Forbidden Love คำสาปรัก สองแผ่นดิน
-
เขียนโดย Frame_Kurosama
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 23.54 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
5,925 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 00.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ที่นี่ที่ไหน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความที่นี่ที่ไหน
ทางด้านของเรน หลังจากที่ลุงเน็ทออกไปแล้วนั้น เขายังคงนั่งอยู่ด้านข้างของเตียงสักพัก
“นี่มันกี่โมงกันแล้วนะ” เรนพึมพำก่อนหยิบนาฬิกาที่หล่นอยู่ข้างๆเตียงดู
‘ตึ๋ง! … ตึ๋ง! … ตึ๋ง!…’
เสียงนาฬิกาบอกเวลาในบ้านดังขึ้น
“ตีสามหรอ…” เรนพึมพำเบาๆ
“อ๊ะ!” เพราะความมืด เขาจึงควานมือไปทั่วโดยไม่ทันระวัง
“โดนอะไรทิ่มนิ้วกันเนี่ย…” เขาหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ
“นี่มันหนังสือที่ลุงให้นี่…โอ้ย!” สัญลักษณ์ดาบตรงหน้าปกหนังสือที่ควรจะเป็นแค่ภาพ กลับมีความคมดั่งเป็นมีดจริงๆ บาดนิ้วของเขาจนเลือดหยดลงบนสัญลักษณ์นั้น
ทันใดนั้น หนังสือก็ส่องแสงสว่างจ้าขึ้นจนเรนต้องเบือนหน้าหนีห่าง หน้าหนังสือเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหยุดนิ่ง
“ท่านผู้เป็นนายข้า บัดนี้ ประตูมิติได้เปิดออกแล้ว และจะปิดลงในอีกห้านาที การจะผ่านทางนั้น ยังต้องทำเงื่อนไขให้เสร็จสมบูรณ์ มิเช่นนั้น ประตูมิติจะไม่ตอบสนองท่านอีกตลอดกาล” เสียงของชายแก่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆในน้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างทรงพลัง
“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย พูดอะไร ไม่เข้าใจ” เรนเอ่ยถามขึ้นอย่างงงงวย ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าตรงนี้คงไม่มีใครตอบเขาได้
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่นั่งคุยกับวีนอส ลุงเน็ทที่เดินขึ้นมาชั้นสองเพื่อเข้านอน ก็ลอบเห็นแสงสว่างลอดผ่านใต้ประตูห้องเรน จึงนึกแปลกใจที่เรนยังเปิดไฟสว่างอีก ทั้งๆที่น่าจะนอนหลับไปแล้ว จึงตัดสินใจเปิดประตูห้องของเรนเพื่อเข้าไปดูอีกทีด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่นอนอีกหรอ หรือว่าเจ็บหัวมาก? ใครให้ซุ่มซ่ามนอนตกเตียงกันล่ะ” ลุงเน็ทเอ่ยขึ้นรัวๆทันที ที่เปิดประตู ทั้งที่ยังไม่ทันได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องของเรน
“ลุง!! มาได้จังหวะพอดีเลย หนังสือของลุงเนี่ย มาเคลียรเลยลุง” เรนเอ่ยร้องขึ้นแทบจะทันทีที่เห็นหน้าลุงเน็ท
“เห้ย!”
ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ลืมไปได้ไงว่าไอ่เจ้านี่มันซุ่มซ่ามขนาดไหน ถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีทางเลือก อุตส่าห์ว่าจะหาวิธีค่อยๆเล่าให้ฟัง(?) แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องคิดวิธีให้เหนื่อย ให้ไปเห็นกับตาเลยก็ดีไปอีกแบบแหะ…
เรนที่เห็นลุงเน็ทยืนมองอย่างอึ้งๆ ไม่ขยับตัวทำอะไรสักที จึงเอ่ยเร่งอีกครั้ง
“เร็วสิลุง ทำอะไรสักอย่าง มีเสียงคนแก่ออกมาด้วย ผีหนังสือแน่เลย อ้ากกก” เรนโวยวาย
“ใจเย็นซิ๊ ไอ่หลานจอมซุ่มซ่าม ไปหยิบจดหมายเข้าเรียนของโรงเรียนมาด้วยไป” ลุงเน็ทพูดสั่งเรนในขณะที่ยังคงคิดกับตัวเองว่าจะต้องจัดการเรื่องตรงหน้านี้ให้ง่ายๆ อย่างไรดี เขาขี้เกียจและเบื่อเรื่องที่ยุ่งยากเสียด้วยสิ
แต่แบบนี้คงไม่ได้เตรียมตัวอะไรสักอย่าง ไปแต่ตัวของแท้เลย เห้อ…ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะบอกให้วิสอยู่ช่วยกันก่อน โถ่วเอ้ยย
ลุงเน็ทได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ เพราะเจ้าคนที่เขากำลังนึกถึงกลับไปแล้วนี่สิ
“เอามาแล้วคร้าบ” เมื่อเห็นเรนพร้อมแล้ว ลุงเน็ทก็ตั้งสติ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“เอ้อ…ดีมาก หยิบหนังสือขึ้นจากพื้น แล้วถือไว้ดีๆล่ะ อย่าให้หล่น” เรนใช้สองมือหยิบหนังสือที่ส่องแสงสว่างและกำลังกางอ้าอยู่บนพื้น
ลุงเน็ทยื่นข้อมือของตัวเองเหนือหนังสือหน้าที่กางอยู่ พึมพำไม่ได้ศัพท์ เสียงลมพัดผ่านข้อมือของลุงเน็ท คมราวกับใบมีด มีเส้นรอยกรีดเล็ก และเลือดของลุงเน็ทก็ค่อยๆไหลลงมาบนหน้ากระดาษทีละหยดๆ จนเกิดเสียง
‘แปะ…แปะ…แปะ’
“ลุง!?” เรนเรียกอย่างตกใจ ลุงเน็ทใช้มืออีกข้างช่วยเขาประคองหนังสือก่อนจะดึงข้อมือข้างนึงของเขาขึ้นมา และทำแบบเดิม
“อ๊ะ!” ความเจ็บคันๆเล็กๆเกิดขึ้นทันทีที่ลมนั่นพัดผ่าน ทันทีที่เลือดของเขาหยดลงบนหน้าหนังสือ หนังสือก็ส่องสว่างมากขึ้นทันที สว่างมากจนตอนนี้เขาทำได้แค่ยืนปิดตาและถือหนังสือไว้
แสงสว่างสีขาวส่องสว่างไปทั่วบริเวณ บ้านทั้งหลังค่อยๆอันตรธานหายไปพร้อมกับเรนและลุงเน็ท ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางคืนที่เงียบสงัด
เมื่อแสงสว่างดับลงแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ตรงพื้นที่นั้นอีกราวกับไม่เคยมีสิ่งก่อสร้างใดใดเคยตั้งอยู่
เหลือก็เพียงแต่พุ่มหญ้ารกๆ และต้นไม้สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เท่านั้น…เป็นสถานที่ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตเคยอาศัยอยู่ได้เลย
เสียงท้วงทำนองคุ้นหูดังขึ้นเบาๆในโสตประสาท เรนรู้สึกอบอุ่นขึ้นที่ใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต
“ลืมตาได้แล้ว” เสียงลุงเน็ทเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“เอ่อ…ที่นี่…มัน…ที่ไหนกัน?”
……
…
เรนค่อยๆลืมตาขึ้น เขารู้สึกแสบตาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินกับแสง เขาจึงกระพริบตาขึ้นลงเล็กน้อยๆ เพื่อปรับสายตาของเขา
ในมือของเรนยังคงถือหนังสือสีน้ำตาลเล่มใหญ่ที่ปกหนังสือของมันเพิ่งจะบาดนิ้วเขา และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมากรีดเลือดใส่หนังสืออย่างกับคนไม่มีอะไรจะทำแล้วในชีวิตนี้
“เอ่อ…ที่นี่…มัน…ที่ไหนกัน?” เรนเอ่ยถามลุงเน็ทเมื่อเขามองไปรอบฟแล้วพบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนแล้วอย่างที่ควรจะเป็น
“ที่นี่คือห้วงมิติเวลา ที่เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ห่ะ! เวอ…เวอๆอะไรลุง” เรนทำหน้าเหวอเล็กน้อยที่ได้ยินชื่อประหลาดๆ …คือมันก็ไม่น่าจะมีอยู่บนโลกไหมอ่ะ
“เวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทตอบ
“เอ่ออ…แล้วเวอ…ว…เวอเว่อร์อะไรของลุงเนี่ยมันคือที่ไหนอ่ะ”
“เวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทเริ่มรู้สึกหน่ายนิดๆกับความจำที่ดูจะมีปัญหาของเรน
“นั่นแหละ เหมือนกันอ่ะ” เรนแย้ง
“เห้อ…เวอร์มัลก้าคือ…” ลุงเน็ทหยุดคิดกับตัวเองเล็กน้อยว่าจะอธิบายให้หลานคนนี้เข้าใจได้อย่างไรดี
“คือ?” เรนเร่งเร้าคำตอบ
“อืมม…ถ้าเอาให้เข้าใจง่ายๆก็…ดินแดนเวทมนตร์ล่ะมั้ง” ลุงเน็ทตอบเรนแต่พูดราวกับกำลังคุยกับตัวเองเสียมากกว่า
“ดินแดนเวทมนตร์เนี่ยนะลุง? ของแบบนั้นมันมีจริงด้วยเหร๊อ?” เรนแย้งขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในคำตอบของลุงเสียเท่าไหร่
“แล้วที่ตะกี้แกกะฉันเพิ่งจะหยดเลือดใส่หนังสือแล้วก็หายแว้บมาอยู่ที่นี่จะให้เรียกว่าอะไรดี” ลุงเน็ทเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายในความเบ๊อะของเจ้าหลานคนนี้
“เอ่อ…ก็จริงแหะ” เรนเริ่มหยุดคิดทบทวนปรากฎการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี้
“ความฝันไงลุง ความฝันแน่ๆ” เรนเอ่ยขึ้นเสียงดัง พลางหยิกแขนตัวเอง “โอ้ยๆ…ต้องเป็นความฝันสิ…โอ้ยๆๆ…”
เห้อ…เพลีย
ลุงเน็ทมองเรนที่พยายามบอกตัวเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ทั้งๆที่ลองหยิกแขนไปแล้วหลายที ก็ยังพยายามหยิกต่อไป ดูท่าแล้วคงเผื่อว่าจะมีสักรอบที่จะไม่รู้สึกเจ็บล่ะมั้ง
“มีเวทมนตร์แล้วไม่ดีหรือไง” ลุงเน็ทเอ่ยถามขัดขึ้น เขาเริ่มจะทนดูไม่ไหว ก่อนที่แขนทั้งสองข้างจะมีแต่รอยหยิกของเจ้าตัว
“ดี! ดีสิลุง” เรนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ลุงเน็ทเลิกคิ้วสงสัยขึ้นนิดนึง ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าเจ้าหลานคนนี้บ๊องกว่าที่คิดก็ตอนที่มันอธิบายให้เขาฟังเนี่ยแหละ
“เนี่ย…ผมพยายามหยิกอยู่เนี่ย กลัวมันเป็นแค่ความฝันจะแย่” เรนยื่นแขนที่มีรอยหยิกแดงๆเป็นจุดๆให้ลุงเน็ทดูอย่างอวดๆ เพราะผิวที่ขาวสว่างของเจ้าตัวยิ่งทำให้รอยแดงดูเด่นชัดมากยิ่งกว่าที่ควรเป็น
โอ้ย เพลีย คูณสอง
ลุงเน็ทได้แต่ทำหน้าเอือมๆใส่เรน อย่างคนไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ว่าแต่ ทำไมลุงดูรู้เรื่องเยอะจัง ลุงก็ใช้เวทมนตร์ได้หรอ?” เรนเบิกตากว้างขึ้นเพราะเขากำลังตื่นเต้น
“คิดว่าไงล่ะ” ลุงเน็ทแกล้งย้อนถามยิ้มๆ
“ใช่แน่ๆเลย ลุงมีเวทมนตร์! โคตรเจ๋งเลยลุง” น้ำเสียงของเรนฟังดูตื่นเต้นมากๆเลยทีเดียว
“ชอบก็ดีแล้ว เพราะโรงเรียนที่แกกำลังจะไปเข้าเรียน ก็คือโรงเรียนสอนเวทมนตร์ยังไงล่ะ” ลุงเน็ทอธิบายพร้อมเริ่มออกเดินไปตามทาง ทำให้เรนต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้
“จริงหรอลุง? ผมเนี่ยนะ จะได้เรียนโรงเรียนสอนเวทมนตร์!?!?” เขาตกใจจนตาเบิกกว้าง ริมฝีปากยกยิ้มอย่างดีใจราวกับเด็กตัวเล็กๆที่กำลังได้รับของขวัญวันเกิด
เรนหยิบจดหมายเชิญขึ้นมาเปิดอ่านดูอีกครั้ง
“…นี่หน่ะคือโรงเรียนเวทมนตร์หรอเนี่ย…ว…เว…เว” เรนพึมพำกับตัวเอง
“เวดิกชาโต้” ลุงเน็ทเอ่ยต่อให้
“อ้อ เวดิกชาโต้” เรนเอ่ยตามด้วยน้ำเสียงที่สดใส
ในขณะที่คุยกันนั้น เรนกับลุงเน็ทยังคงเดินอยู่ในห้วงมิติเวลา ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งมืดราวกับกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ แต่มีห้วงอากาศที่มีสีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียวเข้มอยู่เป็นช่วงๆไปตลอดทาง
มันไม่ได้ดูสวยจนน่าพิศมัยอะไรเลยสักนิด กลับกันมันกลับให้ความรู้สึกน่ามึนหัวมากกว่าเสียอีก
“เออ…ฉันลืมเลย ยื่นมือมานี่สิ” เรนยื่นมือไปทางลุงเน็ท “ไม่ใช่ เอาข้างที่ถูกกรีดหน่ะ”
เรนยื่นมือข้างที่ถูกกรีดไปเมื่อครู่ไปทางลุงเน็ท มือของลุงกุมมือเขาเบาๆบริเวณแผล พร้อมร่ายเวทอะไรสักอย่างที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง แสงสีฟ้าจางสว่างขึ้นนิดหน่อยก่อนที่แผลของเขาจะหายสนิท ราวกับไม่เคยมีรอยแผลตรงนั้นมาก่อน
เรนทำหน้าทึ่งๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ลุงเน็ทก็ตัดบทโดยการบอกให้เขารีบเดินต่อได้แล้ว เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องรีบเดินตามลุงเน็ทและได้แต่เก็บความแปลกใจ ฉงนใจและตื่นเต้นเอาไว้ในใจ
พวกเขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ พอเดินจนใกล้จะสุดปลายทางอุโมงค์ ก็เห็นแสงสว่างสีขาวที่ปลายทาง
แสงอาทิตย์สาดส่องสว่างบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีว่า เวลาคงล่วงเลยไปมากแล้วจากที่เริ่มเดินทางกัน เพราะตอนที่ออกมาเพิ่งจะเป็นเวลาตีสาม ฟ้าคงไม่สว่างขนาดนี้
“ทำไมฟ้าสว่างขนาดนี้ เราออกกันมาตอนตีสามไม่ใช่หรอลุง ผมว่าจากตอนนั้นมันไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมงนี่นา ไม่น่าสว่างขนาดนี้” เรนสงสัย
“แกเอาไปเทียบเวลาแบบนั้นไม่ได้หรอก เราเดินอยู่ในห้วงมิติเวลา เวลามักจะคาดเคลื่อนแบบนี้อยู่แล้วแหละ” ลุงเน็ทตอบพลางมองสำรวจไปรอบๆ
“อ้อ” เรนตอบรับ
“เผลอๆอาจจะผ่านไปแล้วหลายวันด้วยซ้ำ” เพราะลุงเน็ทพูดเบาราวกับแค่พึมพำคุยกับตัวเอง เรนจึงไม่ได้ยินและไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีก
‘หวังว่าจะไม่คาดเคลื่อนมากนะ เราก็ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย’
“ตอนนี้น่าจะราวๆสิบโมง เพราะงั้นเดี๋ยวพอไปถึงในเมืองเราจะไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วกัน” ลุงเน็ทบอกเรน
“ค้าบบ” เรนขานรับอย่างว่าง่าย
ทางด้านของเรน หลังจากที่ลุงเน็ทออกไปแล้วนั้น เขายังคงนั่งอยู่ด้านข้างของเตียงสักพัก
“นี่มันกี่โมงกันแล้วนะ” เรนพึมพำก่อนหยิบนาฬิกาที่หล่นอยู่ข้างๆเตียงดู
‘ตึ๋ง! … ตึ๋ง! … ตึ๋ง!…’
เสียงนาฬิกาบอกเวลาในบ้านดังขึ้น
“ตีสามหรอ…” เรนพึมพำเบาๆ
“อ๊ะ!” เพราะความมืด เขาจึงควานมือไปทั่วโดยไม่ทันระวัง
“โดนอะไรทิ่มนิ้วกันเนี่ย…” เขาหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ
“นี่มันหนังสือที่ลุงให้นี่…โอ้ย!” สัญลักษณ์ดาบตรงหน้าปกหนังสือที่ควรจะเป็นแค่ภาพ กลับมีความคมดั่งเป็นมีดจริงๆ บาดนิ้วของเขาจนเลือดหยดลงบนสัญลักษณ์นั้น
ทันใดนั้น หนังสือก็ส่องแสงสว่างจ้าขึ้นจนเรนต้องเบือนหน้าหนีห่าง หน้าหนังสือเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหยุดนิ่ง
“ท่านผู้เป็นนายข้า บัดนี้ ประตูมิติได้เปิดออกแล้ว และจะปิดลงในอีกห้านาที การจะผ่านทางนั้น ยังต้องทำเงื่อนไขให้เสร็จสมบูรณ์ มิเช่นนั้น ประตูมิติจะไม่ตอบสนองท่านอีกตลอดกาล” เสียงของชายแก่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆในน้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างทรงพลัง
“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย พูดอะไร ไม่เข้าใจ” เรนเอ่ยถามขึ้นอย่างงงงวย ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าตรงนี้คงไม่มีใครตอบเขาได้
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่นั่งคุยกับวีนอส ลุงเน็ทที่เดินขึ้นมาชั้นสองเพื่อเข้านอน ก็ลอบเห็นแสงสว่างลอดผ่านใต้ประตูห้องเรน จึงนึกแปลกใจที่เรนยังเปิดไฟสว่างอีก ทั้งๆที่น่าจะนอนหลับไปแล้ว จึงตัดสินใจเปิดประตูห้องของเรนเพื่อเข้าไปดูอีกทีด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่นอนอีกหรอ หรือว่าเจ็บหัวมาก? ใครให้ซุ่มซ่ามนอนตกเตียงกันล่ะ” ลุงเน็ทเอ่ยขึ้นรัวๆทันที ที่เปิดประตู ทั้งที่ยังไม่ทันได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องของเรน
“ลุง!! มาได้จังหวะพอดีเลย หนังสือของลุงเนี่ย มาเคลียรเลยลุง” เรนเอ่ยร้องขึ้นแทบจะทันทีที่เห็นหน้าลุงเน็ท
“เห้ย!”
ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ลืมไปได้ไงว่าไอ่เจ้านี่มันซุ่มซ่ามขนาดไหน ถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีทางเลือก อุตส่าห์ว่าจะหาวิธีค่อยๆเล่าให้ฟัง(?) แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องคิดวิธีให้เหนื่อย ให้ไปเห็นกับตาเลยก็ดีไปอีกแบบแหะ…
เรนที่เห็นลุงเน็ทยืนมองอย่างอึ้งๆ ไม่ขยับตัวทำอะไรสักที จึงเอ่ยเร่งอีกครั้ง
“เร็วสิลุง ทำอะไรสักอย่าง มีเสียงคนแก่ออกมาด้วย ผีหนังสือแน่เลย อ้ากกก” เรนโวยวาย
“ใจเย็นซิ๊ ไอ่หลานจอมซุ่มซ่าม ไปหยิบจดหมายเข้าเรียนของโรงเรียนมาด้วยไป” ลุงเน็ทพูดสั่งเรนในขณะที่ยังคงคิดกับตัวเองว่าจะต้องจัดการเรื่องตรงหน้านี้ให้ง่ายๆ อย่างไรดี เขาขี้เกียจและเบื่อเรื่องที่ยุ่งยากเสียด้วยสิ
แต่แบบนี้คงไม่ได้เตรียมตัวอะไรสักอย่าง ไปแต่ตัวของแท้เลย เห้อ…ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะบอกให้วิสอยู่ช่วยกันก่อน โถ่วเอ้ยย
ลุงเน็ทได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ เพราะเจ้าคนที่เขากำลังนึกถึงกลับไปแล้วนี่สิ
“เอามาแล้วคร้าบ” เมื่อเห็นเรนพร้อมแล้ว ลุงเน็ทก็ตั้งสติ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“เอ้อ…ดีมาก หยิบหนังสือขึ้นจากพื้น แล้วถือไว้ดีๆล่ะ อย่าให้หล่น” เรนใช้สองมือหยิบหนังสือที่ส่องแสงสว่างและกำลังกางอ้าอยู่บนพื้น
ลุงเน็ทยื่นข้อมือของตัวเองเหนือหนังสือหน้าที่กางอยู่ พึมพำไม่ได้ศัพท์ เสียงลมพัดผ่านข้อมือของลุงเน็ท คมราวกับใบมีด มีเส้นรอยกรีดเล็ก และเลือดของลุงเน็ทก็ค่อยๆไหลลงมาบนหน้ากระดาษทีละหยดๆ จนเกิดเสียง
‘แปะ…แปะ…แปะ’
“ลุง!?” เรนเรียกอย่างตกใจ ลุงเน็ทใช้มืออีกข้างช่วยเขาประคองหนังสือก่อนจะดึงข้อมือข้างนึงของเขาขึ้นมา และทำแบบเดิม
“อ๊ะ!” ความเจ็บคันๆเล็กๆเกิดขึ้นทันทีที่ลมนั่นพัดผ่าน ทันทีที่เลือดของเขาหยดลงบนหน้าหนังสือ หนังสือก็ส่องสว่างมากขึ้นทันที สว่างมากจนตอนนี้เขาทำได้แค่ยืนปิดตาและถือหนังสือไว้
แสงสว่างสีขาวส่องสว่างไปทั่วบริเวณ บ้านทั้งหลังค่อยๆอันตรธานหายไปพร้อมกับเรนและลุงเน็ท ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางคืนที่เงียบสงัด
เมื่อแสงสว่างดับลงแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ตรงพื้นที่นั้นอีกราวกับไม่เคยมีสิ่งก่อสร้างใดใดเคยตั้งอยู่
เหลือก็เพียงแต่พุ่มหญ้ารกๆ และต้นไม้สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เท่านั้น…เป็นสถานที่ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตเคยอาศัยอยู่ได้เลย
เสียงท้วงทำนองคุ้นหูดังขึ้นเบาๆในโสตประสาท เรนรู้สึกอบอุ่นขึ้นที่ใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต
“ลืมตาได้แล้ว” เสียงลุงเน็ทเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“เอ่อ…ที่นี่…มัน…ที่ไหนกัน?”
……
…
เรนค่อยๆลืมตาขึ้น เขารู้สึกแสบตาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินกับแสง เขาจึงกระพริบตาขึ้นลงเล็กน้อยๆ เพื่อปรับสายตาของเขา
ในมือของเรนยังคงถือหนังสือสีน้ำตาลเล่มใหญ่ที่ปกหนังสือของมันเพิ่งจะบาดนิ้วเขา และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมากรีดเลือดใส่หนังสืออย่างกับคนไม่มีอะไรจะทำแล้วในชีวิตนี้
“เอ่อ…ที่นี่…มัน…ที่ไหนกัน?” เรนเอ่ยถามลุงเน็ทเมื่อเขามองไปรอบฟแล้วพบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนแล้วอย่างที่ควรจะเป็น
“ที่นี่คือห้วงมิติเวลา ที่เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ห่ะ! เวอ…เวอๆอะไรลุง” เรนทำหน้าเหวอเล็กน้อยที่ได้ยินชื่อประหลาดๆ …คือมันก็ไม่น่าจะมีอยู่บนโลกไหมอ่ะ
“เวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทตอบ
“เอ่ออ…แล้วเวอ…ว…เวอเว่อร์อะไรของลุงเนี่ยมันคือที่ไหนอ่ะ”
“เวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทเริ่มรู้สึกหน่ายนิดๆกับความจำที่ดูจะมีปัญหาของเรน
“นั่นแหละ เหมือนกันอ่ะ” เรนแย้ง
“เห้อ…เวอร์มัลก้าคือ…” ลุงเน็ทหยุดคิดกับตัวเองเล็กน้อยว่าจะอธิบายให้หลานคนนี้เข้าใจได้อย่างไรดี
“คือ?” เรนเร่งเร้าคำตอบ
“อืมม…ถ้าเอาให้เข้าใจง่ายๆก็…ดินแดนเวทมนตร์ล่ะมั้ง” ลุงเน็ทตอบเรนแต่พูดราวกับกำลังคุยกับตัวเองเสียมากกว่า
“ดินแดนเวทมนตร์เนี่ยนะลุง? ของแบบนั้นมันมีจริงด้วยเหร๊อ?” เรนแย้งขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในคำตอบของลุงเสียเท่าไหร่
“แล้วที่ตะกี้แกกะฉันเพิ่งจะหยดเลือดใส่หนังสือแล้วก็หายแว้บมาอยู่ที่นี่จะให้เรียกว่าอะไรดี” ลุงเน็ทเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายในความเบ๊อะของเจ้าหลานคนนี้
“เอ่อ…ก็จริงแหะ” เรนเริ่มหยุดคิดทบทวนปรากฎการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี้
“ความฝันไงลุง ความฝันแน่ๆ” เรนเอ่ยขึ้นเสียงดัง พลางหยิกแขนตัวเอง “โอ้ยๆ…ต้องเป็นความฝันสิ…โอ้ยๆๆ…”
เห้อ…เพลีย
ลุงเน็ทมองเรนที่พยายามบอกตัวเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ทั้งๆที่ลองหยิกแขนไปแล้วหลายที ก็ยังพยายามหยิกต่อไป ดูท่าแล้วคงเผื่อว่าจะมีสักรอบที่จะไม่รู้สึกเจ็บล่ะมั้ง
“มีเวทมนตร์แล้วไม่ดีหรือไง” ลุงเน็ทเอ่ยถามขัดขึ้น เขาเริ่มจะทนดูไม่ไหว ก่อนที่แขนทั้งสองข้างจะมีแต่รอยหยิกของเจ้าตัว
“ดี! ดีสิลุง” เรนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ลุงเน็ทเลิกคิ้วสงสัยขึ้นนิดนึง ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าเจ้าหลานคนนี้บ๊องกว่าที่คิดก็ตอนที่มันอธิบายให้เขาฟังเนี่ยแหละ
“เนี่ย…ผมพยายามหยิกอยู่เนี่ย กลัวมันเป็นแค่ความฝันจะแย่” เรนยื่นแขนที่มีรอยหยิกแดงๆเป็นจุดๆให้ลุงเน็ทดูอย่างอวดๆ เพราะผิวที่ขาวสว่างของเจ้าตัวยิ่งทำให้รอยแดงดูเด่นชัดมากยิ่งกว่าที่ควรเป็น
โอ้ย เพลีย คูณสอง
ลุงเน็ทได้แต่ทำหน้าเอือมๆใส่เรน อย่างคนไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ว่าแต่ ทำไมลุงดูรู้เรื่องเยอะจัง ลุงก็ใช้เวทมนตร์ได้หรอ?” เรนเบิกตากว้างขึ้นเพราะเขากำลังตื่นเต้น
“คิดว่าไงล่ะ” ลุงเน็ทแกล้งย้อนถามยิ้มๆ
“ใช่แน่ๆเลย ลุงมีเวทมนตร์! โคตรเจ๋งเลยลุง” น้ำเสียงของเรนฟังดูตื่นเต้นมากๆเลยทีเดียว
“ชอบก็ดีแล้ว เพราะโรงเรียนที่แกกำลังจะไปเข้าเรียน ก็คือโรงเรียนสอนเวทมนตร์ยังไงล่ะ” ลุงเน็ทอธิบายพร้อมเริ่มออกเดินไปตามทาง ทำให้เรนต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้
“จริงหรอลุง? ผมเนี่ยนะ จะได้เรียนโรงเรียนสอนเวทมนตร์!?!?” เขาตกใจจนตาเบิกกว้าง ริมฝีปากยกยิ้มอย่างดีใจราวกับเด็กตัวเล็กๆที่กำลังได้รับของขวัญวันเกิด
เรนหยิบจดหมายเชิญขึ้นมาเปิดอ่านดูอีกครั้ง
“…นี่หน่ะคือโรงเรียนเวทมนตร์หรอเนี่ย…ว…เว…เว” เรนพึมพำกับตัวเอง
“เวดิกชาโต้” ลุงเน็ทเอ่ยต่อให้
“อ้อ เวดิกชาโต้” เรนเอ่ยตามด้วยน้ำเสียงที่สดใส
ในขณะที่คุยกันนั้น เรนกับลุงเน็ทยังคงเดินอยู่ในห้วงมิติเวลา ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งมืดราวกับกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ แต่มีห้วงอากาศที่มีสีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียวเข้มอยู่เป็นช่วงๆไปตลอดทาง
มันไม่ได้ดูสวยจนน่าพิศมัยอะไรเลยสักนิด กลับกันมันกลับให้ความรู้สึกน่ามึนหัวมากกว่าเสียอีก
“เออ…ฉันลืมเลย ยื่นมือมานี่สิ” เรนยื่นมือไปทางลุงเน็ท “ไม่ใช่ เอาข้างที่ถูกกรีดหน่ะ”
เรนยื่นมือข้างที่ถูกกรีดไปเมื่อครู่ไปทางลุงเน็ท มือของลุงกุมมือเขาเบาๆบริเวณแผล พร้อมร่ายเวทอะไรสักอย่างที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง แสงสีฟ้าจางสว่างขึ้นนิดหน่อยก่อนที่แผลของเขาจะหายสนิท ราวกับไม่เคยมีรอยแผลตรงนั้นมาก่อน
เรนทำหน้าทึ่งๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ลุงเน็ทก็ตัดบทโดยการบอกให้เขารีบเดินต่อได้แล้ว เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องรีบเดินตามลุงเน็ทและได้แต่เก็บความแปลกใจ ฉงนใจและตื่นเต้นเอาไว้ในใจ
พวกเขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ พอเดินจนใกล้จะสุดปลายทางอุโมงค์ ก็เห็นแสงสว่างสีขาวที่ปลายทาง
แสงอาทิตย์สาดส่องสว่างบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีว่า เวลาคงล่วงเลยไปมากแล้วจากที่เริ่มเดินทางกัน เพราะตอนที่ออกมาเพิ่งจะเป็นเวลาตีสาม ฟ้าคงไม่สว่างขนาดนี้
“ทำไมฟ้าสว่างขนาดนี้ เราออกกันมาตอนตีสามไม่ใช่หรอลุง ผมว่าจากตอนนั้นมันไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมงนี่นา ไม่น่าสว่างขนาดนี้” เรนสงสัย
“แกเอาไปเทียบเวลาแบบนั้นไม่ได้หรอก เราเดินอยู่ในห้วงมิติเวลา เวลามักจะคาดเคลื่อนแบบนี้อยู่แล้วแหละ” ลุงเน็ทตอบพลางมองสำรวจไปรอบๆ
“อ้อ” เรนตอบรับ
“เผลอๆอาจจะผ่านไปแล้วหลายวันด้วยซ้ำ” เพราะลุงเน็ทพูดเบาราวกับแค่พึมพำคุยกับตัวเอง เรนจึงไม่ได้ยินและไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีก
‘หวังว่าจะไม่คาดเคลื่อนมากนะ เราก็ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย’
“ตอนนี้น่าจะราวๆสิบโมง เพราะงั้นเดี๋ยวพอไปถึงในเมืองเราจะไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วกัน” ลุงเน็ทบอกเรน
“ค้าบบ” เรนขานรับอย่างว่าง่าย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ