นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1

8.0

เขียนโดย กนกพัชร

วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.

  53 ตอน
  0 วิจารณ์
  35.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 6 เจ้าเด็กขี้แย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ศูนย์ร่วมพลยุวชนทหาร เวลา 13.20 น.

อาชินกับอาถิงกำลังนั่งในแถวยุวชนทหารรุ่นเดียวกันในตึกกลางโถงใหญ่พอสมควร เด็กแต่ละคนมีอากัปกิริยาเหมือนกันคือเบื่อไม่มีอะไรทำเพราะครูฝึกปล่อยให้พวกเขานั่งคอยอะไรสักอย่าง อาชินเหลือบไปเห็นแดเนียล แรคคริฟที่อยู่อีกฝากแถวไปอีกกำลังพูดคุยกับยุวชนทหาร 2-3 นายอยู่สิ่งที่อยู่ในใจของอาชินคือเด็กชายผมบลอน์จางคนนี้รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อแม่เขา อาชินหวนนึกถึงสมัยที่อยู่กับฉี่ชุนกับหม่าญวนนั้นเขาจำได้ว่าทั้งสองท่านแทบไม่พูดถึงพ่อแม่เขาเลย ยังมีอะไรที่ท่านปิดบังเขางั้นเหรอแล้วถ้าเป็นแบบนั้นทำไมคนนอกแบบแดเนียลรู้ดีนัก

     "อย่าไปให้ราคาหมอนี้มากนักเลย ถ้าฉันเป็นนายนะ" เสียงเด็กผู้ชายข้างๆดังขึ้นดึงสติอาชินทันที เขาหันไปด้านซ้ายมือเป็นเด็กผู้ชายผมทองแดง ผิวขาว ตาสีน้ำตาลอมเขียว ท่าทางเป็นมิตรปนขี้เล่น

     "นายรู้จักหมอนั้นเหรอ" อาชินถาม

     "พ่อฉันทำงานที่เดียวกับพ่อเขา ครอบครัวเขาแย่จะตายพ่อฉันอารมณ์เสียทุกครั้งที่กลับมาบ้าน" เด็กชายคนนั้นตอบ อาชินหันไปมองแดเนียลทำท่าทางเหมือนกำลังโม้คุยอะไรสักอย่างก็ไม่แน่ใจ แต่มันทำให้ยุวชนทหารตรงแถวนั้นมองเขาเป็นตาเดียวซึ่งน่าจะเกี่ยวกับตัวของเขาแน่นอน มันทำให้เขาไม่ชอบใจมากๆเด็กชายที่อยู่ข้างๆเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของอาชินทันที

     "ขอโทษด้วยพอดีลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อ เฟเดอริก แคเบล หรือจะเรียกสั้นๆว่า เฟรม ก็ได้" เด็กชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาเพื่อแสดงความจริงใจ อาชินก็จับมือตอบอีกฝ่ายเช่นกัน

     "ฉันชื่อ หวงจือชิน เรียก อาชินก็ได้ ส่วนนี่ หวงอี้ถิง ญาติฉันเอง" อาชินยังไม่ลืมที่จะแนะนำอาถิงด้วยซึ่งอาถิงก็จับมือกับเฟรมเช่นกัน ไม่นานนักก็มีเหล่ายุวชนทหารที่น่าจะเป็นรุ่นพี่โผล่ออกมายืนล้อมวงพวกเขาเอาไว้ ด้วยความตาดีของอาชินเขาเห็นหวงฉางเฉินยืนอยู่ข้างหน้าโดยใบหน้าของอีกฝ่ายมีผ้าปิดตรงแก้มไว้น่าจะเป็นตรงที่เขาชกหน้าไปถัดไปอีก 5-6 คนก็คือหวงซื่อเจียงที่ยืนนิ่งมาก การมาของยุวชนทหารรุ่นพี่นั้นทำเอาพวกที่นั่งอยู่งงงวยกันหมด

     "อ่า ฉันถามนายสองคนได้ไหม... พวกนายมีพี่น้องไหม" เฟรมถามขึ้น

     "ฉันมีแต่ญาติ ไม่มีพี่ไม่มีน้อง" อาชินตอบ

     "ส่วนฉันมีพี่ชาย 6 คน ฉันเป็นคนสุดท้องเลย... แล้วนายละ" อาถิงถาม

     "พี่ชายสามคนกับพี่สาวสองคนอยู่อีกโซนหนึ่ง เป็นของเด็กโตนะโชคดีแล้วละที่ฉันไม่ต้องเห็นพวกเขา" เฟรมพูดขึ้น

     "ทำไมละ" อาชินถาม

     ยังไม่ทันได้คำถามเหล่าครูฝึกหลายสิบนายก็ทยอยเข้ามาอยู่ตรงกลางกันเพียบ จนยุวชนทหารที่รออยู่ตั้งตัวกันไม่ทันเพราะมากันทีมาเยอะมาก แต่ที่โดดเด่นจะเป็นทหารที่มีเครื่องประดับยศมากกว่าแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เครื่องแบบเป็นทางการ อาชินก็พอจะดูออกว่าต้องยศสูงแน่นอน เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ผมสีทองบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าเข้ม ท่าทางดุดันมากเขาเดินออกมานำข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับไมค์ไร้สายหนึ่งอัน ซึ่งก่อนที่จะกล่าวอะไรนั้นเขากวาดสายตามองเหล่ายุวชนทหารรุ่นเล็กที่จ้องมองเขาอยู่

     "สวัสดีฉันชื่อ พันเอกวิลเลียม อิฟเซนโก้ เป็นผู้บัญชาการศูนย์ฝึกยุวชนทหารแห่งนี้ ขอต้อนรับยุวชนทหารรุ่นใหม่ทุกคน" พันเอกวิลเลียมกล่าวแนะนำตนเอง น้ำเสียงที่ดุดันและทรงพลังของเขาทำให้ยุวชนทหารที่กำลังคุยอยู่ก็พากันเงียบกริบ ทุกการกระทำของเหล่าเด็กๆอยู่ในสายตาของพันเอกวิลเลียม ซึ่งเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเงียบลงแล้วเขาจึงทำการพูดต่อ

     "วันนี้จะไม่มีพิธีที่ยืดยาวอะไรมาก ฉันจะพูดถึงการฝึกฝนและการขัดเกลาพวกนายให้กลายเป็นสุดยอดทหาร ของฟรอนร์เทียร์รุ่นต่อไป การฝึกจะมีตั้งแต่ขั้นพื้นฐานขึ้นไปร่วมทั้งการปลุกศักยภาพในตัวพวกนายออกมา ให้ควบคู่กับสิ่งที่พวกนายเลือกสนใจที่จะฝึกกันด้วยซึ่งวิชาเพิ่มเติมเหล่านั้นจะกลายเป็นอาวุธคู่ใจของพวกนายไปจนตาย" สิ้นคำของพันเอกวิลเลียม ทำเอาอาชินรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้

     "ครูฝึกที่อยู่ข้างหลังฉันจะเป็นผู้ขัดเกลาพวกนายนับแต่วันนี้ พวกเขาจะมีทักษะวิชาต่อสู้หลายแขนงมากซึ่งหน้าที่ของพวกนายคือเลือกฝึกวิชาต่อสู้เหล่านั้นแต่... พวกนายต้องแน่ใจว่าวิชาต่อสู้นั้นมันเข้ากับพวกนายแต่ละคนได้ไหม ไม่ใช่เลือกเพราะตามเพื่อนไม่อย่างนั้นศักยภาพของพวกนายจะไม่เต็มที่ พวกนายยังสามารถเลือกฝึกได้สองวิชาควบคู่กันไปเพื่อประสิทธิภาพที่จะได้เป็นทหารชั้นยอดของกองทัพในอนาคต" พูดจบพันเอกวิลเลียมก็ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ

     เหล่าครูฝึกที่อยู่ข้างหลังพากันทยอยออกไปข้างนอกกัน โดยพากันออกทางประตูหลังอีกบานซึ่งมันน่าจะเชื่อมไปอีกห้องหนึ่งและเหล่ายุวชนทหารรุ่นพี่ก็พากันทยอยเดินตามครูฝึกไปทางประตูนั้นเช่นกัน เท่าที่สายตาของอาชินจะมองเห็นนั้นข้างในนั้นเหมือนจะกว้างพอๆกับจุดร่วมพลที่เขานั่งอยู่ และเด็กชายก็เห็นร้อยโทเกลนกำลังพูดคุยกับหวงเซียนผางซึ่งเป็นเครือญาติตระกูลเดียวกันก่อนจะเดินหายไปในห้องนั้น เมื่อพันเอกวิลเลียมเห็นว่าเหล่าครูฝึกและยุวชนทหารรุ่นพี่เข้าไปในกันแล้วก็ทำการพูดในไมค์ต่อ

     "เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาฉันจะให้พวกนายทุกคนไปที่ห้องนั้นตามครูฝึกไป เลือกวิชาต่อสู้แต่ละแขนงที่คิดว่าเหมาะสมกับตัวเอง... ขอให้สนุกกับการฝึกและเพิ่มศักยภาพของตัวเอง ไปทีละสามแถวนะไม่ต้องรีบ" พันเอกวิลเลียมพูดจบก็ทำสัญญามือให้กับทหารพี่เลี้ยงที่อยู่คุมแถวยุวชนทหารพากันสั่งลุกขึ้นยืน แล้วเดินต่อแถวไปที่ห้องนั้นแถวละสามแถวซึ่งแถวที่แดเนียลอยู่นั้นได้ไปก่อน สำหรับในส่วนของอาชินนั้นตอนที่ยังอยู่กับฉี่ชุนนั้นเขาพอมีทักษะวิชาต่อสู้อยู่เพราะฉี่ชุนได้ทำการฝึกสอนเขากับอาถิงไว้แล้ว เพื่อเตรียมการรับมือในค่ายยุวชนทหารแห่งนี้ มีครั้งหนึ่งที่ฉี่ชุนให้อาชิงประลองยุทธ์กับอาถิงซึ่งผลที่ออกมาคือทักษะกับพลังด้านจิตใจของอาชินนั้นเหนือกว่าอาถิงหลายเท่า

     "เอ้าพวกนายลุกขึ้นได้แล้ว เร็วๆ" ทหารพี่เลี้ยงสั่งแถวที่อาชิงกับอาถิงอยู่ให้ลุกขึ้นโดยแถวทั้งสองต้องเดินคู่กับแถวของเฟรมพอดี พวกเขาเดินตามแถวนั้นเข้าไปในห้องแล้วอาชินกลับพบว่ามันกว้างกว่าจุดร่วมพลที่เขาพึ่งออกมาเมื่อครู่ด้วยช้ำ และยังวุ่นวายเต็มไปด้วยเหล่ายุวชนทหารรุ่นเขาที่กำลังมุงดูซุ้มต่างๆที่จัดแสดงขึ้น โดยแต่ละซุ้มคือวิชาต่อสู้แต่ละแขนงต่างๆมีทั้งแบบมือเปล่าและอาวุธชนิดต่างๆจัดแสดงโชว์เพื่อให้ยุวชนทหารอย่างพวกเขาเลือก หน้าซุ้มมีป้ายเขียนกำกับวิชาต่อสู้นั้นๆด้วยแต่เขายังไม่เข้าไปซุ้มแรกยังเดินตามไปเรื่อยๆ โดยมีเฟรมกับอาถิงเดินตามมาติดๆ

     "นายสองคนจะเลือกวิชาไหน" เฟรมถามขึ้นโดยเขาเองก็มองตามซุ้มต่างๆอยู่

     "เยอะเกินอ่ะ เลือกไม่ถูกเลย" อาถิงพูดพร้อมเกาหัวสำหรับเขามันลายตาไปหมดเลย สักพักอยู่ดีๆก็มีคนวิ่งชนอาถิงเต็มๆจนเขาร่วงลงไปกับพื้นพร้อมๆกับคนที่ชนเขาด้วย อาชินกับเฟรมตกใจกับภาพที่เห็นจึงพากันช่วยพยุงอาถิงให้ลุกขึ้นยืน และไม่ลืมที่จะช่วยคนที่วิ่งชนอีกคน ลักษณะของเด็กชายคนนั้นมีสีผมสีดำ ดวงตาสีดำน้ำตาล ผิวขาวเหลือง หน้าตาดีพอสมควรซึ่งท่าทางบ่งบอกว่าตัวของเขาก็ตกใจไม่ใช่น้อยที่วิ่งชนคนอื่น

     "นายเป็นอะไรรึเปล่าฉันมั่วแต่สนใจซุ้มตรงนั้นเลยไม่ทันเห็นนาย" เด็กชายคนนั้นกล่าว ซึ่งเมื่อเทียบความสูงระหว่างกันอาชินจะไม่แปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายมองไม่เห็นญาติเขา เพราะสูงกว่าอาถิงมากและอาถิงลูบหัวเข่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่บาดเจ็บอะไรมาก

     "ฉันไม่เป็นไรว่าแต่นายไปซุ้มนั้นทำไม" อาถิงถามด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

     "เฮ้ยเสี่ยวจุนมั่วทำอะไรอยู่ เร็วๆหน่อย" ทั้งสี่หันไปตามเสียงเป็นเด็กผู้ชายอีกคนกำลังโบกมือเรียกอยู่

     "ขอโทษนะฉันต้องรีบไปแล้ว" เด็กชายคนนั้นตอบพร้อมรีบวิ่งไปหาคนที่เรียกเขา โดยทั้งสองไปยังซุ้มที่มีป้ายเขียนว่า "วูซู" ซึ่งซุ้มนั้นก็มียุวชนทหารเข้าไปต่อแถวเพื่อเลือกฝึกจำนวนไม่ใช่น้อยๆเลย แต่ที่อาชินสนใจไม่ใช่จำนวนคนที่จะฝึกแต่เป็นหวงเซียนผางยืนจดรายชื่อในคอมพิวเตอร์อยู่และข้างๆคือหวงซื่อเจียง ในความรู้สึกของเด็กชายไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกอยากไปฝึกวิชาที่ซุ้มนั้นโดยไม่คิดจะเหลียวแลซุ้มอื่นเลย อาถิงกับเฟรมเห็นอาชินมองที่ซุ้มนั้นแบบไม่วางตาจึงพากันสะกิดเขา ซึ่งมันทำให้เขานั้นได้สติ

     "นายมองอะไร" อาถิงถาม

     "ฉันเห็นเครือญาติของเราสองคนในซุ้มนั้น ฉันว่าไปซุ้มนั้นเถอะ" อาชินตอบพร้อมกับเดิน อาถิงกลับทำอะไรไม่ถูกจึงหันกลับไปหาเฟรม ที่ได้แต่ยักไหล่เท่านั้นเพราะซุ้มนั้นไม่ใช่ซุ้มที่ตัวของเขาอยากจะไปอยู่แล้ว

     "ไม่ต้องกังวลเพื่อนนายตามเขาไปเลย ฉันมีซุ้มที่อยู่ในใจแล้ว" เฟรมตอบ อาถิงพยักหน้าและจับมือกับเฟรมก่อนจะเดินตามอาชินไป

     อาชินกับอาถิงมาถึงที่ซุ้มซึ่งมียุวชนทหารกำลังต่อแถวลงรายชื่อเพื่อขอฝึกเพิ่มเติม ซึ่งเด็กชายสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะเป็นวิดีโอสาธิตการต่อสู้ด้วยวูซูซึ่งมีทั้งเด็กโต วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่กำลังใช้วิชาวูซูต่อสู้ โดยมีทั้งแบบร่ายรำ ใช้นวมเปิดนิ้วเข้าต่อสู้หรือแบบไม่มีกติกา แต่ภาพที่เด็กชายเห็นจริงๆคือ ภาพของฉี่ชุ่นผู้เป็นปู่กำลังต่อสู้กับทหารร่างยักษ์นายหนึ่งอยู่ แต่ยังไม่ทันได้ดูจบเสียงของยุวชนทหารรุ่นพี่ก็ดังขึ้นเพื่อเรียกสติเด็กชายขึ้นมา โดยยุวชนทหารนายนั้นโตกว่าเขาหลายปีซึ่งน่าจะอายุ 16-17 ปี

     "ขอชื่อ-นามสกุลด้วย" ยุวชนทหารรุ่นพี่คนนั้นพูดขึ้น

     "หวงจือชินครับ" อาชินตอบ ยุวชนทหารรุ่นพี่คนนั้นสแกนสายรัดของอาชินแล้วขมวดคิ้ว ทำให้เด็กชายเริ่มรู้สีกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่

     "นายมีชื่ออีกสัญชาติทำไมไม่บอกให้หมด" ยุวชนทหารรุ่นพี่นายนั้นถาม ยิ่งทำให้อาชินงุนงงหนักเข้าไปอีกเขาจะมีชื่อหนึ่งได้ยังไงในเมื่อที่ผ่านมาเขาใช้นามสกุลหวงตลอด

     "ผมมีแค่ชื่อเดียวนะครับ มีอะไรผิดพลาดแน่ๆ" อาชินกล่าว

     "งั้นนายดูข้อมูลในนี้ละกันเพราะในสายรัดนาย มันได้จากโรงพยาบาลที่ทำคลอดนาย”

     พูดจบยุวชนทหารรุ่นพี่ก็หมุนจอคอมพิวเตอร์ให้เขาดูซึ่งในข้อมูลนั้นทำให้เด็กชายตกใจไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากชื่อหวงจือชินแล้วยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ "เอเดน เฮนรี่ ไมเนอร์" จริงๆโดยมันยังบันทึกชื่อชายหญิงคู่หนึ่งโดยชื่อผู้ชายคือ หวงอี้เต๋อ ถือสัญชาติฟรอนร์เทียร์และผู้หญิงชื่อ แคทเธอรีน วิคตอเรีย ไมเนอร์ ถือสัญชาติฮรีซอส อาชินทำอะไรไม่ถูกในใจเกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไมฉี่ชุ่นกับหม่าญวนถึงไม่เคยบอกเล่าเรื่องอะไรแบบนี้

     "เอาเป็นว่าฉันลงทะเบียนให้นายแล้ว ตอนนี้นายไปต่อแถวตรงนั้นได้เลย" ยุวชนทหารรุ่นพี่คนนั้นสรุปโดยเร็ว

     แม้อาชินจะเดินมาต่อแถวแต่ในใจยังเกิดคำถามอยู่ ซึ่งพฤติกรรมของเขาอยู่ในสายตาของเซียนผางตลอดชายหนุ่มรู้วาระจิตของอาชินตอนนี้ดีว่ากำลังสับสนแค่ไหน และเซียนผางคงจะพอเดาออกว่าทำไมน้าชายของเขาเลือกที่จะปิดบังความจริงกับหลานชายคนนี้เพราะอะไร เขาจำได้ไม่ลืมหลังจากที่แคเธอรีนคลอดลูกตายนั้น ฉี่ชุ่นกับเขาได้ทำการตกลงอะไรบางอย่างเอาไว้ซึ่งเซียนผางคิดว่าคงใกล้เวลาแล้วละเพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้น

     อาถิงตามมานั่งข้างหลังอาชินซึ่งทันทีที่อาถิงนั่งกับพื้น อาชินก็หันมาทางอาถิงจนอีกอาถิงตกใจที่อาชินหันตัวมาเร็วแต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ สีหน้าจริงจังของอาชินต่างหากเขาจ้องอาถิงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเขายังไงไม่รู้ ส่วนทางอาชินเขาจำว่าตอนอยู่ที่โกดังนอนอาถิงเคยหลุดประโยคหนึ่งว่า พ่อของอาถิงเคยฆ่าแม่เขาซึ่งปู่ไม่เคยบอกไม่เคยเล่าทำให้เด็กชายรู้แค่ว่ามีลุงติดคุกอยู่ต่างประเทศอยู่แต่ไม่รู้ว่าโดนในข้อหาอะไร             

     "อาถิงนายรู้ใช่ไหมว่า ฉันมีชื่ออีกสัญชาติ" อาชินยิงคำถามทันที อาถิงหน้าถอดสีเล็กน้อย

     "ฉันไม่รู้หรอก เพิ่งรู้พอๆกับนายนั้นแหละ"

     "แต่นายรู้ว่าพ่อนายโดนข้อหาอะไรใช่ไหม บอกมาดีกว่านายรู้อะไรที่ฉันไม่รู้บ้างอาถิง"                       

     อาถิงเก็บอาการไม่อยู่กลับแสดงท่าทีร้อนรนแปลกๆ และไม่ยอมสบตากับเขาด้วยซึ่งยังไม่ทันทีจะเค้นคำตอบจากญาติของเขา เซียนผางเดินมาหยุดหน้าแถวเขาซึ่งกำลังนับจำนวนคนที่เข้ามาต่อแถวใหม่ ซึ่งจำนวนที่ต้องการคือ 50 นายและเซียนผางเห็นว่ามันครบพอดีจึงทำสัญญามือให้ยุวชนทหารรุ่นพี่ที่คุมหลังอยู่ตัดแถวใหม่ทันที

     "ยุวชนทหารทั้งหมดลุก!" เซียนผางออกคำสั่ง

     อาชินกับอาถิงกับเพื่อนคนอื่นๆอีก 48 คนรีบลุกขึ้นทันทีแต่ยังไม่สามารถยืนตัวตรงได้ สำหรับเซียนผางแล้วเขาเข้าใจดีว่าเด็กๆเหล่านี้ยังไม่ได้รับการฝึก จะมีขยุกขยิกบ้างไม่ใช่เรื่องแปลกมันสามารถแก้ไขกันได้ อาชินเห็นประตูที่ไกลออกไปอีกซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันจะพาเขาไปที่ไหน

     "ยุวชนทหารหน้าเดิน ตามรุ่นพี่ไป" เซียนผางสั่งการ

     ยุวชนทหารรุ่นพี่นายหนึ่งที่อายุน่าจะราวๆ 14-15 ปี เดินนำทางไปยังประตูที่เซียนผางบอกซึ่งอาชินกับอาถิงก็เดินตามโดยระหว่างนั้นแถวเขาจะผ่านซุ้มต่างๆด้วยซึ่งด้วยความที่สายตาเขานั้นดี อาชินได้เผลอเห็นแดเนียล แรคคลิฟฟ์กำลังต่อแถวอยู่ในซุ้มที่มีป้ายเขียนว่า "คาราเต้" มียุวชนทหารเข้าแถวเพื่อฝึกมีจำนวนค่อนข้างเยอะพอสมควรหากเทียบกับ กลุ่มคนที่จะฝึกวิชาต่อสู้วูซูที่อาชินกับอาถิงอยู่ และเมื่อถึงหน้าประตูยุวชนทหารรุ่นพี่ใช้ภาษามือให้พวกเขาหยุดเดิน เพื่อให้แถวที่มาก่อนเดินเข้าไปก่อนอาชินมองลอดผ่านเพื่อนข้างหน้าเขาเห็นว่ามันเป็นข้างนอกแล้ว ซึ่งมีรถรางหลายคันจอดอยู่

     "เอ้าพวกนายขึ้นรถรางหมายเลข 009 เร็วๆอย่าช้า" ยุวชนทหารรุ่นพี่สั่งการ

     รถรางหมายเลข 009 ก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้าพวกเขามันมีขนาดเท่ากับรถบัสแต่ยาวกว่า อาชินกับอาถิงรีบมานั่งตรงใกล้กับริมประตูรถเพื่อที่จะออกได้สะดวกกว่า และเมื่อคนขึ้นรถรางเต็มแล้วรถก็เคลื่อนที่ทันทีซึ่งมันทำให้อาชินได้เห็นบรรยากาศรอบๆมากขึ้นซึ่งอาชินเห็นสนามยิงปืนและเขายังเห็นยานบินรบหลายลำจอดเรียงกันกลางสนาม เด็กชายแอบคิดว่าเขาจะมีโอกาสได้ขับยานรบเหล่านั้นไหม รถผ่านเร็วมากและเขาเห็นหลายค่ายย่อยๆซึ่งเหล่ายุวชนทหารกำลังฝึกภาคสนาม โดยฝึกร่วมกับทหารรุ่นใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นครูฝึกและรถรางคันเลี้ยวเข้าไปในตึกเล็กตึกหนึ่ง

     ไม่นานนักรถก็มาจอดหน้าตึกเล็กซึ่งภายนอกมันเหมือนโรงยิมกีฬาธรรมดา แต่ที่เขาสังเกตจากการข้ามหัวเพื่อนที่นั่งตรงข้ามเขาเห็นรูปปั้นใหญ่ตั้งอยู่แต่ไม่รู้ว่าของใคร ประตูรถอีกฝั่งก็เปิดออกเพื่อไม่ให้ฝั่งที่อาชินกับอาถิงนั่งนั้นต้องเสี่ยงเจอกับรถที่สวนไป-มาและเมื่อเด็กชายทั้งสองเดินลงจากรถก็เห็นรูปปั้นใหญ่แล้ว ซึ่งเป็นรูปปั้นยุวชนทหารคนหนึ่งยืนตระหง่านอยู่และตรงหน้าโรงยิมมีครูฝึกคนหนึ่งยืนรอพวกเขาอยู่ เป็นชายร่างสูงผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวเข้มพอสมควรซึ่งอาชินคิดว่าน่าจะเป็นเพราะโดนแสงแดดเผามา

     "ยุวชนทหารทั้งหมดจัดแถว" ครูฝึกออกคำสั่ง

     อาชินกับเหล่ายุวชนทหารคนอื่นๆพากันรีบต่อแถวโดยมีทหารพี่เลี้ยงคอยคุมไม่ให้แตกแถว ซึ่งพวกเขาต้องนั่งลงกับพื้นแดดค่อนข้างร้อนพอสมควรแต่พวกเขายังมีหมวกแก๊ปทหารใส่อยู่  ครูฝึกจึงเดินมาเพื่อประจันหน้าจนเด็กๆพากันกลัวเล็กน้อยโดยเฉพาะกับอาถิงที่อาชินสัมผัสได้ว่าญาติเขาคงคิดถึงบ้านซึ่งมันอาจไม่ต่างจากคนอื่น ในส่วนของทางด้านครูฝึกซึ่งกำลังสำรวจยุวชนทหารรุ่นใหม่ที่เขาต้องขัดเกลา 3 ปี ก่อนที่เด็กเหล่านี้จะไปอยู่ด่านต่อไปในอนาคต

     "สวัสดีฉันชื่อ ร้อยตรีโทมัส อิงเกลบริช ซึ่งนับจากนี้จะเป็นครูฝึกสอนวิชาต่อสู้วูซูให้กับพวกนาย ขอให้พวกนายตั้งใจฝึกฝนให้ดีเพราะวิชาวูซูที่ฉันสอน มันจะช่วยชีวิตพวกนายในอนาคตจำไว้" ร้อยตรีโทมัสพูดเสียงเข้มดุดัน

     "รูปปั้นที่อยู่ข้างหลังครูฝึกคือใครครับ" เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังของอาชิน ซึ่งเขามองไม่เห็น

     "รูปปั้นคนนี้คือทหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดนักสู้วูซูในตำนานชื่อ หยางจื่อตัน เป็นต้นแบบของนักสู้วูซูในปัจจุบันและยังเป็นนักรบเผ่าฟินิกซ์ด้วย" ร้อยตรีโทมัสตอบ       

     อาชินมองรูปปั้นของหยางจื่อตันแล้วหวนนึกถึงตอนอยู่กับหวงฉี่ชุ่น เขาจำได้ว่าหวงฉี่ชุุ่นเล่าว่าตระกูลหยางเป็นตระกูลที่เก่าแก่พอๆกับตระกูลหวงของเขา แต่ก็เคยเกิดเรื่องอือฉาวก็คือศึกภายในตระกูลที่ต้องการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลักเนื่องจากว่ามีสาขาย่อยค่อนข้างเยอะแต่ท้ายที่สุดแล้ว คนที่พลิกสถานการณ์และจบการนองเลือดที่ยาวนานกว่า 90 ปี คือ หยางเหอผิง ซึ่งการยุติครั้งนี้ทำให้ตระกูลหยางกลับมาเป็นปึกแผ่นเดียวกันได้ แต่ก็เป็นเรื่องเล่าที่ปู่ทวดเล่าให้ปู่ของอาชินฟังอีกที                                                                                                   

     ส่วน เผ่าฟินิกซ์ นั้นถือว่าเป็นประเพณีและกฎบัญญัติของประเทศฟรอนร์เทียร์ก็ว่าได้ และยังเป็นกำลังสำคัญของกองทัพอีกด้วยซึ่งกฎมีอยู่ว่าหากเด็กอายุครบ 6 ขวบแล้ว จะต้องไปที่วิหารฟินิกซ์ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยสูงมาก โดยหวงฉี่ชุ่นเล่าให้อาชินกับอาถิงฟังว่ามันเป็นสถานที่เก็บลูกแก้ว 13 ลูกที่เกิดจากการเผาไหม้ของนกฟินิกซ์โดยเหล่าเด็กๆจะต้องนั่งตรงกลางของลูกแก้ว และหากหนึ่งใน 13 นั้นเลือกมอบพลังให้กล่าวกันว่าจะกลายเป็นสุดยอดทหารที่มีพละกำลังมากกว่าคนทั่วไป ทั้งยังได้รับการฝึกฝนที่เข้มข้นอีกด้วย   

     "นายคิดว่าในตระกูลเราจะมีนักรบเผ่านี้ไหม" อาถิงสะกิดถามอาชินจากข้างหลัง

     "ไม่รู้สิ ปู่ก็ไม่เคยเล่านี่น่า" อาชินตอบ อาถิงได้แต่ยักไหล่เท่านั้น

     ร้อยตรีโทมัสสังเกตเห็นว่าเด็กๆนั้นมากันครบแล้วจึงส่งสัญญา ให้ยุวชนทหารรุ่นพี่ออกคำสั่งต้อนให้เด็กๆเข้าไปในโรงยิมซึ่งอาชินก็เดินเข้าไปในยิม เขาพบว่ามันกว้างที่จะรองรับได้หลายพันคนมันมีทั้งเวทีมวยไม่มีเชือกกั้น แต่รอบๆเวทีจะมีเบาะหนาๆอยู่มีกระสอบทรายมากมาย มีนวมชกมวยหลายคู่หลากสีสันปะปนกันไป มีเป้าชก เป้าเตะ เกราะท้องไว้สำหรับชกและยังมีอาวุธประประเภทอื่นๆด้วย อาชินเห็นอีกกลุ่มถัดไปเดินเข้าไปอีกฝั่งซึ่งมีประตูใหญ่ปิดกั้นไว้ทำให้เขาไม่เห็นอีกฝั่ง ร้อยตรีโทมัสเดินมาที่เวทีมวยและให้เหล่ายุวชนทหารรุ่นเล็กนั่งรอบๆเวทีโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง

     "สถานที่ตรงนี้คือ ที่เรียนฝึกซ้อมให้กับพวกนายซึ่งฉันจะเป็นคนคอยขัดเกลาให้เอง"         

     เหล่ายุวชนทหารที่นั่งล้อมขอบเวทีพากันมองรอบๆบริเวณพื้นที่ ซึ่งต่อไปพวกเขาต้องมาฝึกวิชาต่อสู้ที่นี้กันแต่สำหรับอาชินแล้วมันก็น่าท้าทายอยู่ไม่ใช่เพราะที่ผ่านมาหวงฉี่ชุนคือคนที่ฝึกฝนเขามาตลอด ถ้าคนฝึกเป็นคนอื่นที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ทั้งในสังเวียนและสนามรบมันจะทำให้เขาพัฒนาฝีมือไปมากน้อยแค่ไหนกันนะ แค่คิดอาชินก็รู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้แต่ระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีสายตาจากกลุ่มเด็กที่อยู่คนละฝั่งกับเขาจับจ้องอยู่ และกระซิบกระซาบกันจนร้อยตรีโทมัสมองเห็นก็จ้องมองกลุ่มเด็กจนพากันเงียบกริบทันที         

     "และที่สำคัญกว่านั้นคือในแขนงวูซูของเรานั้นจะมีการประลองยุทธ์ โดยเริ่มจากในกลุ่มเราเพื่อคัดนักสู้วูซูไปสู้กับนักสู้วูซูกลุ่มอื่น และการประลองยุทธ์ที่ใหญ่กว่านั้นคือการประลองยุทธ์กับนักสู้แขนงอื่น" ร้อยตรีโทมัสกล่าวเสียงดุดัน แต่ทำให้เด็กหลายคนเนื้อเต้นมากโดยเฉพาะกับอาชิน ร้อยตรีโทมัสก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง

     "คุยกันมามากแล้วมันใกล้ได้เวลากินแล้วนี้ ถ้างั้นทั้งหมดลุก !” ร้อยตรีโทมัสออกคำสั่ง

     อาชิน อาถิง และยุวชนทหารคนอื่นๆก็พากันลุกขึ้น แต่ก็ชักช้าเกินไปทำให้ร้อยตรีโทมัสคิดว่าคงต้องกระตุ้นอะไรสักหน่อยแล้วเพื่อให้เหล่ายุวชนทหารรู้ตัวว่าพวกเขาฝึกเป็นทหาร ร้อยตรีโทมัสจึงคว้านกหวีดขึ้นมาเป่าเสียงดังมากชนิดที่ว่าสำหรับอาถิงแล้วมันแสบหูใช่ย่อยเลยทีเดียว

     "ชักช้า ! ทั้งหมดหมอบเดียวนี้ ! หมอบให้หมดพวกพี่เลี้ยงดูด้วยอย่าให้ใครเงยหน้าขึ้นมา เอาหน้าคว้ำลงไป" ร้อยตรีโทมัสออกเสียงดุดันขึ้นมา บรรดาทหารพี่เลี้ยงก็พากันจับกดเหล่ายุวชนทหารให้นอนคว้ำร่วมทั้งก้มหน้าด้วย อาชินถูกจับกดนอนคว้ำพร้อมกับอาถิงซึ่งพวกเขาต่างก็ก้มหน้าลงโดยมีฝ่ามือเป็นที่รองรับหน้า เด็กชายรับรู้ถึงแรงแท้าของทหารพี่เลี้ยงที่เดินผ่านหัวของเขาไป และแอบเห็นว่าพวกพี่เลี้ยงกำลังสำรวจว่ามียุวชนทหารคนไหนเงยหน้าขึ้น ซึ่งพี่เลี้ยงจะจับหัวให้ก้มหน้าในกรณีที่มีการเงยหน้ากันขึ้น

     "อืดอาดยืดยาดกันดีนัก อยู่บ้านพ่อแม่เลี้ยงสบายมากใช่ไหม ที่นี้คือค่ายฝึกไม่ใช่บ้านที่จะทำตัวยังไงก็ได้"

     เหล่ายุวชนทหารพากันกลัวหัวหดกันหมดไม่กล้าแม้จะเงยหน้า ซึ่งอาชินยอมรับว่าตัวเขาเองก็เริ่มกลัวๆร้อยตรีโทมัส ยิ่งต้องเจอกับครูฝึกคนนี้สามปีไม่อยากจะนึกภาพไม่ออก ว่าเขาจะเจอกับอะไรบ้างจนรู้สึกอยากกลับบ้านไปหาย่าที่รออยู่บ้านแต่คนที่น่าจะอาการหนักน่าจะเป็นอาถิงมากกว่าที่ตอนนี้เริ่มน้ำตาคลอแล้ว ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจสำหรับอาชินหรอกเพราะตอนที่อยู่บ้านหม่าญวนผู้เป็นย่าค่อนข้างเลี้ยงดูอาถิงประคบประหงมมาก จนหวงฉี่ชุนผู้เป็นปู่บ่นประจำว่าหม่าญวนกำลังทำให้อาถิงไม่มีภูมิคุ้มกันในการที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ในวันข้างหน้าเพราะอะไรนิดอะไรหน่อยอาถิงก็กลัว ที่แย่มากกว่าคือต้องให้อาชินคอยช่วยเหลือตลอด

     "จะให้โอกาสอีกครั้งถ้าฉันสั่งให้ลุกแล้ว รีบลุกให้เร็วให้ไวอย่าให้เห็นแบบเมื่อกี้อีก" ร้อยตรีโทมัสพูดขึ้น

     เขาหยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าอีกครั้งซึ่งคราวนี้เหล่ายุวชนทหารต่างรีบลุกขึ้นยืน แต่อาถิงกลับมั่วแต่ปัดกางเกงและจุดที่เขายืนอยู่ดันตรงกับสายตาของร้อยตรีโทมัสพอดี สายตาที่มองอาถิงมันทำให้อาชินใจคอไม่ดีมากๆ ร้อยตรีโทมัสเป่านกหวีดอีกครั้งทำเอาอาถิงตกใจไม่น้อย

     "ใครให้ปัดกางเกง ฉันอนุญาตเหรอ" ร้อยตรีโทมัสพูดพร้อมจ้องมองอาถิง

     อาถิงยืนแข็งทื่อไม่ตอบโต้อะไรแต่เริ่มตัวสั่นแล้ว น้ำตาเริ่มจะไหลซึ่งสภาพที่ร้อยตรีโทมัสเห็นนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับเขามาก อาชินที่ยืนข้างๆเหมือนจะพยายามปลอบอาถิงให้สงบ แต่เด็กชายก็ต้องชะงักเมื่อเจอสายตาเฉียบขาดของร้อยตรีโทมัสที่ส่งมาเพื่อบอกกับเด็กชายว่า "อย่าจุ้นอยู่เฉยๆ" อาถิงพยายามขอความช่วยเหลือมาทางอาชินที่ดูเหมือนจะเป็นที่พึ่งให้ได้

     "ไม่ต้องมองเพื่อนตอบคำถามฉันมา ใครอนุญาตให้ปัดกางเกง" ร้อยตรีโทมัสเสียงกร้าวขึ้น แต่อาถิงกลับไม่ยอมตอบได้แต่ยืนกลัวอย่างนั้น ในใจเขาได้แต่นึกถึงหม่าญวนกับฉี่ชุนมาก เนื่องจากอาถิงไม่ยอมตอบคำถามกับครูฝึกทำให้ร้อยตรีโทมัสไม่มีทางเลือกเพราะดูจากลักษณะแล้วอาถิงน่าจะโดนเลี้ยงดูแบบไข่ในหินมากเกินไป

     "วิดพื้น 20 ครั้ง ทำเดียวนี้" ร้อยตรีโทมัสออกคำสั่ง

     อาถิงเอาตัวนอนโดยเอาแขนทั้งสองรับน้ำหนักของร่างกาย และเหยียดขาตรงพร้อมกับยกตัวลงกับพื้นโดยเอาหน้าอกลงชิดกับพื้นแล้วยกตัวขึ้นมาอีกที แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจครูฝึกอย่างร้อยตรีโทมัสเท่าไหร่ บรรดาทหารพี่เลี้ยงต่างมองหน้าอาถิงด้วยความเห็นใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเด็กชายทำผิดวินัย

     "นับดังๆเงียบทำไมปากอมอะไรไว้นับใหม่เพิ่มอีก 10 เป็น 30 นับดังๆ"                  

     น้ำตาไหลจากตาของอาถิงโดยไม่อายเพื่อนยุวชนทหารที่มองมาที่เขา อาชินได้แต่มองอาถิงอย่างเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ แต่สำหรับร้อยตรีโทมัสแล้วแม้ว่าจะเห็นน้ำตาของเด็กชายก็ไม่ทำให้ครูฝึกใจอ่อนได้ เพราะการจะขัดเกลายุวชนทหารให้เป็นทหารที่ดีนั้นครูฝึกอย่างเขาต้องไม่ใจอ่อนเด็ดขาด และสังหรณ์ของร้อยตรีโทมัสมันบอกว่าเขาต้องใช้เวลาขัดเกลาอาถิงมากกว่าคนอื่น ส่วนอาถิงนับออกเสียงแต่เบาและสะอื่น

     "หนึ่ง สอง สาม สะ สะ สะ สี่ ห้า" อาถิงสะอื่นพร้อมกับออกเสียงนับเลข แต่ค่อนข้างเบามากจนเพื่อนบางคนแทบไม่ได้ยิน ร้อยตรีโทมัสถอนหายใจ

     "ฉันบอกให้นับดังๆ เบาเกินไปเพิ่มขึ้นอีก 10 เป็น 40 ครั้ง" ร้อยตรีโทมัสออกคำสั่ง                     

     "ถ้ายังนับเบาอีกพวกนายทีเหลือไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเพื่อนพวกนายจะนับดังกว่านี้" ร้อยตรีโทมัสเสริม

     คำพูดของครูฝึกทำเอายุวชนทหารคนอื่นอึ้งไปตามๆกัน และส่วนใหญ่จะไม่พอใจอาถิงมากกว่าแถมยังจ้องแบบประมาณว่า "ฝึกจบเมื่อไหร่นายตายแน่" อาชินจ้องกลับก็พากันหลบสายตาเพราะเขาเองก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอาถิงเช่นกัน แต่เขาก็หวั่นใจว่าอาถิงจะไม่สามารถเข้ากับยุวชนทหารคนอื่นๆได้ ดูเหมือนพิษที่หม่าญวนทำไว้จะส่งผลน่ากลัวมากกว่าที่ฉี่ชุนเคยบอกอาชินด้วยซ้ำ อาถิงที่อยู่ในอาการหวาดกลัวและเอาแต่ร้องไห้ก็ยังคงนับเบาอยู่

     "ยังเบาอยู่ใช่ไหมดี เอาไปอีก 10 เป็น 50" ร้อยตรีโทมัสก็ยังไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ                          

     อาชินเห็นท่าทีชักเริ่มจะไม่ดีแล้วเพราะยิ่งถูกกดดันมากแค่ไหน อาถิงก็จะมีแต่หวาดกลัวและยังคงนับเบาแบบนั้น ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เด็กชายคิด อาถิงเริ่มจะไม่ยอมนับและเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ร้อยตรีโทมัสเห็นสภาพแล้วท่าทางอาการจะหนักแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใจอ่อนแม้แต่นิดเดียว ขณะเดียวกันเขาก็สังเกตพฤติกรรมของยุวชนทหารคนอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะมองอาถิงอย่างไม่พอใจและคงจะมีปัญหาในการผูกมิตรแน่นอน

     "ไม่ยอมนับดังใช่ไหมดี วันนี้วิดพื้นไปเลย 100 ครั้งถ้ายังนับไม่ดังไม่ต้องไปไหน อยู่ที่นี้แหละ" ร้อยตรีโทมัสออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด จนยุวชนทหารบางคนกลืนน้ำลายไม่ลงคอเพราะรับรู้ถึงความเด็ดขาดของครูฝึกได้ อาถิงไม่ยอมวิดพื้นและเอาแขนเช็ดน้ำตาและหลุดสิ่งหนึ่งที่ออกมาอย่างไม่ละอาย

     "ย่าอยู่ไหนมารับผมที ไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว" อาถิงร้องไห้เสียงดังมาก          

     "ร้องไห้ทำไมไม่มียงมีย่าทั้งนั้น วิดพิ้นเดียวนี้"  

     สภาพของอาถิงมีแต่คนมองแบบเวชทนามากแต่ที่น่าอายกว่าคือ ในกลุ่มนี้มียุวชนทหารหญิงปะปนด้วยแต่อาถิงก็ไม่ยอมวิดพื้นอยู่ดี อาชินทนไม่ไหวแล้วจึงได้ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง

     "ครูครับ" อาชินพูดเสียงดังจนทุกคนหันมามองเขาตาเดียว

     "มีอะไร" ร้อยตรีโทมัสถาม อาชินสูดลมหายใจอึดใหญ่

     "ผมขอวิดพื้นแทนเขาทั้งหมดครับ" เด็กชายพูดอย่างหนักแน่น

     คำพูดของอาชินทำให้ทุกคนอึ้งไปตามๆกันโดยเฉพาะกับร้อยตรีโทมัสที่เป็นครูฝึก เขาฝึกยุวชนทหารอายุประมาณหลายรุ่นยังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เขาจึงสำรวจอาชินอย่างพินิจพิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน น่าสนใจไม่ใช่น้อยที่มียุวชนทหารอายุแค่นี้จะมีความคิดแบบนี้หายากมาก

     "ฉันได้ยินไม่ถนัดนะ เมื่อกี้นี้นายว่าอะไรนะพูดดังๆหน่อย" ร้อยตรีโทมัสพูดพร้อมประกอบท่าทาง

     "ผมขอวิดพื้นแทนเขาทั้งหมด 100 ครั้งครับ" อาชินตอบเสียงหนักแน่นมากกว่าเดิม

     ยุวชนทหารคนอื่นๆมองหน้าอาชินเป็นตาเดียว ทหารพี่เลี้ยงบางคนก็อดชื่นชมความกล้าและเสียสละของอาชินไม่ได้ ตอนนี้อาชินจ้องมองร้อยตรีโทมัสอย่างไม่วางตาเพื่อยืนยันเจตนารมย์ของตนเอง สายนี้ทำให้ร้อยตรีโทมัสชื่นชมมากและเขามองเห็นปกเสื้อปักชื่อว่า "หวงจือชิน" ซึ่งนามสกุลนี้มันสะดุดใจเขามาก

     "พ่อนายชื่ออะไร” ร้อยตรีโทมัสถาม

     "เมื่อก่อนผมไม่รู้ครับแต่ในประวัติชื่อพ่อผมคือ หวงอี้เต๋อครับ"                   

     ทันทีที่อาชินพูดชื่อนี้ออกไปร้อยตรีโทมัสมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหล่าทหารพี่เลี้ยงที่ทำหน้าแปลกใจไม่แพ้กับตัวเขาเช่นกัน ร้อยตรีโทมัสรู้จักดีสำหรับชายที่มีชื่อว่า หวงอี้เต๋อ เพราะฝึกอยู่กองร้อยเดียวกันเพียงแต่อยู่คนละหมวดเท่านั้นเองแต่สิ่งที่ตัวครูฝึกอย่างเขาสนใจคือ ความเสียสละของเด็กชายที่อายุแค่นี้เหมือนกับพ่อของเขาที่ยอมเสียสละเพื่อให้เพื่อนร่วมรบให้รอดจากสนามรบ มันคงเป็นการถ่ายทอดทางสายเลือดก็เป็นได้

     "ก็ได้ถ้าอยากเล่นบทเป็นฮีโร่มากฉันก็จะสนองให้ วิคพื้นชะ" ร้อยตรีโทมัสออกคำสั่งทันที

     อาชินนอนลงวิคพื้นข้างๆอาถิงและทำการวิคพื้นทันที ยุวชนทหารคนอื่นพามองเป็นตาเดียวและมีบางคนทำหน้าเวทนาในสิ่งที่เด็กชายกระทำด้วยช้ำว่าทำไปเพื่ออะไร บางคนมีการดูถูกเหยียดหยามอาถิงเสียด้วยช้ำโดยทั้งหมดของพฤติกรรมเหล่ายุวชนทหารอยู่ในสายตาของร้อยตรีโทมัสหมด และมียุวชนทหารบางคนทำหน้าตาใส่อาชินเชิงหมั่นไส้ที่ทำตัวเป็นฮีโร่ ทั้งที่ควรจะอยู่เฉยๆก็ได้ ระหว่างนั้นทหารพี่เลี้ยงเองก็พากันทำตัวไม่ถูกและต้องการสัญญาณจากร้อยตรีโทมัส ซึ่งเขายังนิ่งอยู่และมองการกระทำของอาชินซึ่งมันส่งผลต่ออาถิง ที่เลิกร้องไห้แล้วทำการวิดพื้นพร้อมกับอาชินสร้างความแปลกใจใหักับร้อยตรีโทมัสมาก จนสุดท้ายเขาก็ทำสิ่งที่คนอื่นคาดไม่ถึง

     "สองคนนะพอได้แล้ว" ร้อยตรีโทมัสออกคำสั่ง

     อาชินกับอาถิงพากันลุกขึ้นและพากันสงสัยว่าครูฝึกคนนี้คิดอะไรอยู่ ซึ่งร้อยตรีโทมัสไม่สนใจนอกจากเป่านกหวีดให้สัญญาณกับพวกทหารพี่เลี้ยงซึ่งเมื่อได้รับสัญญาณแล้วก็ตะโกนขึ้นว่า "ทั้งหมดจัดแถวจากสูงไปเตี้ย" อาชินจึงดึงอาถิงมาต่อแถวแต่อากัปกิริยาที่คนอื่นมีต่ออาถิงนั้นเป็นไปในทางลบซึ่งเขาก้มหน้าอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาชินจะไม่โดนเพราะก็มีประเด็นที่แดเนียล แรคคริฟฟ์ พูดเกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาเป็นที่จับตามองเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาคำพูดของอาถิงก็ปรากฏในหัวของเด็กชายขึ้นมาทันที

     "อาชินไม่ใช่ต้นเหตุ พ่อฉันติดคุกเพราะฆ่าพ่อเขาต่างหาก" คำพูดนี้ของอาถิงมันรบกวนใจเขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

     ร้อยตรีโทมัสกับทหารพี่เลี้ยงคอยตรวจสอบความเรียบร้อยของแถว ก่อนที่ร้อยตรีโทมัสจะไปยืนที่เวทีมวยอีกครั้งแววตาของเขาที่มองมาเหมือนจะมีความสมเพชปนความผิดหวังเล็กน้อย แต่จากประสบการณ์แล้วมันก็ไม่ค่อยแปลกถ้าจะมีในกรณีนี้อยู่บ้างและคนที่เขาสนใจตอนนี้คืออาชินกับอาถิง แต่อาถิงตอนนี้ไม่ค่อยกล้าสบตากับคนรอบข้างเท่าไหร่ซึ่งอาชินเข้าใจดีแม้แต่เขาเองก็ไม่อยากจะมองหน้าใครเหมือนกันตอนนี้จึงก้มหน้าพอๆกัน

     "เหตุการณ์ที่ฉันเห็นในวันนี้คือผิดหวังอย่างมาก พวกนายแต่ละคนขี้ขลาดตาขาวเอาแต่ตัวเองเป็นหลัก" ร้อยตรีโทมัสกล่าว

     เหล่ายุวชนทหารพากันหน้าเสียไม่กล้าสบตากับครูฝึกเลยสักคน อาชินสัมผัสได้ว่ามีคนมองซึ่งเป็นเด็กชายสูงเท่ากับเขาเป็นคนผิวเข้ม ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ท่าทางที่มองมาบอกไม่ได้ว่าเป็นมิตรกับเขารึเปล่า แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะคุกคามหากเทียบกับฉางเฉินพี่ชายของอาถิงเพราะแค่มองเขาเฉยๆก่อนจะหันกลับไปสนใจร้อยตรีโทมัสเหมือนเดิม                              

     "พวกนายรู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนนายไม่ไหวแต่ก็ไม่คิดจะเสนอตัวกอบกู้สถานการณ์ แปลได้ว่าถ้าฉันสั่งอะไรพวกนายก็ทำตามนั้นใช่ไหม ฉันฝึกทหารไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่งแต่ไม่มีหัวคิด พวกนายขาดทั้งไหวพริบ ความกล้า ความเป็นผู้นำ และความเป็นทีมเวิร์ดซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ประเทศเราแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้ได้แต่กลับกลายเป็นว่ามีแค่คนเดียวเท่านั้น" ร้อยตรีโทมัสพูดเสียงดุดันจนทุกคนสะดุ้งกันหมดไม่เว้นแม้กับทหารพี่เลี้ยง

     สิ้นคำของร้อยตรีโทมัสก็มีบางคนมองอาชินในเชิงกึ่งคุกคามและหมั่นไส้เขา ซึ่งเด็กชายรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและไม่อาจรู้ได้เลยว่าหากกลับโรงนอนไปเขากับอาถิงจะโดนอะไรรึเปล่า ในบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ก็มีเสียงออดดังขึ้นมาทำให้ร้อยตรีโทมัสจึงก้มมองนาฬิกาข้อมือซึ่งมันหมดเวลาสำหรับการปฐมนิเทศแล้ว เขาจึงถอนหายใจเล็กน้อยท่าทางและสีหน้าของเขาเปลี่ยนจากดุดันกลายเป็นคนอารมณ์ดีเหมือนเดิมทำเอาเด็กๆพากันปรับตัวกันไม่ทัน

     "เอาเป็นว่าปฐมนิเนศน์จบแค่นี้ละกัน ฝึกจริงๆจะเป็นวันพรุ่งนี้เพราะฉะนั้นเตรียมตัวไว้ให้ดี ของจริงเริ่มจากนี้" ร้อยตรีโทัสพูดก่อนจะมองมาที่อาถิง ซึ่งเด็กชายก้มหน้าอย่างเดียวเห็นแบบนั้นร้อยตรีโทมัสทำหน้าเซ็งระเบิดมากๆ ที่เขาต้องมาขัดเกลาเด็กแบบนี้เพราะมันรับมือยากกว่าเด็กคนอื่นด้วยซ้ำแต่เอาเถอะมันเป็นหน้าที่ของเขา ที่ต้องฝึกให้เหล่ายุวชนทหารรุ่นจิ๋วเหล่านี้ให้เข้มแข็งพอที่จะไปฝึกยังอีกค่ายสำหรับเด็กโตกว่านี้

     "พวกนายตามทหารพี่เลี้ยงไปนะ เพื่อรับประทานอาหารกันชะ" ร้อยตรีโทมัสพูดจบก็หายตัวไปทันทีสร้างความตกใจให้กับเหล่าเด็กๆอย่างมากยกเว้นเด็กบางคนโดยหนึ่งในนั้นคืออาชิน ทหารพี่เลี้ยงนายหนึ่งเดินขึ้นตรงตำแหน่งแทนที่ร้อยตรีโทมัสพร้อมกับเป่านกหวีดเสียงดังซึ่งมันทั้งแหลมและเสียงดังมากจนเด็กบางคนต้องอุดหู       

     "ทั้งหมดกลับหลังหันแล้วตามพี่เลี้ยงไปโรงอาหาร ไปเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบไม่งั้นพวกนายจะได้คลานไปแน่นอน"

     ยุวชนทหารก็พากันกลับหลังหันแม้จะยังไม่พร้อมกันก็ตามซึ่งเป็นเรื่องปกติ จากนั้นพวกทหารพี่เลี้ยงก็พากันสั่งให้พวกแถวหน้าเดินนำไปแต่อาชินสัมผัสได้ว่ามีคนจงใจเอาไหล่ชนหลังเขา ซึ่งเมื่อเด็กชายมองก็เห็นเป็นเด็กชายร่างใหญ่ที่มองอาชินอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ซึ่งมันชัดเจนตรงที่เด็กตรงหน้าชี้นิ้วมาที่อาชินแล้วทำท่าปาดคอใส่ แค่นี้ก็ทำให้อาชินสังหรณ์ใจว่าเขากับอาถิงคงต้องระวังตัวแล้วจากเหตุการณ์เมื่อครู่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่นไม่ใช่น้อย เขาจึงรีบเดินอย่างรวดเร็ว

                                  

                                                      ++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา