นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
43.28K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
31) ตอนที่ 31 วิหารนกฟินิกซ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหน้าค่ายยุวชนทหาร เวลา 08.00 น.
อาชิน อาถิง เฟรม และพวกแคลวินนั้นกำลังยืนต่อแถวเพื่อขึ้นรถบัส วันนี้พวกเขาต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่าๆพวกเขา ต้องรีบแต่งตัวเพื่อให้มาขึ้นรถบัสที่จอดรอหน้าค่ายซึ่งพวกอาชินนั้น ได้นั่งรถคันแรกแต่ครูฝึกยังไม่ได้สั่งให้ขึ้น เพราะต้องการตัดแถวให้เรียบร้อยเพื่อความเป็นระเบียบ เด็กชายหันไปมองแถวที่อยู่ข้างหลังตนเอง ทำเอาเขาแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอเลยทีเดียว ขนาดครูฝึกพยายามที่จะตัดแถวแล้ว อาชินก็ยังรู้สึกว่าคนที่จะเดินทางไปวิหารฟินิกซ์นั้น ยังเยอะอยู่ดี
วิหารนกฟินิกซ์นั้นเป็นสถานที่เก่าแก่และมีอายุมายาวนานกว่า 60,000 ปี เห็นว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งประเทศมาเลย วิหารนกฟินิกซ์นั้นยังเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่ใครจะเข้าได้ง่ายๆ หากไม่ได้รับอนุญาตเพราะมันเป็นที่เก็บของศักสิทธิ์เอาไว้ ร่วมไปถึงเป็นที่ฝังศพของนักรบฟินิกซ์ที่ตายในสนามรบหรือตามอายุขัย พวกเขาเหล่านั้นจะไม่ถูกฝังเหมือนทหารทั่วไป ต้องนำมาใส่ในวิหารนกฟินิกซ์นี้เท่านั้น หวงฉี่ชุ่นเล่าให้อาชินกับอาถิงฟังว่า โลงของพวกนักรบฟินิกซ์เป็นโลงแก้วเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาจะไปเกิดใหม่ ศพของพวกเขาจะหายไปเอง
ส่วนของการคัดเลือกนั้นกองทัพจะเอาวันเดือนปีเกิด ของยุวชนทหารที่กำลังจะอายุครบ 6 ขวบ มาร่วมตัวกันเพื่อพาไปยังวิหารดังกล่าวนั้นแม้ว่ายังมีบางคนอายุยังไม่ครบบริบูรณ์ แต่หากเกิดปีเดียวก็ถือว่าสามารถไปได้แน่นอนว่า ตอนนี้มันถึงคิวของพวกอาชินแล้ว ใจจริงเขาก็ไม่อยากตื่นเต้นนะแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ เขาเคยเห็นวิหารนกฟินิกซ์ในรูปเท่านั้นแต่ไม่เคยได้เห็นด้วยตา และยอมรับว่าอยากเห็นว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่
“ขึ้นรถกันได้แล้ว เร็วเข้า ! อย่าชักช้า" ครูฝึกเดินออกมาตะโกนเสียงดังขึ้นพร้อมเป่านกหวีด
และแล้วอาชินกับอาถิงก็ถูกต้อนขึ้นรถโดยทั้งสองเลือกนั่ง ตรงที่ใกล้กับประตูทางออกของรถมากที่สุด ในขณะที่เฟรม เฟร็ด ไมค์ เกรแฮม และแคลวินนั่งอยู่ข้างหลังพวกเขาเอง สักพักแคลวินก็สะกิดอาชินและชี้ไปข้างนอก อาชินแทบไม่อยากจะมองเท่าไหร่ไม่ใช่ใครที่ไหน แดเนียล ฟอร์ดนั้นเอง แต่ที่น่าสนใจคือเด็กชายอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง แต่งตัวเป็นผู้ดีมีภูมิฐานมากเหมือนกำลังพูดคุยกับเขาอยู่
“นั้นแม่เขาเหรอ" อาชินถาม
“ใช่ นั้นคือ เลดี้แชริตี้ ฟอร์ด" แคลวินพูด
เลดี้แชริตี้ ฟอร์ด เป็นหญิงสาวผิวสีแทนน้ำผึ้งอ่อน ผมยาวสีดำสลวย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน รูปร่างเหมือนทรงนาฬิกาทราย โดยร่วมแล้วเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก เธอแสดงความรักกับแดเนียลผู้เป็นลูกชายอย่างอ่อนโยน แต่ทำไมเจ้าตัวกลับไม่ยินดียินร้ายกับท่าทีของแม่ตัวเองเลย หลังจากนั้นแดเนียลก็เดินไปเข้ากลุ่มของเพื่อน ที่อาชินสังเกตเห็นชัดเจนคือแดเนียลไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองเลดี้แชริตี้เลย ถ้าเป็นอาถิงนะคงดีใจตายเลย
“อะไรของแม่ลูกคู่นี้ละเนี่ย..." อาชินพูดเบาๆ แต่ไมค์ที่นั่งกับแคลวินได้ยินพอดี
“ยังมีอะไรอีกเยอะที่นายอาจไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวแดเนียล ฟอร์ด แต่ฉันว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า" ไมค์กล่าวเตือน
รถที่พวกอาชินนั่งก็แล่นออกทันทีที่เด็กขึ้นครบแล้ว เพื่อที่จะให้ยุวชนทหารนายอื่นๆได้ขึ้นรถคันที่สอง ซึ่งจังหวะนั้นอาชินเหลือบไปเห็นกลุ่มพวกอาเจี๋ยที่ดันอยู่แถวเดียวกัน กับแดเนียล แรคคลิฟฟ์แต่ดูท่าทางแล้วเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจ กลุ่มของอาเจี๋ยเท่าไหร่หากเทียบกับที่แดเนียล แรคคลิฟฟ์ชอบมาหาเรื่องเขา สักพักอาชินได้ยินเสียงกรนเบาๆข้างๆตัว เมื่อหันกลับมามองก็พบว่าอาถิงหลับคาที่นั่งไปเรียบร้อยแล้ว คงเพราะตื่นเช้าเกินไปละมั่ง แต่จะว่าไปอาชินเองก็ง่วงพอๆกันจึงตัดสินใจ หลับพักผ่อนโดยการเอาหัวพิงกับกระจกรถ
ระหว่างที่อาชินหลับตานอนพักอยู่นั้น เขากลับพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แต่ว่ามันมืดไปหมด เรียกได้ว่าแทบมองไม่เห็นสิ่งรอบตัวนอกจากตัวของเขาเอง แต่แล้วเด็กชายก็เห็นแสงไฟกำลังพุ่งมาทางเขา ซึ่งตอนแรกยังเห็นไม่ชัดเจนนักแต่พอมันมาใกล้ๆ อาชินถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ไฟแต่เป็นนกฟินิกซ์ ที่กำลังลุกโซนไปด้วยเปลวเพลิงมีลำตัวปานกลาง และมันบินวนรอบตัวเขา 3 รอบก่อนจะบินพุ่งชนเข้ากลางตัว อาชินสะดุ้งลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงนกหวีด
“ถึงที่หมายแล้ว รีบๆลงมาชะ" เสียงครูฝึกพูดขึ้น อาชินจึงรีบขยี้ตาตัวเอง
อาชินไม่มีเวลามานั่งทบทวนว่าเมื่อกี้ฝันว่าอะไร เพราะต้องรีบลงจากรถเพื่อตั้งแถวกันอีกครั้งเพื่อความเป็นระเบียบ อาชิน อาถิง เฟรม และพวกแคลวินอยู่แถวเดียวกันพอดี แต่สิ่งที่ดึงดูดพวกเขาคือการได้เห็นวิหารนกฟินิกซ์แบบตาเปล่า ตัววิหารนั้นมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ใกล้ๆกับสภาการเมืองของกองทัพ ทั้งวิหารเป็นทองคำทั้งหมดและมีรูปปั้นนกฟินิกซ์ทองคำกำลังโบยบิน ตั้งบนหนังคาวิหารอยู่ เท่าที่เขารู้คือที่นี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก
“เนื่องจากเมื่อ 16 นาทีก่อนหน้านี้รถเกิดล้อแตก ทำให้มาล้าช้าคันอื่นเลยมาถึงก่อน" ครูฝึกกล่าว
“อาว ล้อรถแตกเหรอ" อาชินหันมาถามเพื่อนของเขาทั้งที่ยังไม่ตื่นดี
“ใช่ เสียงดังมากแต่นายสองคนหลับลึกกันมาก เลยไม่ได้ยิน" เกรแฮมตอบ
อาชินเห็นยุวชนทหารหลายคนเริ่มเดินเข้าไปในตัววิหารกันแล้ว ไม่นานนักครูฝึกก็เป่านกหวีดเพื่อให้พวกเขาเดินไปที่หน้าวิหาร ตรงลานวิหารจะปูด้วยกระเบื้องสีขาวสะอาด เพราะมีหุ่นกระป๋องขนาดตัวเท่าอาชินคอยทำความสะอาดอยู่ สักพักก็มีชายหนุ่มในชุดเกราะสีดำสลับแดงเพลิงเดินออกมา เกราะของเขาคลุมทั้งตัวเห็นแค่ดวงตาสีเขียวมรกตเท่านั้น ที่กลางอกเป็นสัญลักษณ์นกฟินิกซ์ในท่วงท่าสยายปีก อาชินรู้จักดีว่านี้คือ ผู้พิทักษ์วิหาร คอยทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาวิหารไม่ให้ใครบุกรุก รับคำสั่งโดยตรงจากหัวหน้านักบวชเท่านั้น
"ต้องขอโทษที่มาช้า" ครูฝึกนายนั้นกล่าวกับนักรบคนนั้น
"มิเป็นไร อาจารย์ของข้าเข้าใจดี เชิญทางนี้"
ผู้พิทักษ์วิหารจึงเดินนำทางเดินไปทางเข้าประตู ซึ่งระบบทางเข้านั้นมันล็อคด้วยลายมือของเหล่าผู้พิทักษ์เท่านั้น เมื่อเข้ามาข้างในแล้วมันคือลานกว้างไว้สำหรับฝึกฝนสำหรับผู้ที่จะเป็นนักบวช หรือผู้พิทักษ์วิหารกล่าวกันว่าผู้ที่จะมาเป็นได้ต้องมีอายุ 9 ปี ขึ้นไปและจะมีชีวิตครอบครัวไม่ได้ต้องพิทักษ์วิหารจนตาย เมื่อพวกเขาเดินมาถึงตรงประตูบานใหญ่นิดหนึ่ง ได้มีแถวยุวชนทหารเดินสวนมาซึ่งอาชินเห็นแดเนียล แรคคลิฟฟ์แต่ไม่เห็นพวกอาเจี๋ยแล้ว คนที่เขาคุ้นหน้าบางคนยังหายไปด้วย
แดเนียล แรคคลิฟฟ์เห็นหน้าอาชินแล้วรีบหลบหน้าทันที ราวกับเจ็บใจอะไรสักอย่างมาซึ่งอาชินไม่เข้าใจ พฤติกรรมแบบนี้หรอกยกเว้นกับแคลวินและเฟรม เมื่อแถวของแดเนียล แรคคลิฟฟ์เดินจากไปแล้ว เขาก็เจออีกประมาณ 2-6 แถวเดินออกมาบางคนมีเดินคอตกออกมาเลยทีเดียว สักพักเขาก็เห็นแดเนียล ฟอร์ดเดินออกมา เป็นคนเดียวที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา สำหรับอาชินแล้วคนนี้อ่านใจยากพอสมควร และอาชินขอเลือกไม่สบตาละกัน
เมื่อแถวที่ออกมาจากประตูบานใหญ่นั้นออกมากันหมดแล้ว ผู้พิทักษ์คนนั้นก็เดินไปหยิบตะกร้าไม้ออกมา โดยในนั้นมีผ้าหนาๆหลายผืนทับทมกันอยู่ เขาเดินแจกคนละผืนโดยแจกเรียงตัว อาชินสำรวจผ้าแล้วมันหนามากเป็นผ้าสีขาวสะอาด เมื่อทำการแจกผ้าแล้วจึงเดินมาวางตะกร้าไว้ที่เดิมก่อนจะหันมา ชี้แจ้งอะไรบางอย่าง
"หลังจากนี้ไปขอให้เหล่ายุวชนทหารทุกนาย โปรดเอาผ้าปิดตาทุกคนด้วยเนื่องจากเป็นกฎของวิหาร มิอาจให้ใครเห็นภายในได้นอกจากว่าบุคคลนั้นกลายเป็นนักรบฟินิกซ์แล้ว" ผู้พิทักษ์คนนั้นพูดขึ้น
"และอีกเรื่องนะการคัดเลือกนี้จะเป็นครั้งเดียวของพวกนาย มันจะไม่มีแบบนี้อีกในชีวิตของพวกนาย...ขอให้โชคดี" ครูฝึกกล่าวเสริม
พวกอาชินไม่มีทางเลือกต่างก็ต้องทำตามกฏที่ว่า อาชินจึงลงมือเอาผ้าปิดตาตัวเองโดยเขามัดไม่ให้มันแน่นมาก เดียวจะแก้มัดไม่ได้ตอนนี้เขาแทบมองอะไรไม่เห็นแล้วนอกจากความมืด และเสียงพูดคุยของคนข้างๆเท่านั้น สักพักเขาก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออกมา ใจมันนึกสงสัยว่าจะให้เดินเข้าไปได้ยังไงละเนี่ย แล้วอยู่ดีๆก็มีคนมาจับมือเขาไว้ไม่รู้ว่าใคร
"คนที่อยู่แถวข้างหลังกันนะเกาะไหล่เพื่อนแล้วเดินตามไป ส่วนคนที่อยู่แถวหน้าจับมือผู้พิทักษ์เดินเข้าไปเลย" ครูฝึกตะโกนบอก
สักพักก็มีคนเอามือมาเกาะหัวไหล่ของอาชินซึ่งก็คงไม่พ้นอาถิง แล้วมือที่จูงเขาอยู่ก็ดึงให้เดินไปข้างหน้าเขาก็ต้องเดินตามไป โดยที่เขาก็ไม่มีวันรู้ว่าข้างในนั้นมันมีอะไรกันแน่
++++++++++++++++++++++++
อาชิน อาถิง เฟรม และพวกแคลวินนั้นกำลังยืนต่อแถวเพื่อขึ้นรถบัส วันนี้พวกเขาต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่าๆพวกเขา ต้องรีบแต่งตัวเพื่อให้มาขึ้นรถบัสที่จอดรอหน้าค่ายซึ่งพวกอาชินนั้น ได้นั่งรถคันแรกแต่ครูฝึกยังไม่ได้สั่งให้ขึ้น เพราะต้องการตัดแถวให้เรียบร้อยเพื่อความเป็นระเบียบ เด็กชายหันไปมองแถวที่อยู่ข้างหลังตนเอง ทำเอาเขาแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอเลยทีเดียว ขนาดครูฝึกพยายามที่จะตัดแถวแล้ว อาชินก็ยังรู้สึกว่าคนที่จะเดินทางไปวิหารฟินิกซ์นั้น ยังเยอะอยู่ดี
วิหารนกฟินิกซ์นั้นเป็นสถานที่เก่าแก่และมีอายุมายาวนานกว่า 60,000 ปี เห็นว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งประเทศมาเลย วิหารนกฟินิกซ์นั้นยังเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่ใครจะเข้าได้ง่ายๆ หากไม่ได้รับอนุญาตเพราะมันเป็นที่เก็บของศักสิทธิ์เอาไว้ ร่วมไปถึงเป็นที่ฝังศพของนักรบฟินิกซ์ที่ตายในสนามรบหรือตามอายุขัย พวกเขาเหล่านั้นจะไม่ถูกฝังเหมือนทหารทั่วไป ต้องนำมาใส่ในวิหารนกฟินิกซ์นี้เท่านั้น หวงฉี่ชุ่นเล่าให้อาชินกับอาถิงฟังว่า โลงของพวกนักรบฟินิกซ์เป็นโลงแก้วเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาจะไปเกิดใหม่ ศพของพวกเขาจะหายไปเอง
ส่วนของการคัดเลือกนั้นกองทัพจะเอาวันเดือนปีเกิด ของยุวชนทหารที่กำลังจะอายุครบ 6 ขวบ มาร่วมตัวกันเพื่อพาไปยังวิหารดังกล่าวนั้นแม้ว่ายังมีบางคนอายุยังไม่ครบบริบูรณ์ แต่หากเกิดปีเดียวก็ถือว่าสามารถไปได้แน่นอนว่า ตอนนี้มันถึงคิวของพวกอาชินแล้ว ใจจริงเขาก็ไม่อยากตื่นเต้นนะแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ เขาเคยเห็นวิหารนกฟินิกซ์ในรูปเท่านั้นแต่ไม่เคยได้เห็นด้วยตา และยอมรับว่าอยากเห็นว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่
“ขึ้นรถกันได้แล้ว เร็วเข้า ! อย่าชักช้า" ครูฝึกเดินออกมาตะโกนเสียงดังขึ้นพร้อมเป่านกหวีด
และแล้วอาชินกับอาถิงก็ถูกต้อนขึ้นรถโดยทั้งสองเลือกนั่ง ตรงที่ใกล้กับประตูทางออกของรถมากที่สุด ในขณะที่เฟรม เฟร็ด ไมค์ เกรแฮม และแคลวินนั่งอยู่ข้างหลังพวกเขาเอง สักพักแคลวินก็สะกิดอาชินและชี้ไปข้างนอก อาชินแทบไม่อยากจะมองเท่าไหร่ไม่ใช่ใครที่ไหน แดเนียล ฟอร์ดนั้นเอง แต่ที่น่าสนใจคือเด็กชายอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง แต่งตัวเป็นผู้ดีมีภูมิฐานมากเหมือนกำลังพูดคุยกับเขาอยู่
“นั้นแม่เขาเหรอ" อาชินถาม
“ใช่ นั้นคือ เลดี้แชริตี้ ฟอร์ด" แคลวินพูด
เลดี้แชริตี้ ฟอร์ด เป็นหญิงสาวผิวสีแทนน้ำผึ้งอ่อน ผมยาวสีดำสลวย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน รูปร่างเหมือนทรงนาฬิกาทราย โดยร่วมแล้วเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก เธอแสดงความรักกับแดเนียลผู้เป็นลูกชายอย่างอ่อนโยน แต่ทำไมเจ้าตัวกลับไม่ยินดียินร้ายกับท่าทีของแม่ตัวเองเลย หลังจากนั้นแดเนียลก็เดินไปเข้ากลุ่มของเพื่อน ที่อาชินสังเกตเห็นชัดเจนคือแดเนียลไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองเลดี้แชริตี้เลย ถ้าเป็นอาถิงนะคงดีใจตายเลย
“อะไรของแม่ลูกคู่นี้ละเนี่ย..." อาชินพูดเบาๆ แต่ไมค์ที่นั่งกับแคลวินได้ยินพอดี
“ยังมีอะไรอีกเยอะที่นายอาจไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวแดเนียล ฟอร์ด แต่ฉันว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า" ไมค์กล่าวเตือน
รถที่พวกอาชินนั่งก็แล่นออกทันทีที่เด็กขึ้นครบแล้ว เพื่อที่จะให้ยุวชนทหารนายอื่นๆได้ขึ้นรถคันที่สอง ซึ่งจังหวะนั้นอาชินเหลือบไปเห็นกลุ่มพวกอาเจี๋ยที่ดันอยู่แถวเดียวกัน กับแดเนียล แรคคลิฟฟ์แต่ดูท่าทางแล้วเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจ กลุ่มของอาเจี๋ยเท่าไหร่หากเทียบกับที่แดเนียล แรคคลิฟฟ์ชอบมาหาเรื่องเขา สักพักอาชินได้ยินเสียงกรนเบาๆข้างๆตัว เมื่อหันกลับมามองก็พบว่าอาถิงหลับคาที่นั่งไปเรียบร้อยแล้ว คงเพราะตื่นเช้าเกินไปละมั่ง แต่จะว่าไปอาชินเองก็ง่วงพอๆกันจึงตัดสินใจ หลับพักผ่อนโดยการเอาหัวพิงกับกระจกรถ
ระหว่างที่อาชินหลับตานอนพักอยู่นั้น เขากลับพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แต่ว่ามันมืดไปหมด เรียกได้ว่าแทบมองไม่เห็นสิ่งรอบตัวนอกจากตัวของเขาเอง แต่แล้วเด็กชายก็เห็นแสงไฟกำลังพุ่งมาทางเขา ซึ่งตอนแรกยังเห็นไม่ชัดเจนนักแต่พอมันมาใกล้ๆ อาชินถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ไฟแต่เป็นนกฟินิกซ์ ที่กำลังลุกโซนไปด้วยเปลวเพลิงมีลำตัวปานกลาง และมันบินวนรอบตัวเขา 3 รอบก่อนจะบินพุ่งชนเข้ากลางตัว อาชินสะดุ้งลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงนกหวีด
“ถึงที่หมายแล้ว รีบๆลงมาชะ" เสียงครูฝึกพูดขึ้น อาชินจึงรีบขยี้ตาตัวเอง
อาชินไม่มีเวลามานั่งทบทวนว่าเมื่อกี้ฝันว่าอะไร เพราะต้องรีบลงจากรถเพื่อตั้งแถวกันอีกครั้งเพื่อความเป็นระเบียบ อาชิน อาถิง เฟรม และพวกแคลวินอยู่แถวเดียวกันพอดี แต่สิ่งที่ดึงดูดพวกเขาคือการได้เห็นวิหารนกฟินิกซ์แบบตาเปล่า ตัววิหารนั้นมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ใกล้ๆกับสภาการเมืองของกองทัพ ทั้งวิหารเป็นทองคำทั้งหมดและมีรูปปั้นนกฟินิกซ์ทองคำกำลังโบยบิน ตั้งบนหนังคาวิหารอยู่ เท่าที่เขารู้คือที่นี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก
“เนื่องจากเมื่อ 16 นาทีก่อนหน้านี้รถเกิดล้อแตก ทำให้มาล้าช้าคันอื่นเลยมาถึงก่อน" ครูฝึกกล่าว
“อาว ล้อรถแตกเหรอ" อาชินหันมาถามเพื่อนของเขาทั้งที่ยังไม่ตื่นดี
“ใช่ เสียงดังมากแต่นายสองคนหลับลึกกันมาก เลยไม่ได้ยิน" เกรแฮมตอบ
อาชินเห็นยุวชนทหารหลายคนเริ่มเดินเข้าไปในตัววิหารกันแล้ว ไม่นานนักครูฝึกก็เป่านกหวีดเพื่อให้พวกเขาเดินไปที่หน้าวิหาร ตรงลานวิหารจะปูด้วยกระเบื้องสีขาวสะอาด เพราะมีหุ่นกระป๋องขนาดตัวเท่าอาชินคอยทำความสะอาดอยู่ สักพักก็มีชายหนุ่มในชุดเกราะสีดำสลับแดงเพลิงเดินออกมา เกราะของเขาคลุมทั้งตัวเห็นแค่ดวงตาสีเขียวมรกตเท่านั้น ที่กลางอกเป็นสัญลักษณ์นกฟินิกซ์ในท่วงท่าสยายปีก อาชินรู้จักดีว่านี้คือ ผู้พิทักษ์วิหาร คอยทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาวิหารไม่ให้ใครบุกรุก รับคำสั่งโดยตรงจากหัวหน้านักบวชเท่านั้น
"ต้องขอโทษที่มาช้า" ครูฝึกนายนั้นกล่าวกับนักรบคนนั้น
"มิเป็นไร อาจารย์ของข้าเข้าใจดี เชิญทางนี้"
ผู้พิทักษ์วิหารจึงเดินนำทางเดินไปทางเข้าประตู ซึ่งระบบทางเข้านั้นมันล็อคด้วยลายมือของเหล่าผู้พิทักษ์เท่านั้น เมื่อเข้ามาข้างในแล้วมันคือลานกว้างไว้สำหรับฝึกฝนสำหรับผู้ที่จะเป็นนักบวช หรือผู้พิทักษ์วิหารกล่าวกันว่าผู้ที่จะมาเป็นได้ต้องมีอายุ 9 ปี ขึ้นไปและจะมีชีวิตครอบครัวไม่ได้ต้องพิทักษ์วิหารจนตาย เมื่อพวกเขาเดินมาถึงตรงประตูบานใหญ่นิดหนึ่ง ได้มีแถวยุวชนทหารเดินสวนมาซึ่งอาชินเห็นแดเนียล แรคคลิฟฟ์แต่ไม่เห็นพวกอาเจี๋ยแล้ว คนที่เขาคุ้นหน้าบางคนยังหายไปด้วย
แดเนียล แรคคลิฟฟ์เห็นหน้าอาชินแล้วรีบหลบหน้าทันที ราวกับเจ็บใจอะไรสักอย่างมาซึ่งอาชินไม่เข้าใจ พฤติกรรมแบบนี้หรอกยกเว้นกับแคลวินและเฟรม เมื่อแถวของแดเนียล แรคคลิฟฟ์เดินจากไปแล้ว เขาก็เจออีกประมาณ 2-6 แถวเดินออกมาบางคนมีเดินคอตกออกมาเลยทีเดียว สักพักเขาก็เห็นแดเนียล ฟอร์ดเดินออกมา เป็นคนเดียวที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา สำหรับอาชินแล้วคนนี้อ่านใจยากพอสมควร และอาชินขอเลือกไม่สบตาละกัน
เมื่อแถวที่ออกมาจากประตูบานใหญ่นั้นออกมากันหมดแล้ว ผู้พิทักษ์คนนั้นก็เดินไปหยิบตะกร้าไม้ออกมา โดยในนั้นมีผ้าหนาๆหลายผืนทับทมกันอยู่ เขาเดินแจกคนละผืนโดยแจกเรียงตัว อาชินสำรวจผ้าแล้วมันหนามากเป็นผ้าสีขาวสะอาด เมื่อทำการแจกผ้าแล้วจึงเดินมาวางตะกร้าไว้ที่เดิมก่อนจะหันมา ชี้แจ้งอะไรบางอย่าง
"หลังจากนี้ไปขอให้เหล่ายุวชนทหารทุกนาย โปรดเอาผ้าปิดตาทุกคนด้วยเนื่องจากเป็นกฎของวิหาร มิอาจให้ใครเห็นภายในได้นอกจากว่าบุคคลนั้นกลายเป็นนักรบฟินิกซ์แล้ว" ผู้พิทักษ์คนนั้นพูดขึ้น
"และอีกเรื่องนะการคัดเลือกนี้จะเป็นครั้งเดียวของพวกนาย มันจะไม่มีแบบนี้อีกในชีวิตของพวกนาย...ขอให้โชคดี" ครูฝึกกล่าวเสริม
พวกอาชินไม่มีทางเลือกต่างก็ต้องทำตามกฏที่ว่า อาชินจึงลงมือเอาผ้าปิดตาตัวเองโดยเขามัดไม่ให้มันแน่นมาก เดียวจะแก้มัดไม่ได้ตอนนี้เขาแทบมองอะไรไม่เห็นแล้วนอกจากความมืด และเสียงพูดคุยของคนข้างๆเท่านั้น สักพักเขาก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออกมา ใจมันนึกสงสัยว่าจะให้เดินเข้าไปได้ยังไงละเนี่ย แล้วอยู่ดีๆก็มีคนมาจับมือเขาไว้ไม่รู้ว่าใคร
"คนที่อยู่แถวข้างหลังกันนะเกาะไหล่เพื่อนแล้วเดินตามไป ส่วนคนที่อยู่แถวหน้าจับมือผู้พิทักษ์เดินเข้าไปเลย" ครูฝึกตะโกนบอก
สักพักก็มีคนเอามือมาเกาะหัวไหล่ของอาชินซึ่งก็คงไม่พ้นอาถิง แล้วมือที่จูงเขาอยู่ก็ดึงให้เดินไปข้างหน้าเขาก็ต้องเดินตามไป โดยที่เขาก็ไม่มีวันรู้ว่าข้างในนั้นมันมีอะไรกันแน่
++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ