ลำนำบุปผาพิษ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) บทที่ 47-48
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 47 เสแสร้างนักจะถูกฟ้าผ่าเอา
เขาเอื้อมมือไปเกาะไหล่กู้ซีจิ่ว เอนกายเข้าหาเธอ “ข้ามอบน้ำใจให้เจ้ามากถึงเพียงนี้ จะไม่เชิญข้าดื่มสักจอกหรือ?”
บนกายบุรุษผู้นี้มีกลิ่นหอมเย็นจางๆ กลิ่นหอมนั้นเบาบางยิ่งนัก อบอวลอยู่ในโพรงจมูกของเธอ อาจเป็นข้อได้เปรียบของคนตัวสูง ยามที่เขาก้มมองเธอจึงมีความกดดันชนิดหนึ่งแฝงอยู่
ในห้องรับรองทุกห้องของชั้นสองล้วนมีเด็กรับใช้คอยปรนนิบัติโดยเฉพาะ ห้องนี้ของกู้ซีจิ่วก็มีอยู่สองคน มือเท้าคล่องแคล่วว่องไวอีกทั้งมีวรยุทธ์ดีพอตัว ทั้งยังเคยเห็นคนใหญ่คนโตและเหตุการณ์สำคัญมาแล้วจนชินตา แต่คุณชายน้อยผู้นี้ที่กำลังแผ่ความกดดันอันไร้รูปร่างออกมาจากกายกลับทำให้พวกเขาเกิดความหวาดหวั่นขึ้นในหัวใจ มีความรู้สึกแปลกใจระคนสงสัยเล็กน้อยอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ดูเหมือนว่ากู้ซีจิ่วจะไม่ได้รับผลกระทบจากความกดดันนั้นเลย เธอไม่ถอยเลยสักก้าว เพียงแค่เลิกคิ้วพลางยกยิ้ม
“แม้ว่าน้ำใจนี้ที่ท่านมอบให้จะแฝงเจตนาไม่บริสุทธิ์เอาไว้ แต่ก็ขอเชิญท่านดื่มสุราสักจอกเถิด” แล้วเธอก็หันไปสั่งให้คนนำชุดสุราเข้ามาชุดหนึ่ง
คุณชายน้อยผู้นั้นแย้มยิ้ม ความกดดันไร้รูปที่อยู่บนกายก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาล้วงเอาจอกสุราใบน้อยออกมา “ไม่ต้องใช้ของพวกเขาหรอก มันหยาบเกินไป ข้าจะใช้สิ่งนี้”
หยาบ?
เด็กรับใช้ทั้งสองคนถึงกับอับจนคำพูด ข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของที่นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งของชั้นเลิศ ชุดสุราเป็นเครื่องเคลือบลายครามชั้นยอด แค่จอกสุราใบหนึ่งก็มีราคาถึงพันตำลึงแล้ว ต่อให้เป็นชุดสุราที่จักรพรรดิใช้ในวังหลวงก็ไม่แน่ว่าจะดีเท่าที่นี่ด้วยซ้ำ! ไม่คิดเลยว่าจะถูกรังเกียจว่าหยาบ...
ฮึ่ม อย่าเสแสร้งไปหน่อยเลย เสแสร้งนักจะถูกฟ้าผ่าเอา!
เด็กรับใช้ทั้งสองลอบเบ้ปาก
แต่พอได้เห็นจอกสุราใบน้อยที่อยู่ในมือคุณชายน้อยผู้นั้นชัดๆ แล้ว สีหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ทั้งยังไม่มีโทสะอีกต่อไป
จอกใบนั้นมีรูปร่างคล้ายดอกตูมของดอกจักรพรรดิ์ มีสีม่วงอ่อนๆ แซมด้วยสีขาวผ่อง ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุใด เมื่ออยู่ใต้แสงเทียนภายในห้องก็เปล่งรัศมีเหลือบรุ้งพรายออกมา ส่องกระทบกับนิ้วมือที่ขาวเนียนราวเครื่องหยกของคุณชายน้อยผู้นั้น งดงามประณีตเหนือธรรมดา
กู้ซีจิ่วรินสุราให้เขา จะว่าไปแล้วก็แปลก เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสุรานี้มีสีมรกต แต่พอรินลงไปในจอกสุราของเขาแล้วปรากฏว่ากลายเป็นสีชมพูดอกท้อ ด้านในก็ดูคล้ายมีกลีบดอกไม้ล่องลอยอยู่ งดงามเป็นที่สุด
แต่พอเธอรินใส่จอกของตนก็ปรากฏเป็นสีมรกตตามเดิม จนกู้ซีจิ่วเกือบจะคิดว่าโดนคนสับเปลี่ยนเหล้าเสียแล้ว
คุณชายน้อยประคองจอกสุราขึ้นมาชนกับจอกของเธอ และไม่ทราบว่าเป็นการตั้งใจหรือไม่ประการใด ปลายนิ้วของเขาจึงสัมผัสโดนฝ่ามือของเธอเบาๆ เป็นการสัมผัสเพียงแวบเดียวเท่านั้น กระทั่งกู้ซีจิ่วเองก็ไม่รู้สึกถึงเลยด้วยซ้ำ
คุณชายน้อยผู้นี้ก็คล้ายจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง หลังจากที่ดื่มเหล้าจอกนั้นกับกู้ซีจิ่วแล้ว เขาเงยหน้าแย้มยิ้มพลางตบบ่ากู้ซีจิ่วเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ “น้องชาย รักษาตัวด้วย” แล้วก็หันหลังกระโจนจากชั้นสองลงไปชั้นล่าง
เขาเดินอย่างสบายใจไร้กังวล กระทั่งยามจะออกจากประตูก็ยังร้องเพลงเสียงดัง “ข้าครวญเพลงฝ่าลมฝนในโลกหล้า จะผิดถูกบาปบุญไซร้ใครกำหนด สกุณาน้อยไหนเลยจะเข้าใจความปรารถนาของคุนเผิง[1] มนุษย์ต่างให้ร้ายกันอยู่ร่ำไป...”
ดูเหมือนคนผู้นี้จะมีกล่องเสียงที่ดี เสียงจึงใสดุจเคาะหยกเนื้อดี ดั่งก้อนกรวดที่กลิ้งในน้ำพุน้ำแข็ง คล้ายจะไหลผ่านเข้าไปในหัวใจของผู้คน เสียงเพลงค่อยๆ แผ่วจางลง พร้อมกับคนที่จากไปไกล
ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายหรงฉู่เขียวคล้ำ ตั้งแต่เขาเติบใหญ่มาจนป่านนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาเจอตอที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นยามอยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่เขาชื่นชอบอีกด้วย นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกขายหน้ามากกว่าปกติ!
แววตาของเขาเย็นชา พลางโบกมือส่งสัญญาณให้องครักษ์คนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณนี้ คนผู้นั้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถอยออกไปเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าจะไปตรวจสอบพื้นเพของคุณชายน้อยผู้นั้นและสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ด้วย
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 48 วันนี้ช่างบัดซบเสียจริง
เจ้าของที่อยู่เบื้องหลังโรงประมูลนี้มีฐานะพิเศษ ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่นี้ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เมื่อเข้ามาที่โรงประมูลนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องปฏิบัติตามกฎทั้งสิ้น ไม่อนุญาตให้ก่อเรื่องวิวาท ต่อให้เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเฟยซิงมาเองก็ไม่มีการยกเว้นให้
แต่เมื่อออกจากโรงประมูลนี้ไปแล้ว จะก่อเรื่องทะเลาะวิวาทหรือจะข่มเหงระรานผู้อื่นก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว
หากคุณชายน้อยผู้นั้นรั้งอยู่ในโรงประมูลนี้ต่อ องค์ชายหรงฉู่ก็ไม่กล้าทำอะไรเขา แต่ถ้าออกไปแล้วล่ะก็ เหอะๆ!
ฝูงชนได้แต่ไว้อาลัยให้คุณชายน้อยผู้นั้นอยู่ในใจเงียบๆ
องค์ชายหรงฉู่นั้นขึ้นชื่อเรื่องความใจดำอำมหิต เขามีอิทธิพลล้นฟ้า ไปล่วงเกินเขาก็เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!
คุณชายน้อยผู้นั้นแม้จะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียก็อายุเพียงสิบกว่าปี ต่อให้แข็งแกร่งแต่จะแกร่งสักแค่ไหนกันเชียว?
จะสามารถหนีรอดการไล่ล่าจากลูกน้องพวกนั้นขององค์ชายสี่ที่ดุเหมือนหมาป่า ร้ายราวกับพยัคฆ์ไปได้อย่างไรกัน?
เกรงว่าต่อจากนี้ไปคงไม่ได้พบคุณชายน้อยผู้หล่อเหลาถึงเพียงนั้นอีกแล้ว น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก!
องค์ชายหรงฉู่กวาดตามองห้องรับรองของกู้ซีจิ่ว ม่านมุกกวัดแกว่งไปมา เขามองเห็นเพียงเงาร่างเล็กๆ ที่เลือนลางร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่าง
เขาต้องการครอบครองหญ้าวิเศษอายุสามพันปี ยามนี้จึงมุ่งเป้าไปที่กู้ซีจิ่ว “ขอเรียนถามคุณชายท่านนั้น”
มีเสียงตอบกลับมาเบาๆ จากหลังม่านมุกที่ชั้นบน “เชิญองค์ชายสี่” น้ำเสียงกระจ่างใสและแฝงเสน่ห์ดึงดูด แม้น้ำเสียงจะก้ำกึ่งระหว่างสองเพศแต่ก็ไพเราะยิ่งนัก ทั้งยังไม่รอให้องค์ชายหรงฉู่สรรหาถ้อยคำใดมาเอ่ย เสียงนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “องค์ชายสี่คงอยากซื้อหญ้าวิเศษต้นนี้ที่อยู่ในมือข้ากระมัง? เกรงว่าคงต้องทำให้องค์ชายสี่ผิดหวังเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้รับปากคุณชายน้อยแล้วว่าจะไม่นำสมุนไพรนี้ไปขายต่อ วาจาลูกผู้ชายมีค่าดุจพันตำลึงทอง องค์ชายสี่เองก็เป็นผู้เปี่ยมคุณธรรมผู้หนึ่ง ย่อมไม่บีบบังคับให้ผู้น้อยต้องกลายเป็นคนไม่รักษาสัจจะใช่หรือไม่?”
วาจาหลายประโยคนี้ทำให้องค์ชายหรงฉู่ต้องเก็บถ้อยคำทั้งหมดที่คิดจะกล่าวกลับเข้าไป!
องค์ชายหรงฉู่นิ่งไปสักพัก แล้วยิ้มน้อยๆ “คุณชายคิดมากไปแล้ว ข้าย่อมไม่ข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า”
คำพูดนั้นสวยหรู ทว่านัยน์ตากลับฉายแววอำมหิตและมีรังสีสังหารขึ้นมาแวบหนึ่ง
วันนี้ช่างบัดซบเสียจริง มีเจ้าเด็กไร้นามกล้ามาลูบคมเขาถึงสองคน! เห็นทีว่าช่วงนี้เขาคงใจดีเกินไปสินะ...
เขานำคนกลับไปยังห้องรับรองของตนเอง
ผู้คนล้วนรู้ซึ้งถึงนิสัยเจ้าอารมณ์ขององค์ชายหรงฉู่ ดังนั้นภายในใจจึงไว้อาลัยให้อีกฝ่ายด้วยอีกคน
เมื่อพายุลูกเล็กๆ นี้พัดผ่านไปเช่นนี้แล้ว หลังจากนั้นการประมูลก็ดำเนินต่อไป ของล้ำค่าหายากอีกหลายชนิดก็ถูกคนทยอยกันประมูลไป
กู้ซีจิ่วกอดอกชมเรื่องครึกครื้นตามจุดประสงค์เดิมคือมาที่นี่เพื่อเปิดหูเปิดตาเท่านั้น และไม่คิดจะประมูลสิ่งใดอีก ขณะที่เธอกำลังมองดูความครื้นเครงอยู่ เด็กรับใช้ของโรงประมูลก็ประคองกล่องใบหนึ่งขึ้นมา ครั้งนี้พิธีกรประมูลไม่ให้ผู้คนต้องมองผ่านกล่องเหมือนก่อนหน้านั้นอีก แต่เปิดฝากล่องออก แล้วนำของที่อยู่ในนั้นออกมา
หลังจากกู้ซีจิ่วได้เห็นรูปร่างของสิ่งนั้นอย่างชัดเจนก็ถึงกับตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง
ดอกไม้ที่ทำจากอัญมณี?
เป็นนาฬิกาข้อมือเหรอ?
ของสิ่งนั้นมีลักษณะคล้ายนาฬิกาข้อมือแบบพับที่ทำเป็นรูปดอกทานตะวัน สร้างโดยการนำอัญมณีแวววาวหลากหลายสีสันมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ส่องแสงเหลือบรุ้งพร่างพราย
ยามที่พิธีกรประมูลถือมันไว้ในมือ แสงสีรุ้งนั้นก็สะท้อนอยู่รอบกายของพิธีกรประมูล ประดุจมีรัศมีโอบล้อมอยู่ โดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง!
กู้ซีจิ่วเองก็เคยเห็นเพชรพลอยมาไม่น้อย แต่ที่ทำให้ตาพร่าได้ถึงขนาดนี้เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ต่อให้เป็นเพชรน้ำหนึ่งก็ยังไม่เปล่งประกายถึงเพียงนี้
เธอยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
จู่ๆ หัวใจก็สั่นไหวขึ้นมา อัญมณีเหล่านี้เหมือนไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ดูคล้ายเป็นของเทียมที่คนสังเคราะห์ขึ้น
แต่ว่าในยุคนี้มีอัญมณีปลอมด้วยหรือ?
พูดอีกอย่างก็คือ การสร้างสรรค์เช่นนี้ดูไม่คล้ายจะมีในยุคนี้...
พิธีกรประมูลที่อยู่ด้านล่างชูของสิ่งนั้นขึ้นสูงๆ “เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็มีสิ่งนี้เพิ่มเข้ามาในคลังสินค้าของโรงประมูลเรา แต่ไม่มีใครทราบเลยว่าที่แท้แล้วมันทำมาจากวัสดุใด แขกผู้มีเกียรติทุกท่านพอจะมีใครทราบบ้างหรือไม่?”
สายตาทั้งหมดที่จับจ้องไปยังของสิ่งนั้นล้วนเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครทราบ ต่างพากันส่ายหน้าทั้งสิ้น
-------------------------------------------------------------------------------------
[1] คุนเผิง เป็นสัตว์ในตำนานตามความเชื่อของจีน แรกเกิดมาเป็นปลายักษ์ ร่างกายใหญ่โต มีนามว่าคุน แต่เมื่อมีอายุครบหมื่นปีจะกลายร่างเป็นนกนามว่าเผิง
พูดคุยเกี่ยวกับนิยาย #ลำนำบุปผาพิษ
ได้ใน FB Group : หอน้ำชาเสี่ยวเปย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ