ลำนำบุปผาพิษ
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.
30 ตอน
0 วิจารณ์
28.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) บทที่ 27-28
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 27 เพียงแต่คุณหนูกู้ผู้นี้คงต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเสียแล้ว...
องค์ชายหรงเช่อถอนสายตากลับมา แล้วมองไปที่องค์ชายหรงเหยียนบ้าง เขาโบกจดหมายเล็กน้อย พลางถอนหายใจออกมา “สิ่งนี้เป็นเผือกร้อนลวกมือโดยแท้ น้องสิบสอง เจ้าเชื่อในคำตัดสินของข้าหรือไม่?”
องค์ชายหรงเหยียนฝืนยิ้มออกมา “สายตาของพี่แปดข้าย่อมเชื่อถืออย่างแน่นอน แต่ก็เกรงว่าคนร้ายที่ปลอมแปลงลายมือนั้นจะปลอมแปลงได้คล้ายคลึงอย่างยิ่ง หากว่าพี่แปดมองพลาดไปเช่นนั้นข้าก็คงได้แต่ยอมรับความไม่เป็นธรรมนี้เสีย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยเขียนจดหมายเช่นนี้...”
องค์ชายหรงเช่อสะบัดพัดจีบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ที่แท้แล้วน้องสิบสองก็ไม่เชื่อใจข้า อืม เพื่อค้นหาความจริง งั้นก็ส่งจดหมายฉบับนี้ให้อัครเสนาบดีซ้ายตรวจดูเถิด หากเป็นอัครเสนาบดีซ้ายเจ้าคงเชื่อถือได้แล้วกระมัง?”
ว่าพลางทำท่าจะเก็บจดหมายฉบับนั้นใส่แขนเสื้อ...
องค์ชายหรงเช่อใบหน้าถอดสี
อัครเสนาบดีซ้ายแห่งอาณาจักรเฟยซิงมีชื่อเสียงในเรื่องของความเที่ยงธรรมยิ่งนัก ทั้งยังแตกฉานในด้านการคัดอักษรเขียนพู่กันอย่างที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน หากจดหมายฉบับนี้ตกไปอยู่ในมือของเขาแล้วละก็ ย่อมแยกแยะออกว่าจริงหรือปลอม! เมื่อถึงยามนั้นเรื่องที่เขาวางแผนเพื่อให้ร้ายกู้ซีจิ่วเกรงว่าคงถูกผู้คนรับรู้กันอย่างถ้วนหน้า หากว่าถูกศาลต้าหลี่[1]ไต่สวนหาเงื่อนงำ เกรงว่าความสัมพันธ์ของเขากับกู้เทียนฉิงจะต้องถูกเปิดโปงทันที การถูกเปิดโปงนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่ แต่การที่เขาใช้วิธีการชั่วช้าเช่นนี้เพื่อให้ร้ายคู่หมั้นจะต้องถูกผู้คนใต้หล้าเหยียดหยามเป็นแน่...
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นอกจากบรรดาสตรีสกุลกู้ที่มาชมเรื่องครื้นเครงเหล่านั้นแล้ว ใครบ้างล่ะที่ไม่ใช่ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการราชการมานาน? เพียงแค่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้มาปะติดปะต่อรวมกับท่าทีขององค์ชายหรงเหยียน ทุกคนก็คาดเดาเรื่องราวเกือบทั้งหมดได้แล้ว
ใต้เท้าฮู่เองก็เป็นขุนนางใจซื่อมือสะอาด มองไปที่องค์ชายหรงเหยียน ในใจก็รู้สึกเหยียดหยามเขาอยู่บ้าง องค์ชายสิบสองผู้นี้ เพียงเพื่อจะถอนหมั้นแล้วแผนการเลวทรามใดก็ล้วนกล้าใช้ออกมา...
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้จะถูกเผยออกมาแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของราชวงศ์อยู่ดี ถ้าเปิดโปงขึ้นมาจริงๆ ราชวงศ์คงต้องอับอายขายขี้หน้าจนไม่เหลือชิ้นดี!
จวนแม่ทัพขายหน้าได้ แต่ราชวงศ์จะขายหน้าไม่ได้...
จดหมายฉบับนี้จะให้ตกไปอยู่ในมือของอัครเสนาบดีซ้ายไม่ได้!
เพียงแต่คุณหนูกู้ผู้นี้คงต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเสียแล้ว...
เขาจึงเบี่ยงเบนประเด็นเสีย “เรื่องนี้เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้หรอก องค์ชายสิบสองก็ไปมาหาสู่จวนแม่ทัพอยู่เสมอ อยากพบคุณหนูกู้ยามไหนก็ได้มิใช่หรือ? ไม่เห็นต้องไปถึงภูเขาหนิงอู่หรอก สถานที่แห่งนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่สถานที่ที่หญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะสามารถไปถึงได้ ต้องมีคนชั่วช้าสารเลวจงใจปลอมแปลงเนื้อหาเพื่อสร้างปัญหาเป็นแน่... จดหมายฉบับนี้ย่อมเป็นของปลอมแน่นอน จริงสิ คุณหนูกู้ ท่านได้ไปภูเขาหนิงอู่ตามที่นัดหมายไว้หรือไม่?”
ดวงตาทั้งคู่ของกู้ซีจิ่วใสซื่อบริสุทธิ์จนยากจะหาสิ่งใดมาเทียบ “ซีจิ่วรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง อีกอย่างซีจิ่วเป็นสตรีจะไปพบกับบุรุษตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน? ย่อมต้องไม่ไปอยู่แล้ว ดังนั้นซีจิ่วจึงเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้เพื่อถามไถ่องค์ชายสิบสองว่าที่แท้เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่” ในยามที่กล่าวประโยคสุดท้ายนั้น สายตาก็จับจ้องไปที่องค์ชายหรงเหยียน มีประกายเยาะหยันวาบผ่านในดวงตา
องค์ชายหรงเหยียนนั้นให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับผิดเด็ดขาด “จดหมายฉบับนั้นข้าไม่ได้เป็นผู้เขียน คงไม่สามารถให้คำตอบแก่เจ้าได้...”
ในขณะที่เขากำลังหาวิธีนำจดหมายฉบับนั้นมาแล้วหาเหตุทำลายมันทิ้งเสีย จู่ๆ กู้เซี่ยเทียนก็ก้าวไปด้านหน้า เอื้อมมือออกไปคว้าเอาจดหมายฉบับนั้นจากมือองค์ชายหรงเช่ออย่างกะทันหัน “ให้ข้าดูหน่อยสิ...”
หลังจากคลี่จดหมายออกก็กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวขึ้นมาทันที “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบจดหมายฉบับนี้แล้ว มันเป็นของปลอม! มีคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายองค์ชายสิบสอง...” เขาขยำมือทันที จดหมายที่อยู่ในมือเขาก็พลันแหลกสลายเป็นธุลี...
“เอาเถอะ โชคดีที่ซีจิ่วไม่ได้ตกหลุมพรางนี้ นับว่าเป็นเคราะห์ดีในเคราะห์ร้าย เรื่องนี้ก็ให้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้เถอะ”
ใต้เท้าฮู่และองค์ชายหรงเหยียนล้วนลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่ารักษาชื่อเสียงของราชวงศ์เอาไว้ได้แล้ว...
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 28 เขายังมีโอกาสวางแผนอีก
กู้ซีจิ่วเหลือบมองกู้เซี่ยเทียนแวบหนึ่ง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าบิดาแท้ๆ ของร่างนี้จะเป็นผู้ลงมือทำลายจดหมายเสียเอง!
เห็นทีกู้เซี่ยเทียนผู้นี้จะยินยอมให้บุตรสาวถูกเข้าใจผิด และไม่กล้าจะทวงความยุติธรรมจากราชวงศ์ให้แก่บุตรสาว...
มีบิดาเช่นนี้ ช่างทำให้รู้สึกผิดหวังเสียจริง
สายตาของเธอเย็นชายิ่งขึ้นไปอีก ทำให้กู้เซี่ยเทียนที่ถูกมองรู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจ เขาทราบดีว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นธรรมกับบุตรสาว จึงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เลยคิดหาวิธีเพื่อชดเชยให้ “จริงสิ องค์ชายสิบสองพะย่ะค่ะ เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าซีจิ่วไร้มลทิน เช่นนั้นเรื่องการหมั้นหมาย?”
องค์ชายหรงเหยียนในยามนี้ไหนเลยจะกล้ากล่าวเป็นอื่นได้ ได้แต่ตอบไปว่า “การหมั้นหมายย่อมเป็นไปตามเดิม หลังจากที่ข้ากลับวังไปแล้วจะกราบทูลต่อเสด็จพ่อ หารือเกี่ยวกับฤกษ์สมรส เพื่อมาสู่ขอน้องซีจิ่ว”
เขาทราบดีว่าเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เขาต้องแสดงท่าทียินดีถึงจะสามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไปได้...
ส่วนกู้ซีจิ่ว อย่างไรเสียนางก็ยังเด็กอยู่ หลังจากอายุครบสิบห้าปีถึงจะแต่งงานได้ ยังเหลือเวลาอีกสองปี เขายังมีโอกาสวางแผนอีก
ในกรณีเลวร้ายที่สุด ต่อให้เขาต้องแต่งกับตัวอัปลักษณ์นี่จริงๆ ก็ค่อยหาทางกำจัดนางทิ้งในภายหลัง...
ทว่ากู้เทียนฉิงกลับรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง นางได้มอบกายให้องค์ชายหรงเหยียนไปแล้ว หากองค์ชายหรงเหยียนต้องแต่งกับกู้ซีจิ่วจริงๆ แล้วนางล่ะจะให้อยู่ในฐานะอะไร? อนุหรือ?! จะเป็นไปได้อย่างไร?!
สายตาของนางจ้องมองไปที่องค์ชายหรงเหยียนอย่างอดไม่อยู่ องค์ชายหรงเหยียนกลับส่งสายตาเพื่อบอกให้นางอย่าวู่วาม เขาจะลองหาวิธีอื่นดู...
ทั้งสองคนสื่อสารกันผ่านสายตา โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ
กู้ซีจิ่วลอบยิ้มหยัน ผลลัพธ์ในครั้งนี้เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ แม้แต่การดีดลูกคิดรางแก้วขององค์ชายหรงเหยียนเธอก็สามารถเดาได้เกือบทั้งหมด
เธอรังเกียจผู้ชายเฮงซวยอย่างองค์ชายหรงเหยียนยิ่ง จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างไม่ลังเลใจ
แต่คงไม่ใช้วิธีการเดียวกันกับหญิงร้ายชายเลวคู่นี้! เธอย่อมมีวิธีการของเธอเอง...
‘คนพวกนี้คิดว่าจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้โดยไม่มีใครรู้ใครเห็นสินะ เกรงว่าจะไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก หึๆ’
เหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้ผู้คนสามารถเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ ให้ลึกซึ้ง กู้เซี่ยเทียนกำลังคิดจะเชื้อเชิญทุกคนไปที่สวนดอกไม้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ จู่ๆ ทหารยามรักษาการณ์ด้านนอกจวนก็วิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามา แล้วรายงานคดีใหญ่สะเทือนขวัญแก่ใต้เท้าฮู่ว่า... เล่อฮวาโหวผู้โด่งดังถูกคนลอบสังหารจนสิ้นชีพในคฤหาสน์ที่ภูเขาหนิงอู่!
หรงเฟิงอี้บิดาของเล่อฮวาโหวเศร้าโศกเสียใจยิ่งนักจึงเข้าวังมาร้องห่มร้องไห้กราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิพิโรธเป็นอย่างยิ่ง ทรงมีบัญชาให้สามกรม อันมีกรมอาญา ศาลต้าหลี่ และกรมวังตรวจสอบคดีนี้อย่างละเอียด...
ทุกคนที่อยู่ในเรือนเมื่อได้ยินข่าวนี้ต่างหน้าถอดสี ใต้เท้าฮู่เหลือบมององค์ชายหรงเหยียนแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ด้วยสีหน้าแข็งทื่อปานเหล็ก
เรื่องที่ปองร้ายบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เขาสามารถช่วยองค์ชายปิดบังไว้ได้ แต่คดีของเล่อฮวาโหวที่เกิดขึ้นนี้ เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
เขาไม่พูดอะไรสักคำก็หันหลังเดินจากไป
องค์ชายหรงเหยียนย่อมเข้าใจว่าใต้เท้าฮู่ผู้นั้นกำลังสงสัยอะไร เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่นิ่งอึ้งตะลึงงัน
องค์ชายหรงเช่อใช้พัดจีบตบบ่าเขาเบาๆ ถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยกับเขาประโยคหนึ่ง “น้องสิบสอง หนนี้เจ้าเล่นแรงเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่ข้านะ!” องค์ชายหรงเหยียนแย้งออกมาอย่างอดไม่ได้ ทว่าองค์ชายหรงเช่อหันหลังเดินจากไปแล้ว จึงเหลือเพียงเสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในเรือนที่ว่างเปล่า
......
คดีของเล่อฮวาโหวที่เกิดขึ้น สะเทือนขวัญทั้งขุนนางและราษฎร
ทั้งกรมอาญา ศาลต้าหลี่ กรมวังต่างพากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการสืบคดี ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ประชาชนต่างลอบปรบมือยินดี
สองวันต่อมา
ณ จวนพระอนุชาขององค์จักรพรรดิ
ความมืดมิดเข้าปกคลุม ราตรีกาลได้มาเยือนแล้ว
หลูอ๋องหรงเฟิงอี้ผู้เต็มไปด้วยความโศกาอาลัย กำลังอยู่ในห้องหนังสือพลางครุ่นคิดว่าที่แท้แล้วใครคือฆาตกรที่สังหารบุตรชายตน พลันมีลมสายหนึ่งพุ่งเข้ามา กระแทกกับเสาห้องหนังสือจนเกิดเสียงดังปึก ทำให้เขาตกใจ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกริชเล่มหนึ่งปักอยู่บนเสา ภายใต้กริชมีจดหมายฉบับหนึ่งอยู่
-------------------------------------------------------------------------------------
[1] ศาลต้าหลี่ เป็นศาลอาญาในสมัยโบราณ ใช้ตัดสินโทษหรือคดีของเชื้อพระวงศ์และขุนนางโดยเฉพาะ มีเจ้ากรมอาญาเป็นผู้พิพากษา
องค์ชายหรงเช่อถอนสายตากลับมา แล้วมองไปที่องค์ชายหรงเหยียนบ้าง เขาโบกจดหมายเล็กน้อย พลางถอนหายใจออกมา “สิ่งนี้เป็นเผือกร้อนลวกมือโดยแท้ น้องสิบสอง เจ้าเชื่อในคำตัดสินของข้าหรือไม่?”
องค์ชายหรงเหยียนฝืนยิ้มออกมา “สายตาของพี่แปดข้าย่อมเชื่อถืออย่างแน่นอน แต่ก็เกรงว่าคนร้ายที่ปลอมแปลงลายมือนั้นจะปลอมแปลงได้คล้ายคลึงอย่างยิ่ง หากว่าพี่แปดมองพลาดไปเช่นนั้นข้าก็คงได้แต่ยอมรับความไม่เป็นธรรมนี้เสีย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยเขียนจดหมายเช่นนี้...”
องค์ชายหรงเช่อสะบัดพัดจีบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ที่แท้แล้วน้องสิบสองก็ไม่เชื่อใจข้า อืม เพื่อค้นหาความจริง งั้นก็ส่งจดหมายฉบับนี้ให้อัครเสนาบดีซ้ายตรวจดูเถิด หากเป็นอัครเสนาบดีซ้ายเจ้าคงเชื่อถือได้แล้วกระมัง?”
ว่าพลางทำท่าจะเก็บจดหมายฉบับนั้นใส่แขนเสื้อ...
องค์ชายหรงเช่อใบหน้าถอดสี
อัครเสนาบดีซ้ายแห่งอาณาจักรเฟยซิงมีชื่อเสียงในเรื่องของความเที่ยงธรรมยิ่งนัก ทั้งยังแตกฉานในด้านการคัดอักษรเขียนพู่กันอย่างที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน หากจดหมายฉบับนี้ตกไปอยู่ในมือของเขาแล้วละก็ ย่อมแยกแยะออกว่าจริงหรือปลอม! เมื่อถึงยามนั้นเรื่องที่เขาวางแผนเพื่อให้ร้ายกู้ซีจิ่วเกรงว่าคงถูกผู้คนรับรู้กันอย่างถ้วนหน้า หากว่าถูกศาลต้าหลี่[1]ไต่สวนหาเงื่อนงำ เกรงว่าความสัมพันธ์ของเขากับกู้เทียนฉิงจะต้องถูกเปิดโปงทันที การถูกเปิดโปงนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่ แต่การที่เขาใช้วิธีการชั่วช้าเช่นนี้เพื่อให้ร้ายคู่หมั้นจะต้องถูกผู้คนใต้หล้าเหยียดหยามเป็นแน่...
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นอกจากบรรดาสตรีสกุลกู้ที่มาชมเรื่องครื้นเครงเหล่านั้นแล้ว ใครบ้างล่ะที่ไม่ใช่ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการราชการมานาน? เพียงแค่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้มาปะติดปะต่อรวมกับท่าทีขององค์ชายหรงเหยียน ทุกคนก็คาดเดาเรื่องราวเกือบทั้งหมดได้แล้ว
ใต้เท้าฮู่เองก็เป็นขุนนางใจซื่อมือสะอาด มองไปที่องค์ชายหรงเหยียน ในใจก็รู้สึกเหยียดหยามเขาอยู่บ้าง องค์ชายสิบสองผู้นี้ เพียงเพื่อจะถอนหมั้นแล้วแผนการเลวทรามใดก็ล้วนกล้าใช้ออกมา...
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้จะถูกเผยออกมาแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของราชวงศ์อยู่ดี ถ้าเปิดโปงขึ้นมาจริงๆ ราชวงศ์คงต้องอับอายขายขี้หน้าจนไม่เหลือชิ้นดี!
จวนแม่ทัพขายหน้าได้ แต่ราชวงศ์จะขายหน้าไม่ได้...
จดหมายฉบับนี้จะให้ตกไปอยู่ในมือของอัครเสนาบดีซ้ายไม่ได้!
เพียงแต่คุณหนูกู้ผู้นี้คงต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเสียแล้ว...
เขาจึงเบี่ยงเบนประเด็นเสีย “เรื่องนี้เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้หรอก องค์ชายสิบสองก็ไปมาหาสู่จวนแม่ทัพอยู่เสมอ อยากพบคุณหนูกู้ยามไหนก็ได้มิใช่หรือ? ไม่เห็นต้องไปถึงภูเขาหนิงอู่หรอก สถานที่แห่งนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่สถานที่ที่หญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะสามารถไปถึงได้ ต้องมีคนชั่วช้าสารเลวจงใจปลอมแปลงเนื้อหาเพื่อสร้างปัญหาเป็นแน่... จดหมายฉบับนี้ย่อมเป็นของปลอมแน่นอน จริงสิ คุณหนูกู้ ท่านได้ไปภูเขาหนิงอู่ตามที่นัดหมายไว้หรือไม่?”
ดวงตาทั้งคู่ของกู้ซีจิ่วใสซื่อบริสุทธิ์จนยากจะหาสิ่งใดมาเทียบ “ซีจิ่วรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง อีกอย่างซีจิ่วเป็นสตรีจะไปพบกับบุรุษตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน? ย่อมต้องไม่ไปอยู่แล้ว ดังนั้นซีจิ่วจึงเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้เพื่อถามไถ่องค์ชายสิบสองว่าที่แท้เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่” ในยามที่กล่าวประโยคสุดท้ายนั้น สายตาก็จับจ้องไปที่องค์ชายหรงเหยียน มีประกายเยาะหยันวาบผ่านในดวงตา
องค์ชายหรงเหยียนนั้นให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับผิดเด็ดขาด “จดหมายฉบับนั้นข้าไม่ได้เป็นผู้เขียน คงไม่สามารถให้คำตอบแก่เจ้าได้...”
ในขณะที่เขากำลังหาวิธีนำจดหมายฉบับนั้นมาแล้วหาเหตุทำลายมันทิ้งเสีย จู่ๆ กู้เซี่ยเทียนก็ก้าวไปด้านหน้า เอื้อมมือออกไปคว้าเอาจดหมายฉบับนั้นจากมือองค์ชายหรงเช่ออย่างกะทันหัน “ให้ข้าดูหน่อยสิ...”
หลังจากคลี่จดหมายออกก็กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวขึ้นมาทันที “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบจดหมายฉบับนี้แล้ว มันเป็นของปลอม! มีคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายองค์ชายสิบสอง...” เขาขยำมือทันที จดหมายที่อยู่ในมือเขาก็พลันแหลกสลายเป็นธุลี...
“เอาเถอะ โชคดีที่ซีจิ่วไม่ได้ตกหลุมพรางนี้ นับว่าเป็นเคราะห์ดีในเคราะห์ร้าย เรื่องนี้ก็ให้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้เถอะ”
ใต้เท้าฮู่และองค์ชายหรงเหยียนล้วนลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่ารักษาชื่อเสียงของราชวงศ์เอาไว้ได้แล้ว...
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 28 เขายังมีโอกาสวางแผนอีก
กู้ซีจิ่วเหลือบมองกู้เซี่ยเทียนแวบหนึ่ง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าบิดาแท้ๆ ของร่างนี้จะเป็นผู้ลงมือทำลายจดหมายเสียเอง!
เห็นทีกู้เซี่ยเทียนผู้นี้จะยินยอมให้บุตรสาวถูกเข้าใจผิด และไม่กล้าจะทวงความยุติธรรมจากราชวงศ์ให้แก่บุตรสาว...
มีบิดาเช่นนี้ ช่างทำให้รู้สึกผิดหวังเสียจริง
สายตาของเธอเย็นชายิ่งขึ้นไปอีก ทำให้กู้เซี่ยเทียนที่ถูกมองรู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจ เขาทราบดีว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นธรรมกับบุตรสาว จึงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เลยคิดหาวิธีเพื่อชดเชยให้ “จริงสิ องค์ชายสิบสองพะย่ะค่ะ เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าซีจิ่วไร้มลทิน เช่นนั้นเรื่องการหมั้นหมาย?”
องค์ชายหรงเหยียนในยามนี้ไหนเลยจะกล้ากล่าวเป็นอื่นได้ ได้แต่ตอบไปว่า “การหมั้นหมายย่อมเป็นไปตามเดิม หลังจากที่ข้ากลับวังไปแล้วจะกราบทูลต่อเสด็จพ่อ หารือเกี่ยวกับฤกษ์สมรส เพื่อมาสู่ขอน้องซีจิ่ว”
เขาทราบดีว่าเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เขาต้องแสดงท่าทียินดีถึงจะสามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไปได้...
ส่วนกู้ซีจิ่ว อย่างไรเสียนางก็ยังเด็กอยู่ หลังจากอายุครบสิบห้าปีถึงจะแต่งงานได้ ยังเหลือเวลาอีกสองปี เขายังมีโอกาสวางแผนอีก
ในกรณีเลวร้ายที่สุด ต่อให้เขาต้องแต่งกับตัวอัปลักษณ์นี่จริงๆ ก็ค่อยหาทางกำจัดนางทิ้งในภายหลัง...
ทว่ากู้เทียนฉิงกลับรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง นางได้มอบกายให้องค์ชายหรงเหยียนไปแล้ว หากองค์ชายหรงเหยียนต้องแต่งกับกู้ซีจิ่วจริงๆ แล้วนางล่ะจะให้อยู่ในฐานะอะไร? อนุหรือ?! จะเป็นไปได้อย่างไร?!
สายตาของนางจ้องมองไปที่องค์ชายหรงเหยียนอย่างอดไม่อยู่ องค์ชายหรงเหยียนกลับส่งสายตาเพื่อบอกให้นางอย่าวู่วาม เขาจะลองหาวิธีอื่นดู...
ทั้งสองคนสื่อสารกันผ่านสายตา โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ
กู้ซีจิ่วลอบยิ้มหยัน ผลลัพธ์ในครั้งนี้เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ แม้แต่การดีดลูกคิดรางแก้วขององค์ชายหรงเหยียนเธอก็สามารถเดาได้เกือบทั้งหมด
เธอรังเกียจผู้ชายเฮงซวยอย่างองค์ชายหรงเหยียนยิ่ง จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างไม่ลังเลใจ
แต่คงไม่ใช้วิธีการเดียวกันกับหญิงร้ายชายเลวคู่นี้! เธอย่อมมีวิธีการของเธอเอง...
‘คนพวกนี้คิดว่าจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้โดยไม่มีใครรู้ใครเห็นสินะ เกรงว่าจะไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก หึๆ’
เหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้ผู้คนสามารถเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ ให้ลึกซึ้ง กู้เซี่ยเทียนกำลังคิดจะเชื้อเชิญทุกคนไปที่สวนดอกไม้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ จู่ๆ ทหารยามรักษาการณ์ด้านนอกจวนก็วิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามา แล้วรายงานคดีใหญ่สะเทือนขวัญแก่ใต้เท้าฮู่ว่า... เล่อฮวาโหวผู้โด่งดังถูกคนลอบสังหารจนสิ้นชีพในคฤหาสน์ที่ภูเขาหนิงอู่!
หรงเฟิงอี้บิดาของเล่อฮวาโหวเศร้าโศกเสียใจยิ่งนักจึงเข้าวังมาร้องห่มร้องไห้กราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิพิโรธเป็นอย่างยิ่ง ทรงมีบัญชาให้สามกรม อันมีกรมอาญา ศาลต้าหลี่ และกรมวังตรวจสอบคดีนี้อย่างละเอียด...
ทุกคนที่อยู่ในเรือนเมื่อได้ยินข่าวนี้ต่างหน้าถอดสี ใต้เท้าฮู่เหลือบมององค์ชายหรงเหยียนแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ด้วยสีหน้าแข็งทื่อปานเหล็ก
เรื่องที่ปองร้ายบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เขาสามารถช่วยองค์ชายปิดบังไว้ได้ แต่คดีของเล่อฮวาโหวที่เกิดขึ้นนี้ เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
เขาไม่พูดอะไรสักคำก็หันหลังเดินจากไป
องค์ชายหรงเหยียนย่อมเข้าใจว่าใต้เท้าฮู่ผู้นั้นกำลังสงสัยอะไร เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่นิ่งอึ้งตะลึงงัน
องค์ชายหรงเช่อใช้พัดจีบตบบ่าเขาเบาๆ ถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยกับเขาประโยคหนึ่ง “น้องสิบสอง หนนี้เจ้าเล่นแรงเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่ข้านะ!” องค์ชายหรงเหยียนแย้งออกมาอย่างอดไม่ได้ ทว่าองค์ชายหรงเช่อหันหลังเดินจากไปแล้ว จึงเหลือเพียงเสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในเรือนที่ว่างเปล่า
......
คดีของเล่อฮวาโหวที่เกิดขึ้น สะเทือนขวัญทั้งขุนนางและราษฎร
ทั้งกรมอาญา ศาลต้าหลี่ กรมวังต่างพากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการสืบคดี ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ประชาชนต่างลอบปรบมือยินดี
สองวันต่อมา
ณ จวนพระอนุชาขององค์จักรพรรดิ
ความมืดมิดเข้าปกคลุม ราตรีกาลได้มาเยือนแล้ว
หลูอ๋องหรงเฟิงอี้ผู้เต็มไปด้วยความโศกาอาลัย กำลังอยู่ในห้องหนังสือพลางครุ่นคิดว่าที่แท้แล้วใครคือฆาตกรที่สังหารบุตรชายตน พลันมีลมสายหนึ่งพุ่งเข้ามา กระแทกกับเสาห้องหนังสือจนเกิดเสียงดังปึก ทำให้เขาตกใจ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกริชเล่มหนึ่งปักอยู่บนเสา ภายใต้กริชมีจดหมายฉบับหนึ่งอยู่
-------------------------------------------------------------------------------------
[1] ศาลต้าหลี่ เป็นศาลอาญาในสมัยโบราณ ใช้ตัดสินโทษหรือคดีของเชื้อพระวงศ์และขุนนางโดยเฉพาะ มีเจ้ากรมอาญาเป็นผู้พิพากษา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ