ทวงรักนางซิน
เขียนโดย Phaky
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.02 น.
แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ฉันอยู่ตรงนี้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ก็พี่เป็นพระเอกอ่ะเนอะ ยังไงหน้าที่นี้ก็ต้องเป็นของพี่
****************************************************
“ขอกุญแจรถให้พิมพ์นะคะ”
“ฝันไปเถอะ บอกแล้วว่าพี่จะไปส่ง เป็นผู้หญิงขี่รถกลับบ้านดึกๆมันอันตราย ไม่รู้หรือไง ฮึ!”
จากที่หมุนเล่นที่ปลายนิ้ว พอถูกแบบมือมาตรงหน้าพลางร้องขอเป็นรอบที่สามตาปรอย พลธวัชก็เก็บกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ของเทพิมพ์ที่เปลี่ยนยางเรียบร้อยแล้วใส่ในกระเป๋ากางเกงซะเลย เพราะมั่นใจว่าอย่างไรเทพิมพ์คงไม่กล้าล้วงมือมาแย่งมันกลับคืน ก่อนวางมือบนกลุ่มผมสีน้ำตาลสวยแล้วขยี้เบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวในความดื้อของเด็กสาวระหว่างเดินไปยังลานจอดรถด้วยกัน พลธวัชมองออกไปด้านนอกเมื่อเดินมาถึงหน้าประตู เวลานี้เกือบสี่ทุ่มแล้ว ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิด เหมาะเหลือเกินที่จะใช้เป็นข้ออ้างไปส่งเทพิมพ์ หลังจากเมื่อคืนพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าตบกบาลตัวเอง
“แต่พิมพ์เกรงใจพี่พลนี่คะ ต้องขับอ้อมไปตั้งไกล แถมค่าเปลี่ยนยางรถก็ไม่ยอมให้พิมพ์จ่าย”
“ต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งว่าพี่เต็มใจ วันไหนเลิกไม่ดึก พิมพ์ค่อยกลับเอง แต่คืนนี้พี่ขอแล้วกันนะ พี่เป็นห่วง”
ได้ยินแบบนั้น สุดท้ายเทพิมพ์จึงต้องยอมพยักหน้ารับ แต่คงมีแค่พลธวัชเท่านั้นที่รู้ดีว่าหลังจากนี้ตารางเข้างานของเทพิมพ์จะถูกเทไปอยู่กะดึกทั้งหมด หว่านล้อมเด็กดื้อเป็นผลสำเร็จ พลธวัชจึงเดินนำเทพิมพ์ไปยังรถของตัวเองที่วันนี้พร้อมใช้งานเพราะเมื่อคืนเสียเงินก้อนโตให้ช่างเช็คทุกอย่างแล้วโดยละเอียด ทว่าจังหวะที่กำลังจะเปิดประตูให้เทพิมพ์ขึ้นไปนั่ง กลับมีเสียงร้องเรียกอย่างคนกระหืดกระหอบจนหัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยงใจตกไปอยู่ที่ฝ่าเท้า
“พี่พลคะ พี่พล อย่าเพิ่งกลับค่ะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคุณแอ๋ว”
ใจนึกอยากทำหูทวนลมเพราะสัญชาตญาณบอกว่าคงไม่เรื่องที่ถูกใจเขานัก แต่เพราะเทพิมพ์ชะงักขาแล้วเอี้ยวตัวกลับไปมอง จึงทำให้พลธวัชไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหมุนตัวกลับไปด้านหลัง แล้วก็พบว่าเป็นลูกน้องตัวเองนั่นแหละยืนหอบหายใจเหน็ดเหนื่อย คงเพราะต้องรีบวิ่งตามให้ทัน
“คือพี่นพอยากบรีฟงานประกวดมิสยูนิเวิร์สใหม่น่ะค่ะ”
“ตอนนี้?”
“ค่ะพี่ ตอนนี้เลย”
“แต่พี่เพิ่งออกมาจากหน้างาน ทุกจุดพี่ก็เช็คความเรียบร้อยหมดแล้วนี่”
“ได้ยินว่ามีแก้ไขฉากหน้างานกับจุดเก็บตัวนางงามอะไรประมาณนี้แหละค่ะ แอ๋วก็เพิ่งทราบเมื่อกี้”
“พี่พลไปทำงานเถอะค่ะ พิมพ์กลับเองได้”
ความไม่สบายใจในดวงตาที่พลธวัชมองมาทำให้เทพิมพ์รีบออกตัวพลางส่งยิ้มหวานตอกย้ำว่าเธอดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี มั่นใจว่าหากไม่มีเธอเป็นตัวถ่วง คนขยันทำงานอย่างพลธวัชไม่มีทางลังเลที่จะกลับไปประชุมกับเซลล์ตัวท็อปของนาราแกรนด์โฮเทลอยู่แล้ว โดยเจ้าของรอยยิ้มหารู้ไม่เลยว่าต่อให้ได้ยิ้มหวานหยดย้อยกว่านี้ก็ไม่อาจลดทอนความห่วงใยจากเขาได้อยู่ดี ใจอยากรั้งให้เทพิมพ์นั่งรอ แต่เพราะไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน อีกใจเลยส่งเสียงทักท้วงเพราะเรียวหน้าอ่อนใสเริ่มมีร่องรอยอิดโรยให้เห็น สืบเนื่องจากวันนี้เทพิมพ์เข้างานแต่เช้าตรู่ อันที่จริงก็ต้องเลิกงานตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่ถูกเขาร้องขอให้อยู่ช่วยงานที่ครัวเย็นกะทันหัน เพื่อถ่วงเวลาให้ถึงเวลาค่ำมืด เขาจะได้มีข้ออ้างไปส่งหญิงสาว ทว่ากลับต้องกินแห้วเหมือนเคย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเซลล์จะต้องมาอยากคุยงานกับเขาตอนนี้ด้วย แค่อยากอยู่กับเทพิมพ์สองต่อสองบ้างหวังทำคะแนน ทำไมอุปสรรคมันเยอะนักวะ
“กลับบ้านดีๆนะ ถึงแล้วโทร.บอกพี่ด้วย”
สุดแสนเสียดายแต่สุดท้ายก็ต้องล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อส่งกุญแจรถคืนให้เจ้าของ กระนั้นก็มิวายใช้ความห่วงใยแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเทพิมพ์ด้วยการร้องขอให้หญิงสาวโทรศัพท์รายงานตัวพลางลูบมือบนศีรษะเล็กเหมือนคนรักทำกัน คนไม่รู้ความนัยก็ยิ้มรับประสาซื่อก่อนแยกตัวไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแล้วรีบขี่ออกไปเพราะหากชักช้า พลธวัชที่ยืนรอส่งก็จะไม่ยอมกลับไปประชุม
‘บรรยากาศแปลกๆ’
เส้นทางเดิมๆที่คุ้นเคยกลับไม่รู้สึกคุ้นชินเหมือนทุกคืนที่เคยผ่าน เทพิมพ์ลอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะเมื่อรู้สึกใจมันหวิวๆชอบกลระหว่างที่มอเตอร์ไซค์กำลังเคลื่อนเข้าสู่บริเวณทางเปลี่ยวที่สองข้างทางมีแต่ต้นกกขึ้นสูงท่วมหัวไร้บ้านผู้คน ขี่ผ่านมานานนม ที่ตรงนี้ไม่เคยมีปัญหา แต่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นตึกตักเมื่อรถคันเก่งขับฝ่าความมืดลึกเข้าไป ทุกวินาทีมันช่างยาวนานหลังพยายามปลอบตัวเองกว่าอีกไม่ถึงสองกิโลเมตรก็จะเข้าเขตชุมชนแล้ว ทว่าแสงไฟที่สาดเข้าตาจากรถมอเตอร์ไซค์สามคันที่ขี่สวนมาและควรจะช่วยให้เธออุ่นใจกลับฉุดกระชากความรู้สึก มอเตอร์ไซค์สีชมพูเบรกกึกจนหัวแทบทิ่ม หัวใจตกไปกองอยู่ที่ฝ่าเท้าเมื่อทั้งสามคันที่ว่าจอดขวางหน้าเธอเอาไว้ คิดจะถอยหนีแต่ก็ไม่ทัน เพราะมีอีกสองคันที่จอดซุ่มอยู่ข้างทางตามมาปิดถนนไว้แล้ว มาคนเดียวยังเอาตัวรอดลำบาก แต่นี่เธอถูกล้อมไว้ด้วยผู้ชายถึงสิบคน หยดน้ำตาฟ้องความหวาดกลัวสุดขีดจึงทะลักเลอะผิวแก้มซีดขาวจนน่าสงสาร
“จะไปไหนเหรอจ๊ะน้องสาว มืดๆแบบนี้ ให้พวกพี่พาไปส่งไหมจ๊ะ”
คำถามหวังดีแต่ดูออกว่าประสงค์ร้ายได้รับการส่ายหน้ามอมแมมด้วยคราบน้ำตาเป็นคำตอบ ตามด้วยเสียงสะอื้นฮักของสาวน้อยที่พยายามกลั้นแต่ก็ทำไม่สำเร็จ เทพิมพ์บีบตัวเข้าหากันเมื่อผู้ชายพวกนั้นจอดรถแล้วเดินลงมา ยิ่งใกล้ สองมือก็ยิ่งบีบแฮนด์มอเตอร์ไซค์แน่นขึ้นจนเส้นเอ็นที่ข้อมือพอง ใจหนึ่งก็แสนกลัว แต่อีกใจก็พยายามตั้งสติ เพ่งดวงตาพร่าๆมองฝ่าความมืดและประมวลน้ำเสียงว่าใช่คนที่เคยรู้จักหรือไม่ แต่ก็ไม่ทราบเลยว่าคนพวกนี้เป็นใคร ยิ่งมีหมวกกันน็อกปิดคลุมใบหน้าก็ยิ่งมืดมน
“แต่พวกพี่อยากไปส่งนี่จ๊ะ”
“มะ..ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอทางเถอะนะคะ”
“ไม่ให้ค่ะ จนกว่าคนสวยจะยอมให้พี่ไปส่ง”
“ไม่นะ ออกไป!”
เทพิมพ์ปัดมือที่ยื่นเข้ามาใกล้หมายลูบไล้แก้มเนียนออกห่าง ก่อนหลับหูหลับตาบิดคันเร่งหวังฝ่าวงล้อมของผู้ชายร่างยักษ์ทั้งสิบ ทว่าพวกมันไม่กลัวเจ็บซ้ำยังช่วยกันยื้อรถเอาไว้ ก่อนมีมือของหนึ่งในนั้นยื่นมากระชากกุญแจไปคล้องเล่นที่ปลายนิ้วพลางผิวปากเยาะเย้ย จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสิบ เสียงหัวเราะสะใจผสมเสียงผิวปากจาบจ้วงดังล้อมรอบจนน้ำตาไหลพราก พอขยับคนพวกนั้นก็ยื่นมือมาใกล้หมายจะลวนลามเนื้อตัวจนเทพิมพ์นั่งตัวแข็งทื่อ ตัวเธอนิดเดียวจะเอาอะไรไปต่อกรกับผู้ชายทั้งสิบ สิ้นหวังที่จะรอด เทพิมพ์จึงได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้ ไว้อาลัยให้ความโชคร้ายของตัวเองเนื้อตัวสั่นเทา
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะคนสวย มามะ มาให้พี่กอดปลอบ”
คนสวยขี้แยห่อไหล่เข้าหากันอัตโนมัติพลางเบี่ยงตัวหนีด้วยความรังเกียจเมื่อคนที่เดาว่าน่าจะเป็นหัวโจกทำท่าจะรวบตัวเธอไปกอด ความตระหนกของเธอกลายเป็นความบันเทิงของพวกมัน เสียงหัวเราะสนุกสนานช่างบาดหู เทพิมพ์จึงยกสองมือขึ้นปิดหูแน่นจนโสตประสาทไม่ได้ยินเสียงเบรกจนฝุ่นตลบของรถยนต์คันใหญ่ที่มาจอดด้านหลัง
ปัง!
“ไสหัวออกไปให้หมด!”
“เฮ้ย! พ่อมึงมาโว๊ย หนีเร็ว!”
เสียงปืนจากผู้มาใหม่ทำเอาแก๊งหมวกกันน็อกที่กำลังเพลินกับการหยอกล้อเหยื่อตัวน้อยวิ่งหนีตายกันกระเจิดกระเจิง รวมทั้งเทพิมพ์เองที่สะดุ้งเฮือกจนไหล่โยน จากที่กลัวจับใจอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงปืนในระยะประชิดจนแสบแก้วหู ร่างสั่นเทาจึงสติแตก เทพิมพ์ลงไปนั่งซุกตัวอยู่ที่ข้างรถพลางหลับหูหลับตากรีดร้องเสียงแหบแห้ง ดูน่าเวทนาจนเจ้าของปืนเลิกสนใจไอ้พวกเดนนรกแล้วรีบวิ่งเข้าไปกอดปลอบ แต่นั่นกลับกระตุ้นให้เทพิมพ์ยิ่งคลั่ง สองมือน้อยๆของคนกลัวทั้งทุบทั้งหยิกจนธรธัญญ์ต้องกระชากร่างเล็กเข้ามาแล้วกดใบหน้ามอมแมมแนบชิดอกอุ่น
“พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์! ลืมตาขึ้นมอง ฉันเอง คุณธัญญ์ คุณธัญญ์ของพิมพ์ไง”
ทว่ากอดจนเสื้อตรงอกเปียกชุ่มร่างบางก็ยังไม่หยุดดิ้นรน เกรงว่าปล่อยให้เนิ่นนานไปแล้วเทพิมพ์จะเป็นลมจึงดึงใบหน้าซีดขาวออกจากอก ตรึงให้มันอยู่นิ่งด้วยสองมือ ธรธัญญ์ยื่นหน้าเข้าไปให้เห็นใกล้ๆพลางร้องเรียก เสียงที่คุ้นหูค่อยๆดึงสติของเทพิมพ์กลับคืน ดวงตาแดงช้ำลืมตาขึ้นจ้อง ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนเหลียวมองไปรอบๆ พอไม่เห็นคนแปลกหน้าทั้งสิบก็หันกลับมามองที่เดิม มือบางลูบคลำไปทั่ววงหน้าคมว่าธรธัญญ์ตรงหน้าไม่ใช่ภาพฝัน พอมั่นใจว่าใช่ น้ำตาแห่งความดีใจก็ทะลักไหล เทพิมพ์โถมตัวเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งแน่นๆอย่างเด็กกำลังเสียขวัญ
“คุณธัญญ์! คุณธัญญ์ช่วยพิมพ์ด้วย คนพวกนั้นแกล้งพิมพ์ เขา เขาจะ... ฮือๆ”
“พวกมันไปแล้ว ฉันอยู่ตรงนี้ จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้”
“พิมพ์กลัว พิมพ์นึกว่าตัวเองจะไม่รอดมือคนพวกนั้นแล้ว ฮือๆ”
“เธอปลอดภัยแล้ว นิ่งซะๆ”
มือใหญ่ลูบศีรษะเล็กปลอบโยน ธรธัญญ์ปล่อยให้เทพิมพ์ซบหน้าร่ำไห้กับอกตัวเองจนพอใจ รอจนเสียงสะอื้นค่อยๆแผ่วเบา ชายหนุ่มจึงดึงวงหน้าเกลี้ยงเกลาขึ้นมาเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตา
“กลับบ้านกัน”
“คุณธัญญ์!”
คนถูกชวนพยักหน้ารับ ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆเพราะกลัวคนนิสัยไม่ดีพวกนั้นจะกลับมา แต่กลับต้องส่งเสียงร้องอุทานเพราะยังไม่ทันได้เตรียมตัว อ้อมแขนแน่นด้วยมัดกล้ามของธรธัญญ์ก็ช้อนเข้าใต้เข่าแล้วตวัดร่างเล็กขึ้นอุ้มตัวลอย สัญชาตญาณสั่งให้เกี่ยวแขนกับลำคอแข็งแรง ดวงตากลมจ้องมองเจ้าของชื่อด้วยความสงสัยว่าเขาจะอุ้มเธอทำไม ในเมื่อรถของเธอก็อยู่ตรงนี้ แล้วก็ได้คำตอบเมื่อธรธัญญ์ก้าวเดินด้วยจังหวะมั่นคงไปยังบีเอ็มราคาแพงระยับของเขา
“คุณธัญญ์คะ พิมพ์กลับเองได้ค่ะ อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านพิมพ์แล้ว”
“นั่งไปเงียบๆ อย่าดื้อ”
ธรธัญญ์วางร่างบางบนเบาะหลังส่งคำสั่งผ่านสายตาให้คนในอ้อมแขนเปิดประตูรถ ยืนค้ำมือไว้กับประตูเมื่อยายมอมแมมที่ตอนนี้หายสติแตกแล้วยังไม่ยอมจบเรื่อง หน้าตาดูเรียบร้อยหัวอ่อน แต่จริงๆแล้วเทพิมพ์หัวรั้นไม่น้อยเลย
“แล้วรถของพิมพ์...”
“เดี๋ยวลูกน้องฉันจะมาลากไปส่งให้ที่บ้าน หมดปัญหาแล้วนะ”
“แต่ว่าพิมพ์...”
“หรือเธอจะรอไอ้พวกนั้นมาลาก”
เทพิมพ์ส่ายหน้าหวือ ดวงตาเบิกกว้างกะพริบมองธรธัญญ์ตาปริบๆอย่างไม่อยากเชื่อหูว่าเขาจะกล้าถามเธอเช่นนี้ในเมื่อคราบน้ำตา หลักฐานฟ้องว่าเธอหวาดกลัวผู้ชายกักขฬะพวกนั้นมากแค่ไหนยังเลอะอยู่บนแก้มนวลอยู่เลย เห็นเด็กดื้อเม้มปากแน่นแล้วขยับร่างกระจ้อยร่อยขึ้นไปนั่งเรียบร้อย จึงปิดประตูพลางส่ายหน้าเพลียๆกับความดื้อของเทพิมพ์ นี่ถ้าเขาไม่ขู่ป่านนี้คงพยายามใช้ริมฝีปากจิ้มลิ้มต่อรองไม่หยุด เจ้าของร่างสูงเดินไปคว้ากุญแจรถของเทพิมพ์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจูงรถไปจอดบริเวณไหล่ถนนแล้วโทร.ตามลูกน้องมาจัดการมัน สั่งการว่าอย่างไรเทพิมพ์ไม่ได้ยิน รู้เพียงแต่ว่าธรธัญญ์หันหน้ามามองเธอนิดแล้วจึงกดวางสาย
จากนั้นจึงกลับมาประจำการหลังพวงมาลัย เห็นใจคนเพิ่งผ่านเหตุการณ์เขย่าขวัญ จึงขับรถไปเงียบๆ หน้ามองตรงแต่หางตากลับไม่คลาดไปจากร่างบางที่เพียรชะโงกมองนอกหน้าต่าง คงกลัวไอ้เด็กแว้นพวกนั้นจะตามมาหรือดักซุ่มอยู่ข้างทางกระมัง
“กลัวพวกมันตามมาเหรอ” เทพิมพ์พยักหน้ารับ เรียวหน้าที่หันกลับมาสบตามีร่องรอยความวิตกกังวลชัดเจน
“กลัวพวกเขาดักทำร้ายคุณธัญญ์ค่ะ”
อย่างไรก็ไว้ใจไม่ได้ กังวลว่าคนพวกนั้นจะอาฆาตแล้วกลับมาเอาคืนธรธัญญ์ที่เข้ามาขวาง และเพราะอยู่ในช่วงสติสัมปชัญญะไม่ปรกติ ริมฝีปากของเทพิมพ์จึงพูดออกมาตามความคิด โดยไม่ผ่านการกลั่นกรองว่าใช่เรื่องที่ควรพูดออกไปหรือไม่
‘นี่สิเทพิมพ์ตัวจริง เทพิมพ์คนที่มีแต่ความห่วงใยให้เขามาตลอด’
**************************************
พาพ่อพระเอกตัวจริงมาส่งแล้วน๊า ขอโทษที่ผิดนัดนะคะ เมื่อวานเค้าโดนหมากัด ช่วงนี้เสียเลือดเสียเนื้อทุกวัน บรรเทิงกับการแปะพลาสเตอร์ที่ตัวมากกก วันนี้วันสุดท้ายของปีแล้ว พยายามถนอมเนื้อถนอมตัวสุดฤทธิ์ 555
และในโอกาสที่วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี ภัคขอใช้โอกาสนี้ขอโทษนักอ่านทุกท่าน ในข้อผิดพลาด หรืออะไรที่ล้วนแล้วแต่ทำให้เคยขุ่นเคืองด้วยนะคะ ไม่เคยมีเจตนาจะทำให้ใครไม่พอใจจริงๆ
ส่วนอะไรที่ผ่านไปแล้ว ถ้ามันไม่ดี ก็ขอให้ทุกท่านลืมเลือนมันไป ทิ้งมันไปกับปีเก่า ขอให้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยรอยยิ้มและความสุขทุกท่านเลยนะคะ
รักคนอ่าน...ภัค
***********************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ