นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
43.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
41) ตอนที่ 41 ความกังวล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ้านท่านทูตอากิระ เวลา 08.30 น.
นับแต่หลังจากเหตุการณ์ที่บ้านซึ่งผ่านมาได้ 5 อาทิตย์กว่าๆ อาชินก็ฝังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา นอกจากเวลาอาบน้ำกับกินข้าวเท่านั้น เด็กชายแทบไม่สุงสิงกับใครเลยแม้แต่กับกลุ่มเพื่อนสนิทอย่างกลุ่มอาเจี๋ย ในส่วนของทางด้านอาเจี๋ยนั้นเขาที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก ยอมปล่อยให้กาลเวลาเยียวยาจิตใจของเพื่อนก่อน อาเจี๋ยตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับคนอื่นที่ไม่ได้ไปด้วยในวันที่เขากับอาชิน แอบออกจากบ้านซึ่งทุกคนเองก็พอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เนื่องจากว่าพวกอาหมิงรับรู้เพียงแค่อารมณ์เสียใจผสมกับโกรธของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปอ่านความคิดลึกขนาดนั้น
"แล้วพวกเราต้องปล่อยให้อาชินขังตัวเองแบบนั้นเหรอ" อาหลงถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่กลับมาจากบ้านหมอนี้ก็เริ่มขังตัวเองไว้ในห้องแล้ว... ตอนที่ฉันสองคนไม่อยู่กันนะ มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
เจอคำถามนี้เข้าไปอาหมิงกับอาหลงยิ้มเจื่อนๆใส่อาเจี๋ยทันที ในขณะที่เสี่ยวหู่กับเฮยหลงนั้นก็ไม่กล้าสบตากับเขา ทำให้เด็กชายผิวเข้มชักเริ่มแปลกใจจึงเค้นให้เพื่อนๆพูด ทางสายตาแทนซึ่งอาหลงก็ใช้ศอกสะกิดให้อาหมิงเป็นคนพูด และเมื่ออาหมิงหันไปมองคนอื่นซึ่งทุกคนก็เลือกให้อาหมิงเป็นคนบอกกับอาเจี๋ย แต่ไม่คิดถามเขาสักคำว่าเขาพร้อมบอกรึเปล่า
"ตอนที่นายกับอาชินไม่อยู่นะ อยากจะบอกว่าทุกคนในบ้านเขารู้กันหมดเลย" อาหมิงพูดเบาๆ
"ทุกคนเลยเหรอ....ได้ไง" อาเจี๋ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
"ก็พวกพี่กำแพงอะดิ..สงสัยว่าพวกเราวางแผนอะไรกันไว้ เลยใช้โทรจิตเชื่อมทางความคิดมาที่พวกเรา นั้นร่วมนายกับอาชินด้วยแน่นอนว่าเมื่อพวกนายออกไปแล้ว พวกฉันตั้งใจจะทำตามแผนที่เตรียมกันแต่พี่กำแพงดักรอพอดี" อาหมิงตอบ
"แล้วตอนที่นายสองคนกลับชะแบบว่าเช้าเลย จนแบบว่าเลยกินมื้อเช้าก็ได้พวกพี่เขานี่แหละแก้ต่างให้ว่านายสองคน ยังไม่ตื่น" อาหลงเสริมอีกแรง
อาเจี๋ยพอนึกออกในวันที่อาชินกับเขากว่าจะถึงบ้านนั้น มันเลยมื้อเช้าไปแล้วแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านกลับพบจานข้าววางไว้ ที่โต๊ะราวกับว่ามีคนมาวางไว้ รอให้กลับมากินซึ่งอาเจี๋ยแน่ใจว่าที่ห้องของอาชินก็คงมี แต่ไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าอาชินจะมีอารมณ์กินข้าวไหมในตอนนั้น สักพักก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นจากข้างหลังของพวกอาเจี๋ย ทำเอาพวกเขาตกใจไปตามๆกัน
"สรุปจือชินยังเลือกขังตัวเองแบบนั้นใช่ไหม"
อาเจี๋ยหันกลับไปมองเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน่าจะประมาณ 13-14 ปี รูปร่างสูงและกำยำพอสมควร ผิวสีเข้มเหมือนอาเจี๋ยและมีผมกับดวงสีดำสนิทเหมือนกัน เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีขาวกุมหัวเข่า จากโทรจิตที่เชื่อมหากันทำให้อาเจี๋ยรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ สันติสุข บุญญาวนิชหรืออีกชื่อคือ บุ๊ค อาเจี๋ยรู้ดีว่าสันติสุขไม่ได้มาตัวเป็นๆแต่มาในร่างกายละเอียดหรือ ที่เรียกง่ายๆว่ากายจิตซึ่งจะมีแค่เพียงพวกนักรบฟินิกซ์หรือผู้มีพลังจิตเท่านั้นที่จะมองเห็นได้
"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ทันทีที่หมอนั้นเข้าห้องไปก็ปิดล็อคไม่ให้เข้าไปเลย พวกผมก็ไม่กล้าใช้กายจิตเข้าไปโดยพลการด้วยนะครับ" เฮยหลงตอบ สันติสุขก็เอาท่าครุ่นคิดอยู่สักหนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตูหนึ่งครั้งและคนที่เปิดเข้ามาคือ หวังเสี่ยวหลง นั้นเอง
"ทุกคนฉันเห็นอาชินจะไปดูหน่อยไหม" เสี่ยวหลงถามขึ้น พวกอาเจี๋ยหันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง
++++++++++++++++++++
อาชินกระหน่ำซัดกำปั้นซ้าย-ขวาใส่หุ่นซ้อมอย่างบ้าคลั่ง ตลอดเวลาที่เขาขังอยู่ในห้องนั้นเด็กชายมีความตั้งใจจะ พัฒนาโปรแกรมไมคอนแต่กลับไม่มีสมาธิจะทำเลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ความโกรธเท่านั้นอาชินไม่รู้จะทำอะไรกับมันนอกจากว่า ต้องหาที่ระบายเท่านั้นดังนั้นเด็กชายจึงตัดสินใจ มาที่ห้องใต้ดินนี้โดยเฉพาะซึ่งเขาพังหุ่นยนตร์ไปแล้วหลายตัว แต่ไฟโทสะมันก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย อาชินไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งกำลังทรมานตัวเขาดี ระหว่างที่เขากำลังสิ้นหวังอยู่นั้นได้มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ปรากฎตัวขึ้นเมื่ออาชินเงยหน้าขึ้นก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน ร้อยเอกหลี่ชิงโปนั้นเอง
"ฝีมือไม่เลวเลยนี่ ฉันตอนอายุเท่านายยังไม่ได้ขนาดนี้เลย" ร้อยเอกหลี่ชิงโปกล่าวชื่นชม
"ครูต้องการอะไร" อาชินถามตรงๆ ซึ่งอีกฝ่ายรู้ถึงชอบใจที่ถูกถามตรงๆ
"ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่จะบอกว่าคราวนี้ประจับใจมากกับฝีมือนาย..เลยจะมาชวนไปฝึกที่หน่วยกับฉันไหม นายจะได้ฝึกกับเด็กที่โตกว่าแน่นอน มันมีโอกาสที่นายจะพัฒนาก้าวกระโดดกว่าที่นี้อยู่แล้ว ที่สำคัญฉันรู้วิธีที่จะชำระสิ่งที่ทรมานนายอยู่"
"ผมต้องทำยังไง" อาชินถาม ร้อยเอกหลี่ชิงโปลงมากระซิบข้างหูของเด็กชาย
"ปลดปล่อยมันออกมายังไงละ ฉันจะสอนให้ถ้านายตกลง" ร้อยเอกหลี่ชิงโปพูดเบาๆ
สักพักเสียงเท้าเดินหลายคนก็กรูเข้ามาทางที่อาชินกับร้อยเอกหลี่ชิงโปอยู่ คนที่นำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หวงเซียงผาง นั้นเอง ดูจากสีหน้าน่าจะทั้งตกใจผสมกับความกังวลที่เห็นร้อยเอกหลี่ชิงโปอยู่นี้ เบื้องหลังของหวงเซียงผางคือพวกอาหมิงนั้นเอง ร้อยเอกหลี่ชิงโปเดินมาเผชิญหน้ากับหวงเซียงผางอย่างท้าทาย อาเจี๋ยพึ่งสังเกตเห็นสีหน้าของอาหมิงเมื่อเห็นร้อยเอกหลี่ชิงโป จนพึ่งคิดได้ว่าอาหมิงเป็นคนตระกูลหลี่แสดงว่าอาจรู้จักกัน
"นายมาทำอะไรที่นี้" หวงเซียงผางถาม
"ฉันแค่มาเยี่ยม "ลูกศิษย์" เท่านั้น" ร้อยเอกหลี่ชิงโปตอบ
"ไม่ใช่แค่นั้นหรอกมั่งฉันว่า" หวงเซียงผางพูด
"ฉันไม่อยากมีเรื่องกับนายเอาเป็นว่า ฉันหมดธุระกับที่นี้แล้ว.... ขอเสนอของฉันนายลองคิดดูดีๆนะ" ร้อยเอกหลี่ชิงโปหันมาพูดกับอาชินก่อนจะเดินเลยหวงเซียงผางและ หายตัวไปพริบตาจากตรงนั้นทันที หวงเซียงผางหันกลับมามองหน้าอาชินซึ่งตอนนี้ เด็กชายไม่มองหน้าใครทั้งนั้น นอกจากเดินจากไปแบบไม่สบตากับใครเลย หวงเซียงผางรู้เรื่องราวทั้งหมดจากหวงฉี่ชุ่นแล้ว ซึ่งได้ฝากให้ชายหนุ่มดูแลเพราะตอนนี้เด็กชายคงไม่อยากเจอหน้าปู่ แต่เมื่อเขาหันไปมองซากหุ่นต์ที่นอนกับพื้นทำให้เขากังวลมาก
อาเจี๋ยลากตัวอาหมิงออกมาทันทีทำให้พวกทีเหลือตกใจอย่างมาก อาเจี๋ยพาพวกอาหมิงมาที่สวนนั่งเล่นกลางบ้านซึ่งท่านทูตอากิระ จะใช้เป็นที่ดื่มน้ำชาแต่หากท่านไม่อยู่ก็ไม่ค่อยมีคน มาอยู่ตรงนี้ดังนั้นจึงเหมาะที่จะพูดคุยกันโดยเฉพาะกลุ่มของพวกเขา อาหมิงมีท่าทีงุนงงว่าอาเจี๋ยพามาที่นี้ทำไม
"อาหมิง นายรู้จักทหารคนเมื่อกี้ใช่ไหม" อาเจี๋ยถาม
"ใช่ แต่เขาอยู่ลำดับ 2" อาหมิงตอบ อาหลงก็เหมือนทำหน้าร้องออขึ้นมา และลูบบริเวณที่เคยโดนร้อยเอกหลี่ชิงโปเตะมา
"หมอนี้โรคจิต... คราวก่อนที่ฝึกกับมันนะ มันตบหน้าจัสติน การ์เนอร์แล้วยังมาเตะกับชกท้องฉันด้วย" อาหลงพูดอย่างเจ็บใจ
"ขนาดนั้นเลยเหรอ" เสี่ยวหู่ถาม อาหลงพยักหน้ายืนยันความจริง อาหมิงหน้าเสียเล็กน้อย
"ที่นายโดนนะยังน้อยไปที่ตระกูลหลี่ลำดับ 2 นะหลี่ชิงโปมีประวัติทำร่างกายภรรยาเขา จนมีการฟ้องหย่ากันเพื่อแย่งลูกจนสุดท้ายแล้วผู้นำตระกูลหลี่ลำดับ 2 ตัดสินใจจะดูแลลูกของทั้งสองไว้ พร้อมกับสั่งไม่ให้หลี่ชิงโปยุ่งกับเด็กอีกหลังจากที่...." อาหมิงเงียบลงไม่พูดต่อทำให้พวกอาเจี๋ยสงสัย
"หลักจากอะไรอาหมิง" เฮยหลงถาม
"พวกเขาพบรอยช้ำทั่วร่างกายของลูกชายสองคนของหลี่ชิงโป ที่เกิดจากการฝึกและการที่เขาไม่พอใจที่ลูกๆไม่ได้รับการถูกเลือก"
"ใครได้หมอนี้เป็นครู ซวยแน่ๆเพราะต้องยัดเยียดเรื่องไม่ดีใส่หัวแน่นอน" อาหลงพูดลอยๆขึ้นมา
คำพูดของอาหลงทำเอาอาเจี๋ยใจคอไม่ดีเลยเพราะร้อยเอกหลี่ชิงโปนั้น อยู่กับอาชินเพื่อนของเขาที่สำคัญเขาได้ยินคำว่า "ข้อเสนอ" มันเป็นการบ่งบอกว่าทหารยศนายร้อยคนนี้กำลังเล็งอาชิน ไม่รู้เพื่อเอาไปเป็นศิษย์หรือมีจุดประสงค์อะไรรึเปล่า แต่มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ อาเจี๋ยได้แต่หวังว่าอาชินจะไม่คล้อยตามข้อเสนอนั้น
+++++++++++++++++++++++++++
นับแต่หลังจากเหตุการณ์ที่บ้านซึ่งผ่านมาได้ 5 อาทิตย์กว่าๆ อาชินก็ฝังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา นอกจากเวลาอาบน้ำกับกินข้าวเท่านั้น เด็กชายแทบไม่สุงสิงกับใครเลยแม้แต่กับกลุ่มเพื่อนสนิทอย่างกลุ่มอาเจี๋ย ในส่วนของทางด้านอาเจี๋ยนั้นเขาที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก ยอมปล่อยให้กาลเวลาเยียวยาจิตใจของเพื่อนก่อน อาเจี๋ยตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับคนอื่นที่ไม่ได้ไปด้วยในวันที่เขากับอาชิน แอบออกจากบ้านซึ่งทุกคนเองก็พอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เนื่องจากว่าพวกอาหมิงรับรู้เพียงแค่อารมณ์เสียใจผสมกับโกรธของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปอ่านความคิดลึกขนาดนั้น
"แล้วพวกเราต้องปล่อยให้อาชินขังตัวเองแบบนั้นเหรอ" อาหลงถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่กลับมาจากบ้านหมอนี้ก็เริ่มขังตัวเองไว้ในห้องแล้ว... ตอนที่ฉันสองคนไม่อยู่กันนะ มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
เจอคำถามนี้เข้าไปอาหมิงกับอาหลงยิ้มเจื่อนๆใส่อาเจี๋ยทันที ในขณะที่เสี่ยวหู่กับเฮยหลงนั้นก็ไม่กล้าสบตากับเขา ทำให้เด็กชายผิวเข้มชักเริ่มแปลกใจจึงเค้นให้เพื่อนๆพูด ทางสายตาแทนซึ่งอาหลงก็ใช้ศอกสะกิดให้อาหมิงเป็นคนพูด และเมื่ออาหมิงหันไปมองคนอื่นซึ่งทุกคนก็เลือกให้อาหมิงเป็นคนบอกกับอาเจี๋ย แต่ไม่คิดถามเขาสักคำว่าเขาพร้อมบอกรึเปล่า
"ตอนที่นายกับอาชินไม่อยู่นะ อยากจะบอกว่าทุกคนในบ้านเขารู้กันหมดเลย" อาหมิงพูดเบาๆ
"ทุกคนเลยเหรอ....ได้ไง" อาเจี๋ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
"ก็พวกพี่กำแพงอะดิ..สงสัยว่าพวกเราวางแผนอะไรกันไว้ เลยใช้โทรจิตเชื่อมทางความคิดมาที่พวกเรา นั้นร่วมนายกับอาชินด้วยแน่นอนว่าเมื่อพวกนายออกไปแล้ว พวกฉันตั้งใจจะทำตามแผนที่เตรียมกันแต่พี่กำแพงดักรอพอดี" อาหมิงตอบ
"แล้วตอนที่นายสองคนกลับชะแบบว่าเช้าเลย จนแบบว่าเลยกินมื้อเช้าก็ได้พวกพี่เขานี่แหละแก้ต่างให้ว่านายสองคน ยังไม่ตื่น" อาหลงเสริมอีกแรง
อาเจี๋ยพอนึกออกในวันที่อาชินกับเขากว่าจะถึงบ้านนั้น มันเลยมื้อเช้าไปแล้วแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านกลับพบจานข้าววางไว้ ที่โต๊ะราวกับว่ามีคนมาวางไว้ รอให้กลับมากินซึ่งอาเจี๋ยแน่ใจว่าที่ห้องของอาชินก็คงมี แต่ไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าอาชินจะมีอารมณ์กินข้าวไหมในตอนนั้น สักพักก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นจากข้างหลังของพวกอาเจี๋ย ทำเอาพวกเขาตกใจไปตามๆกัน
"สรุปจือชินยังเลือกขังตัวเองแบบนั้นใช่ไหม"
อาเจี๋ยหันกลับไปมองเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน่าจะประมาณ 13-14 ปี รูปร่างสูงและกำยำพอสมควร ผิวสีเข้มเหมือนอาเจี๋ยและมีผมกับดวงสีดำสนิทเหมือนกัน เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีขาวกุมหัวเข่า จากโทรจิตที่เชื่อมหากันทำให้อาเจี๋ยรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ สันติสุข บุญญาวนิชหรืออีกชื่อคือ บุ๊ค อาเจี๋ยรู้ดีว่าสันติสุขไม่ได้มาตัวเป็นๆแต่มาในร่างกายละเอียดหรือ ที่เรียกง่ายๆว่ากายจิตซึ่งจะมีแค่เพียงพวกนักรบฟินิกซ์หรือผู้มีพลังจิตเท่านั้นที่จะมองเห็นได้
"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ทันทีที่หมอนั้นเข้าห้องไปก็ปิดล็อคไม่ให้เข้าไปเลย พวกผมก็ไม่กล้าใช้กายจิตเข้าไปโดยพลการด้วยนะครับ" เฮยหลงตอบ สันติสุขก็เอาท่าครุ่นคิดอยู่สักหนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตูหนึ่งครั้งและคนที่เปิดเข้ามาคือ หวังเสี่ยวหลง นั้นเอง
"ทุกคนฉันเห็นอาชินจะไปดูหน่อยไหม" เสี่ยวหลงถามขึ้น พวกอาเจี๋ยหันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง
++++++++++++++++++++
อาชินกระหน่ำซัดกำปั้นซ้าย-ขวาใส่หุ่นซ้อมอย่างบ้าคลั่ง ตลอดเวลาที่เขาขังอยู่ในห้องนั้นเด็กชายมีความตั้งใจจะ พัฒนาโปรแกรมไมคอนแต่กลับไม่มีสมาธิจะทำเลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ความโกรธเท่านั้นอาชินไม่รู้จะทำอะไรกับมันนอกจากว่า ต้องหาที่ระบายเท่านั้นดังนั้นเด็กชายจึงตัดสินใจ มาที่ห้องใต้ดินนี้โดยเฉพาะซึ่งเขาพังหุ่นยนตร์ไปแล้วหลายตัว แต่ไฟโทสะมันก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย อาชินไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งกำลังทรมานตัวเขาดี ระหว่างที่เขากำลังสิ้นหวังอยู่นั้นได้มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ปรากฎตัวขึ้นเมื่ออาชินเงยหน้าขึ้นก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน ร้อยเอกหลี่ชิงโปนั้นเอง
"ฝีมือไม่เลวเลยนี่ ฉันตอนอายุเท่านายยังไม่ได้ขนาดนี้เลย" ร้อยเอกหลี่ชิงโปกล่าวชื่นชม
"ครูต้องการอะไร" อาชินถามตรงๆ ซึ่งอีกฝ่ายรู้ถึงชอบใจที่ถูกถามตรงๆ
"ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่จะบอกว่าคราวนี้ประจับใจมากกับฝีมือนาย..เลยจะมาชวนไปฝึกที่หน่วยกับฉันไหม นายจะได้ฝึกกับเด็กที่โตกว่าแน่นอน มันมีโอกาสที่นายจะพัฒนาก้าวกระโดดกว่าที่นี้อยู่แล้ว ที่สำคัญฉันรู้วิธีที่จะชำระสิ่งที่ทรมานนายอยู่"
"ผมต้องทำยังไง" อาชินถาม ร้อยเอกหลี่ชิงโปลงมากระซิบข้างหูของเด็กชาย
"ปลดปล่อยมันออกมายังไงละ ฉันจะสอนให้ถ้านายตกลง" ร้อยเอกหลี่ชิงโปพูดเบาๆ
สักพักเสียงเท้าเดินหลายคนก็กรูเข้ามาทางที่อาชินกับร้อยเอกหลี่ชิงโปอยู่ คนที่นำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หวงเซียงผาง นั้นเอง ดูจากสีหน้าน่าจะทั้งตกใจผสมกับความกังวลที่เห็นร้อยเอกหลี่ชิงโปอยู่นี้ เบื้องหลังของหวงเซียงผางคือพวกอาหมิงนั้นเอง ร้อยเอกหลี่ชิงโปเดินมาเผชิญหน้ากับหวงเซียงผางอย่างท้าทาย อาเจี๋ยพึ่งสังเกตเห็นสีหน้าของอาหมิงเมื่อเห็นร้อยเอกหลี่ชิงโป จนพึ่งคิดได้ว่าอาหมิงเป็นคนตระกูลหลี่แสดงว่าอาจรู้จักกัน
"นายมาทำอะไรที่นี้" หวงเซียงผางถาม
"ฉันแค่มาเยี่ยม "ลูกศิษย์" เท่านั้น" ร้อยเอกหลี่ชิงโปตอบ
"ไม่ใช่แค่นั้นหรอกมั่งฉันว่า" หวงเซียงผางพูด
"ฉันไม่อยากมีเรื่องกับนายเอาเป็นว่า ฉันหมดธุระกับที่นี้แล้ว.... ขอเสนอของฉันนายลองคิดดูดีๆนะ" ร้อยเอกหลี่ชิงโปหันมาพูดกับอาชินก่อนจะเดินเลยหวงเซียงผางและ หายตัวไปพริบตาจากตรงนั้นทันที หวงเซียงผางหันกลับมามองหน้าอาชินซึ่งตอนนี้ เด็กชายไม่มองหน้าใครทั้งนั้น นอกจากเดินจากไปแบบไม่สบตากับใครเลย หวงเซียงผางรู้เรื่องราวทั้งหมดจากหวงฉี่ชุ่นแล้ว ซึ่งได้ฝากให้ชายหนุ่มดูแลเพราะตอนนี้เด็กชายคงไม่อยากเจอหน้าปู่ แต่เมื่อเขาหันไปมองซากหุ่นต์ที่นอนกับพื้นทำให้เขากังวลมาก
อาเจี๋ยลากตัวอาหมิงออกมาทันทีทำให้พวกทีเหลือตกใจอย่างมาก อาเจี๋ยพาพวกอาหมิงมาที่สวนนั่งเล่นกลางบ้านซึ่งท่านทูตอากิระ จะใช้เป็นที่ดื่มน้ำชาแต่หากท่านไม่อยู่ก็ไม่ค่อยมีคน มาอยู่ตรงนี้ดังนั้นจึงเหมาะที่จะพูดคุยกันโดยเฉพาะกลุ่มของพวกเขา อาหมิงมีท่าทีงุนงงว่าอาเจี๋ยพามาที่นี้ทำไม
"อาหมิง นายรู้จักทหารคนเมื่อกี้ใช่ไหม" อาเจี๋ยถาม
"ใช่ แต่เขาอยู่ลำดับ 2" อาหมิงตอบ อาหลงก็เหมือนทำหน้าร้องออขึ้นมา และลูบบริเวณที่เคยโดนร้อยเอกหลี่ชิงโปเตะมา
"หมอนี้โรคจิต... คราวก่อนที่ฝึกกับมันนะ มันตบหน้าจัสติน การ์เนอร์แล้วยังมาเตะกับชกท้องฉันด้วย" อาหลงพูดอย่างเจ็บใจ
"ขนาดนั้นเลยเหรอ" เสี่ยวหู่ถาม อาหลงพยักหน้ายืนยันความจริง อาหมิงหน้าเสียเล็กน้อย
"ที่นายโดนนะยังน้อยไปที่ตระกูลหลี่ลำดับ 2 นะหลี่ชิงโปมีประวัติทำร่างกายภรรยาเขา จนมีการฟ้องหย่ากันเพื่อแย่งลูกจนสุดท้ายแล้วผู้นำตระกูลหลี่ลำดับ 2 ตัดสินใจจะดูแลลูกของทั้งสองไว้ พร้อมกับสั่งไม่ให้หลี่ชิงโปยุ่งกับเด็กอีกหลังจากที่...." อาหมิงเงียบลงไม่พูดต่อทำให้พวกอาเจี๋ยสงสัย
"หลักจากอะไรอาหมิง" เฮยหลงถาม
"พวกเขาพบรอยช้ำทั่วร่างกายของลูกชายสองคนของหลี่ชิงโป ที่เกิดจากการฝึกและการที่เขาไม่พอใจที่ลูกๆไม่ได้รับการถูกเลือก"
"ใครได้หมอนี้เป็นครู ซวยแน่ๆเพราะต้องยัดเยียดเรื่องไม่ดีใส่หัวแน่นอน" อาหลงพูดลอยๆขึ้นมา
คำพูดของอาหลงทำเอาอาเจี๋ยใจคอไม่ดีเลยเพราะร้อยเอกหลี่ชิงโปนั้น อยู่กับอาชินเพื่อนของเขาที่สำคัญเขาได้ยินคำว่า "ข้อเสนอ" มันเป็นการบ่งบอกว่าทหารยศนายร้อยคนนี้กำลังเล็งอาชิน ไม่รู้เพื่อเอาไปเป็นศิษย์หรือมีจุดประสงค์อะไรรึเปล่า แต่มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ อาเจี๋ยได้แต่หวังว่าอาชินจะไม่คล้อยตามข้อเสนอนั้น
+++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ