เมียนอกสายตา
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ต่างคนต่างอยู่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกลิ่นหมูปิ้งนมสดลอยฟุ้งไปทั่วทางเท้าหน้าตึกใหญ่ จมูกรันสวยสูดดมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม บรรยากาศยามเช้าหน้าบริษัทเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หญิงสาวรู้สึกมีความสุขกับมันอย่างแท้จริง แม้ในตอนที่เข้าไปในบริษัทแล้วความสุขนั้นจะหายไปก็เถอะ
“วันนี้เอากี่ไม้จ๊ะ”
“วันนี้แค่มาทักทายเฉยๆ ค่ะ พอดีหนูทานแซนด์วิชมาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะมาอุดหนุนนะคะ”
“จ้า” หญิงวัยกลางคนยิ้มหวานๆ ให้ลูกค้าขาประจำ
เพียงเท้าก้าวไปเหยียบพื้นบริษัทรอยยิ้มเมื่อครู่ก็หายไปทันที มันจะปรากฏเป็นช่วงๆ ในยามที่ทักทายพี่ๆ พนักงานเท่านั้น แต่พอเป็นประธานบริษัทเดินผ่านเธอกลับมีใบหน้าที่เรียบนิ่งมีเพียงมือที่ยังยกไหว้ตามมารยาท
ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลทั้งสองก็ทำตัวราวกับคนแปลกหน้ากัน อยู่ที่บ้านก็ต่างคนต่างอยู่ หนักสุดก็คงจะเป็นฑิฆัมพร เธอเงียบไม่พูดกับเขาสักคำจะพูดเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น แววตานั้นก็ทอดมองสามีราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รับรู้บรรยากาศแปลกๆ นั้นเลยสักนิด เนื่องด้วยปกติเขาก็ไม่ได้สนใจเธออยู่แล้ว
“เอกสารค่ะ” วางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปทันที ชายหนุ่มที่เตรียมจะอ้าปากด่าจึงรีบหุบเก็บแทบไม่ทัน
อีกสิบนาทีต่อมาเธอจึงเดินกลับเข้ามาเพื่อเก็บเอกสาร โดยที่สายตานั้นจดจ้องเพียงปกแฟ้มเพียงสิ่งเดียว แม้แต่หางตาก็ไม่เหลือบมองอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย นอกเสียจากกลอนประตู
ชายหนุ่มเริ่มรับรู้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล...
ช่างสิ...จะไปสนใจใส่ใจทำไม
“เย็นนี้ไปฉลองกับพวกพี่ไหม พอดีวันนี้วันเกิดพี่น่ะ” นารีรัตน์เอ่ยชวน พลางทำตาปริบๆ ราวกับกำลังอ้อนวอนให้หญิงสาวนั้นไปแต่โดยดี ซึ่งมันก็ใช้ได้ผล เธอยิ้มออกมาอย่างคนไม่มีทางเลือก
“ไม่ไป...”
รอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าเจ้าของวันเกิดหุบลงทันทีก่อนจะทำสีหน้าเหงาหงอย
“...ได้ยังไงล่ะคะ” เธอยิ้มร่าเมื่อสามารถแกล้งแหย่นารีรัตน์สำเร็จ
“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ ตกลงไปใช่ไหม?” ถามให้แน่ใจ
“ไปสิคะ”
“โอเคงั้นเลิกงานแล้วไปพร้อมพี่เลยนะ” ยิ้มพลางพยักหน้าให้พี่สาวคนสนิท
เสียงเพลงบรรเลงช้าๆ พอให้โยกหัวเบาๆ ตามจังหวะ
หญิงสาวยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม ก่อนจะตักอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ ปานกระต่ายน้อยแทะแครอท ทำให้เธอดูน่ารักน่ามองและใบหน้าหวานที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใสยิ่งถูกใจใครต่อใคร ผู้ชายหลายๆ คนผลัดกันส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาให้ ทว่าเธอกลับปฏิเสธไม่ใช่ว่ากินไม่เป็นแต่เพราะกลัวว่าจะเมาแล้วไม่มีสติ เนื่องด้วยเธอต้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเพียงคนเดียว หากจะเรียกคนที่บ้านมารับก็คงไม่มีทาง รออีกสิบชาติเขาก็ไม่สนใจเธออยู่ดี
“แหม่ๆ น้องพี่นี้เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ”
รอยยิ้มเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานเมื่อถูกกมลเนตรเอ่ยแซว
โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอไม่ละสายตา ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มอย่างดูถูกดูแคลน
เขาไม่ได้ตามเธอมา เพียงแค่มาสังสรรค์กับเพื่อนๆ พอดี มันคงจะบังเอิญที่มันเป็นร้านเดียวกัน ความบังเอิญที่ไม่ควรบังเอิญ
เขานึกด้วยสีหน้าขบขันที่เห็นเหล่าผู้ชายมากหน้าหลายตาพยายามเข้าไปจีบเธอ ไม่รู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ ถึงได้กล้าไปจีบแม่นั้น
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ บ้านที่ปิดไฟจนมืดสนิท เขาคนนั้นคงจะนอนหลับไปแล้วทว่าก็ไม่มีน้ำใจเปิดไฟไว้ให้สักดวง
แต่จะไปหวังอะไรกับคนพันธุ์นั้น...ป่านนี้คงนอนตากแอร์สบายใจแล้วมั้ง
มือบางลูบสัมผัสไปตามฝาผนังก่อนจะกดเปิดสวิตช์ไฟ
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
เมื่อความสว่างทำให้มองง่ายขึ้นจึงเอ่ยออกมา ทว่าเพียงชั่วอึดใจร่างบางก็สะดุ้งโหย่งเกือบจะยกเท้าขึ้นถีบคนตรงหน้า
“คืนนี้ได้กี่คนล่ะ?”
คิ้วบางขมวดเป็นปมก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับน้ำเสียงดูถูกดูแคลนของร่างโปร่ง เท้าเรียวก้าวหนีเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนตัวใหญ่ที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้าห้องรับแขก
"จะไปไหน พอพูดความจริงก็ทนฟังไม่ได้สินะ"
"พูดเรื่องอะไรของคุณ"น้ำเสียงกดต่ำพร้อมตวัดสายตามอง เริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีกวนประสาทของชายหนุ่ม
"จะทำอะไรก็เกรงใจชุดที่ใส่ด้วยนะ"ว่าจบก็เดินออกไปทันทีทิ้งให้ร่างบางยืนงงงวยอยู่เพียงลำพัง ก่อนจะก้มมองชุดตัวเอง
ชุดนักศึกษา...
เกรงใจเรื่องอะไร? เธอไม่ได้ไปทำผิดอะไรมาสักหน่อย
"เป็นบ้ารึไง"บ่นพึมพำคนเดียวก่อนจะเอาข้าวของไปเก็บในห้องรับแขก พร้อมกับดึงกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ออกมาจากตู้เก็บของ
ไม่ได้จะหนีไปไหนเพียงแต่จะไปอาบน้ำ...
เนื่องด้วยเตียงนอนของเธอก็คือโซฟาในห้องรับแขกตู้เสื้อผ้าของเธอจึงกลายเป็นตู้เก็บของข้างๆ ที่วางโทรทัศน์ไปโดยปริยาย และยังดีที่บ้านหลังนี้มีห้องน้ำสองห้องผลพลอยได้จึงตกมาที่เธอเต็มๆ หญิงสาวมีห้องน้ำส่วนตัวที่ไม่ต้องใช้ร่วมกับใคร...ไม่ต้องไปถกเถียงเพื่อแบ่งเขตแดนกับคนบางคนให้เมื่อยปาก
อยู่แบบนี้ก็สบายใจดีเหมือนกัน...
เช้าที่อากาศเย็นสบาย ชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีน้ำเงิน ส่วนในวงแขนก็มีสูทสีดำคล้องมาด้วย เขากำลังก้าวเดินลงมาจากบันได
ชายหนุ่มก้มมองดูนาฬิกามันบอกเวลาหกโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ใครบางคนกำลังตระเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะ ทว่าวันนี้กลับไม่มี...
ก็ดี...ไม่รกหูรกตาดี วันนี้คงจะเจริญอาหารกว่าทุกๆ วัน
เท้าเรียวก้าวเดินฉับๆ ตามเจ้านายและพี่เลี้ยงไปทั่วห้างซึ่งเป็นเครือข่ายธุรกิจอีกหนึ่งอย่างของเวหา
เขาเดินเร็วจนบางทีหญิงสาวแทบจะต้องวิ่งแทนการเดิน หรือบางทีเขาอาจจะขายาวกว่าเธอไปหน่อยเธอจึงเดินไม่ค่อยทัน หรือบางทีเขาอาจจะกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่ก็ได้...
ชายหนุ่มหยุดที่บูทของเล่นเด็ก ก่อนจะหยิบตุ๊กตาหมีสีชมพูขึ้นมา แววตาคมเข้มอบอุ่นจนคนที่ยืนอยู่รอบๆ นั้นรับรู้ได้ทันที รอยยิ้มบางๆ พลอยให้ลูกน้องสงสัยว่าเหตุใดท่านประธานจึงดูสนใจตุ๊กตานี้ทั้งๆ ที่มันเป็นของเล่นผู้หญิง
ทว่าฑิฆัมพรพรกลับไม่ได้ใส่ใจแต่ก็ยังแอบเหล่มองเบาๆ
"เว! "เสียงหวานเอ่ยเรียก ทำเอาหลายๆ คนหันไปมองก่อนจะพบกับสาวหน้าคมที่กำลังยืนยิ้มมาให้เจ้านาย
"เห้ย! มาได้ไงเนี้ย? "เอ่ยถามด้วยท่าทีสนิทสนม พร้อมสวมกอดผู้หญิงคนนั้นไว้แน่น
ร่างบางในชุดนักศึกษาเบิกตากว้างไม่แพ้พนักงานในห้างเมื่อหญิงสาวคนนั้นเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มชายผู้เป็นเจ้านายที่พ่วงท้ายมาด้วยตำแหน่งสามี...
ฑิฆัมพรกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอก่อนจะเสมองไปทางอื่น...ไม่อยากมอง...ไม่อยากรับรู้...
มือบางยกขึ้นทุบต้นขาเมื่อรู้สึกปวดๆ จะคุยอะไรกันนักหนา เธอบ่นอุบในใจ ไม่ได้อยากจะมองหรอกนะเพียงแต่รำคาญ...ว่าเมื่อไหร่ยัยปลิงน้ำจืดปริศนานั้นจะปล่อยมือจากแขนของชายหนุ่มเสียทีและก็ดูเหมือนว่าเขาจะปัดออกไม่เป็นเหมือนกัน
ช่างสิ...อย่าไปสนใจเลยไอ้ฟ้า...แกมันคนไม่มีสิทธิ์...เข้าใจมั้ย
นานนับชั่วโมงที่เขาและเธอพูดคุยกันโดยมีลูกน้องยืนรอกันหน้าสลอน กว่าจะจบการสนทนาแสนน่าเบื่อนั้นก็ทำเอากินเวลางานไปเกือบชั่วโมง
ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่นานแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้รู้เลยว่าเธอเป็นใคร...รู้แค่เพียงว่าเธอชื่อเมล์
เนื้อหมูถูกสับจนละเอียด ปรุงรสและปั้นเป็นก้อนกลมๆ หย่อนใส่น้ำซุปที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่ในหม้อ ก่อนจะปิดฝาหม้อรอหมูสุกเป็นอันจบ
ถ้วยต้มจืดหมูสับถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่คนนั่งรออาหารจะวางหนังสือพิมพ์ลง เตรียมจัดการทานข้าวเช้า
"พรุ่งนี้คุณแม่ชวนไปทานข้าวที่บ้าน"
"ค่ะ! "ตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วก้าวเดินออกไปทันที
ไม่ได้สังเกตว่าใครจะมองตามด้วยสีหน้าไม่พอใจ...
ช่างปะไร...เขายังไม่สนใจเธอเลยแล้วเรื่องอะไรเธอต้องไปสนใจและใส่ใจเขาอยู่ฝ่ายเดียว บางทีเธอก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ