เมียนอกสายตา
-
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
25 ตอน
3 วิจารณ์
21.81K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ชีวิตที่ไร้ค่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าวันหยุดที่ดูเหมือนจะเป็นวันหยุดของชายหนุ่มเพียงคนเดียว เพราะฑิฆัมพรยังต้องทำงานบ้านงกๆ ราวกับแม่บ้านที่ต่อให้ทำงานหนักเพียงใดก็ไม่ได้เงินเดือน...
ร่างสูงเดินผ่านออกไปในขณะที่หญิงสาวกำลังถูพื้น เธอมองค้อนตามหลังเพราะเขาทำพื้นเป็นรอย
"ทำไม มีปัญหาอะไร? "หันกลับมาถามด้วยท่าทางเอาเรื่อง แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคนปากร้าย
ชายหนุ่มนึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถกวนอารมณ์หญิงสาวสำเร็จ เขาจึงยอมเดินออกไปแต่โดยดี ทว่าก็ยังนึกสงสัยว่าหัวของเธอไปโดนอะไรมาถึงได้ติดผ้าพันแผลเอาไว้
คงจะซุ่มซ่ามอีกตามเคย...
เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นบ่งบอกว่าคนตัวสูงได้ออกไปแล้ว
หญิงสาวที่กำลังยัดเสื้อผ้าเข้าเครื่องปั่นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะชะเง้อคอยืดคอยาวเพื่อมองว่าใครกันมากดออดอยู่หน้าบ้าน หากจะเป็นชายหนุ่มก็ไม่ใช่ เพราะเขาก็มีรีโมทกดเปิดอยู่แล้ว
เพียงเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าประตูฑิฆัมพรก็หยุดก้าวเท้าทันทีก่อนที่แววตานั้นจะแปลเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองในเวลาต่อมา
"มาหาคุณเวหรอคะ? เขาเพิ่งออกไปเมื่อกี้เองค่ะ"เอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า พร้อมฝืนยิ้มให้ปกติที่สุด ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูออก
"มีนไม่ได้มาหาพี่เวหรอกค่ะ มีนมาหาคุณนั่นแหละค่ะ มีนมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ พอจะสะดวกคุยหรือเปล่าคะ? "
คิ้วบางขมวดเป็นปม ก่อนที่ทั้งสองจะย้ายไปนั่งพูดคุยกันบนเก้าอี้บริเวณสระน้ำข้างบ้าน
"คุณมีอะไรจะคุยกับฟ้าหรอคะ? "เอ่ยถามอย่างไม่รีรอ
"มีนรู้นะคะว่าทำไมคุณถึงแต่งงานกับพี่เว"นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองคู่สนทนาไม่ยอมละไปที่อื่น
"มีนฝากดูแลพี่เวด้วยนะคะ มีนทำผิดกับพี่เว ถ้าวันที่มีนบอกความจริงกับพี่เว คุณฟ้าอย่าทิ้งพี่เวไปนะคะ"
เธอไม่ทิ้งเขาหรอก...เพียงแต่กลัวว่าหากวันนั้นมาถึง...เธอจะต้องเจ็บปวดอีกหรือเปล่า
"สัญญาได้มั้ยคะ? "
ร่างบางลุกขึ้นพลางทอดมองผืนน้ำด้วยท่าทางครุ่นคิด
เธอไม่เคยคิดที่จะทิ้งเขาอยู่แล้ว...เพราะการแต่งงานในครั้งนี้มันก็มีสาเหตุมาจากเรื่องนี้โดยตรง...มีแต่เขานั่นแหละที่จะไม่ต้องการเธอ
"ฟ้าจะไม่สัญญา เพราะสิ่งนั้นฟ้าต้องทำมันอยู่แล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ"
มีนาเดินเข้ามาหาเธอก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของอีกฝ่ายไว้ แววตานั้นทอดมองเธออย่างฝากความหวัง
"มีนเชื่อค่ะ และมีนก็เชื่ออีกว่าพี่เวรักคุณ แล้วคุณก็รักพี่เวเหมือนกัน คุณฟ้าคงจะรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร มีนรู้เหตุผลนั้นดี ทั้งๆ ที่เรื่องราวทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องราวของมีนด้วยซ้ำ มีนผิดเองที่ไปแทรกกลางระหว่างเรื่องราวนั้น"
คำพูดอาจจะดูกำกวมแต่ฑิฆัมพรกลับเข้าใจ
"มันคงจะบังเอิญ ที่ทุกอย่างมันตรงกันจนแยกไม่ออก แต่ก็มีบางเรื่องที่มันอาจจะไม่ตรง แต่มีนก็ยังดื้อด้านที่จะครอบครองพี่เวเอาไว้ แต่วันนี้มีนทำผิดต่อพี่เว มีนไม่มีสิทธิ์ที่จะได้อยู่ข้างๆ พี่เวอีกแล้วหรือบางทีมีนอาจจะไม่มีสิทธิ์อยู่แล้วตั้งแต่แรก"
"อย่าคิดมากเลยค่ะ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ"เอ่ยด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ผู้หญิงด้วยกันมักจะดูเพศเดียวกันออก ว่าเธอก็ทุกข์ใจไม่ต่างกัน
"มีนยังไหวค่ะ ไม่ต้องห่วง..."เสียงแผ่วเบาเอ่ยบอกก่อนที่ร่างระหงจะเซไปอีกทางแต่ยังดีที่ฑิฆัมพรรับไว้ได้ทัน
"เป็นอะไรมากมั้ยคะ? "
"มึนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ"
"เธอทำอะไรมีนน่ะ! "เสียงตะโกนมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่ร่างเบาบางของคนตัวเล็กจะโดนชนจนเซถลา เสียงใครบางคนตกน้ำดังตู้มแต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจใยดีเลยสักนิด
"เป็นอะไรหรือเปล่า ผู้หญิงคนนี้เขาทำอะไรมีน? "
"มีนจะเป็นลมคุณฟ้าเขาช่วยมีนไว้"
คนแบบนี้น่ะหรือจะมีจิตใจช่วยใครเป็น...
"คุณฟ้า! พี่เวคุณฟ้าจมน้ำ"
เวหาหันไปมองร่างของใครบางคนที่กำลังกระเสือกกระสนอยู่ในน้ำ ก่อนจะกระโดดลงไปช่วยด้วยความตกใจ
ไม่อยากทำให้ใครต้องตายจึงยอมช่วย ไม่ได้เป็นห่วงเลยสักนิด...แต่เพราะกลัวบาปต่างหาก
ภาพสุดท้ายค่อยๆ เลือนราง ความรู้สึกเหมือนกับวันนั้น แต่มันต่างตรงที่ครั้งนั้นเธอเดินลงไปเอง...
สุดท้ายก็เป็นเขาที่มาช่วยเธอทุกครั้งไป...
'จับมือพี่ไว้นะน้อง...'
เสียงนั้นที่เธอไม่เคยลืมมันดังชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง มือบางยื่นขึ้นไปคล้ายว่ามันจะไขว่คว้าหาอะไรบางอย่างเพื่อเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ทว่าร่างนั้นกลับค่อยๆ จมดิ่งลงใต้สระที่มีความลึกจนท่วมหัว
"ตื่นสิเว้ย! "สบถออกมาเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ ทั้งๆ ที่จมน้ำไปไม่ถึงนาทีกลับหมดสติไปเสียง่ายๆ คนอะไรจะอ่อนแอขนาดนั้น
"ผายปอดค่ะพี่เว"เอ่ยแนะนำ...
เขาจัดการทำอย่างที่พูด
เคยช่วยสำเร็จมาแล้วทีหนึ่งครั้งนี้มันก็ต้องสำเร็จสิ อย่าตายแบบนี้นะเว้ย!!
เพียงไม่ถึงนาทีเสียงสำลักน้ำของคนที่นอนหมดสติก็ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่หญิงสาวยังไม่ตาย
ฑิฆัมพรยกมือขึ้นกุมศีรษะเมื่อรู้สึกปวดหนึบๆ
โรงพยาบาล!!
เธอรู้ทันทีเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นสายน้ำเกลือที่ห้อยอยู่ข้างๆ
แล้วภาพเหตุการณ์ทุกอย่างก็หวนกลับมา แววตานั้นฉายชัดว่ามันเศร้าโศกเพียงใด เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงมีนาแค่ไหน ห่วงจนไม่ได้สนใจว่าจะมีใครใกล้ตายหรือเปล่า
หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวลุกนั่งด้วยท่าทางอ่อนแรงเพราะยังรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอยู่
นัยน์ตานั้นทอดมองไปด้านนอกด้วยความเหม่อลอย คล้ายว่ามันกำลังปิดกั้นสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น...เพียงเท่านี้มันก็เกินพอแล้ว
มือบางยกขึ้นกอบกุมที่อกข้างซ้ายก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในเวลาต่อมาหยดน้ำตาก็ไหลรินอาบแก้มของเธออย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาแห่งความเจ็บปวด
ทน...เธอทำได้แค่นั้น เพราะอะไรน่ะหรอ มันคงไม่มีประโยชน์หรอกหากจะพูดออกไป... แต่ต่อไปนี้เธอจะไม่ยุ่งวุ่นวายหรือเข้าไปอยู่ในชีวิตของเขาอีกแล้ว จะขออยู่ห่างๆ ไม่อยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้...จะอยู่แบบนี้จนกว่าจะหมดสัญญาใบนั้น...แล้วเธอจะไป ไปให้ไกลเลยยิ่งดี...
"ฟื้นแล้วหรอลูก? "
เธอปาดคราบน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ให้บุคคลทั้งห้าคนที่กำลังเดินเข้ามาภายในห้อง ส่วนคนที่หกแม้แต่มองหน้ายังไม่อยากจะมองสงสัยคงจะโดนบังคับมาเพราะใบหน้าของเขามันบูดบึ้งและไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
"รู้ตัวเองว่าว่ายน้ำไม่เป็นแล้วทำไมถึงชอบไปยืนอยู่ข้างๆ สระน้ำนะ ดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไรมาก"
ผู้เป็นแม่บ่นบุตรสาวแต่ที่บ่นก็เพราะว่าเป็นห่วงทั้งนั้น
"หนูขอโทษค่ะที่ทำให้เป็นห่วง ทีหลังหนูจะไม่ซุ่มซ่ามอีก"
เธอเอ่ยบอกทั้งๆ ที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น...เธอไม่ได้ซุ่มซ่ามจนตกลงไปเอง
ยามราตรีที่ตะวันไปโผล่อีกซีกโลก ตอนนี้จึงมีเพียงพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางแสงดวงดาวน้อยๆ มันส่องแสงพอระยิบระยับให้คนมองไม่รู้สึกเคว้งคว้างไปมากกว่านี้
แววตาเหม่อลอยทอดมองผืนฟ้าสีดำ ก่อนจะเลื่อนต่ำมองรถลามากมายที่วิ่งสวนกันไปมา แม้เวลาจะล่วงเลยจนถึงสองทุ่มแต่ผู้คนก็ยังสัญจรไปมาไม่ยอมหยุด
ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไง...แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเหนื่อยได้มากขนาดนี้
ลมเย็นๆ พัดมาปะทะใบหน้าหวาน เธอหลับตาลงช้าๆ อย่างผ่อนคลาย ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าเหยียบบริเวณราวเหล็กเพราะรู้สึกเมื่อยที่ต้องยืนนานๆ
ประตูถูกเปิดออกจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่โดนบังคับให้มาเฝ้าคนป่วย ใบหน้าคมเข้มจึงบูดบึ้งอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"เฮ้ย! "
ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาเมื่อครู่ถูกโยนลงพื้นทันทีก่อนที่เขาจะสาวเท้าวิ่งไปดึงร่างของคนที่กำลังปีนป่ายอยู่บริเวณระเบียงด้านนอกเพราะคิดว่าเธอกำลังจะฆ่าตัวตาย เหมือนอย่างที่เคยทำ
"ทำบ้าอะไรของเธอเนี้ย ในหัวมีแต่เรื่องจะฆ่าตัวตายรึไง"ตะคอกใส่เธอด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างบางจะถอนหายใจออกมาราวกับไม่เป็นเดือดเป็นร้อนทั้งๆ ที่คนตรงหน้าโมโหจนหน้าดำหน้าแดง
ไม่ได้เป็นห่วงแต่แค่ไม่อยากเห็นใครตายไปต่อหน้าต่อตากลัวว่าจะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต
"สร้อยฉันตกก็แค่จะเอื้อมมือไปเอาสร้อย"
"สร้อยกับชีวิตอะไรมันมีค่ามากกว่ากัน ทำไมแค่นี้คิดไม่ได้วะ?” สบถออกมาจนหญิงสาวนึกแปลกใจว่าเขาจะใส่อารมณ์อะไรมากมายขนาดนั้น
"ชีวิตฉันมันไม่มีค่าหรอก ไม่ต้องห่วง"น้ำเสียงแผ่วเบา...
ชายหนุ่มทอดมองตามแผนหลังเล็กๆ นั้นไปด้วยความสงสัยกับคำที่เธอเอ่ยบอก แววตานั้นมันมีแต่ความว่างเปล่า พยายามอ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ มันว่างเปล่าไปหมด คล้ายว่าเธอไม่อยากจะคิดอะไรอีกเลย
ทำไมต้องไปสนใจหรือใส่ใจ ไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย...ชายหนุ่มสลัดความคิดไร้สาระนั้นทิ้งไป ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปชำระล้างร่างกายของตัวเอง
"เกือบไปแล้วนะ"ยกสร้อยสีเงินขึ้นมาก่อนจะวางมันทาบทับลงบนหน้าอกด้านซ้าย พลางพลิกตัวหันไปมองผืนฟ้าด้านนอก ด้วยแววตาครุ่นคิด
ชีวิต...ชีวิตเธอ...มันมีค่าด้วยหรือสำหรับเขา
ร่างสูงเดินผ่านออกไปในขณะที่หญิงสาวกำลังถูพื้น เธอมองค้อนตามหลังเพราะเขาทำพื้นเป็นรอย
"ทำไม มีปัญหาอะไร? "หันกลับมาถามด้วยท่าทางเอาเรื่อง แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคนปากร้าย
ชายหนุ่มนึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถกวนอารมณ์หญิงสาวสำเร็จ เขาจึงยอมเดินออกไปแต่โดยดี ทว่าก็ยังนึกสงสัยว่าหัวของเธอไปโดนอะไรมาถึงได้ติดผ้าพันแผลเอาไว้
คงจะซุ่มซ่ามอีกตามเคย...
เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นบ่งบอกว่าคนตัวสูงได้ออกไปแล้ว
หญิงสาวที่กำลังยัดเสื้อผ้าเข้าเครื่องปั่นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะชะเง้อคอยืดคอยาวเพื่อมองว่าใครกันมากดออดอยู่หน้าบ้าน หากจะเป็นชายหนุ่มก็ไม่ใช่ เพราะเขาก็มีรีโมทกดเปิดอยู่แล้ว
เพียงเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าประตูฑิฆัมพรก็หยุดก้าวเท้าทันทีก่อนที่แววตานั้นจะแปลเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองในเวลาต่อมา
"มาหาคุณเวหรอคะ? เขาเพิ่งออกไปเมื่อกี้เองค่ะ"เอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า พร้อมฝืนยิ้มให้ปกติที่สุด ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูออก
"มีนไม่ได้มาหาพี่เวหรอกค่ะ มีนมาหาคุณนั่นแหละค่ะ มีนมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ พอจะสะดวกคุยหรือเปล่าคะ? "
คิ้วบางขมวดเป็นปม ก่อนที่ทั้งสองจะย้ายไปนั่งพูดคุยกันบนเก้าอี้บริเวณสระน้ำข้างบ้าน
"คุณมีอะไรจะคุยกับฟ้าหรอคะ? "เอ่ยถามอย่างไม่รีรอ
"มีนรู้นะคะว่าทำไมคุณถึงแต่งงานกับพี่เว"นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองคู่สนทนาไม่ยอมละไปที่อื่น
"มีนฝากดูแลพี่เวด้วยนะคะ มีนทำผิดกับพี่เว ถ้าวันที่มีนบอกความจริงกับพี่เว คุณฟ้าอย่าทิ้งพี่เวไปนะคะ"
เธอไม่ทิ้งเขาหรอก...เพียงแต่กลัวว่าหากวันนั้นมาถึง...เธอจะต้องเจ็บปวดอีกหรือเปล่า
"สัญญาได้มั้ยคะ? "
ร่างบางลุกขึ้นพลางทอดมองผืนน้ำด้วยท่าทางครุ่นคิด
เธอไม่เคยคิดที่จะทิ้งเขาอยู่แล้ว...เพราะการแต่งงานในครั้งนี้มันก็มีสาเหตุมาจากเรื่องนี้โดยตรง...มีแต่เขานั่นแหละที่จะไม่ต้องการเธอ
"ฟ้าจะไม่สัญญา เพราะสิ่งนั้นฟ้าต้องทำมันอยู่แล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ"
มีนาเดินเข้ามาหาเธอก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของอีกฝ่ายไว้ แววตานั้นทอดมองเธออย่างฝากความหวัง
"มีนเชื่อค่ะ และมีนก็เชื่ออีกว่าพี่เวรักคุณ แล้วคุณก็รักพี่เวเหมือนกัน คุณฟ้าคงจะรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร มีนรู้เหตุผลนั้นดี ทั้งๆ ที่เรื่องราวทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องราวของมีนด้วยซ้ำ มีนผิดเองที่ไปแทรกกลางระหว่างเรื่องราวนั้น"
คำพูดอาจจะดูกำกวมแต่ฑิฆัมพรกลับเข้าใจ
"มันคงจะบังเอิญ ที่ทุกอย่างมันตรงกันจนแยกไม่ออก แต่ก็มีบางเรื่องที่มันอาจจะไม่ตรง แต่มีนก็ยังดื้อด้านที่จะครอบครองพี่เวเอาไว้ แต่วันนี้มีนทำผิดต่อพี่เว มีนไม่มีสิทธิ์ที่จะได้อยู่ข้างๆ พี่เวอีกแล้วหรือบางทีมีนอาจจะไม่มีสิทธิ์อยู่แล้วตั้งแต่แรก"
"อย่าคิดมากเลยค่ะ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ"เอ่ยด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ผู้หญิงด้วยกันมักจะดูเพศเดียวกันออก ว่าเธอก็ทุกข์ใจไม่ต่างกัน
"มีนยังไหวค่ะ ไม่ต้องห่วง..."เสียงแผ่วเบาเอ่ยบอกก่อนที่ร่างระหงจะเซไปอีกทางแต่ยังดีที่ฑิฆัมพรรับไว้ได้ทัน
"เป็นอะไรมากมั้ยคะ? "
"มึนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ"
"เธอทำอะไรมีนน่ะ! "เสียงตะโกนมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่ร่างเบาบางของคนตัวเล็กจะโดนชนจนเซถลา เสียงใครบางคนตกน้ำดังตู้มแต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจใยดีเลยสักนิด
"เป็นอะไรหรือเปล่า ผู้หญิงคนนี้เขาทำอะไรมีน? "
"มีนจะเป็นลมคุณฟ้าเขาช่วยมีนไว้"
คนแบบนี้น่ะหรือจะมีจิตใจช่วยใครเป็น...
"คุณฟ้า! พี่เวคุณฟ้าจมน้ำ"
เวหาหันไปมองร่างของใครบางคนที่กำลังกระเสือกกระสนอยู่ในน้ำ ก่อนจะกระโดดลงไปช่วยด้วยความตกใจ
ไม่อยากทำให้ใครต้องตายจึงยอมช่วย ไม่ได้เป็นห่วงเลยสักนิด...แต่เพราะกลัวบาปต่างหาก
ภาพสุดท้ายค่อยๆ เลือนราง ความรู้สึกเหมือนกับวันนั้น แต่มันต่างตรงที่ครั้งนั้นเธอเดินลงไปเอง...
สุดท้ายก็เป็นเขาที่มาช่วยเธอทุกครั้งไป...
'จับมือพี่ไว้นะน้อง...'
เสียงนั้นที่เธอไม่เคยลืมมันดังชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง มือบางยื่นขึ้นไปคล้ายว่ามันจะไขว่คว้าหาอะไรบางอย่างเพื่อเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ทว่าร่างนั้นกลับค่อยๆ จมดิ่งลงใต้สระที่มีความลึกจนท่วมหัว
"ตื่นสิเว้ย! "สบถออกมาเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ ทั้งๆ ที่จมน้ำไปไม่ถึงนาทีกลับหมดสติไปเสียง่ายๆ คนอะไรจะอ่อนแอขนาดนั้น
"ผายปอดค่ะพี่เว"เอ่ยแนะนำ...
เขาจัดการทำอย่างที่พูด
เคยช่วยสำเร็จมาแล้วทีหนึ่งครั้งนี้มันก็ต้องสำเร็จสิ อย่าตายแบบนี้นะเว้ย!!
เพียงไม่ถึงนาทีเสียงสำลักน้ำของคนที่นอนหมดสติก็ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่หญิงสาวยังไม่ตาย
ฑิฆัมพรยกมือขึ้นกุมศีรษะเมื่อรู้สึกปวดหนึบๆ
โรงพยาบาล!!
เธอรู้ทันทีเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นสายน้ำเกลือที่ห้อยอยู่ข้างๆ
แล้วภาพเหตุการณ์ทุกอย่างก็หวนกลับมา แววตานั้นฉายชัดว่ามันเศร้าโศกเพียงใด เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงมีนาแค่ไหน ห่วงจนไม่ได้สนใจว่าจะมีใครใกล้ตายหรือเปล่า
หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวลุกนั่งด้วยท่าทางอ่อนแรงเพราะยังรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอยู่
นัยน์ตานั้นทอดมองไปด้านนอกด้วยความเหม่อลอย คล้ายว่ามันกำลังปิดกั้นสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น...เพียงเท่านี้มันก็เกินพอแล้ว
มือบางยกขึ้นกอบกุมที่อกข้างซ้ายก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในเวลาต่อมาหยดน้ำตาก็ไหลรินอาบแก้มของเธออย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาแห่งความเจ็บปวด
ทน...เธอทำได้แค่นั้น เพราะอะไรน่ะหรอ มันคงไม่มีประโยชน์หรอกหากจะพูดออกไป... แต่ต่อไปนี้เธอจะไม่ยุ่งวุ่นวายหรือเข้าไปอยู่ในชีวิตของเขาอีกแล้ว จะขออยู่ห่างๆ ไม่อยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้...จะอยู่แบบนี้จนกว่าจะหมดสัญญาใบนั้น...แล้วเธอจะไป ไปให้ไกลเลยยิ่งดี...
"ฟื้นแล้วหรอลูก? "
เธอปาดคราบน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ให้บุคคลทั้งห้าคนที่กำลังเดินเข้ามาภายในห้อง ส่วนคนที่หกแม้แต่มองหน้ายังไม่อยากจะมองสงสัยคงจะโดนบังคับมาเพราะใบหน้าของเขามันบูดบึ้งและไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
"รู้ตัวเองว่าว่ายน้ำไม่เป็นแล้วทำไมถึงชอบไปยืนอยู่ข้างๆ สระน้ำนะ ดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไรมาก"
ผู้เป็นแม่บ่นบุตรสาวแต่ที่บ่นก็เพราะว่าเป็นห่วงทั้งนั้น
"หนูขอโทษค่ะที่ทำให้เป็นห่วง ทีหลังหนูจะไม่ซุ่มซ่ามอีก"
เธอเอ่ยบอกทั้งๆ ที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น...เธอไม่ได้ซุ่มซ่ามจนตกลงไปเอง
ยามราตรีที่ตะวันไปโผล่อีกซีกโลก ตอนนี้จึงมีเพียงพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางแสงดวงดาวน้อยๆ มันส่องแสงพอระยิบระยับให้คนมองไม่รู้สึกเคว้งคว้างไปมากกว่านี้
แววตาเหม่อลอยทอดมองผืนฟ้าสีดำ ก่อนจะเลื่อนต่ำมองรถลามากมายที่วิ่งสวนกันไปมา แม้เวลาจะล่วงเลยจนถึงสองทุ่มแต่ผู้คนก็ยังสัญจรไปมาไม่ยอมหยุด
ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไง...แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเหนื่อยได้มากขนาดนี้
ลมเย็นๆ พัดมาปะทะใบหน้าหวาน เธอหลับตาลงช้าๆ อย่างผ่อนคลาย ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าเหยียบบริเวณราวเหล็กเพราะรู้สึกเมื่อยที่ต้องยืนนานๆ
ประตูถูกเปิดออกจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่โดนบังคับให้มาเฝ้าคนป่วย ใบหน้าคมเข้มจึงบูดบึ้งอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"เฮ้ย! "
ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาเมื่อครู่ถูกโยนลงพื้นทันทีก่อนที่เขาจะสาวเท้าวิ่งไปดึงร่างของคนที่กำลังปีนป่ายอยู่บริเวณระเบียงด้านนอกเพราะคิดว่าเธอกำลังจะฆ่าตัวตาย เหมือนอย่างที่เคยทำ
"ทำบ้าอะไรของเธอเนี้ย ในหัวมีแต่เรื่องจะฆ่าตัวตายรึไง"ตะคอกใส่เธอด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างบางจะถอนหายใจออกมาราวกับไม่เป็นเดือดเป็นร้อนทั้งๆ ที่คนตรงหน้าโมโหจนหน้าดำหน้าแดง
ไม่ได้เป็นห่วงแต่แค่ไม่อยากเห็นใครตายไปต่อหน้าต่อตากลัวว่าจะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต
"สร้อยฉันตกก็แค่จะเอื้อมมือไปเอาสร้อย"
"สร้อยกับชีวิตอะไรมันมีค่ามากกว่ากัน ทำไมแค่นี้คิดไม่ได้วะ?” สบถออกมาจนหญิงสาวนึกแปลกใจว่าเขาจะใส่อารมณ์อะไรมากมายขนาดนั้น
"ชีวิตฉันมันไม่มีค่าหรอก ไม่ต้องห่วง"น้ำเสียงแผ่วเบา...
ชายหนุ่มทอดมองตามแผนหลังเล็กๆ นั้นไปด้วยความสงสัยกับคำที่เธอเอ่ยบอก แววตานั้นมันมีแต่ความว่างเปล่า พยายามอ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ มันว่างเปล่าไปหมด คล้ายว่าเธอไม่อยากจะคิดอะไรอีกเลย
ทำไมต้องไปสนใจหรือใส่ใจ ไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย...ชายหนุ่มสลัดความคิดไร้สาระนั้นทิ้งไป ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปชำระล้างร่างกายของตัวเอง
"เกือบไปแล้วนะ"ยกสร้อยสีเงินขึ้นมาก่อนจะวางมันทาบทับลงบนหน้าอกด้านซ้าย พลางพลิกตัวหันไปมองผืนฟ้าด้านนอก ด้วยแววตาครุ่นคิด
ชีวิต...ชีวิตเธอ...มันมีค่าด้วยหรือสำหรับเขา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ