นักรบพันธุ์โหด ตอน ณัชฐานันท์
22) ตอนที่ 22 บุกรังอันเดธ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวลา 21.00 น.
แท็กเตรียมตัวโดยการสวมใส่ปลอกแขนเหล็กทั้งสอง หลังจากที่เขานั้นตัดสินใจเก็บตัวฝึกมาตลอด และในส่วนการอัปเกรดอาวุธประจำกายของเขานั้น แท็กให้นักประดิษฐ์คนหนึ่งในเมืองหลวงเป็นคนทำ เพราะอาจเสียเสลาหากจะให้บาลอนมาทำให้ แม้ว่าฝีมืออาจไม่เทียบเคียงแต่ก็เพียงพอจะ ออกล่าอันเดธตนแรกที่เขาเล็งเอาไว้แล้วโดย ตนที่จัดการง่ายที่สุดคือ เริงฤทธิ์ ตามที่เขาได้สัญญากับมธุกรก่อนจะเริ่มงานวันนี้ ว่าหากได้เจอพ่อเมื่อไหร่ก็ตามลงมือจัดการได้เลย ไม่ต้องลังเลเพราะแม้ว่าชายคนนี้จะทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ แต่สำหรับมธุกรยังไงนั้นก็พ่อเธอคงไม่อยากให้พ่อ ต้องกลายเป็นอันเดธแบบนั้นแน่นอน
"แท็ก แกอยากล่าอันเดธตนนี้เองพี่ไม่เคยว่านะ แต่....ช่วยบอกให้พี่เข้าใจได้ไหมว่า แกใช้สมองซีกข้างไหนตัดสินใจพาหมอนี้มาด้วย"
เจอคำถามเชิงจิกกัดปนไม่พอใจของหยางเสี่ยวฟงเข้าไป ทำเอาแท็กแทบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพร้อมกับหันไปมอง อัยการอัศนัยที่กำลังนั่งเช็ดปืนลูกซองแฝดซ้อนกระบอกหนึ่ง ที่แท็กก็ไม่รู้ว่าหนุ่มอัยการคนนี้ไปเอามาจากไหน แต่สาเหตุที่เขาต้องพามามันเพราะว่าอัยการอัศนัยกึ่งขอร้องกึ่งบังคับ ให้เขาออกล่าอันเดธด้วยโดยเหตุผลคงไม่ต้องอธิบาย คงเพราะอยากแก้แค้นให้กับสาน้องสาวของเขาเอง โดยหลังจากที่แท็กนั้นเจออัยการอัศนัยดักเจอนั้น
สิ่งที่แท็กโดนพาไปนั้นคือได้เจอกับสาที่รักษาตัวในโรงพยาบาล อีกแห่งหนึ่งที่ซึ่งสภาพของสานั้นไม่ต่างอะไรกับ คนที่ตายทั้งเป็นมันต่างกับตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกลิบลับ และมันยังไม่จบแค่นั้นพ่อแม่ของอัยการอัศนัย ที่ได้อ่านข้อความและรับรู้เรื่องราวแล้วก็พากันกล่าวโทษลูกชายคนโต โดยเฉพาะกับแม่ที่ดูน่าจะรักสามาก ทั้งสองท่านโทษที่อัยการอัศนัยนั้นทำเรื่องฟ้องคดีมธุสร สุดท้ายพวกคนเลวก็มาลงที่สาที่ไม่ได้รู้สีรู้สากับเรื่องนี้
ดังนั้นเรื่องที่ชายหนุ่มขอร้องแท็กก็คือพาเขาออกล่าอันเดธ เพื่อที่จะล้างแค้นให้กับน้องสาวเท่านั้นแถมยังปฎิเสธไม่ได้ เพราะโดนอีกฝ่ายขู่จะแฉสถานะของตนด้วย และแน่นอนว่าการที่เขาพาอัยการคนนี้มา ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกย่อมทำให้รุ่นพี่สองคนไม่พอใจแน่นอน
"ช่างมันเถอะพี่มีผู้ช่วยเพิ่มไม่เห็นเป็นไร อาจจะมีประโยชน์ก็ได้....อาจจะนะ" อภิชัยพูดในขณะที่เขากำลังปรับแต่งปืนกลสีทองของเขา แต่คำพูดของอภิชัยก็ไม่วายจิกกัดอัยการหนุ่มเลย
"ฟังนะไอ้น้องการใช้ปืนเป็นกับการล่าอันเดธ มันต่างกันนะพวกเราไม่สนนรกแตกสารพัดเหตุผลของนาย ที่อยากล่าอันเดธแทนที่จะไปดูแลน้องสาวตัวเอง แต่ถ้ามาแล้วก็ช่างแม่งเถอะ...บอกไว้เลยว่าถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูด ศพนายจะอยู่ที่นี้ตกลงตามนี้นะ"
สถานที่ที่พวกแท็กมากันนั้นเป็นเหมือนกับ เป็นสถานรกร้างขนาดใหญ่มากตามข้อมูลที่แท็กนั้นได้มาจากอัยการอัศนัย ที่นี้เคยเป็นโรงงานด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เมื่อราวๆ 50 ปีก่อนแต่เพราะในยุคนั้นเกิดพิษสงครามทำให้ เศรษฐกิจร่วงหล่นจนสุดท้ายโรงงานนี้ก็ต้องปิดตัวลง รกร้างมานานขนาดนี้ย่อมเหมาะที่วิญญาณเร่ร่อนหรืออันเดธ ชอบมาสิงสู่อาศัยเพื่อให้รอดพ้นจากนักล่าอย่างพวกแท็ก
"อืม เหมาะสำหรับทำหนังระทึกขวัญนะเนี่ย" หยางเสี่ยวฟงพูดขำๆโดยไม่ดูสถานที่เลย
"ใช่เวลาเล่นไหมพี่" อภิชัยพูดพร้อมส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะคว้ากรวดดินพร้อมกับท่องร่ายมนคาถา แล้วโยนกรวดดินไปในอากาศฝุ่นของกรวดดินแปรสภาพ กลายเป็นรอยมนตราก่อนจะกระจายหายไป อัยการอัศนัยรู้สึกทึ่งพอสมควรไม่คิดว่าจะมีโอกาส ได้เห็นจอมเวทย์ร่ายมนระยะประชิดขนาดนี้
"มีอันเดธอยู่ที่นี้หนึ่งตนที่เป็นระดับสูง นอกนั้นก็ไม่ต้องบอกนะ" อภิชัยหันมาสรุปให้ฟัง
"หมายความว่าไง" อัยการอัศนัยทำหน้าสงสัย
"พี่เทพเขาหมายความว่าในโรงงานนั้นมีอันเดธระดับสูง 1 ตน ทีเหลือก็อาจจะเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะกลายเป็นอันเดธ หรืออันเดธระดับต่ำ" แท็กที่อยู่ข้างๆจำใจต้องมาอธิบายให้เข้าใจ ทั้งที่ความจริงไม่ต้องก็ได้ T_T
"แล้วอย่างไหนเยอะกว่ากันละ"
"ปนๆกันแต่ถ้าอยากรู้ก็ต้องเข้าไป" อภิชัยตอบแล้วก็ทำการเดินนำก่อนแล้วค่อยตามด้วยแท็กกับอัยการอัศนัย ซึ่งชายหนุ่มกลับต้องแปลกใจที่หยางเสี่ยวฟงนั้นไม่ตามมาด้วย
อภิชัย แท็ก และอัยการอัศนัยนั้นเดินมาถึงหน้าประตู ก็พบว่ามันล็อคเอาไว้ด้วยโซ่อีกชั้นซึ่งมันไม่ใช่อุปสรรค สำหรับแท็กและอภิชัยเพราะเขาเดินมาที่โซ่ พร้อมกับใช้แรงดึงมันขาดออกจากกัน เหมือนกับดึงดินน้ำมันยังไงยังนั้นซึ่งอัยการอัศนัยอึ้งหนักกว่าเดิม ในใจของอัยการหนุ่มได้แต่คิดว่า สองคนนี้เป็นใครกันแน่ซึ่งคงไม่มีเวลาหาคำตอบ เพราะทันทีที่ประตูเปิดออกแล้วอภิชัยกับแท็ก ก็พากันเดินเข้าไปแล้วซึ่งเขาก็ต้องเดินตามไป
เมื่อเข้ามาในเขตของโรงงานเท่ากับว่าทั้งสาม เข้ามาในเขตของอันเดธเรียบร้อยแล้วซึ่งพวกเขา ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหน่อยแท็กสำรวจมองตัวของโรงงาน มันขนาดใหญ่มากซึ่งเขาเดาได้ว่ามันคงจะมั่งคั่งไม่ใช่น้อย ในยุคสมัยที่โรงงานนี้ยังรุ่งเรืองอยู่แต่ตอนนี้มันวังเวงจนแทบเรียกได้ว่า มันไม่เหลือเค้าเดิมของโรงงานที่เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งในอดีตอีกแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะย่างเท้าเข้าไปในตัวโรงงาน ก็ปรากฏวิญญาณของชายร่างอ้วนขึ้น ผิวขาวซีดและดวงตาด้วยยกเว้นผมที่เป็นสีดำ
"ออกไปชะถ้ายังอยากรักษาชีวิตตัวเอง ก็ออกไปชะ" ชายคนนั้นกล่าวอย่างดุดัน แต่แท็กกับอภิชัยหาได้หวาดกลัวไม่ ทั้งสองแค่แปลกใจที่ยังมีวิญญาณที่ควบคุมสติตนเอง โดยไม่ปล่อยให้ตนเองกลายเป็นอันเดธซึ่งนับว่าหายากมาก แต่อภิชัยนั้นสังเกตเห็นมีรอยตำหนิที่คอของอีกฝ่าย เดาได้ว่าถ้าไม่ฆ่าตัวตายก็ถูกฆ่าตาย
"พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าอันเดธในนั้นจะจมใต้ฝ่าเท้าของพวกเรา" แท็กพูดใส่อย่างไม่พอใจที่มีตัวขวางงานของเขา แค่อัยการอัศนัยคนเดียวก็พอแล้ว แต่แล้วอัยการหนุ่มที่ว่าที่มองสำรวจวิญญาณตรงหน้าอยู่นาน ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก
"นึกออกแล้วคุณนั้นเอง" แท็กกับอภิชัยหันหน้ามามองอัยการอัศนัย
"ยิ่งกว่ารู้จักเขาชื่อว่า โบโล หว่อง เป็นทายาทของโรงงานที่นี้คนสุดท้ายที่พยายามจะ ฟื้นฟูกิจการของโรงงานแต่ไม่สำเร็จ...."
"แล้วฉันก็แขวนคอตายในห้องทำงานเพราะรู้สึกผิดต่อวงศ์ตระกูล ที่ไม่อาจรักษากิจการไว้ได้แล้วก็กลายเป็นผีเฝ้าที่" โบโลพูดตัดบทโดยที่อัยการหนุ่มยังพูดไม่จบ แต่อภิชัยไม่ได้สนใจไยดีเรื่องนั้นเขาเดินมาเผชิญหน้ากับโบโลตรงๆ ซึ่งฝ่ายของโบโลก็อึ้งที่พึ่งจะเคยเห็นคนกล้าขนาดนี้
"อืม ดูท่าทางนายก็น่าจะรักโรงงานนี้มากแล้วทำไมอันเดธถึงมาอยู่ที่นี้ ให้ห้องเช่ามันหรือไง" อภิชัยถามอย่างไม่เกรงใจ
"นายไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก ตอนแรกฉันก็ไม่ยอมให้พวกมันอยู่ที่นี้หรอก แต่เพราะหัวหน้าของมันแข็งแกร่งจนฉันต้องโดนไล่ออกมาแบบนี้ไง" โบโลตอบอย่างไม่พอใจ แม้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ตนเองกลายเป็นอันเดธ แต่ใช่ว่าจะมีพลังต่อกรกับอันเดธระดับสูง
"ใช่ นายพูดถูกฉันไม่ใช่นาย เดียวจะแสดงให้ถ้านายยอมถอยออกไป แล้วจะทวงโรงงานของนายคืนให้ว่าไง" อภิชัยยื่นข้อเสนอออกมา โบโลสำรวจมองแววตาและการพูดของอภิชัย มันบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้มาพูดเล่นๆ และหากชายหนุ่มตรงหน้าทำได้จริงมันก็อาจเป็นผลดีที่เขาจะได้โรงงานคืน
"ก็ได้ฉันจะหลีกทางให้ ทำให้ดูหน่อยละกัน" พูดจบร่างของโบโลก็หายไปทันที
เมื่อหมดปัญหาแล้วทั้งเดินหน้าเข้าไปในโรงงาน สภาพภายในมืดมากจนแทบมองไม่เห็นจนอัยการอัศนัย ตัดสินใจคว้าไฟฉายขึ้นมาเพื่อส่องมันไปทั่วซึ่งมันว่างเปล่า แต่อภิชัยนั้นยื่นไฟฉายอีกแบบให้กับอัยการหนุ่มแทน มันเป็นกระบอกขนาดกลางใหญ่นิดนึงและมีลวดลาย คล้ายอักขระมนตราเขาจึงเก็บไฟฉายธรรมดา แล้วเอาไฟฉายใหม่ติดที่ลำกล้องปืนแทน แล้วเมื่อทำการส่องใหม่อีกครั้งเขาแทบจะทรุดและขนลุกพร้อมกัน
ไฟฉายนี้มันส่องให้เขานั้นมองเห็นวิญญาณเร่ร่อนที่กำลัง จะกลายเป็นอันเดธหลายสิบตนจ้องมองพวกเขา อย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นักแต่อภิชัยแสดงท่าทีเฉยมาก เขาถูมือตัวเองพร้อมร่ายเวทย์ไปด้วย และมือของเขาก็บังเกิดไฟขึ้นแล้วก็โยนเข้าไปใน กลางโรงงานเหล่าวิญญาณเร่ร่อนพากันหลบซ่อนตัว ลูกไฟไม่ได้ดับหากแต่มันยังอยู่นิ่งไว้อย่างนั้น อภิชัยพาทั้งสองมาเดินหยุดที่ใกล้ๆกับดวงไฟนั้น
สักพักก็มีเงาของบุคคลคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางของเหล่าอันเดธระดับต่ำที่มีท่าที กล้าๆกลัวๆต่อเปลวไฟดวงนั้นอยู่หากแต่ยกเว้นนายของมัน และเมื่อเดินเข้ามาใกล้กับแสงมากขึ้นก็ยิ่งเห็นหน้าชัดเจน นั้นคือ เริงฤทธิ์ ในร่างของมนุษย์ซึ่งดวงตาของแท็กฉายแววโกรธแค้นในทันที จนเริงฤทธิ์เองก็สัมผัสได้ส่วนอภิชัยนั้นก็จับไหล่แท็ก เชิงห้ามปรามไม่ให้น้องตนเองนั้นบุ่มบ่ามเด็ดขาด
"กล้าเข้ามาในเขตของกูแบบนี้ ไม่รักชีวิตกันแล้วหรือไงไอ้พวกนี้" เริงฤทธิ์ตวาดลั่นทั่วโรงงาน
"พูดมาก รำคาญกูอยากกระทืบมึงชิบหาย" แท็กพูดก่อนที่ดวงตาจะกลายเป็นสีฟ้า เหล่าอันเดธชั้นต่ำทั้งท่าสู้ทันที
"ดี มาดูสิว่าจะแน่แค่ไหน.... ฆ่ามัน"
เมื่อสิ้นสุคคำสั่งของเริงฤทธิ์เหล่าอันเดธก็พากัน วิ่งกรู่เข้ามาหาโจมตีพวกแท็กในทันที
+++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ