นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1

8.0

เขียนโดย กนกพัชร

วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.

  53 ตอน
  0 วิจารณ์
  44.72K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 7 เศษเสี้ยวของความจริง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

โรงอาหารยุวชนทหาร เวลา 14.10 น    

อาชินนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะอาหารไม่ขยับเคลื่อนไหวอะไรทั้งที่ตัวเขานั้นหิวอยู่ แต่กลับไม่สามารถที่จะข่มใจกินมันลงได้จากเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในวันเดียวมันเกินกว่าเด็กตัวเล็กๆอย่างเขาจะรับไหว อาชินยอมรับว่าตลอดที่ผ่านมาไม่เคยสงสัยหรือตั้งคำถามอะไรในใจเพราะคิดมาตลอดว่าหวงฉี่ชุนกับหม่าญวนเลี้ยงดูให้ความอบอุ่นกับเขาเสมอ แต่ตอนนี้มันกลับเกิดคำถามขึ้นมากมายโดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้เจอกับแดเนียล แรคคลิฟฟ์ ทั้งที่เป็นคนนอกแต่กลับทำตัวเหมือนรู้เรื่องภายในครอบครัวเขาดีกว่าตัวเขาที่เป็นคนในครอบครัวชะอีก คำถามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมันก็ปรากฎในหัวของอาชินว่าพ่อแม่ของเขาเป็นใครกันแน่ แล้วพ่อของอาถิงติดคุกมีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อแม่เขารึเปล่า

      "ที่พ่อฉันติดคุกเพราะฆ่าพ่อของอาชินต่างหาก" เสียงของอาถิงลอยเข้าในหัวของอาชิน จนเขาที่คิดไปไกลมีสะดุ้งเล็กน้อย

      เขาจำได้ว่าอาถิงพูดแบบนั้นตอบโต้กับแดเนียล แรคคลิฟฟ์และเขาคิดว่าอาถิงจะลืมตัวด้วยมันเป็นหลักฐานยืนยันว่าอาถิงคนที่เป็นเหมือนทั้งเพื่อนและพี่น้องของเขานั้นรู้อะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้ แถมยังปิดบังเขามานานมากด้วยซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขายังจะสามารถไว้ใจอาถิงได้จริงๆรึ แล้วทำไมหวงฉี่ชุ่นกับหม่าญวนต้องปิดบังเรื่องพ่อแม่ของเขาด้วย ตอนนี้ตัวเขาเหมือนไอ้โง่ตัวตลกในสายตาของใครหลายๆคนที่นี้ ที่สำคัญอาชินก็ต้องทนที่หลายคนพากันมองเขาแล้วซุบซิบกัน ไม่ว่าจะพูดอะไรกันก็ทำให้เขาคิดได้อย่างเดียวคือเรื่องที่แดเนียล แรคคลิฟฟ์พูดไปก่อนหน้านี้ที่โรงนอนแน่นอน

      "ทำไมนายไม่รีบกินละรู้ไหมอาหารร้อนๆนะ อร่อยมากเลยนะแม่ฉันบอกเสมอ" เฟรมกล่าวทักพร้อมกับนั่งตรงข้าม

      เสียงทักของเฟรมดึงสติของอาชินกลับมาพอดีมันทำให้อาชินสงสัยเหมือนกันว่าหาเจอได้ไง เนื่องจากโรงอาหารมันค่อนข้างใหญ่พอสมควรแม้จะเป็นโซนของยุวชนทหารอายุ 4-6 ขวบก็ตาม แต่อาชินก็ไม่ได้สนใจหรอกเขาได้แต่ก้มมองบะหมี่เหลืองน้ำข้นที่ใส่เนื้อที่กำลังจะหายร้อนเพราะในหัวเขาสับสนจนไม่สามารถจะกินอะไรได้ เฟรมมองหน้าเพื่อนใหม่อย่างจับจ้องและเขาก็สังเกตเห็นอากัปกิริยาของยุวชนทหารคนอื่นๆที่เดินผ่านไปผ่านมาก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

      "ถ้าฉันเป็นนายจะไม่แคร์สายตาของพวกนั้นร่วมทั้งคำพูดของแดเนียล แรคคลิฟฟ์ด้วย" เฟรมพูดพร้อมกินไก่ทอดหนึ่งชิ้น

      "นายรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่" อาชินถามอย่างสงสัย

      "คงเพราะนายไม่ค่อยเก็บอาการละมั่งเล่นแสดงอาการแบบนั้น ร่วมทั้งพวกนั้นก็ไม่เก็บอาการกันเลย" เฟรมตอบ                  

      การได้เจอเพื่อนแบบเฟรมแม้ว่าจะไม่ได้รู้จักมานานกลับทำให้เขารู้สึกไว้ใจมากกว่าอาถิง ที่เติบโตด้วยกันมากันทั้งที่ความจริงแล้วอาชินควรจะไว้ใจและเชื่อใจคนในเครือญาติอย่างอาถิง แต่ในตอนนี้มันเป็นการพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่สามารถไว้ใจอาถิงได้อีกต่อไปแล้ว

      "แล้วอี้ถิงไปไหนละ ไม่ได้อยู่กับนายเหรอ" เฟรมถาม

      "ยังไม่เห็นเลย" อาชินตอบ

      ระหว่างที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้นอยู่ดีๆก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา เขามองหน้าเฟรมที่กำลังเอร็ดอร่อยกับไก่ทอดที่ลาดซอสพริกราวกับว่าในโลกนี้มีแค่เขากับจานไก่เท่านั้น อาชินไม่รอช้าเขาสะกิดเฟรมจนอีกฝ่ายทำหน้าสงสัยทั้งที่กระดูกไก่ยังคาปากอยู่ อาชินมองไปรอบๆซึ่งอาถิงยังไม่มา

      "เฟรม ฉันจะพูดตรงๆกับนายนะ ฉันไว้ใจนายได้ใช่ไหม" อาชินถาม

      "ได้สิ ถามแบบนี้ทำไม" เฟรมถามอย่างสงสัยพร้อมขมวดคิ้ว

      "งั้นคำถามที่จะถามต่อไปนี้ถ้านายต้องตอบอย่างสัตย์จริงทำได้ไหม" อาชินพูดอย่างจริงจังจนเฟรมรับรู้ได้       

      "นายอยากรู้อะไร" เฟรมถามพร้อมวางไก่ทอด

      อาชินยังคงมองซ้ายกับขวาอยู่เล็กน้อยเขาขยับตัวมาที่กลางโต๊ะเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน ซึ่งเฟรมพอเข้าใจว่าคำถามนี้เพิ่อนของเขาไม่ต้องการให้ใครได้ยินจึงขยับเข้าหาเช่นกัน ทั้งสองระมัดระวังตัวกันอย่างมากเพื่อไม่ให้คนนอกรู้ว่าพวกเขาจะพูดคุยกันโดยที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ในสายตายุวชนทหารกลุ่มหนึ่ง

      "แคทเธอรีน ไมเนอร์คือใครนายรู้จักไหม" อาชินถาม เฟรมมีสะดุดเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อแต่ก็จะตอบเพราะเห็นความเชื่อใจของเพื่อนที่มีต่อเขา

      "จือชินฉันจะไม่โกหกนายนะ คนที่นายถามเมื่อกี้เป็นเจ้าหญิงของประเทศฮรีซอส”

      "ว่าไงนะเจ้าหญิงเหรอ!" อาชินพูดเสียงหลงจนเฟรมทำสัญญาณให้เขาลดเสียง แต่โชคดีที่ไม่มีใครสนใจ ทั้งคู่จึงโล่งอก

      "นายจะร้องดังทำไมอยากให้คนอื่นรู้เหรอ ใช่เป็นเจ้าหญิงและเป็นพระราชธิดาเพียงองค์เดียวของคิงอังเดรที่ปกครองประเทศฮรีซอสอยู่ตอนนี้.... นายรู้แล้วใช่ไหมว่าเจ้าหญิงแคเธอรีนเป็นแม่นาย" เฟรมถาม

      อาชินนิ่งแทนที่จะตอบคำถามตรงนี้ของเฟรม เด็กชายแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองมาก่อนว่าแม่เขาจะมีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงมันตรงกับคำพูดของแดเนียล แรคคลิฟฟ์ที่พูดกับเขาก่อนหน้านี้ว่าเขาเป็นเจ้าชายแต่ไม่มีบรรดาศักดิ์อะไรเลยเพราะเขาเกิดที่นี้ แต่ถ้าแม่ของเขาเป็นเจ้าหญิงแล้วเหตุใดถึงได้มาลงเอยกับพ่อได้ ความคิดของอาชินตอนนี้เฟรมที่นั่งฝั่งตรงข้ามดูออก

      "แม่นายพบรักกับพ่อนายสมัยที่กองทัพฟรอนร์เทียร์ยกไปช่วยประเทศฮรีซอสครั้งที่สอง" เฟรมพูดพร้อมกินน้ำอึดหนึ่ง

      "การพบรักกันของทั้งคู่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์สองประเทศ แล้วแม่นายก็ย้ายมาอยู่ที่นี้"

      "แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับแม่ฉัน" อาชินถาม เฟรมยักไหล่

      "เท่าที่ฉันรู้มาแม่นายตายเพราะคลอดนายออกมา จากนั้นคิงอังเดรก็มารับร่างไปฝั่งที่ฮรีซอส" เฟรมตอบ       

      "แล้วหวงอี้เต๋อละนายพอรู้อะไรเกี่ยวกับเขาไหม" อาชินถามต่อ

      "ฟรมทำหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะตอบคำถามซึ่งสำหรับอาชินแล้วเขาแน่ใจว่าฝ่ายเฟรมไม่ได้กัก แต่เขาก็พึ่งสังเกตุว่าคนที่นั่งรอบๆโต๊ะทรอยย้ายหนีออกกันหมดเหลือแค่โต๊ะที่มีแค่เขากับเฟรมเท่านั้น แต่เสียงของเฟรมก็ดึงความสนใจของเขาเอาไว้อาชินจึงไม่สนใจสิ่งรอบข้างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไป               

      "หวงอี้เต๋อพ่อของนายเท่าที่ฉันจำได้คือ พ่อนายเป็นนักรบฟินิกซ์ที่เก่งมากคนหนึ่งนะ" คำตอบของเฟรมทำให้ตาของอาชินโตขึ้นมาทันที

      "เดียวก่อนนะพ่อฉันเป็นนักรบฟินิกซ์งั้นเหรอ" อาชินแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง พ่อเขานอกจากได้แต่งงานกับเจ้าหญิงแล้วยังเป็นนักรบฟินิกซ์อีกด้วย สรุปมันเรื่องยังไงกันแน่ทำไมหวงฉี่ชุ่นกับหม่าญวนถึงปิดบังเขาขนาดนี้ กิริยาของอาชินตอนนี้ทำให้เฟรมชักใจคอไม่ดีเสียแล้วมันเหมือนกับอาชินพึ่งจะได้รู้ความจริง เฟรมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอาชินถึงตั้งคำถามนี้กับเขาแทนที่จะเป็นอาถิงที่เป็นญาติตัวเอง

      "ไม่เคยมีใครเล่าให้นายฟังเลยเหรอ" เฟรมถาม

      "ฉันไม่รู้แม้กระทั่งชื่อพ่อแม่ด้วยช้ำ ไม่เคยเห็นหน้าด้วย" อาชินตอบสั้นๆ

      "เพราะเหตุนี้นายเลยไม่อยากถามอี้ถิงใช่ไหม"

      ยังไม่ทันที่อาชินจะตอบคำถามของเฟรมก็มีเงาหลายคนรุมรอบโต๊ะพวกเขา อาชินกับเฟรมหันไปมองก็พบว่ามียุวชนทหาร 6-7 นายรุมล้อมแถมยังมีท่าทางคุกคามไม่เป็นมิตร และยังพร้อมมีเรื่องกับทั้งคู่ได้เสมอซึ่งมียุวชนทหารคนหนึ่งซึ่งอาชินจำหน้าได้เพราะฝึกวิชาต่อสู้วูซูในกลุ่มเดียวกับเขา เล่นยกพวกมาขนาดนี้อาชินก็เดาได้ไม่ยากคงมาจากเหตุการณ์ที่อาถิงก่อเอาไว้และยังมีอีกคนก็คือคนที่ทำท่าปาดคอใส่เขาก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย อาชินกับเฟรมตั้งท่าพร้อมที่จะตอบโต้เช่นกัน

      "เพื่อนนายที่ก่อปัญหาอยู่ไหนส่งมันมาให้พวกเรา นายจะได้ไม่เจ็บตัว" ยุวชนทหารร่างใหญ่พูดกับอาชิน ซึ่งเขาก็ไม่มีท่าทีจะเกรงเกลัวอีกฝ่ายอยู่แล้ว

      "โทษทีพวก.. ฉันไม่ใช่คนขายเพื่อนคงทำให้ไม่ได้" อาชินตอบพร้อมกำมือทั้งสองแน่นพร้อมกวาดสายตาอย่างระวังตลอด นับว่าโชคดีอย่างมากที่อาถิงไม่ได้อยู่ที่นี้เฟรมที่อยู่กับเขาถือส้อมเตรียมตัวลุยเหมือนกัน

      "ทำตัวเป็นฮีโร่คิดว่าเท่มากสินะ" ยุวชนทหารร่างผอมพูดใส่หน้าอาชิน

      "ฉันไม่สนว่าพวกนายจะคิดยังไง ฉันแค่ทำตามที่ตัวเองคิดเท่านั้น ซึ่งอย่างน้อยมันทำให้ทุกคนรอดได้กินข้าวกันแต่ถ้ามันทำให้พวกนายไม่พอใจฉันก็ห้ามไม่ได้" อาชินพูด

      สถานการณ์เริ่มไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเพราะคำพูดของอาชินนั้นก็สร้างความไม่พอใจให้กับยุวชนทหารกลุ่มนี้อย่างมาก ซึ่งมันทำให้กลุ่มยุวชนทหารอีกกลุ่มที่จับตามองอาชินกับเฟรมก่อนหน้านี้สนใจไม่ใช่น้อย ยุวชนทหารร่างใหญ่เดินมาประจันหน้ากับอาชินทันทีซึ่งเด็กชายก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวต่ออีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งทำให้อีกฝ่ายขาดความมั่นใจในการข่มคนอื่นพอสมควร

      "ฉันว่านายอย่าพยายามกวนประสาทฉันดีกว่านะ บอกมาดีกว่าไอ้ตัวต้นเรื่องอยู่ไหนฉันต้องการเล่นมันไม่ใช่นาย"        

      "คนที่นายต้องการตัวไม่ใช่แค่เพื่อนเท่านั้นแต่เป็นพี่น้องของฉัน ถ้านายคิดจะทำอะไรเขาต้องผ่านฉันเท่านั้น"

      เมื่อได้ยินแบบนั้นยุวชนทหารร่างใหญ่ก็เอามือขวาจะคว้าคอเสื้อของอาชิน แต่กลับมีอีกคนจับข้อมือของยุวชนทหารร่างใหญ่เอาไว้ทำให้ทั้งสองฝ่ายชะงักเมื่อได้เห็นบุคคลที่สามเข้ามา ยุวชนทหารรอบตัวอาชินพากันงงเป็นไก่ตาแตกว่ายุวชนทหารคนนี้ฝ่าวงล้อมมาตอนไหนแต่ที่แน่ๆคือสูงกว่าอาชินมากซึ่งยุวชนทหารคนนี้มีผมสีดำผิวขาวเหลืองดวงตาน้ำตาลเข้มจนเหมือนดำท่าทางของเขาดูไม่พอใจกับพฤติกรรมของฝ่ายที่มาหาเรื่องอาชินกับเฟรมอย่างมาก

      "แกเป็นใครอยากมีเรื่องเหรอ" ยุวชนทหารร่างใหญ่พูดแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ซึ่งอาชินเห็นชื่อในปกเสื้อเขียนว่า หวังเสี่ยวหู่

      "ตัวใหญ่ชะเปล่าแต่ก็ยังยกพวกมาข่มเหงคนอื่น ยังกล้าเรียกว่าทหารอีกเหรอ" เสี่ยวหู่พูดพร้อมสะบัดมือปล่อยอีกฝ่าย

      "แล้วมันเป็นเรื่องบงการอะไรของแกว่ะ อยากมีเรื่องเหรอ" ยุวชนทหารร่างใหญ่พูดกับเสี่ยวหู่อย่างเอาเรื่อง

      เสี่ยวหู่นอกจากจะไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายแล้วเขายังเอามือทั้งสองข้างดันหน้าอกของอีกฝ่ายเต็มแรง ซึ่งฝ่ายของยุวชนทหารร่างใหญ่ก็เซไปชนเพื่อนที่อยู่ข้่างหลัง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เกรงกลัวแถมพร้อมที่จะตอบโต้เช่นกันที่สำคัญกว่านั้นเสี่ยวหู่ก็ไม่ได้มาคนเดียวยังมีเพื่อนมาเป็นแนวร่วมด้วยอีก 6-7 แน่นอนว่ามันทำให้ความมั่นใจหายหดทันทีแต่ต้องรักษาฟอร์มเอาไว้

      "นายไม่พอใจเพื่อนของหมอนี้ที่ทำให้เดือดร้อนทั้งกลุ่ม ฉันเข้าใจแต่นายไม่มีสิทธิ์ข่มเหงใครได้เหมือนกัน"

      เสียงของยุวชนทหารอีกนายซึ่งดังมาจากข้างๆเสี่ยวหู่ซึ่งอาชินจำได้ว่าคนนั้นคือคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับเขาและมองหน้าเขาก่อนจะแยกแถวและพอดีเขาเห็นชื่อปกเขียนว่า "หม่าเทียนเจี๋ย" ท่าทางของเขาก็พร้อมตอบโต้เช่นกันซึ่งตอนนี้เหล่าลูกน้องของฝ่ายยุวชนทหารร่างใหญ่ต่างพากันทำตัวไม่ถูกเพราะเห็นความโลเลของหัวโจ๊ก                

      "แล้วอย่างที่ครูฝึกบอกฉัน นาย และคนอื่นเลือกจะนิ่งเฉยไม่แก้ปัญหาร่วมกัน ก็ต้องรับผลของมันอยู่แล้วแต่ถ้านายยังข้องใจอยู่ฉันก็ไม่ปฏิเสธนะ" น้ำเสียงและแววตาที่จริงจังก็ทำเอาอีกฝ่ายใจฝ่อได้เช่นกัน

      "ก็ได้วันนี้แกรอดไปอย่าให้มีอีกละกันพวกเรากลับ" ยุวชนทหารร่างใหญ่สั่งผู้ติดตามให้ถอยทัพซึ่งทั้งกลุ่มพากันเดินออกจากโรงอาหารไป เหลือเพียงอาชิน เฟรม และพวกเสี่ยวหู่เท่านั้นซึ่งหลังจากคู่กรณีไปแล้ว เฟรมทรุดลงกับที่นั่งราวกับคนอ่อนแรงทันทีทำเอาอาชินแปลกใจเหมือนกัน

      "ให้ตายเถอะใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าต้องมีเรื่องแล้วชะอีก" เฟรมกล่าวอย่างโล่งใจ

      "ขอบใจมากนะที่มาช่วย" อาชินกล่าวขอบคุณเสี่ยวหู่

      "ไม่เป็นไรนายไม่ต้องขอบใจฉันหรอก ฉันแค่ทำให้สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น" เสี่ยวหู่ตอบ

      อาชินก้มมองนามสกุลของเสี่ยวหู่อีกครั้งเขาเคยได้ยินจากบรรดาญาติในตระกูลหวงพูดถึงอยู่ ตระกูล หวัง ก็มีประวัติยาวนานไม่แพ้ตระกูลของเขา ที่สำคัญมีบุคคลสำคัญหลายคนที่มาจากตระกูลนี้เยอะพอสมควรไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้เจอกับคนของตระกูลหวังในยามวิกฤติที่เขากับเฟรมมีเรื่องพอดี                               

      "ยังไงก็ต้องขอบใจนายอยู่ดี" อาชินพูดอย่างเป็นมิตร

      "ไม่เป็นไรหรอก...ตอนนี้นายกับเพื่อนนายไม่เป็นไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ" เสี่ยวหู่กล่าวกับอาชิน แล้วเดินจากไป

      "เจอกันที่จุดร่วมพลนะเพื่อน" คนที่ชื่อหม่าเทียนเจี๋ยหันมาพูดกับอาชินก่อนจะเดินตามหลังเพื่อนของเขาไป

      เมื่อปัญหาเรื่องยุ่งยากจบลงแล้วอาชินหันกลับมาสานธุระของเขาต่อ โดยเขากลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิมเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งเฟรมเองก็ปรับตัวไม่ถูกกับการเปลี่ยนโทนอารมณ์ของอาชิน

      "ที่นายถามก่อนหน้านั้นว่าทำไมฉันถึงไม่ถามอาถิง เพราะคำถามต่อไปนี้ฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะกล้าตอบฉันรึเปล่า"

      "คำถามอะไร" เฟรมถาม อาชินมองหน้าอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

      "ฉันอยากรู้ว่า ลุงของฉันต้องติดคุกนะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่ฉันไหม" เฟรมถอนหายใจ

      “เรื่องนั้นฉันตอบนายไม่ได้หรอกเพื่อน ไม่ใช่ปิดบังนายนะเท่าที่ฉันได้ยินมาลุงนายก่อเรื่องเอาไว้เยอะมาก สุดท้ายก็ต้องติดคุกแล้วเห็นว่าอยู่คุกที่นี้ไม่ได้ต้องย้ายไปที่อื่น แต่ฉันไม่รู้ว่าที่ไหน" เฟรมตอบ

      ท่าทางและสีหน้าของเฟรมนั้นบ่งบอกถึงความสัตย์จริงว่าเขาไม่ได้โกหก ทันทีที่อาชินได้รับคำตอบแบบนั้นเขาจึงคว้าถ้วยบะหมี่เหลืองลุกจากโต๊ะไปเททิ้งแล้วเดินออกจากโรงอาหารไป ทิ้งให้เฟรมนั่งงงปนกับความรู้สึกผิดที่เขานั้นไม่สามารถช่วยเพื่อนได้เลย

                                          

                                                     +++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา