นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
43.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ตอนที่ 14 เพื่อนเก่ามาเยือน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ้านเอกอัครราชทูตอากิระ เวลา 08.04 น.
ท่านทูตอากิระกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในสวนใจกลางบ้านของตัวเอง ซึ่งมีหน้าต่างที่สามารถให้แสงแดดส่องเข้ามาพอให้บรรยากาศภายในสวนนั้นมันพอรับแดดเป็นพอ จนกระทั่งมีชายวัยฉกรรจ์ในชุดคลุมสีเทาถือไม้เท้าสูงกว่าตัวเดินเข้ามาแต่ท่านทูตอากิระก็ไม่ได้มีท่าทีจะหวั่นเกรงแต่อย่างใดกลับเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งฝั่งตรงข้าม โดยตนริมน้ำชาใส่อีกถ้วยราวกับรู้ล่วงหน้าถึงการมาของแขกท่านนี้
"รู้ใช่ไหมว่าฉันมาหานายทำไม" ชายผ้าคลุมสีเทากล่าว
"ไม่รู้หรอกแค่รู้ว่านายจะมาวันนี้ ถึงได้เตรียมถ้วยชาไว้ให้ไง" ท่านทูตอากิระตอบ
ชายผ้าคลุมสีเทาเดินมานั่งลงและถอดฮู้ดออกเผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผิวแทนเข้ม มีหนวดเคราผมสั้นสีดำน้ำตาลและดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าของเขาแสดงถึงท่าทีที่เคร่งเครียดมากซึ่งมันตรงข้ามกับท่านทูตอากิระที่ยังคงแสดงอารมณ์ร่าเริงเหมือนเดิมนั้นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วหนักมาก
"นายเนี่ยอารมณ์ดีได้ตลอดเลยนะ อากิระ" ชายหนุ่มพูดขึ้น
"ฉันกับนายรู้จักกันมานานน่าจะรู้ดีนะว่า ฉันไม่ชอบอะไรที่เครียดๆนะ ฟาคันโด" ท่านทูตอากิระพูดขึ้น แต่คำว่า "ฟาคันโด" ทำให้ชายหนุ่มมีท่าทีกึ่งๆไม่พอใจนิดหนึ่ง
"ขอโทษทีลืมไปต้องเรียกนายใหม่ว่า "นักพรตสีเทา" ถึงจะถูกใช่ไหม" ท่านทูตอากิระกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
"เลิกเล่นลิ้นได้ไหมอากิระ เรื่องที่ฉันจะพูดมันสำคัญนะ" นักพรตสีเทาพูดขึ้น
"เรื่องสำคัญของนายดันมีหลายเรื่องนะสิ จะเอาเรื่องไหนละ" ท่านทูตอากิระพูดแต่น้ำเสียงเริ่มจริงจังขึ้นมาบ้าง
นักพรตสีเทามีท่าทีพึ่งพอใจที่คู่สนทนาของเขานั้นเริ่มจะจริงจังสักที เขาจำได้ว่าก่อนจะตัดสินใจเดินเส้นทางของนักปราชญ์นั้นเพื่อนคนนี้ของเขาก็ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องซีเรียสเท่าไหร่ แต่บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหากสหายคนนี้ไม่ชอบเรื่องหนักๆจริงแต่เหตุใดถึงมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตอาวุโสชะอย่างนั้นได้ นักพรตสีเทาก็ไม่คิดจะหาคำตอบให้วุ่นวายนักเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาจะมาคุยกับสหายเก่ามากๆคนนี้
"เรื่องที่ฉันจะหารือกับนายนั้น นายคงเห็นไปบางส่วนแล้วใช่ไหม" นักพรตสีเทาเอ๋ยขึ้น
"ใช่ แต่ไม่ชัดเจนมากเท่าไหร่ นายเห็นอะไรมากกว่านั้นเหรอ” ท่านทูตอากิระถาม
"ประมาณนั้น”
ท่านทูตอากิระวางถ้วยน้ำชาของตัวเองลงกับโต๊ะทันที เขายอมรับว่ามีณาณหยั่งรู้และการอ่านใจคนก็จริงแต่ไม่ถึงกับมองเห็นอนาคตได้แต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้นทีเหลือคือการคำนวณบวกลบคูณหาร ในการกระทำให้ได้ผลลัพท์นั้นๆที่ตัวเขามองเห็นซึ่งมันตรงข้ามกับนักพรตสีเทาที่ใช้เวลาในการฝึกณาณหยั่งรู้มากกว่าดังนั้นการทำนายของอีกฝ่าย จึงแม่นยำกว่าแน่นอนและการที่นักพรตสีเทาเดินทางมาที่นี้ต้องเกี่ยวข้องกับเด็กๆในอุปการะแน่นอน
"ฟังนะเพื่อนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 20 ปี ข้างหน้าจะเกิดเหตุวุ่นวายในเมืองหลวง” นักพรตสีเทาพูดสั้นๆกับท่านทูตอากิระ
"หือ 20 ปี ข้างหน้านี้มันวุ่นวายมากน้อยแค่ไหน” ท่านทูตอากิระถามขึ้น
"ค่อนข้างมากเลยมันไม่ใช่แค่สงครามกลางเมืองธรรมดาอากิระ แต่เป็นสงครามที่จะทำให้วลาดีมีร์หมดอำนาจ” นักพรตสีเทาพูด
สีหน้าของท่านทูตอากิระเปลี่ยนจากคนร่าเริงกลายเป็นคนเคร่งเครียดขึ้นมา เพราะบุคคลที่นักพรตสีเทากล่าวถึงคือ จอมทัพวลาดีมีร์ สตาโซวา ผู้นำประเทศคนปัจจุบันของฟรอนร์เทียร์ตอนนี้บริหารประเทศมามากกว่า 40 ปี แถมยังเป็นผู้นำที่มีเรื่องอื้อฉาวมากที่สุดโดยเฉพาะในเรื่องของความเจ้าชู้ที่สำคัญในความคิดของท่านทูตอากิระ จอมทัพวลาดีมีร์คนนี้นอกจากจะเจ้าชู้แล้วยังล้มเหลวในเรื่องการบริหารประเทศวันๆไม่ทำอะไร มีแต่โยนภาระต่างๆให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเป็นคนแก้ปัญหาแล้วตัวเองนั่งเฉยๆ ถ้าลูกน้องแก้ไขออกมาดีก็ออกหน้าว่าเป็นผลงานตัวเองหน้าด้านๆ แต่ถ้าผิดพลาดก็ให้ลูกน้องคนนั้นรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
"น่าสนใจแล้วนายเห็นอะไรอีก” ท่านทูตอากิระถาม
"เหล่าเด็กๆที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะเด็กที่เกิด ปี 23 ที่ 55 ถึง 68" นักพรตสีเทากล่าว
สักพักนักพรตสีเทาก็มีอากัปกิริยาที่แปลกไปเหมือนกับเขากำลังรับรู้อะไรบางอย่างได้ ซึ่งท่านทูตอากิระเองก็พอจะเดาท่าทางของเพื่อนคนนี้ออก ส่วนของนักพรตสีเทาเขาเริ่มรับรู้ว่าหมดเวลาที่เขาจะอยู่ที่นี้แล้ว เพราะหากใครเห็นว่าเขาอยู่กับท่านทูตอากิระคงจะไม่เป็นการดีกับเพื่อนคนนี้ของตนเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นมันคงได้เวลาที่เขาต้องกลับแล้วซึ่งนักพรตสีเทาก็ลุกจากเก้าอี้ทันทีพร้อมกับไม้เท้าของเขา
"ฉันต้องไปแล้วละอากิระ ที่จริงอยากคุยนานกว่านี้...”
"ไม่หรอกฉันเข้าใจนายดี ทำสิ่งที่ต้องทำเถอะจากนี้ฉันจัดการเอง” ท่านทูตอากิระตัดบท
"ถ้าเช่นนั้นเราค่อยพบกันใหม่นะสหาย”
สิ้นคำกล่าวลาร่างของนักพรตสีเทาก็หายไปในอากาศทันที ซึ่งมันเป็นการบ่งบอกว่านักพรตสีเทาไม่ได้เอากายหยาบมาแต่นำร่างจิตมาหาท่านทูตอากิระเพื่อไม่ให้ใครสงสัยนั้นเอง แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของท่านทูตอากิระก็แปรเปลี่ยนเป็นคนหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นว่าถ้วยชาที่วางไว้ให้มันเย็นจืดสนิท
"อีตาเพื่อนบ้า จะกินให้หมดก่อนไปก็ไม่ได้ เสียดายของจริงๆ” ท่านทูตอากิระพูดก่อนจะดื่มน้ำชาต่อ
++++++++++++++++++++++++++++++
ท่านทูตอากิระกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในสวนใจกลางบ้านของตัวเอง ซึ่งมีหน้าต่างที่สามารถให้แสงแดดส่องเข้ามาพอให้บรรยากาศภายในสวนนั้นมันพอรับแดดเป็นพอ จนกระทั่งมีชายวัยฉกรรจ์ในชุดคลุมสีเทาถือไม้เท้าสูงกว่าตัวเดินเข้ามาแต่ท่านทูตอากิระก็ไม่ได้มีท่าทีจะหวั่นเกรงแต่อย่างใดกลับเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งฝั่งตรงข้าม โดยตนริมน้ำชาใส่อีกถ้วยราวกับรู้ล่วงหน้าถึงการมาของแขกท่านนี้
"รู้ใช่ไหมว่าฉันมาหานายทำไม" ชายผ้าคลุมสีเทากล่าว
"ไม่รู้หรอกแค่รู้ว่านายจะมาวันนี้ ถึงได้เตรียมถ้วยชาไว้ให้ไง" ท่านทูตอากิระตอบ
ชายผ้าคลุมสีเทาเดินมานั่งลงและถอดฮู้ดออกเผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผิวแทนเข้ม มีหนวดเคราผมสั้นสีดำน้ำตาลและดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าของเขาแสดงถึงท่าทีที่เคร่งเครียดมากซึ่งมันตรงข้ามกับท่านทูตอากิระที่ยังคงแสดงอารมณ์ร่าเริงเหมือนเดิมนั้นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วหนักมาก
"นายเนี่ยอารมณ์ดีได้ตลอดเลยนะ อากิระ" ชายหนุ่มพูดขึ้น
"ฉันกับนายรู้จักกันมานานน่าจะรู้ดีนะว่า ฉันไม่ชอบอะไรที่เครียดๆนะ ฟาคันโด" ท่านทูตอากิระพูดขึ้น แต่คำว่า "ฟาคันโด" ทำให้ชายหนุ่มมีท่าทีกึ่งๆไม่พอใจนิดหนึ่ง
"ขอโทษทีลืมไปต้องเรียกนายใหม่ว่า "นักพรตสีเทา" ถึงจะถูกใช่ไหม" ท่านทูตอากิระกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
"เลิกเล่นลิ้นได้ไหมอากิระ เรื่องที่ฉันจะพูดมันสำคัญนะ" นักพรตสีเทาพูดขึ้น
"เรื่องสำคัญของนายดันมีหลายเรื่องนะสิ จะเอาเรื่องไหนละ" ท่านทูตอากิระพูดแต่น้ำเสียงเริ่มจริงจังขึ้นมาบ้าง
นักพรตสีเทามีท่าทีพึ่งพอใจที่คู่สนทนาของเขานั้นเริ่มจะจริงจังสักที เขาจำได้ว่าก่อนจะตัดสินใจเดินเส้นทางของนักปราชญ์นั้นเพื่อนคนนี้ของเขาก็ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องซีเรียสเท่าไหร่ แต่บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหากสหายคนนี้ไม่ชอบเรื่องหนักๆจริงแต่เหตุใดถึงมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตอาวุโสชะอย่างนั้นได้ นักพรตสีเทาก็ไม่คิดจะหาคำตอบให้วุ่นวายนักเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาจะมาคุยกับสหายเก่ามากๆคนนี้
"เรื่องที่ฉันจะหารือกับนายนั้น นายคงเห็นไปบางส่วนแล้วใช่ไหม" นักพรตสีเทาเอ๋ยขึ้น
"ใช่ แต่ไม่ชัดเจนมากเท่าไหร่ นายเห็นอะไรมากกว่านั้นเหรอ” ท่านทูตอากิระถาม
"ประมาณนั้น”
ท่านทูตอากิระวางถ้วยน้ำชาของตัวเองลงกับโต๊ะทันที เขายอมรับว่ามีณาณหยั่งรู้และการอ่านใจคนก็จริงแต่ไม่ถึงกับมองเห็นอนาคตได้แต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้นทีเหลือคือการคำนวณบวกลบคูณหาร ในการกระทำให้ได้ผลลัพท์นั้นๆที่ตัวเขามองเห็นซึ่งมันตรงข้ามกับนักพรตสีเทาที่ใช้เวลาในการฝึกณาณหยั่งรู้มากกว่าดังนั้นการทำนายของอีกฝ่าย จึงแม่นยำกว่าแน่นอนและการที่นักพรตสีเทาเดินทางมาที่นี้ต้องเกี่ยวข้องกับเด็กๆในอุปการะแน่นอน
"ฟังนะเพื่อนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 20 ปี ข้างหน้าจะเกิดเหตุวุ่นวายในเมืองหลวง” นักพรตสีเทาพูดสั้นๆกับท่านทูตอากิระ
"หือ 20 ปี ข้างหน้านี้มันวุ่นวายมากน้อยแค่ไหน” ท่านทูตอากิระถามขึ้น
"ค่อนข้างมากเลยมันไม่ใช่แค่สงครามกลางเมืองธรรมดาอากิระ แต่เป็นสงครามที่จะทำให้วลาดีมีร์หมดอำนาจ” นักพรตสีเทาพูด
สีหน้าของท่านทูตอากิระเปลี่ยนจากคนร่าเริงกลายเป็นคนเคร่งเครียดขึ้นมา เพราะบุคคลที่นักพรตสีเทากล่าวถึงคือ จอมทัพวลาดีมีร์ สตาโซวา ผู้นำประเทศคนปัจจุบันของฟรอนร์เทียร์ตอนนี้บริหารประเทศมามากกว่า 40 ปี แถมยังเป็นผู้นำที่มีเรื่องอื้อฉาวมากที่สุดโดยเฉพาะในเรื่องของความเจ้าชู้ที่สำคัญในความคิดของท่านทูตอากิระ จอมทัพวลาดีมีร์คนนี้นอกจากจะเจ้าชู้แล้วยังล้มเหลวในเรื่องการบริหารประเทศวันๆไม่ทำอะไร มีแต่โยนภาระต่างๆให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเป็นคนแก้ปัญหาแล้วตัวเองนั่งเฉยๆ ถ้าลูกน้องแก้ไขออกมาดีก็ออกหน้าว่าเป็นผลงานตัวเองหน้าด้านๆ แต่ถ้าผิดพลาดก็ให้ลูกน้องคนนั้นรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
"น่าสนใจแล้วนายเห็นอะไรอีก” ท่านทูตอากิระถาม
"เหล่าเด็กๆที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะเด็กที่เกิด ปี 23 ที่ 55 ถึง 68" นักพรตสีเทากล่าว
สักพักนักพรตสีเทาก็มีอากัปกิริยาที่แปลกไปเหมือนกับเขากำลังรับรู้อะไรบางอย่างได้ ซึ่งท่านทูตอากิระเองก็พอจะเดาท่าทางของเพื่อนคนนี้ออก ส่วนของนักพรตสีเทาเขาเริ่มรับรู้ว่าหมดเวลาที่เขาจะอยู่ที่นี้แล้ว เพราะหากใครเห็นว่าเขาอยู่กับท่านทูตอากิระคงจะไม่เป็นการดีกับเพื่อนคนนี้ของตนเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นมันคงได้เวลาที่เขาต้องกลับแล้วซึ่งนักพรตสีเทาก็ลุกจากเก้าอี้ทันทีพร้อมกับไม้เท้าของเขา
"ฉันต้องไปแล้วละอากิระ ที่จริงอยากคุยนานกว่านี้...”
"ไม่หรอกฉันเข้าใจนายดี ทำสิ่งที่ต้องทำเถอะจากนี้ฉันจัดการเอง” ท่านทูตอากิระตัดบท
"ถ้าเช่นนั้นเราค่อยพบกันใหม่นะสหาย”
สิ้นคำกล่าวลาร่างของนักพรตสีเทาก็หายไปในอากาศทันที ซึ่งมันเป็นการบ่งบอกว่านักพรตสีเทาไม่ได้เอากายหยาบมาแต่นำร่างจิตมาหาท่านทูตอากิระเพื่อไม่ให้ใครสงสัยนั้นเอง แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของท่านทูตอากิระก็แปรเปลี่ยนเป็นคนหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นว่าถ้วยชาที่วางไว้ให้มันเย็นจืดสนิท
"อีตาเพื่อนบ้า จะกินให้หมดก่อนไปก็ไม่ได้ เสียดายของจริงๆ” ท่านทูตอากิระพูดก่อนจะดื่มน้ำชาต่อ
++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ