เพียงพริบตา

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.17 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,466 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่หนึ่ง จากหมู่บ้านที่อดอยาก : ย่านพักแรม (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่หนึ่ง จากหมู่บ้านที่อดอยาก : ย่านพักแรม (1)
ในที่สุดโคมาโนะก็แสดงสีหน้าอ่อนล้า น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว ทิ้งร่องรอยสองเส้นไว้บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและดิน
“อีกแค่นิดเดียว ทนเอาไว้”
“ข้าหิวแล้ว”
โคมาโนะเพิ่งเปิดปากพูดออกมาครั้งแรกหลังออกจากหมู่บ้าน อิซาจิยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดว่าที่ย่านพักแรมซาซาคาวะจะมีอาหารให้ด้วย ระยะทางภายในรัศมีสิบริมานี้พวกเขากำลังลำบากเรื่องการจัดการอาหาร ถึงจะมีเงินแต่ก็ไม่มีอะไรให้กิน มีหลายคนที่ล้มตายเป็นหมาข้างถนนทั้งที่ยังกอดถุงเงินเอาไว้ โรงเตี๊ยมที่พักนั้นมีไว้พักเท่านั้น หรือก็คือเอาไว้ซุกหัวนอนเพียงอย่างเดียว
พวกเขาเดินทางมาถึงย่านพักแรมซาซาคาวะ แต่ประตูไม้ของร้านอาหารปิดไปเรียบร้อยแล้ว ที่หน้าประตูไม้มีเงาจำนวนนับไม่ถ้วนหมอบอยู่ พวกขอทานนั่นเอง เมื่อเห็นคนเดินทางก็จะคลานเข้ามาหมอบที่ขาเหมือนปูแสม
อิซาจิกุมดาบพกสั้นเร่งฝีเท้าผ่านที่นั่นไป
เขาพบโคมไฟแขวนที่มีตัวหนังสือว่า ‘ซาซาคาวะ’ แล้วจึงเข้าไป มันเป็นโรงเตี๊ยมที่เขาจองเอาไว้
อิซาจิแกะเชือกรองเท้าฟางพลางถามเจ้าของโรงเตี๊ยมว่า “ชายที่ชื่อเด็นชิจิมาที่นี่หรือยัง?”
“ขอรับ กำลังรอท่านอยู่”
“มาทันสินะ ว่าแต่ มีของกินบ้างไหม?”
“ไม่ขอรับ เพราะเป็นยามนี้แล้ว...”
ถึงจะไม่ได้หวังเอาไว้ แต่พอได้รับคำตอบด้วยสีหน้าที่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ท้องสงบลง
“ถ้าแค่ชาล่ะ ได้ไหม”
“ขอรับ ถ้าแค่ชาละก็พอได้”
“ได้เท่านี้แต่ราคาสองร้อยบุมันแพงไป ลดให้ข้ากับเด็กนี่เหลือร้อยห้าสิบก็พอแล้ว ไม่มีอาหารก็เหมือนกับโรงเตี๊ยมราคาถูก ถ้าไม่ลดให้ เสร็จธุระแล้วข้าจะไปพักที่อื่น”
เจ้าของโรงเตี๊ยมมีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็พูดว่า “ทราบแล้วขอรับ” แล้วให้คนเตรียมอุปกรณ์ชำระล้าง
เมื่อหญิงรับใช้ล้างเท้าของอิซาจิเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินน้ำเสียงขุ่นมัวคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง
“ไง อิซาจิ ตามที่นัดไว้เลยนะ ยังเป็นไอ้คนตรงเวลาเช่นเคย”
เจ้าของเสียงนั้นคือเด็นชิจิ เขาเป็นชายร่างอ้วนเตี้ยใบหน้าเกรียมแดด หนวดเครารุงรังและมีแผลเป็นที่แก้ม รูปร่างหน้าตาบ่งบอกว่าเป็นเซเง็นอย่างชัดเจน
“ข้ามันก็ทำได้เท่านี้แหละ”
“อัญมณีของเจ้าคือเด็กนั่นรึ? น่าจะแค่หกเจ็ดขวบ ไม่น่าจะทำเงินได้เยอะเลยนะ”
“เด็กคนนี้ชื่อโคมาโนะ เก้าขวบ แล้วเจ้าล่ะเป็นอย่างไร?”
“สองคนตามที่บอก ข้าให้รออยู่ในห้องข้างบน รีบขึ้นไปแล้วจัดการต่อเถอะ”
“ช่างใจร้อนเสียจริงนะ”
อิซาจิลองพูดเพื่อจับสังเกตว่าอีกฝ่ายวางแผนอะไรอยู่ เด็นชิจิพูดออกมาราวกับมองได้ทะลุปรุโปร่ง
“ไม่มีอะไรดอก ข้าแค่อยากออกไปเร็วๆ ลูกค้ายืดคอรออยากให้พามาให้เร็วที่สุด ข้าเลยอยากกลับไปแถวย่านพักแรมสึงิตะภายในวันนี้ งานของพวกเราน่ะจะได้ใบสั่งมาก็ตอนช่วงเวลาอดอยากแบบนี้แหละ ถ้าไม่รีบหาเงินในช่วงเวลาที่หาได้ก็อดตายกันพอดี”
เมื่อขึ้นไปบนห้อง ก็เห็นเด็กสาวสองคนที่เด็นชิจิพามานั่งพิงกันอยู่ที่มุมห้อง
คนหนึ่งชื่อซาโตะ อายุสิบเอ็ด อีกคนชื่อสึซึ อายุสิบสอง
“ซาโตะคนนี้สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ ไม่เป็นไรแน่รึ?”
“แค่เหนื่อยนิดหน่อย ทั้งสองคนเดินจากเดวะมาห้าวันเต็มๆ ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดาแหละน่า”
“งั้นรึ ถ้าแค่นั้นก็แล้วไป”
อิซาจิรับใบแจ้งหนี้คนรับใช้มาจากเด็นชิจิ ตรวจดูให้แน่ใจแล้วเขียนชื่อในใบส่งต่อ จากนั้นคืนให้เด็นชิจิไป
เมื่อการแลกเปลี่ยนกันเสร็จสิ้นลงอย่างเรียบร้อย เด็นชิจิก็หันไปหาเด็กสาวสองคน แล้วบอกลาง่ายๆ ว่า “ข้าลาจากพวกเจ้าวันนี้ล่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้จงไปเอโดะกับอิซาจิซังที่อยู่ตรงนี้เสีย ถึงจะอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่ก็ขอให้โชคดีนะ ไม่ต้องไปส่งข้าหรอก ฝากทักทายคิวเฮย์ซังเจ้าของร้านฟุซายะด้วย” จากนั้นผุดรอยยิ้มบางๆ แล้วออกจากห้องไป
อย่างไรเสียอิซาจิก็ไม่เข้าใจ ต่อให้ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าก็ไม่น่าจะต่างอะไรกัน
“พวกเจ้าถูกมันทำอะไรหรือเปล่า?”
ทั้งสองคนส่ายหน้า เด็นชิจิเองก็น่าจะรู้ดีว่าการแตะต้องสินค้าคือการทำผิดกฎ และค่าตอบแทนนั้นมีราคาสูง
ย่านพักแรมนั้นมีโรงเตี๊ยมที่ตั้งขึ้นเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลบาคุฟุอยู่ทั่วไป อิซาจิคิดว่าเด็นชิจิคงไปซื้อบริการผู้หญิงเพราะทนไม่ไหวกระมัง เมื่อถามเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ยกชามาให้ว่าเด็นชิจิจ่ายค่าที่พักหรือยัง ก็ได้รับคำตอบว่า
“ขอรับ จ่ายไปแล้วจนถึงส่วนของวันพรุ่งนี้ด้วย”
อิซาจิจึงเปลี่ยนความคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่คนที่เลวร้าย
ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนเด็กๆ ก็สนิทกันได้อย่างรวดเร็ว เด็กสาวทั้งสามคนเอนตัวพิงกันแล้วคุยเสียงเบา ไม่ต้องแอบฟังก็รู้ได้ว่าเป็นเรื่องทั่วๆ ไป เช่น มาจากที่ไหน เรื่องครอบครัว หรือสภาพของหมู่บ้าน
“พรุ่งนี้ข้าอยากจะไปให้ถึงแถวเนดะ วันนี้พวกเจ้าพักผ่อนกันได้แล้ว”
นอกจากขาจะเลอะโคลนแล้วยังต้องเดินขึ้นเขาอีกด้วย การเดินทางที่มีเด็กผู้หญิงสามคนไปด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อิซาจิล้มตัวลงนอน ตอนที่เริ่มเคลิ้มหลับโคมาโนะก็ร้องเรียก “คุณลุงเซเง็น เด็กคนนี้ ดูกำลังทรมานมากเลย”
อิซาจิเบนสายตาไปยังซาโตะ ซาโตะก็พลันล้มลงนอนทันที เหงื่อไหลออกมาจากทั่วร่าง ตัวสั่นจนฟันกระทบกัน เมื่อใช้มือแตะหน้าผากดูก็พบว่ามีไข้ เขาเจ็บใจในความอ่อนหัดของตัวเองที่ประมาทเกินไป
“ไอ้เจ้านั่น มันกลัวว่าจะเป็นแบบนี้เองเรอะ มันบอกเจ้าว่าอย่างไร?”
สึซึตอบกลับเสียงเบา
“พวกเราโดนขู่ว่า ‘ให้ทำท่าทีว่าสบายดีจนกว่าข้าจะออกไปซะ ถ้าขืนล้มลงระหว่างที่ยังอยู่ละก็จบไม่สวยแน่’ ...นางมีไข้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ พวกเราถูกพามาถึงที่นี่โดยไม่ให้กินอะไรเลย”
อิซาจิถามเจ้าของโรงเตี๊ยมว่ามียาลดไข้บ้างหรือไม่ แต่กลับมีแค่คำตอบเฉยเมยกลับมา เมื่อขอยืมกะละมังและผ้าเช็ดมือมาได้แล้ว อิซาจิก็นั่งเฝ้าไข้ซาโตะ เอาโมจิกับเนื้อตากแห้งให้เด็กสาวทั้งสองคน จากนั้นสั่งว่ากินเสร็จแล้วให้นอนหลับเสีย
การให้นอนบนผ้าปูที่บางและชื้นนั้นไม่อาจทำให้อาการป่วยดีขึ้นได้ แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากนั้นแล้ว อิซาจิจุ่มผ้าเช็ดมือลงไปในน้ำ วางบนหน้าผากของซาโตะแล้วเฝ้าดูอาการ
ไข้ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ลมหายใจหอบแรงขึ้น คิดว่าน่าจะไม่รอดเสียแล้ว
เด็กสาวไม่ได้รับอาหารเพียงพอ ถูกบังคับให้เดินทางระยะไกล ความเหน็ดเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจนั้นหนักหนา จะเจ็บไข้ได้ป่วยไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ซาโตะหมดลมหายใจไปยามพระอาทิตย์ขึ้น
..........................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา