงจุดที่เป็นแอ่งน้ำขัง น้ำในแอ่งที่ล้อเหยียบสาดใส่มอเตอร์ไซค์ของเทพิมพ์เข้าอย่างจัง เรื่องเปียกไม่น่าห่วงนักเพราะมีเสื้อกันฝนคลุมตัว แต่เพราะความตกใจทำให้มอเตอร์ไซค์คันน้อยขี่ส่ายไปมาจนไถลลงข้างทาง เคราะห์ยังดีที่ตรงนั้นเป็นกอหญ้าเตี้ยๆ และเทพิมพ์ก็บังคับแฮนด์รถไว้ได้ คนดวงดีแต่หัววันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ พอหายตกใจ เทพิมพ์ก็เปิดกระจกหมวกกันน๊อกขึ้นมองหาวิธีพามอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับขึ้นไปบนถนน
 
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
 
จะเป็นก็ตอนได้ยินเสียงคนถามนี่แหละ สองมือซีดขาวด้วยหนาวเหน็บจากน้ำฝนของเทพิมพ์กำแฮนด์มอเตอร์ไซค์แน่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อน้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยถามอยู่ด้านหลังช่างคุ้นหู แล้วก็คิดว่าคงไม่ผิดตัวเมื่อปลายรองเท้าหนังเงาวับที่ชินตาเคลื่อนมาอยู่ตรงหน้า เทพิมพ์ก้มหน้างุดพลางตัดพ้อไปถึงฟ้าฝน แค่ตกมาให้ขี่รถยากก็ลำบากแล้ว โดนน้ำในแอ่งกระเด็นใส่ก็เข้าขั้นโหดร้าย แต่โชคชะตากลับทารุณหัวใจเทพิมพ์คนนี้ยิ่งกว่านั้นเมื่อดันส่งคนเดียวกับที่ทำให้เธอนอนร้องไห้ทุกค่ำคืนมาเป็นคู่กรณี
 
“พิมพ์ ฉันถาม!”
 
“ดิฉันไม่เป็นอะไรค่ะ คุณ... ท่านประธาน”
 
“ท่านประธาน?” ไม่ใช่ไม่เคยมีใครเรียก แต่พอเป็นคำเรียกจากปากเทพิมพ์ กลับฟังขัดหูพิกล
 
“ธัญญ์ขา เป็นยังไงบ้างคะ มีอะไรให้เวนิสช่วยไหม”
 
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปเข้างาน ขอโทษที่ทำให้ท่านประธานเสียเวลาค่ะ”
 
เสียงแทรกของบุคคลที่สามที่นั่งอยู่บนรถคันโก้ของธรธัญญ์เรียกดวงตาของเทพิมพ์ให้หันขวับไปมอง แล้วก็ยิ่งกว่ามีดแหลมปักตรงกลางอกเมื่อเห็นว่าที่ที่เธอเคยนั่งมีสาวสวยเจ้าของหัวใจตัวจริงของธรธัญญ์นั่งอยู่ ได้ยินจากปากคนอื่นว่าทั้งสองตัวติดหนึบก็ว่าเจ็บแล้ว แต่พอได้ยินได้เห็นด้วยตัวเองเต็มตาว่าเวนิสาอยู่เคียงข้างธรธัญญ์ไม่ห่าง ถึงกับอธิบายความรู้สึกใต้อกข้างซ้ายเป็นคำพูดไม่ถูกกันเลยทีเดียว รู้แค่มันว่าเจ็บจนไม่อาจทนอยู่ตรงนี้ ไปไหนก็ได้ขอแค่ไปให้พ้นการมองเห็นความสนิทสนมของทั้งคู่ ร่างเล็กที่หนาวสั่นจึงพยายามขยับรถหลบธรธัญญ์ที่ยืนขวาง
 
“ขยับลงไปสิ ฉันจะช่วยจูงรถให้”
 
‘เจ็บกว่านี้พิมพ์ยังเอาตัวรอดมาได้ ตกใจแค่นี้คงไม่ต้องรบกวนความช่วยเหลือจากคุณธัญญ์หรอกค่ะ’
 
“ขอบคุณค่ะ แต่ดิฉันไม่อยากรบกวน” พูดคำที่คิดแค่ในใจ แล้วตอบกลับธรธัญญ์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
 
“ไม่ใช่เรื่องรบกวน ฉันต้องช่วยเพราะฉันทำให้เธอมีสภาพอย่างนี้”
 
คำว่า ‘สภาพอย่างนี้’ มันให้ความรู้สึกย่ำแย่จนเทพิมพ์ต้องก้มหน้ามองสำรวจเนื้อตัว อืม... ก็ทุเรศตาไม่น้อย สภาพเธอตอนนี้เหมือนมัมมี้ที่ห่อตัวด้วยเศษผ้าเลอะโคลนดูสกปรกมอมแมมเหลือเกิน ยิ่งอยู่ใกล้กับความเฉียบหรูทุกกระเบียดนิ้วบนเนื้อตัวของธรธัญญ์ ก็ยิ่งเห็นความแตกต่างของชนชั้น พาให้สะท้อนในอกว่าเธอช่างเอาความมั่นใจมาจากไหนหนอ ก่อนหน้าถึงได้กล้าเดินควงกับผู้ชายสูงส่งคนนี้ ช่างไม่ดูสารรูปตัวเองเลยนะเทพิมพ์
 
“อุ้ย!”
 
เพราะเทพิมพ์มัวแต่เหม่อ ธรธัญญ์จึงฉวยโอกาสจูงมอเตอร์ไซค์กลับสู่ถนนไปทั้งรถทั้งคน ทำให้คนบนรถผงะตกใจเงยหน้าขึ้นมองคนฉวยโอกาส พร้อมเกาะไหล่หนาเป็นหลักยึด และธรธัญญ์ก็ก้มหน้ามองอยู่เช่นกัน แม้เป็นแค่เสี้ยววินาทีที่ได้สบตา แต่ก็มากพอให้เจ้าของโรงแรมทันมองเห็นความเจ็บช้ำก้อนโตในดวงตาของเทพิมพ์ก่อนหญิงสาวจะรู้ตัวแล้วหลบหน้าไปอีกทาง ธรธัญญ์ถอนหายใจหนักหน่วงกับความรู้สึกผิดที่เคยทำไว้ หากโดนเทพิมพ์ด่าทอเขาก็ไม่โกรธ แต่หญิงสาวกลับไม่ทำซ้ำ ยังปิดปากเงียบจนความผิดที่ติดค้างในใจขยายตัวเป็นวงกว้าง
 
“เธอ... เป็นยังไงบ้าง” อึดอัดจนทนไม่ไหว สุดท้ายจึงต้องเอ่ยถามออกไป
 
“ธัญญ์คะ ตัวเปียกหมดเลย เวนิสเช็ดให้นะ อ้าว! น้องนั่นเอง เจอกันอีกแล้ว เจ็บตรงไหนหรือเปล่าจ๊ะ ขอโทษด้วยนะ เป็นความผิดของพี่เองแหละที่ชวนธัญญ์คุยจนไม่ได้มองข้างทาง”
 
ทว่าแทนคำตอบที่ต้องการคือเวนิสาที่เดินถือร่มมากางฝนให้ และนั่นก็ยิ่งกว่าตอกย้ำความเหมาะสมของทั้งคู่ให้คนในอดีตพึงสังวร
 
‘กิ่งทองใบหยกตามตำราโบราณ รูปร่างหน้าตาอย่างนี้นี่เอง’
 
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณท่านประธานมากนะคะที่ช่วย ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ”
 
เทพิมพ์ฝืนยิ้มอ่อนโยนให้เวนิสาที่หันมามองแล้วส่งยิ้มให้เพราะจำเธอได้ ในใจก็คิดว่าตุ๊กตาหน้ารถสวยราวนางอัปสรสวรรค์แบบนี้ หากเธอเป็นธรธัญญ์ก็คงไม่มีสายตาไว้มองขยะข้างทางเหมือนกัน ฟันซี่น้อยขบกลีบปากตัวเองเมื่อเห็นมือขาวสะอาดลูบไล้ใบหน้าของธรธัญญ์อย่างคนสนิทสนม รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ์แต่ก็ห้ามอาการปวดแปลบในอกไม่ได้ เพราะช่วงเวลาเกือบสามเดือนที่ผ่านมา อดีตคนรักไม่เคยเปิดโอกาสให้เธอถึงเนื้อถึงตัวเขาแบบนี้เลย และก่อนที่ความน้อยใจปะปนอิจฉาจะหลอมรวมเป็นน้ำตาไหลรินอาบแก้มให้ยิ่งน่าสมเพศ เทพิมพ์รีบกล่าวคำขอบคุณตัดบท หญิงสาวสตาร์ตรถพลางขอบคุณที่มันไม่ทำให้เธอขายหน้าแล้วขี่ออกห่างจากภาพบีบหัวใจให้เร็วที่สุด แน่ใจว่าหนีมาไกลมากพอแล้ว จึงยอมปล่อยให้หยดน้ำที่เอ่อคลอตรงขอบตารินไหลลงมาตามวิถีของมัน
**********************************************************************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา