จอมใจคาสโนว่า
-
เขียนโดย GUEST1563906409
วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.31 น.
6 ตอน
1 วิจารณ์
6,191 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 01.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) สมภาร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันทำงานของรวิศาหมดไปกับการสำรวจห้องออกกำลังกายเดิมและบริเวณโดยรอบว่าจะขยับขยายได้อีกแค่ไหน เพราะนราวดีมีโครงการจะขยายห้องฟิตเนสขนาดเล็กนั้นเป็นศูนย์ออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบ
“อยากจะทำอะไร ใช้งบเท่าไหร่ ศาเขียนรายละเอียดทำเป็นรายงานมาคุยกับคุณกุ๊กฝ่ายบัญชีได้เลยนะ”
นราวดีแนะนำให้รวิศารู้จักคุณกุ๊กหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่ทำงานกับนราวดีมานับสิบปีแล้ว
“ต้องการอะไรเรื่องงบก็ปรึกษากุ๊กได้เลย ช่วงนี้ป้าไม่ค่อยอยู่หรอก บินไปทำธุระที่นั่นที่นี่บ่อยๆ ถ้าเรื่องอื่นๆ ก็ถามพี่ยุทธหรือพี่ทินเขานั่นแหละ เขาดูแลที่นี่แทนป้าอยู่ อีกหน่อยเขาก็จะมาเป็นบอสเต็มตัวแล้ว ป้าจะได้ออกไปเที่ยวรอบโลกอย่างที่หวังไว้สักที”
นราวดีพูดอย่างร่าเริง เพราะดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดทำให้เธอยังสุขภาพแข็งแรงแม้จะใกล้หกสิบเต็มทีแล้ว
“ที่จริงศาไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้เลยค่ะป้านาย ศาเรียนมาเป็นเทรนเนอร์มากกว่า”
รวิศาบอกอย่างกังวลเหมือนที่เคยบอกไปแล้วหลายครั้ง
นราวดีก็ทำเหมือนเดิมคือโบกมืออย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
“ทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้ ป้าเองก็ไม่ได้จบบริหารมาสักใบเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้คนที่จบโทจากเมืองนอกมาโดยตรงนั่นหรือ...เจ้าทินนั่นไง แล้วเป็นไง ก็ต้องมาเป็นลูกน้องป้านายอีกทีเห็นไหมล่ะ”
นราวดีหัวเราะชอบใจที่ได้ค่อนแคะลูกชายลับหลัง
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะหนูศา ค่อยๆ เรียนรู้ไป ไม่ต้องกลัวจะทำผิดพลาด ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของเราให้เต็มที่”
นราวดีพูดอย่างไว้ใจ รวิศาจึงทุ่มเทอีกหลายเท่าเพราะไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวัง ทั้งเรื่องงานและการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องการบริหารจัดการต่าง ๆ
“แม่ไม่กดดันน้องมากไปหรือครับ”
ทินกรเคยแอบถามมารดาตอนที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง
นราวดีจ้องหน้าลูกชายยิ้มๆ
“ไม่หรอก แม่ฝึกไว้ เพราะอีกหน่อยก็จะต้องรับผิดชอบมากกว่านี้”
“ตอนนี้น้องก็จะได้เป็นผู้จัดการโปรเจคต์ศูนย์สุขภาพใหม่อยู่แล้วนี่ครับ หรือแม่อยากให้น้องทำตำแหน่งอะไรเพิ่มอีก”
“ผู้บริหาร”
“จะมาแทนผมงั้นหรือครับ”
ทินกรหยอก นราวดียิ้มพราว
“แล้วดีไหมล่ะ”
“ไม่แน่ใจสิฮะ ขึ้นอยู่กับว่าแม่จะต้องไล่ผมออกด้วยหรือเปล่า”
ทินกรหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ถือเป็นจริงจัง
นราวดีอยากพูดเหลือเกินว่า ความจริงคืออยากจะฝึกรวิศาไว้เผื่อมาเป็นคุณนายหญิงของรีสอร์ตคู่กับทินกรต่างหาก
แต่ก็รู้นิสัยลูกชายดีว่าชอบขัดใจแม่แทบจะทุกสิ่งอย่าง หากรู้แกวว่าเธอสนใจอยากได้รวิศามาเป็นสะใภ้ ก็อาจด่วนปิดประตูหัวใจไม่ยอมมองหญิงสาวอีกเลยก็เป็นได้
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกราตรีลอยกรุ่นในอากาศ...
ยิ่งมีสายลมพัดมาอ่อนๆ กลิ่นหอมก็ยิ่งฟุ้งกำจรจนรวิศาต้องสูดเข้าให้เต็มปอดด้วยความรู้สึกแปลกใหม่เพราะไม่เคยได้กลิ่นหอมอะไรแบบนี้ บรรยากาศในรีสอร์ตตอนกลางวันว่าสวยงามแล้ว แต่รวิศาว่ากลางคืนน่าอยู่มากขึ้นไปอีก บ้านพักแต่ละหลังปลูกอยู่กลางเนินเตี้ยๆ ที่มีสนามหญ้าเขียวสดที่ได้รับการดูแลอย่างดีเสมอปกคลุมไว้
มีต้นไม้ปลูกคั่นบ้านแต่ละหลัง มีท่อนไม้ที่ถูกทำเป็นฐานโคมไฟประดับหน้าบันไดบ้านทุกหลังและตามทางเดิน แสงสีส้มทำให้บรรยากาศนุ่มนวลโรแมนติก
คืนนี้ยิ่งจะดูงดงามเป็นพิเศษ แสงจันทร์กระจ่างอยู่กลางท้องฟ้านวลตาและกลมโตจนรวิศามองเพลิน เวลาอยู่กรุงเทพฯ แทบจะไม่มีเวลาได้เงยหน้ามองพระจันทร์แม้ว่าบ้านที่เธออาศัยอยู่กับพ่อและแม่จะมีต้นไม้ใหญ่และมีลักษณะเป็นบ้านสวนไม่แพ้บ้านต่างจังหวัดก็ตามที
เมื่อหัวค่ำเพิ่งโทรศัพท์คุยกับแม่และพ่อ ทั้งสองสบายใจที่เธอชอบงานที่นี่
“ตั้งใจทำงานให้ดีนะศา อย่าทำให้ป้านายเขาผิดหวังหรือว่าเราได้ เขายิ่งใจดีเราก็ยิ่งต้องทำตัวดีๆ นะลูก”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ ศาตั้งใจทำให้ดีที่สุดเลยล่ะ”
“แล้วนายทินล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง แต่งการแต่งงานไปหรือยัง”
“น่าจะยังนะคะ"
“นั่นสินะ รายนั้นเค้าเนื้อหอมนี่ มีหรือจะยอมลงเอยกับใครง่ายๆ”
พ่อพูดและหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร แต่รวิศาได้ยินแม่เอ็ดพ่อมาตามสาย
รวิศาก็คิดเหมือนแม่นั่นแหละ ผู้ชายเจ้าชู้ไม่เห็นน่าชื่นชมตรงไหนเลย
แต่น่าโมโหตรงที่เธอดันชอบผู้ชายเจ้าชู้นี่แหละ...ไม่นะ...ไม่ได้ชอบ แค่เคยชอบ หญิงสาวเถียงกับตัวเองในใจเป็นพัลวัน
และเพราะมองจันทร์เพลินแถมยังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อยจึงไม่ทันรู้ตัวว่าทินกรมายืนอยู่หน้ากระไดขึ้นเรือนตั้งแต่เมื่อไหร่
หันไปเห็นอีกทีก็ตกใจจนเผลอร้องว้ายออกมา
“พี่ไม่ใช่ผีนะศา ร้องซะดัง”
ทินกรต่อว่าขำๆ
“ขึ้นไปได้มั้ย”
“ได้สิคะ ขึ้นมาเลยค่ะ”
รวิศาตอบรับ ขัดเขินเล็กน้อย แต่โชคดีที่อยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงเล ถือว่าพอจะกล้อมแกล้มรับแขกได้ในตอนนี้
ยิ่งเป็นแขกที่มีสถานะเป็นเจ้าบ้านเสียด้วย...เธอควรจะเกรงใจเขามากกว่าสินะถึงจะถูก
“พี่เดินตรวจตรารอบรีสอร์ตไปตามประสา ผ่านมาเจอศาพอดี ทำไมยังไม่นอน คิดถึงบ้านหรือเปล่า”
“แหม ศาโตแล้วนะคะพี่ทิน ออกมาอยู่หอพักตั้งแต่เป็นนักศึกษาแล้วนะคะ”
“นั่นสิ พี่ก็ชวนคุยไปอย่างนั้นเองแหละ”
ทินกรตอบยิ้มๆ
“แล้วมาอยู่ไกลแบบนี้ ฟงแฟนจะทำอย่างไร เขาเข้าใจเราหรือเปล่า ผู้ชายบางคนน่ะไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ หรอกนะ”
ทินกรแสร้างทำสุ้มเสียงจริงจังเป็นการเป็นงาน
ใจอยากถามแค่ประโยคเดียวเท่านั้นแหละว่า...มีแฟนหรือยัง
แต่เรื่องอย่างนี้รวิศาตามไม่ทันหรอก
“ศาไม่มีปัญหาแบบนั้นหรอกค่ะ"
"แสดงว่าแฟนเราเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ "
"ศายังไม่มีแฟนค่ะ”
รวิศาตอบซื่อๆ
“อืม...งั้นหรือ งั้นก็โชคดีไป”
ชายหนุ่มกระแอมไอ ในใจลิงโลดกับคำตอบ
“พี่แวะมาดูแค่นี้แหละ มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนก็บอกพี่ได้นะ หรืออยากให้ปรับปรุงอะไรเพื่อให้รีสอร์ตเราน่าเที่ยวน่าพักมากกว่านี้พี่ก็ยินดี”
“ขอบคุณพี่ทินมากเลยนะคะ นี่ศาก็โฆษณากับเพื่อนไว้เยอะเลย ใครก็อยากมา กำลังหาเวลาว่างมาเที่ยวกันอยู่”
“มาได้เลย พี่ยินดีต้อนรับ ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนๆ ศาเดี๋ยวพี่ต้อนรับเป็นพิเศษ”
“ต้องเป็นเพื่อนสาวๆ ด้วยใช่ไหมคะถึงจะได้บริการพิเศษ”
รวิศาแซวออกไปไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ทินกรกลับหัวเราะเก้อ
“นั่นมันเมื่อก่อนต่างหาก แต่พอศามาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้พี่ก็ไม่กล้าแล้ว ไม่อยากให้ศามองว่าพี่เจ้าชู้”
“ช้าไปแล้วล่ะค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็พี่ทินในสายตาของศา เป็นคนเจ้าชู้น่ะสิคะ”
สาบานได้ว่าพูดออกไปไม่ได้คิดอะไรจริงๆ
แต่ทินกรกลับจ้องตากลับ แถมส่องประกายวิบวับจนหญิงสาวรู้สึกหนาวร้อนชอบกล
“เอ่อ...ศาขอโทษค่ะ ศาไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่ทิน”
“พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
ทินกรพูดเสียงนุ่ม
นึกอยากเข้าไปใกล้มากกว่านี้แต่ก็อดใจไว้
“ไว้คุยกันคราวหน้าดีกว่า พี่ไม่กวนล่ะ หลับฝันดีนะศา”
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ธิน”
ทินกรเดินลงจากเรือนพักของหญิงสาวไปด้วยจังหวะหัวใจแปลกๆ
สงสัยว่าจะเป็นเพราะแสงจันทร์นี่หรือเปล่านะที่ทำให้รู้สึกว่าคืนนี้ยัยเป็ดดำของเขานั้นสวยเย็นตาน่ามองเหลือเกิน
บางทีเขาอาจต้องอยู่ห่างๆ เข้าไว้ เว้นเสียแต่จะยอมให้ใครต่อใครล้อเลียนว่าเป็นสมภารกินไก่วัด
“อยากจะทำอะไร ใช้งบเท่าไหร่ ศาเขียนรายละเอียดทำเป็นรายงานมาคุยกับคุณกุ๊กฝ่ายบัญชีได้เลยนะ”
นราวดีแนะนำให้รวิศารู้จักคุณกุ๊กหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่ทำงานกับนราวดีมานับสิบปีแล้ว
“ต้องการอะไรเรื่องงบก็ปรึกษากุ๊กได้เลย ช่วงนี้ป้าไม่ค่อยอยู่หรอก บินไปทำธุระที่นั่นที่นี่บ่อยๆ ถ้าเรื่องอื่นๆ ก็ถามพี่ยุทธหรือพี่ทินเขานั่นแหละ เขาดูแลที่นี่แทนป้าอยู่ อีกหน่อยเขาก็จะมาเป็นบอสเต็มตัวแล้ว ป้าจะได้ออกไปเที่ยวรอบโลกอย่างที่หวังไว้สักที”
นราวดีพูดอย่างร่าเริง เพราะดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดทำให้เธอยังสุขภาพแข็งแรงแม้จะใกล้หกสิบเต็มทีแล้ว
“ที่จริงศาไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้เลยค่ะป้านาย ศาเรียนมาเป็นเทรนเนอร์มากกว่า”
รวิศาบอกอย่างกังวลเหมือนที่เคยบอกไปแล้วหลายครั้ง
นราวดีก็ทำเหมือนเดิมคือโบกมืออย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
“ทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้ ป้าเองก็ไม่ได้จบบริหารมาสักใบเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้คนที่จบโทจากเมืองนอกมาโดยตรงนั่นหรือ...เจ้าทินนั่นไง แล้วเป็นไง ก็ต้องมาเป็นลูกน้องป้านายอีกทีเห็นไหมล่ะ”
นราวดีหัวเราะชอบใจที่ได้ค่อนแคะลูกชายลับหลัง
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะหนูศา ค่อยๆ เรียนรู้ไป ไม่ต้องกลัวจะทำผิดพลาด ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของเราให้เต็มที่”
นราวดีพูดอย่างไว้ใจ รวิศาจึงทุ่มเทอีกหลายเท่าเพราะไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวัง ทั้งเรื่องงานและการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องการบริหารจัดการต่าง ๆ
“แม่ไม่กดดันน้องมากไปหรือครับ”
ทินกรเคยแอบถามมารดาตอนที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง
นราวดีจ้องหน้าลูกชายยิ้มๆ
“ไม่หรอก แม่ฝึกไว้ เพราะอีกหน่อยก็จะต้องรับผิดชอบมากกว่านี้”
“ตอนนี้น้องก็จะได้เป็นผู้จัดการโปรเจคต์ศูนย์สุขภาพใหม่อยู่แล้วนี่ครับ หรือแม่อยากให้น้องทำตำแหน่งอะไรเพิ่มอีก”
“ผู้บริหาร”
“จะมาแทนผมงั้นหรือครับ”
ทินกรหยอก นราวดียิ้มพราว
“แล้วดีไหมล่ะ”
“ไม่แน่ใจสิฮะ ขึ้นอยู่กับว่าแม่จะต้องไล่ผมออกด้วยหรือเปล่า”
ทินกรหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ถือเป็นจริงจัง
นราวดีอยากพูดเหลือเกินว่า ความจริงคืออยากจะฝึกรวิศาไว้เผื่อมาเป็นคุณนายหญิงของรีสอร์ตคู่กับทินกรต่างหาก
แต่ก็รู้นิสัยลูกชายดีว่าชอบขัดใจแม่แทบจะทุกสิ่งอย่าง หากรู้แกวว่าเธอสนใจอยากได้รวิศามาเป็นสะใภ้ ก็อาจด่วนปิดประตูหัวใจไม่ยอมมองหญิงสาวอีกเลยก็เป็นได้
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกราตรีลอยกรุ่นในอากาศ...
ยิ่งมีสายลมพัดมาอ่อนๆ กลิ่นหอมก็ยิ่งฟุ้งกำจรจนรวิศาต้องสูดเข้าให้เต็มปอดด้วยความรู้สึกแปลกใหม่เพราะไม่เคยได้กลิ่นหอมอะไรแบบนี้ บรรยากาศในรีสอร์ตตอนกลางวันว่าสวยงามแล้ว แต่รวิศาว่ากลางคืนน่าอยู่มากขึ้นไปอีก บ้านพักแต่ละหลังปลูกอยู่กลางเนินเตี้ยๆ ที่มีสนามหญ้าเขียวสดที่ได้รับการดูแลอย่างดีเสมอปกคลุมไว้
มีต้นไม้ปลูกคั่นบ้านแต่ละหลัง มีท่อนไม้ที่ถูกทำเป็นฐานโคมไฟประดับหน้าบันไดบ้านทุกหลังและตามทางเดิน แสงสีส้มทำให้บรรยากาศนุ่มนวลโรแมนติก
คืนนี้ยิ่งจะดูงดงามเป็นพิเศษ แสงจันทร์กระจ่างอยู่กลางท้องฟ้านวลตาและกลมโตจนรวิศามองเพลิน เวลาอยู่กรุงเทพฯ แทบจะไม่มีเวลาได้เงยหน้ามองพระจันทร์แม้ว่าบ้านที่เธออาศัยอยู่กับพ่อและแม่จะมีต้นไม้ใหญ่และมีลักษณะเป็นบ้านสวนไม่แพ้บ้านต่างจังหวัดก็ตามที
เมื่อหัวค่ำเพิ่งโทรศัพท์คุยกับแม่และพ่อ ทั้งสองสบายใจที่เธอชอบงานที่นี่
“ตั้งใจทำงานให้ดีนะศา อย่าทำให้ป้านายเขาผิดหวังหรือว่าเราได้ เขายิ่งใจดีเราก็ยิ่งต้องทำตัวดีๆ นะลูก”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ ศาตั้งใจทำให้ดีที่สุดเลยล่ะ”
“แล้วนายทินล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง แต่งการแต่งงานไปหรือยัง”
“น่าจะยังนะคะ"
“นั่นสินะ รายนั้นเค้าเนื้อหอมนี่ มีหรือจะยอมลงเอยกับใครง่ายๆ”
พ่อพูดและหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร แต่รวิศาได้ยินแม่เอ็ดพ่อมาตามสาย
รวิศาก็คิดเหมือนแม่นั่นแหละ ผู้ชายเจ้าชู้ไม่เห็นน่าชื่นชมตรงไหนเลย
แต่น่าโมโหตรงที่เธอดันชอบผู้ชายเจ้าชู้นี่แหละ...ไม่นะ...ไม่ได้ชอบ แค่เคยชอบ หญิงสาวเถียงกับตัวเองในใจเป็นพัลวัน
และเพราะมองจันทร์เพลินแถมยังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อยจึงไม่ทันรู้ตัวว่าทินกรมายืนอยู่หน้ากระไดขึ้นเรือนตั้งแต่เมื่อไหร่
หันไปเห็นอีกทีก็ตกใจจนเผลอร้องว้ายออกมา
“พี่ไม่ใช่ผีนะศา ร้องซะดัง”
ทินกรต่อว่าขำๆ
“ขึ้นไปได้มั้ย”
“ได้สิคะ ขึ้นมาเลยค่ะ”
รวิศาตอบรับ ขัดเขินเล็กน้อย แต่โชคดีที่อยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงเล ถือว่าพอจะกล้อมแกล้มรับแขกได้ในตอนนี้
ยิ่งเป็นแขกที่มีสถานะเป็นเจ้าบ้านเสียด้วย...เธอควรจะเกรงใจเขามากกว่าสินะถึงจะถูก
“พี่เดินตรวจตรารอบรีสอร์ตไปตามประสา ผ่านมาเจอศาพอดี ทำไมยังไม่นอน คิดถึงบ้านหรือเปล่า”
“แหม ศาโตแล้วนะคะพี่ทิน ออกมาอยู่หอพักตั้งแต่เป็นนักศึกษาแล้วนะคะ”
“นั่นสิ พี่ก็ชวนคุยไปอย่างนั้นเองแหละ”
ทินกรตอบยิ้มๆ
“แล้วมาอยู่ไกลแบบนี้ ฟงแฟนจะทำอย่างไร เขาเข้าใจเราหรือเปล่า ผู้ชายบางคนน่ะไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ หรอกนะ”
ทินกรแสร้างทำสุ้มเสียงจริงจังเป็นการเป็นงาน
ใจอยากถามแค่ประโยคเดียวเท่านั้นแหละว่า...มีแฟนหรือยัง
แต่เรื่องอย่างนี้รวิศาตามไม่ทันหรอก
“ศาไม่มีปัญหาแบบนั้นหรอกค่ะ"
"แสดงว่าแฟนเราเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ "
"ศายังไม่มีแฟนค่ะ”
รวิศาตอบซื่อๆ
“อืม...งั้นหรือ งั้นก็โชคดีไป”
ชายหนุ่มกระแอมไอ ในใจลิงโลดกับคำตอบ
“พี่แวะมาดูแค่นี้แหละ มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนก็บอกพี่ได้นะ หรืออยากให้ปรับปรุงอะไรเพื่อให้รีสอร์ตเราน่าเที่ยวน่าพักมากกว่านี้พี่ก็ยินดี”
“ขอบคุณพี่ทินมากเลยนะคะ นี่ศาก็โฆษณากับเพื่อนไว้เยอะเลย ใครก็อยากมา กำลังหาเวลาว่างมาเที่ยวกันอยู่”
“มาได้เลย พี่ยินดีต้อนรับ ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนๆ ศาเดี๋ยวพี่ต้อนรับเป็นพิเศษ”
“ต้องเป็นเพื่อนสาวๆ ด้วยใช่ไหมคะถึงจะได้บริการพิเศษ”
รวิศาแซวออกไปไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ทินกรกลับหัวเราะเก้อ
“นั่นมันเมื่อก่อนต่างหาก แต่พอศามาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้พี่ก็ไม่กล้าแล้ว ไม่อยากให้ศามองว่าพี่เจ้าชู้”
“ช้าไปแล้วล่ะค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็พี่ทินในสายตาของศา เป็นคนเจ้าชู้น่ะสิคะ”
สาบานได้ว่าพูดออกไปไม่ได้คิดอะไรจริงๆ
แต่ทินกรกลับจ้องตากลับ แถมส่องประกายวิบวับจนหญิงสาวรู้สึกหนาวร้อนชอบกล
“เอ่อ...ศาขอโทษค่ะ ศาไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่ทิน”
“พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
ทินกรพูดเสียงนุ่ม
นึกอยากเข้าไปใกล้มากกว่านี้แต่ก็อดใจไว้
“ไว้คุยกันคราวหน้าดีกว่า พี่ไม่กวนล่ะ หลับฝันดีนะศา”
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ธิน”
ทินกรเดินลงจากเรือนพักของหญิงสาวไปด้วยจังหวะหัวใจแปลกๆ
สงสัยว่าจะเป็นเพราะแสงจันทร์นี่หรือเปล่านะที่ทำให้รู้สึกว่าคืนนี้ยัยเป็ดดำของเขานั้นสวยเย็นตาน่ามองเหลือเกิน
บางทีเขาอาจต้องอยู่ห่างๆ เข้าไว้ เว้นเสียแต่จะยอมให้ใครต่อใครล้อเลียนว่าเป็นสมภารกินไก่วัด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ