เมียนอกสายตา
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คนที่รู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ผมไม่แต่ง!”เวหายังคงปฏิเสธหัวชนฝากับคำประกาศิตของผู้เป็นย่าที่พยายามคลุมถุงชนให้เขานั้นแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ทั้งๆที่เขานั้นก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
“ย่าบอกให้แต่งก็คือแต่ง แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธย่า”
“หัวใจของผม ผมมีสิทธิ์เลือก”
มันก็จริงอย่างที่เขาพูดแต่คุณหญิงสาวิตรีก็ยังคงไม่ยอมฟังคำพูดของผู้เป็นหลานชายอยู่ดี เพราะนางได้ยินข่าวลือบางอย่างมาจึงกลัวว่าเวหาจะยอมรับความจริงไม่ได้แต่ถ้าหากยังมีคนคอยเคียงข้างเขาในช่วงเวลานั้นบางทีมันอาจจะดีกว่าและบางครั้งคนที่นางเลือกให้อาจจะช่วยดามหัวใจของชายหนุ่มได้บ้างไม่มากก็น้อย เวหากำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะประโยคที่หญิงชราเอ่ย
“ถ้าแกดื้อกับย่า ย่าก็จะไม่ยอมไปผ่าตัด จะได้ตายๆไปให้รู้แล้วรู้รอด”
อาการเจ็บแปลบๆบริเวณทรวงอกแทรกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อหญิงวัยใกล้ฝั่งรู้สึกเครียด มือเหี่ยวย่นกำแน่นที่หน้าอก ร่างของนางทรุดลงนอนบนโซฟาด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าไปหาหญิงชราด้วยความตกใจปนห่วงใย
"ผมยอมแต่งก็ได้ แต่ตอนนี้คุณย่าไปหาหมอก่อนนะครับ"พยุงร่างอวบเดินขึ้นรถในทันที
หากไม่ยอมตอบตกลงผู้เป็นย่าก็คงดื้อไม่ยอมรักษา เขาเริ่มคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น
อีกคนก็เปรียบเสมือนชีวิต ส่วนอีกคนก็เปรียบเสมือนหัวใจ สองทางนี้เขาควรเดินไปเส้นทางไหน
ฑิฆัมพรในชุดนักศึกษาก้าวเท้าด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง มือบางที่ถือแฟ้มเอกสารไว้แนบอก ยกขึ้นเคาะประตูสองสามทีเพื่อเป็นมารยาทก่อนจะเข้าห้องคนอื่น นี้ก็เกือบสัปดาห์เห็นจะได้ที่เธอต้องมาฝึกงานกับตำแหน่งใหม่ แต่บริษัทเดิม
"แฟ้มเอกสารของรายจ่ายเดือนที่แล้วค่ะ"
ชายหนุ่มยิ้มรับเลขาสาวที่ทำงานถูกใจกว่านารีรัตน์ที่ทำงานกับเขามานานหลายปี
ใครกันที่ว่าท่านประธานน่ากลัว คนลือก็ลือกันไปไม่รู้ว่าจริงไม่จริงแต่ก็กลับเชื่อกันไปหมด ในตอนนี้ที่เธอเห็นมีเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยังคงส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเธอเสมอเวลาเจอหน้ากัน
"วันนี้รับเป็นกาแฟ ชา หรือน้ำขิงดีคะ?"รับแฟ้มไปถือไว้ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเช่นทุกครั้ง
"เอาเป็นชาแล้วกัน"
"รอสักครู่นะคะ"
เขายิ้มตอบหญิงสาวก่อนที่ร่างระหงจะเดินออกไป เวหาลุกขึ้นเพื่อพักผ่อนสายตาด้วยการยืนมองวิวด้านนอกกระจก แต่กลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นรถลาที่ติดกันยาวเหยียดราวกลับนัดหมายกันออกมาใช้ถนน แต่อีกส่วนคงจะเป็นเรื่องที่นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน นั้นก็คือเรื่องแต่งงาน อีกไม่กี่สัปดาห์สุวิสาแฟนสาวของเขาก็จะกลับมาแล้วตนจะบอกเธออย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งว่าที่เจ้าสาวก็ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน
"เฮ้อ!ชีวิตฉันโคตรนิยายน้ำเน่าเลยว่ะ"บ่นพึมพำคนเดียวก่อนจะหันกลับไปมองประตเมื่อได้ยินเสียงว่ามันถูกเปิดออก
"ชาค่ะ"
"ขอบใจ"
หญิงสาวเดินออกไปเมื่อทำหน้าที่ของตนเสร็จสิ้น
มือหนายื่นไปหยิบแก้วน้ำชาที่มีควันลอยอยู่จางๆ เป่าเบาๆเพื่อหวังให้ความร้อนนั้นคลายลงพร้อมยกขึ้นจิบเล็กน้อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนร่างของเลขาส่วนตัวจะปรากฏขึ้น
"พอดีเมื่อกี้น้องฟ้าลืมเอาของว่างมาให้น่ะค่ะ"ยิ้มแหย่ๆเพราะกลัวว่าจะโดนดุ หากจะใช้ให้รุ่นน้องเอามาให้เนื่องด้วยเจ้านายดูจะเป็นปลื้มเธอมากกว่าแต่เจ้าตัวก็ดันไปเข้าห้องน้ำเสียก่อนเธอจึงยอมเสี่ยงตายเข้ามาเอง
"ขอบใจ"
เธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะกึ่งวงกึ่งเดินออกจากห้องไป แอร์ข้างนอกว่าหนาวแล้วแต่ข้างในกลับหนาวกว่าไม่ใช่แอร์หรอกแต่เป็นรัศมีความน่ากลัวของผู้เป็นเจ้านายต่างหากที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกคล้ายจะจับไข้
"เอาเอกสารอะไรไปให้ท่านประธานเซ็นหรอคะ? ทำไมไม่เรียกฟ้าคะ"เอ่ยถามรุ่นพี่เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วเห็นว่านารีรัตน์พึ่งจะออกมาจากห้องของเจ้านายและเธอรู้ดีว่าหญิงวัยสามสิบปลายๆกลัวชายหนุ่มขนาดไหนเธอจึงแปลกใจที่เจ้าตัวยอมเดินเข้าไปเองเพราะทุกครั้งจะเป็นเธอที่ถูกยัดเยียดหน้าที่ให้
"เปล่าจ๊ะ พี่แค่เอาของว่างไปให้ท่าน พี่เอามาให้ฟ้าด้วยนะ"ชี้ไปที่จานคุกกี้
ฑิฆัมพรยิ้มอย่างขอบคุณก่อนจะหยิบมันเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อยแต่เธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้
เวหาทอดมองจานของว่างที่เลขาจะเสริฟคู่กับกาแฟอยู่ทุกๆวันแต่เขาไม่เคยกินมันเลยสักครั้ง มีแต่แป้งและน้ำตาลที่เป็นส่วนประกอบ ไม่ชอบของหวานๆจึงไม่ได้สนใจมากนัก ทว่าวันนี้รู้สึกหิวเกินจะทน เนื่องจากยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า มือหนาเอื้อมไปหยิบคุกกี้มาชิ้นหนึ่งก่อนจะพลิกไปมาดูหน้าตาของมัน
หน้าตาใช้ได้หนิ...
คุกกี้ถูกยื่นเข้าไปในปาก แต่!!!
"อัลมอนด์ใช่มั้ยคะ?"
รสสัมผัสกรุบๆทำให้เธอรู้ทันทีว่ามันคืออะไร ร่างบางรีบเปิดประตูห้องผู้เป็นเจ้านายทันทีโดยไม่ได้เคาะอย่างเช่นทุกครั้ง ทำเอานารีรัตน์มองตามด้วยท่าทางตกใจ คุกกี้ในมือถูกหญิงสาวแย้งไปทันทีที่เธอวิ่งพรวดพราดเข้ามา เวหามองอาการของเธอด้วยความแปลกใจ
"มีอะไร?"
"คุกกี้นี้มีอัลมอนด์เป็นส่วนผสมค่ะ"
มือหนาหยิบคุกกี้ในจานพลิกไปมาก่อนจะรับรู้ว่ามันเป็นจริงอย่างที่หญิงสาวบอก นารีรัตน์ยังคงงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
"ทำไมคุณไม่เช็คให้ดีๆ นี้คุณคิดจะฆ่าผมทางอ้อมหรือไง"
ร่างของหญิงวัยสามสิบปลายๆสั่นเทาไปด้วยความกลัวเมื่อผู้เป็นเจ้านายเริ่มกลายร่างเป็นปีศาจ
"อย่าว่าพี่รีเลยค่ะ บางทีพี่รีอาจจะไม่รู้"
"ขอโทษจริงๆค่ะท่าน ดิฉันไม่รู้จริงๆว่าท่านแพ้อัลมอนด์"
"ช่างเถอะ!แต่ก็จำไว้ก็แล้วกัน ครั้งนี้ผมยกโทษให้เพราะคุณไม่รู้ แต่ถ้ามีครั้งหน้าเตรียมตัวหางานใหม่ได้เลย"
เขาไม่อยากเอาโทษกับคนไม่รู้จึงยอมปล่อยๆเธอไป แต่คนที่รู้นี้สิเธอรู้ได้ยังไงขนาดคนที่ทำงานกับเขามาตั้งนานเขายังไม่เคยบอก ชายหนุ่มทอดมองเธอด้วยความสงสัยแม้ร่างนั้นจะออกจากห้องนี้ไปแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ