ทวงรักนางซิน

-

เขียนโดย Phaky

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.02 น.

  47 ตอน
  1 วิจารณ์
  37.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ห่วงใย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
กิ้วๆ มีคนแอบยิ้ม 1อัตรา
*****************************
“เข้าไปสิ”
ดูเหมือนจะสลับหน้าที่กันเล็กน้อยระหว่างธรธัญญ์กับเทพิมพ์ที่ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านของตัวเองหลังบีเอ็มสีดำมาจอดเทียบ เทพิมพ์ขอบคุณเจ้าของโรงแรมหรูที่ทั้งช่วยให้พ้นปากเหยี่ยวปากกาแล้วยังพามาส่ง นึกว่าจะจบวันแย่ๆไว้เพียงแค่นั้น แต่เปล่าเลย ไม่มีทีท่าจะจบง่ายเมื่อร่างสูงตามมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังจนมือบางที่กำลังจะไขกุญแจหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองด้วยความสงสัยว่าธรธัญญ์ต้องการอะไรงั้นหรือ ไม่มีคำตอบที่ต้องการ มีแต่ใบหน้าราบเรียบที่โน้มลงมาในระดับเดียวกับใบหน้ารูปไข่ ใกล้จนเห็นความเนียนเกลี้ยงชัดเจน ความใกล้ชิดที่ไม่คุ้นเคยส่งผลให้ร่างเล็กผงะถอยหนี แต่ก็ติดที่ด้านหลังมีประตูขวาง จึงถูกบังคับให้ต้องยืนสบตากับธรธัญญ์ไปโดยปริยาย ความมืดดำของดวงตาคมคล้ายมีแรงดึงดูดที่หากใครพลาดสบตาแล้วยากจะถอดถอน อ่อนด้อยเดียงสาแบบเทพิมพ์ยิ่งยากจะต่อต้าน สาวน้อยยืนมองธรธัญญ์นิ่งๆ เหม่อถึงขนาดไม่รู้ว่าประตูบ้านของตัวเองถูกไขโดยคนตรงหน้าที่แย่งกุญแจไปจากมือ รู้ตัวอีกทีก็ตอนถูกหลังมือสีแทนเคาะเบาๆบนหน้าผากพร้อมเอ่ยปากเชื้อเชิญให้เข้าไปข้าง เทพิมพ์กะพริบตาปริบๆ มองหน้าทีหลังที เหมือนจับต้นชนปลายอะไรไม่ค่อยถูก ก่อนเดินเข้าไปในบ้านอย่างงงๆ ไม่อย่างนั้นคงชนกับร่างสูงที่สืบเท้าเข้าหา
“อยู่คนเดียว กลัวหรือเปล่า”
“กลัว?”
“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อน”
ไหล่บางสะดุ้งเฮือกหลังได้ยินเสียง ‘คลิก’ พร้อมบานประตูที่ปิดสนิทด้วยมือใหญ่ เป็นอีกครั้งที่เจ้าของบ้านทำได้แค่กะพริบตามองคนตัวโตที่ยืนกอดอกมองอยู่ก่อน เทพิมพ์มองกลับไปกลับมาระหว่างธรธัญญ์กับบานประตู ก่อนค่อยๆลำดับความคิด เมื่อครู่ที่ธรธัญญ์ถามว่าอยู่คนเดียวแล้วกลัวหรือเปล่า เธอไม่ได้ตอบว่ากลัว แต่เธอแค่ทวนคำถามว่าต้องกลัวอะไรงั้นหรือในเมื่ออยู่ในบ้านของตัวเอง แต่ดูเหมือนธรธัญญ์จะกำลังเข้าใจผิดถึงได้มองซ้ายมองขวา พลางหย่อนร่างสูงลงนั่งบนโซฟารับแขกไม้สักตัวเก่ากลางห้องโถงแล้วคว้าหมอนอิงมาหนุนคอหนุนหลังท่าทางสบายอารมณ์
“ยืนงงทำไม ไปอาบน้ำสิ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่านอนดึก”
“แล้วคุณธัญญ์...”
“ไม่ต้องห่วง ฉันดูแลตัวเองได้ เธอรีบไปอาบน้ำเถอะ ดึกๆอากาศจะเย็น เดี๋ยวได้เป็นหวัด”
เทพิมพ์ยืนหมุนซ้ายหมุนขวา จะให้บอกอย่างไรว่าตอนนี้เธอไม่ได้เป็นกังวลว่าธรธัญญ์จะอยู่อย่างไร แต่เธอกำลังงงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือถึงพาตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อน ยอมรับว่าเธอยังรักเขา แต่ถ้าให้ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองในบ้านแบบนี้ เธอก็รู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจนัก
“ไป อาบ น้ำ” แขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังออกคำสั่งเสียงเข้มใส่เจ้าของบ้าน
“พิมพ์อยู่คนเดียวได้ค่ะ คงไม่ต้องลำบากคุณธัญญ์อยู่เป็นเพื่อน”
“ไอ้เด็กแว้นพวกนั้น เธอรู้ไหมว่าพวกมันเป็นใคร” คำถามหน้าตึงของธรธัญญ์ได้รับการส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ถ้ามันเป็นคนที่อื่นก็ไม่น่ากลัว แต่เธอคิดบ้างไหมว่ามันอาจเป็นคนที่เธอรู้จัก แล้วพวกมันก็รู้จักเธอดี รู้ว่าเธอต้องขี่รถกลับบ้านคนเดียวกลางดึก รู้ว่าเธอพักอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียว แล้วก็รู้ว่าถ้าพวกมันพังประตูเข้ามา แล้วจะไม่มีใครมาช่วยเธอได้ เธอเคยคิดเรื่องนี้ไหม”
นั่นสิ! ขี่รถผ่านถนนเส้นนี้มาหลายปี ทั้งกลางวันยันดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่เคยมีเรื่อง ไม่เคยแม้จะได้ยินข่าวอาชญากรรมทั้งเก่าใหม่จากปากของชาวบ้านแถวนี้เลยสักครั้ง เธอจึงมั่นใจมาตลอดว่ามันปลอดภัยมากจนชะล่าใจ และเกือบตกนรกทั้งเป็นหากไม่ได้คนตัวโตที่นั่งกึ่งนอนบนโซฟาของตัวเองเข้ามาช่วยเหลือได้ทัน เรียวหน้าอ่อนเยาว์เริ่มซีดเผือด สองมือเผลอบีบกันแน่น และเหงื่อเม็ดโตก็ผุดรอบกรอบหน้าเมื่อนึกตามคำพูดของธรธัญญ์ เพราะมีความเป็นไปได้สูงเหลือเกินที่แก๊งเด็กแว้นพวกนั้นจะบุกมาถึงบ้านหากพวกมันรู้จักเธอ
“เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่” เห็นหน้าจ๋อยๆก็สงสาร น้ำเสียงที่เคยเข้มห้วนพลันอ่อนลงอัตโนมัติ
“เข้าใจค่ะ แต่ว่าพิมพ์...”
“ถ้าเข้าใจก็แค่ทำตามที่ฉันบอก อย่าดื้อ”
“แต่พิมพ์เกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
“ก็พิมพ์เกรงใจนี่คะ อุ้ย!”
เพราะคำพูดนั้นไม่เข้าหู พริบตาเดียวหลังจากเทพิมพ์เถียงกลับอย่างเด็กหัวรั้น ร่างสูงของธรธัญญ์ก็มายืนประจันหน้า ไม่ทันได้ระวังตัว ท่อนแขนแข็งแรงก็กระชากเอวเล็กเข้าปะทะกับร่างหนา ร่างบอบบางของเทพิมพ์จึงตกอยู่ใต้อานัดของธรธัญญ์ที่โน้มใบหน้าเขียวคล้ำด้วยโทสะจ้องมองอย่างเอาเรื่อง จนความกังวลเรื่องแก๊งเด็กแว้นถูกพักไว้ชั่วคราว แล้วหันมาหวาดกลัวเจ้าของอ้อมแขนที่โอบรัดเรือนกายตรงหน้าแทน พอทราบมาบ้างว่าชายหนุ่มเป็นคนเฉียบขาด แต่ก็นึกไม่ถึงว่ายามมีโทสะ ธรธัญญ์จะน่ากลัวถึงเพียงนี้
“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าไม่ต้องเกรงใจ ฉันเต็มใจอยู่เป็นเพื่อนเธอ เพราะฉันเป็นห่วงเธอ ได้ยินไหมยายเด็กดื้อ!”
ร่างบางสะดุ้งโหยง ตะคอกใส่หน้าแบบนี้ใครไม่ได้ยินก็คงหูพิการแล้วล่ะ แล้วหูเธอก็ยังใช้งานได้ดีจึงได้ยินชัดเจนทุกคำ มัน...หมดแรงจะโต้แย้งเพียงแค่ได้ยินธรธัญญ์บอกว่าเป็นห่วง แม้จะทราบดีว่าในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันหาใช่คนรักห่วงใยก็เถอะ เทพิมพ์เหลือบดวงตาขึ้นมองบุรุษตรงหน้าที่ยังทำหน้าเคร่งขรึมแล้วรีบหลุบตามมองต่ำ พื้นฐานเป็นคนขี้เกรงใจ ไม่สบายใจเอาเสียเลยที่ต้องกลายเป็นภาระให้คนอื่นแบกรับ แต่จะเป็นไรไหมหากเธอจะแกล้งโยนนิสัยนั้นทิ้ง แล้วฉวยโอกาสนี้รับเอาเศษน้ำใจจากธรธัญญ์มาปลอบประโลมหัวใจดวงน้อยที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉ่ำหนองให้ดีขึ้น แม้มันจะแค่ชั่วคราว
“ได้ยินค่ะ”
“ได้ยินแล้วจะเอายังไง”
ธรธัญญ์เค้นเสียงเหี้ยม พลางกดมือกระชับร่างเล็กเข้าชิดตัวข่มขู่ ถ้าเทพิมพ์ยังดื้อ ชูสามนิ้วสาบานได้เลยว่าคืนนี้คงมีคนโดนฟาดก้นลายเป็นแน่
“พิมพ์ให้คุณธัญญ์อยู่เป็นเพื่อนค่ะ แต่ว่า...”
“แต่อะไรเยอะแยะนักหนา!”
“แต่บ้านพิมพ์ไม่มีแอร์ คุณธัญญ์จะอยู่ได้เหรอคะ”
กล้ามเนื้อแข็งแกร่งลดอาการเครียดเกร็งลงไปเกือบครึ่ง ค่อยยังชั่วที่เหตุผลที่เพียรอ้างนั้นไม่ได้มาจากความรังเกียจรังงอน ที่แท้ก็เป็นห่วงเรื่องความสะดวกสบายของเขา เทพิมพ์ทราบรสนิยมในการรับประทานของเขาเป็นอย่างดี แต่เจ้าหล่อนคงไม่ทราบรายละเอียดเชิงลึกว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่โคตรติดดิน อยู่ง่าย กิน...เกือบง่าย หลายครั้งที่ต้องออกคุมงานกลางแจ้งก็ปูเสื่อนั่งล้อมวงกินข้าวกับลูกน้องแบบง่ายๆ
“ขอแค่หมอนสักใบกับผ้าห่มสักผืนก็พอ”
“งั้นพิมพ์ไปจัดการให้นะคะ”
ธรธัญญ์พยักหน้าอนุญาตแต่สองมือกลับรั้งเอวคอดไว้ไม่ปล่อย จนเจ้าของร่างบางต้องขยับตัวเป็นเชิงเตือนนั่นแหละท่อนแขนแข็งแรงจึงผละออก ปล่อยให้เทพิมพ์เดินหายเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ยืนกอดอกพิงแผ่นหลังกับผนังรออยู่ชั่วครู่ ธรธัญญ์ก็แทบหลุดเสียงหัวเราะกับผีผ้าห่มที่เคลื่อนที่ต้วมเตี้ยมออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่าคนตัวเล็ก หรือผ้าห่มกับหมอนมีขนาดใหญ่เกินไป จึงมองหาเทพิมพ์ไม่เจอจนทำให้เห็นเหมือนผ้ากับหมอนลอยได้ เห็นแบบนั้น สุภาพบุรุษควรรีบเข้าไปช่วย แต่ธรธัญญ์กลับยืนมองนิ่ง เพราะกำลังรู้สึกดีที่ได้รับการดูแลจากเทพิมพ์ พลันสายตาก็สะดุดกับสองมือน้อยๆที่กำลังช่วยกันจัดวางผ้าห่มกับหมอนให้เป็นระเบียบบนโซฟารับแขกตามที่เขาจิ้มนิ้วเลือกเป็นที่นอนของคืนนี้ มันพาให้นึกถึงตอนที่เทพิมพ์ใช้มันแต้มยากับยกแก้วน้ำขึ้นป้อนพลธวัช ใบหน้าคมตึงเปรี๊ยะขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะมือคู่นี้เกิดมาเพื่อดูแลเขาเท่านั้นสิถึงจะถูก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณธัญญ์จะอาบน้ำเลยไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ฉันอาบมาเรียบร้อยแล้ว เธอรีบไปอาบเถอะ ยิ่งดึกอากาศจะยิ่งเย็น”
ธรธัญญ์รีบไล่ทันทีที่เทพิมพ์ตวัดดวงตามองมาคล้ายจะมีความสงสัยในคำตอบ พอร่างบางหายลับเข้าไปในห้องน้ำ ร่างสูงก็ฉวยโอกาสเดินสำรวจห้องโถงที่ต้องกลายเป็นห้องนอนจำเป็นที่มีแค่โซฟาไม้เนื้อแข็งแทนเตียงนุ่มๆที่คุ้นเคย แต่ก็ไม่โทษใครในเมื่อเขาเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้ด้วยตัวเอง
‘เก่าแต่สะอาดเอี่ยม’
ดวงตาคมกวาดมองไปรอบบ้านหลังน้อยสีซีดบ่งบอกอายุการใช้งาน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นในบ้านก็ไม่ได้ต่างกันเลย ดีไซน์ ลวดลายของโต๊ะรับแขกแบบไม้ ตู้โชว์ และชั้นวางของในบ้านทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นแบบโบราณ แต่คงได้รับการดูแลและทำความสะอาดเป็นอย่างดีจากคนอยู่ จึงยังคงสภาพแถมยังสะอาดเอี่ยมไม่มีคราบฝุ่นให้เห็นเลย
‘เด็กๆก็อ้วนกลมดี โตมาทำไมเหลือตัวจิ๋วเดียว’
ดึงดูดสายตากว่าความสะอาดของเครื่องเรือนวินเทจคงเป็นกรอบบานรูปเล็กๆสีซีดจางที่วางเรียงรายบนหลังตู้โชว์ แต่ละภาพเก็บบันทึกความทรงจำแต่ละสถานที่แตกต่างกันไป แต่มีอยู่หนึ่งภาพที่ตรึงดวงตาของธรธัญญ์ไว้เหนียวแน่น เรียวปากบางอดยิ้มเอ็นดูเด็กหญิงตัวกลมในชุดว่ายน้ำโชว์พุงกลมป่องแบบทูพีชลายเจ้าหญิงไม่ได้ ท่อนแขนท่อนขาอวบอัดของแม่หนูที่โผล่พ้นบิกินี่ตัวจิ๋วแทบไม่น่าเชื่อว่านั่นคือยายจอมดื้อ ธรธัญญ์นึกถึงคนที่อยู่ในห้องน้ำแล้วยิ้มขัน เพราะนอกจากดวงตากลมใส ก็แทบไม่เหลือเค้าอะไรบอกใบ้ว่าเด็กในภาพนี้คือเทพิมพ์เลยสักอย่าง
“ตอนเด็กๆเธอกินลูกอมแล้วไม่แปรงฟันใช่ไหม แผงหน้าถึงไม่เหลือสักซี่”
ธรธัญญ์เอ่ยแซวทั้งที่สายตายังมองจ้องอยู่ที่ภาพถ่าย หลังได้ยินเสียงสาวเท้าเข้ามาใกล้ แม้เพียงแผ่วเบา ทว่าคนประสาทหูดีก็ยังได้ยิน จนเทพิมพ์แอบสะดุ้ง ขมวดคิ้วน้อยๆคิดตามคำพูดของคนตัวโตที่ยืนหันหลังให้อย่างงงๆ ก่อนถึงบางอ้อเมื่อธรธัญญ์พลิกตัวกลับมาพร้อมกรอบรูปตัวการในมือ ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉย ทว่าในดวงตาสีเข้มกลับมีแววล้อเลียน เรียวปากบางที่เม้มเข้าหากันฟ้องว่าชายหนุ่มกำลังกลั้นขำสุดฤทธิ์กับภาพถ่ายของเธอในชุดนักเรียนอนุบาลรัดเปรี๊ยะมัดผมแกละสองข้าง ที่ยืนชูสองนิ้วแล้วฉีกยิ้มตาหยีโชว์ฟันหลออยู่หน้าประตูบ้าน น่าอายชะมัด
“เด็กๆต้องเคยผ่านจุดนี้เหมือนกันทุกคนแหละค่ะ คุณธัญญ์ก็ด้วย” คนเคยฟันหลอเถียงกลับงอนๆ
“มีหลักฐานไหมล่ะ” ธรธัญญ์เลิกคิ้วถามยิ้มๆในความปากคว่ำของเทพิมพ์
“ไม่มีหรอกค่ะ แต่เด็กทุกคนต้องมีช่วงผลัดเปลี่ยนฟันน้ำนมเป็นฟันแท้ หรือว่าคุณธัญญ์เกิดมาแล้วมีฟันแท้เลย”
“แน่นอน”
“ขี้โม้”
“ว่าใคร ฮึ!”
เทพิมพ์เบิกตากว้าง พลางส่ายหน้าหวืออย่างเด็กกลัวความผิด วันหลังจะพูดจะนินทาอะไรคนหูดีขั้นเทพนี่คงต้องระวังให้มากกว่านี้สินะ เพราะนี่ขนาดก้มหน้าบ่นงึมงำตั้งใจให้ได้ยินแค่คนเดียวแต่ธรธัญญ์ก็ยังได้ยินมันจนได้ ซ้ำคนตัวโตยังเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนมองไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ธรธัญญ์มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมดึงเอวเล็กเข้าหา เหตุการณ์เหมือนเมื่อครู่เชียว ผิดกันแค่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่เกรี้ยวกราด ทราบจากใบหน้าหล่อที่ก้มเสมอใบหน้าของเธอ ในดวงตาของชายหนุ่มจะว่าเอาเรื่องที่ถูกเธอพูดจาไม่น่ารักใส่ก็ไม่ใช่ คล้ายๆจะเอ็นดูก็ไม่เชิง รู้แค่ว่าไม่น่ากลัวจนหัวใจจะหยุดเต้นเหมือนก่อนหน้า และอาจจะกลับตาลปัตรกันไปเลย ดูเหมือนหัวใจเธอจะเต้นแรงกับประกายระยิบระยับท่ามกลางความมืดดำของนัยน์ตาคมเสียด้วยซ้ำ
“รีบไปนอนได้แล้ว”
ยืนจ้องตากันสักพัก สุดท้ายก็เป็นธรธัญญ์ที่เขี่ยปลายจมูกแดงๆเล่นแล้วไล่เทพิมพ์ไปนอนเหมือนหญิงสาวเป็นเด็กเล็กๆ เด็กน้อยพยักหน้ารับคำสั่งของผู้ปกครองจำเป็นอย่างน่ารัก ทว่าก่อนหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง เทพิมพ์กลับชะโงกหน้ามองโซฟาไม้ด้านหลังของธรธัญญ์ประสาคนมีห่วง
“คุณธัญญ์นอนได้จริงๆเหรอคะ”
“ถ้าเป็นเธอล่ะ จะนอนได้ไหม”
“สบายมากค่ะ” เทพิมพ์ยิ้มรับมั่นใจ นอนบนพื้นปูนเย็นๆคาหน้าจอโทรทัศน์เธอก็เคยมาแล้ว
“งั้นฉันก็นอนได้”
เทพิมพ์ยืนเอียงคอมองหน้าธรธัญญ์ตาปริบๆ หลังควานหาความเชื่อมโยงระหว่างคำตอบของเธอกับเขาไม่เจอสักที แล้วเหมือนชายหนุ่มจะภูมิใจมากเสียด้วยที่ทำให้เธอยืนหน้าเอ๋อ ถึงได้ยกมือป้องปากพลางหัวเราะด้วยความขบขัน คนงงแสนงอนจึงขมุบขมุบปากน้อยๆขอตัวไปนอน แล้วเดินฉับๆเข้าห้องของตัวเองปล่อยทิ้งคนพิเศษ ที่มีฟันแท้ตั้งแต่กำเนิดให้ดูแลตัวเองไปด้วยความหมั่นไส้
ทว่าความห่วงใยก็ลอยตัวอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง ธรธัญญ์นอนหลับหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือเธอนี่แหละที่ข่มตามาเกือบจะสิบนาทีแล้วก็ยังนอนไม่หลับเสียที ใจมันกระวนกระวายเป็นห่วงคนตัวโตด้านนอกว่าจะนอนสบายตัวไหม จะร้อนหรือไม่ที่มีแค่พัดลมตัวเก่าช่วยพัดความเย็น ไวเท่าความคิดร่างบางจึงกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงนอนเตรียมออกไปแอบดูคนในห้องโถง ทว่ากลับมีเสียงร้องห้ามในสมองว่าหากทำแบบนั้นอาจทำให้ธรธัญญ์เข้าใจผิดว่าเธอต้องการยั่วยวน กลัวถูกเข้าใจเจตนาผิด เทพิมพ์จึงทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิมแล้วหลับตาปี๋ พยายามกล่อมตัวเองเข้าสู่นิทรา
แต่ห่วงก็คือห่วง ยิ่งพยายามฝืนก็เหมือนการนอนให้หลับในคืนนี้จะยิ่งลำบาก ร่างบางผุดลุกผุดนั่งอยู่บนที่นอนราวกับคนบ้า จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว มือบางตวัดผ้าห่มออกจากร่าง แล้วค่อยๆหย่อนปลายเท้าแตะพื้น ทุกการเคลื่อนไหวแผ่วเบาราวกับโจรน้อยกำลังจะออกปล้น ลูกบิดประตูถูกหมุน ตามด้วยบานประตูที่แง้มออกเป็นช่องว่างพอให้ดวงตามองเห็นสถานการณ์ในห้องโถง ไหล่บางลู่ลงตามธรรมชาติเมื่อเห็นร่างสูงนอนเหยียดยาวนิ่งสนิทอยู่บนโซฟา ธรธัญญ์นอนได้จริงๆด้วย เรียวปากสีเชอรี่สุกคลี่ยิ้มอ่อนโยนพลางมองภาพตรงหน้าราวกับต้องการประทับมันไว้ในกล่องความทรงจำตลอดไป จังหวะที่กำลังจะหมุนร่างกลับเข้าห้องนอนหลังยืนมองธรธัญญ์เกือบสิบนาที หางตากลับเห็นว่าคนตัวโตพลิกตัวนอนตะแคงส่งผลให้ผ้าห่มร่วงลงไปกองที่พื้น เทพิมพ์จึงย่องเบาๆไปหยุดยืนตรงหน้าโซฟา ก่อนหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างสูงใหม่อีกครั้ง
“ฝันดีนะคะ” ถือว่าคนหลับไม่ได้ยิน เทพิมพ์จึงกล้าก้มใบหน้ากระซิบชิดใบหูของธรธัญญ์แล้วอวยพรเบาๆ
ทว่าคนที่เทพิมพ์คิดว่าหลับกลับลืมตาขึ้นในความมืดหลังรอฟังเสียงประตูคืนที่ของมัน ธรธัญญ์ก้มมองผ้าห่มที่ปิดมาถึงบริเวณอกกว้างพลางยิ้มเอ็นดู นับหนึ่งยังไม่ทันถึงร้อยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาคาดเดาก็เกิดขึ้นแม่นยำราวกับมีญาณพิเศษ นึกอยู่แล้วเชียวว่าอีกไม่กี่อึดใจเทพิมพ์จะต้องแอบย่องมาส่องแน่นอนว่าเขานอนหลับหรือเปล่า ธรธัญญ์เบี่ยงหน้ามองประตูห้องนอน ก่อนยิ้มบางเบาหมายส่งไปให้ถึงคนที่อยู่ในนั้น งอนเขา แต่สุดท้ายก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้สินะ
“ฝันดียายขี้งอน”
******************************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา