เขาเรียกพวกผมว่าปาร์ตี้มอนสเตอร์สุดกาก...ผมก็ไม่ได้เถียงนี่!
-
เขียนโดย cQMan
วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.01 น.
12 ตอน
47 วิจารณ์
12.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562 04.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตอนที่ 8 ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกับคนอื่นเทพเจ้าถึงได้ใจดีนัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 8
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกับคนอื่นเทพเจ้าถึงได้ใจดีนัก
การตามหาตัวมนุษย์ไม่ใช่เรื่องที่ท้าทายความสามารถของเหล่าหมาป่าเลยซักนิด ผมแค่บอกบริเวณที่ผมพบกับกลุ่มมนุษย์เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเหล่าพี่ๆขนฟูในการใช้จมูกดมกลิ่นตามหาศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขา(ซึ่งอันที่จริงคือพวกเราเอง) ไม่นานพวกเราก็พบกับกลุ่มมนุษย์ที่กำลังเดินทางฝ่าความมืดมิดเพื่อมุ่งหน้าไปที่ไหนซักที่ บางทีพวกเขาอาจจะกำลังกลับเข้าไปในเมืองเพราะพบว่าในถ้ำที่เคยเป็นจุดพักใจกลางป่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไป(ซึ่งก็เป็นฝีมือของพวกผมอีกนั่นแหละ)
พวกเราสะกดรอยตามกลุ่มของมนุษย์นั้นไปอย่างเงียบงัน ผมที่อยู่บนไหล่ของแวร์วูฟตัวหนึ่งอึ้งไปเลยเมื่อได้พบว่าพวกแวร์วูฟสามารถเคลื่อนที่ได้เงียบงันกว่าหมาป่าภูเขาซักสิบเท่าเห็นจะได้
ผมและเพื่อนๆติดตามทีมไล่ล่าที่ราชาหมาป่านำทีมมาด้วยตัวเอง โดยการขึ้นไปอยู่บนไหล่ของพวกแวร์วูฟ ราชาหมาป่ายอมให้กะโหลกเซนได้อยู่บนไหล่ของเขา ด้วยเหตุผลที่ว่า กระดูกมีชีวิตช่างหอมหวนน่าเย้ายวน แน่นอนว่ากะโหลกเซนพยายามจะปฏิเสธ แต่ผมก็ต้องหว่านล้อมเขาให้ยอมๆไปก่อนเพราะไม่อยากตายด้วยน้ำมือของหมาป่าหุ่นล่ำที่โดนขัดใจ แล้วกะโหลกเซนก็ยอมขึ้นไปอยู่บนไหล่ของราชาหมาป่าแต่โดยดี
“ทำไมถึงยกโขยงกันมาเยอะจังเลย แค่พวกนายคนเดียวก็น่าจะล้มพวกมนุษย์ได้ทั้งกองทัพแล้วนะ” ไข่มังกรเดรคออกความเห็น ข้างๆเขามีแวร์วูฟโชคร้ายที่ต้องให้ลูกแก้วฟรานขี่ไหล่มาด้วย และมันก็ถูกลูกแก้วลูกนั้นสร้างความรำคาญจนต้องขอความช่วยเหลือจากตัวอื่นๆ แน่นอนว่าไม่มีใครที่คิดจะช่วยมัน ดูเหมือนว่าจะไม่มีแวร์วูฟตัวไหนที่กล้าให้ฟรานขึ้นไปอยู่บนไหล่อีกเลยหลังจากที่ได้เห็นความสามารถในการปั่นประสาทของเขา
“พวกมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา” ราชาหมาป่าที่มีกะโหลกเซนอยู่บนไหล่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและแหบพร่า “พวกมันอันตรายกว่ามนุษย์ทั่วๆไป”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่ธรรมดา” กะโหลกเซนเอ่ยถาม ผมตั้งใจฟังสิ่งที่ทั้งสองกำลังคุยกัน
“พวกมันคือเพลเยอร์ มนุษย์ที่ได้รับพรจากพระเจ้า” ราชาหมาป่ามีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก “โลกแห่งนี้แบ่งมนุษย์ออกเป็นสองประเภทคือ มนุษย์ที่เป็นสายพันธ์เพลเยอร์ กับมนุษย์ที่เป็นสายพันธ์NPC มนุษย์ที่เป็นNPCคือมนุษย์ธรรมดาๆที่อยู่บนโลกใบนี้มาตั้งแต่อดีตกาล ทว่าพวกเพลเยอร์คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกส่งมาจากต่างโลก พวกมันได้รับพรให้เป็นอมตะ!”
“จากต่างโลก” กะโหลกเซนทวนคำ
“อมตะ!” ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน พวกเขาได้มาเกิดใหม่เป็นผู้อมตะในขณะที่พวกเราเป็นแค่มอนสเตอร์กระจอกๆเนี่ยนะ! ผมหันไปถามแวร์วูฟที่แบกผมอยู่บ่นไหล่ “แบบว่าฆ่าไม่ตายงี้เหรอ”
“อันที่จริงพวกมันสามามรถถูกฆ่าตายได้” แวร์วูฟตัวนี้ตอบ ให้ตายสิ! หมอนี่ปากเหม็นไม่แพ้พวกหมาป่าภูเขาเลย นี่พวกแกเคยแปลงฟันกันบ้างไหมเนี่ย! “แต่เมื่อพวกมนุษย์ตายลง พวกมันจะกลับมาเกิดใหม่เมื่อเวลาผ่านไปได้ซักพักหนึ่ง”
“แล้วพวกมนุษย์ที่เป็นNPCล่ะ พวกนี้สามารถเกิดใหม่ได้ไหม” ผมถามเสียงเครียด ดูเหมือนเผ่าพันธ์มอนสเตอร์ของพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตโกงความตายเข้าให้แล้ว อย่างนี้มันหายนะแห่งโลกมอนสเตอร์ชัดๆเลย!
“ไม่ได้หรอก พวกที่เกิดใหม่ได้คือพวกที่ได้รับพรจากพระเจ้าอย่างพวกเพลเยอร์เท่านั้น” แวร์วูฟกล่าว
“แล้วมอนสเตอร์อย่างเราล่ะ” ไข่มังกรเดรคถามขึ้นมาบ้าง
“มอนสเตอร์ในตำนานบางตัวสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยความสามารถบางอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็ตายแล้วตายเลย” ราชาหมาป่าบอก ดู๊ดูไอ้เทพเจ้าโรคจิตมันทำสิ นอกจากจะส่งพวกเรามาเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้แล้ว ยังส่งพวกมนุษย์อมตะลงมาป่วนโลกนี้อีกต่างหาก นี่แกว่างมากนักใช่ไหมเนี่ย!
“ถึงแม้การฆ่าพวกมันจะไม่ทำให้พวกมันตายจริงๆได้ แต่พวกมันก็อ่อนแอลงหลังจากการเกิดใหม่” ราชาหมาป่ากล่าวไปพลางเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างเงียบงันเพื่อไม่ให้คลาดกับเหล่าเพลเยอร์ “หลังจากเกิดใหม่ ระดับของพวกมันจะลดลงห้าระดับ และการตายโดยมอนสเตอร์บางตัวที่แข็งแกร่งมากๆ หรือจ่าฝูงเช่นข้า จะทำให้ระดับของพวกมันสูญเสียมากกว่าห้าระดับ”
“หากตายด้วยน้ำมือของท่านราชา อุปกรณ์บางชิ้นของมันก็อาจจะถูกทำลายด้วยนะ แฮ่ๆๆๆๆ” แวร์วูฟที่แบกไข่มังกรเดรคมาพูดเสริม ก่อนจะแลบลิ้นกระดิกหางดุ๊กดิ๊กๆ ซึ่งผมเดาว่านั่นคงเป็นอาการของความภาคภูมิใจ
ผมจำได้ว่าระดับสูงสุดของพวกเพลเยอร์ที่เรากำลังจะปะทะด้วยมากสุดอยู่ที่ระดับ 14 ถึงมันจะน้อยกว่าราชาหมาป่า แต่ก็เป็นระดับที่อันตรายเกินไปสำหรับพวกเราอยู่ดี หมอนั่นจึงไม่ใช่เป้าหมายของผม
แต่อย่างน้อยผมก็อยากมีส่วนร่วมบ้าง ผมเลยเล็งยัยเด็กสาวในชุดนักบวชระดับ 5 ในกลุ่มนั้นเอาไว้ ผมกำลังคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้เธอตายไปซะก่อนที่พวกเราจะได้ลงมาปลิดชีพเธอด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มระดับ…นี่มันฟังดูโหดร้ายเอาเรื่องเลยแฮะ
โอเค! คุณอาจจะคิดว่าผมเลวร้าย แต่ผมไม่สนหรอก! พวกผมจะต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม และผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตเพื่อนๆของผมจะปลอดภัย เพราะงั้นด่าได้เลย…แต่อย่าแรงนักนะ หัวใจของสไลม์น้อยๆตัวนี้ไม่ค่อยแข็งแรง อีกอย่าง พวกมันมนุษย์ก็ไม่ได้ตายจริงๆซักหน่อย แถมพวกเรายังเป็นมอนสเตอร์ด้วย ก็เท่ากับว่ามันจะไม่ผิดศีลธรรมใดๆถ้าผมลงมือเก็บพวกเพลเยอร์ซักคนสองคนในค่ำคืนนี้
ราชาหมาป่าส่งสัญญาณมือ…หรืออุ้งเท้า…ไม่ก็อุ้งมือ อะไรซักอย่างนี่แหละ แล้วแวร์วูฟสี่ห้าตัวก็เคลื่อนที่เร็วขึ้น พวกมันเคลื่อนที่ฝ่าสิ่งกีดขวางไปอย่างว่องไว ล่วงหน้าไปเพื่อเตรียมจะอ้อมดักหน้าพวกเพลเยอร์ มันทำให้ผมตระหนักได้ว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
“แต่ถึงแม้พวกเพลเยอร์จะได้รับพรจากพระเจ้าจนทำให้พวกมันแข็งแกร่งและเป็นอมตะ แต่พวกมันก็มีขีดจำกัดในเรื่องเวลาอยู่ อะไรบางอย่างทำให้พวกมันไม่สามารถอยู่ในโลกแห่งนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆได้” ราชาหมาป่ากล่าว
“ทำไมล่ะ” กะโหลกเซนถาม
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ในสมัยที่ข้าถูกจับไปเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเพลเยอร์ พวกมันมีเวลาอยู่ในโลกนี้ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน ก่อนที่พวกมันจะหายไปเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็ม หรือบางทีอาจจะนานกว่านั้น พวกมันถึงจะสามารถกลับมาที่โลกแห่งนี้ได้อีกครั้ง” ราชาหมาป่ากล่าวอย่างใจเย็น ราวกับเขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องเข้าปะทะกับมนุษย์ผู้เป็นอมตะกลุ่มใหญ่เลยแม้แต่น้อย แต่มันก็ไม่แปลกหรอก ทรวดทรงคุณท่านแกร่งขนาดนี้ แล้วท่านจะไปกลัวพวกมนุษย์กระจ้อยร่อยพวกนั้นทำไมกัน
“แล้วท่านหนีรอดออกมาจากเงื้อมือพวกมนุษย์ได้อย่างไร” ผมนึกสงสัย
“บางครั้งมอนสเตอร์อย่างเราๆก็ถูกนำไปเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเพลเยอร์ พวกมันสามารถใช้พันธะเวทมนตร์บางอย่างทำให้มอนสเตอร์อย่างเรากลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังคำสั่งได้ ตราบใดที่พวกมันมีระดับเหนือกว่าพวกเราน่ะนะ” ราชาหมาป่าบอก “ทว่าเมื่อใดก็ตามที่ระดับของพวกมันลดลงจนต่ำกว่าสัตว์เลี้ยงของมันเอง พันธะเวทมนตร์จะเสื่อมถอยลงตามไปด้วย ทำให้เราสามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพวกมันได้ในชั่วระยะเวลานั้น และการลงมือฆ่าพวกมันในตอนนั้นจะทำให้พันธะเวทมตร์ถูกทำลาย นั่นแหละคือวิธีที่ข้าใช้หนีออกมา”
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพลเยอร์ผู้เป็นนายเก่าของเขาถึงถูกฆ่าได้ ก็ดูสภาพร่างกายมันสิ! นี่มันร่างกายปีศาจนักกล้ามในคราบหมาป่าชัดๆ! ผมว่ามนุษย์คนนั้นต้องถูกซ้อมตายอนาถด้วยการจับดัดหลังแทนการถูกขะย่ำด้วยคมเขี้ยวแน่ๆ
แวร์วูฟตัวที่แบกก้อนหินจิลไว้บนบ่าส่งสัญญาณให้ราชาของมันรู้ ว่าทีมที่ล่วงหน้าไปพร้อมจู่โจมแล้ว
“เอาล่ะ! ได้เวลาทำงานแล้ว!” ราชาหมาป่าแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ดวงตาแสงแดงก่ำมีประกายโหดเหี้ยม “เจ้ามอนสเตอร์ตัวน้อย ลงไปจากตัวของข้าซะ มีเจ้าอยู่อย่างนี้แล้วมันเคลื่อนไหวไม่ค่อยถนัด”
กะโหลกเซนโดดลงมาจากไหล่ของราชาตามคำสั่ง ผมและคนอื่นๆก็ทำตาม พวกเราโดดมารวมกลุ่มกันอยู่เบื้องหลังพวกแวร์วูฟ มองแผ่นหลังของเหล่าอสูรร้ายที่เตรียมตัวออกล่าด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง
“แบบนี้มันจะดีแน่เหรอ” ก้อนหินจิลมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผมเดาว่าเขาคงไม่อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการฆ่าคนแน่ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าพวกนั้นเป็นอมตะ ฆ่ามันไปเดี๋ยวมันก็เกิดใหม่มาไล่กระทืบพวกเราอยู่ดีนั่นแหละ” ไข่มังกรเดรคบอก
“พวกนั้นทำให้ฉันหงุดหงิดสุดๆ” เป็นครั้งแรกที่ลูกแก้วฟรานเห็นด้วยกับความรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้น มันทำให้ผมรู้ว่าความแค้นเปลี่ยนนิสัยคนได้จริงๆ!
“แต่ว่า…” ก้อนหินจิลก็ยังดูไม่สบายใจอยู่ดี
“ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกผิด” ผมเอ่ยเสียงนุ่ม พยายามอธิบายให้เขาฟังว่า “แต่นายอย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นมอนเตอร์ พวกเราเป็นศัตรูกับพวกนั้น ถ้าไม่ฆ่าเขาเขาก็ฆ่าเราอยู่ดี เราไม่มีทางเลือก พวกเขาเองก็เช่นกัน มันไม่มีใครผิดหรือใครถูกหรอก นี่เป็นโลกของผู้ล่าและผู้ถูกล่าอย่างแท้จริงเลยล่ะ ฉันขอโทษนะถ้าฉันทำให้นายรู้สึกไม่สบายใจ แต่ฉันอยากให้นายรู้ไว้นะว่าฉันทำไปเพื่อวันพรุ่งนี้ของพวกเราทุกคน” ผมพูดออกมาจากใจ มันคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ชีวิตของผมมีความหมาย เพื่อนๆคือสิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ และผมจะไม่ยอมเสียใครไปแน่ๆ ฉะนั้นพวกเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้!
เสียงเห่าหอนของราชาหมาป่าดังขึ้น เป็นสัญญาณแห่งการจู่โจม เสียงการต่อสู้ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นตามมา พวกผมได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างชัดเจน
“แล้วแผนขั้นต่อไปคืออะไร” กะโหลกเซนถามอย่างรู้ทัน ผมหัวเราะในลำคอ
“ก็เหลือแค่ไปเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้เท่านั้นแหละ” ผมบอก
“เมล็ดพันธุ์อะไร” ไข่มังกรเดรคสงสัย ผมหัวเราะดังกว่าเดิม ชั่วร้ายกว่าเดิม และบ้าคลั่งกว่าเดิม
“ก็เมล็ดพันธุ์แห่งความวอดวายไงล่ะ! พวกเรารีบไปกันเถอะ! ก่อนที่พวกแพะรับบาปจะชิงไปเกิดใหม่กันหมดซะก่อน อิอิอิอิ”
“นั่นนายกำลังหัวเราะใช่ไหม” ก้อนหินจิลถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ห้ะ…อะไร ใครเหรอ ไม่มี๊!” ผมทำเป็นไขสือ
“หน้าตานายดูเหมือนกำลังเจอเรื่องสนุกๆอยู่เลย” ไข่มังกรเดรกสังเกตุเห็น “แววตายนายนี่มันฆาตกรโรคจิตชัดๆ”
“พวกนายก็พูดไปเรื่อย ใครจะไปรู้สึกสะใจที่จะได้ฆ่าคนกันเล่า! อย่ามัวพูดมากเลย ไปมัน…ไปช่วยพวกหมาป่ากันเถอะ!”
ขอโทษครับ ผมพยายามห้ามลอฟแล้วนะ : ก้อนหินจิล
โปรดติดตามตอนต่อไป
- ตั้งแผงขายของจ้า -
นั่งเขียนเพลงกับเรียงบีทอยู่ เป็นเพลงDemoที่ดีลให้เพื่อนร้องแต่เพื่อนติดอ่านหนังสือสอบ อัดเสียงได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพลงเต็มคงใส่รายละเอียดดนตรีเยอะกว่านี้ แต่หวังว่าทุกคนคงจะชอบเนื้อเพลงนะ
ฝากกับเพลงอื่นๆในช่องด้วยนะครับ เผื่อจะชอบกัน ครุคริ
หวงอ่ะ - cQMan [Demo] แค่ชื่อก็จั๊กจี้แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=lMepXd0ATcY
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมกับคนอื่นเทพเจ้าถึงได้ใจดีนัก
การตามหาตัวมนุษย์ไม่ใช่เรื่องที่ท้าทายความสามารถของเหล่าหมาป่าเลยซักนิด ผมแค่บอกบริเวณที่ผมพบกับกลุ่มมนุษย์เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเหล่าพี่ๆขนฟูในการใช้จมูกดมกลิ่นตามหาศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขา(ซึ่งอันที่จริงคือพวกเราเอง) ไม่นานพวกเราก็พบกับกลุ่มมนุษย์ที่กำลังเดินทางฝ่าความมืดมิดเพื่อมุ่งหน้าไปที่ไหนซักที่ บางทีพวกเขาอาจจะกำลังกลับเข้าไปในเมืองเพราะพบว่าในถ้ำที่เคยเป็นจุดพักใจกลางป่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไป(ซึ่งก็เป็นฝีมือของพวกผมอีกนั่นแหละ)
พวกเราสะกดรอยตามกลุ่มของมนุษย์นั้นไปอย่างเงียบงัน ผมที่อยู่บนไหล่ของแวร์วูฟตัวหนึ่งอึ้งไปเลยเมื่อได้พบว่าพวกแวร์วูฟสามารถเคลื่อนที่ได้เงียบงันกว่าหมาป่าภูเขาซักสิบเท่าเห็นจะได้
ผมและเพื่อนๆติดตามทีมไล่ล่าที่ราชาหมาป่านำทีมมาด้วยตัวเอง โดยการขึ้นไปอยู่บนไหล่ของพวกแวร์วูฟ ราชาหมาป่ายอมให้กะโหลกเซนได้อยู่บนไหล่ของเขา ด้วยเหตุผลที่ว่า กระดูกมีชีวิตช่างหอมหวนน่าเย้ายวน แน่นอนว่ากะโหลกเซนพยายามจะปฏิเสธ แต่ผมก็ต้องหว่านล้อมเขาให้ยอมๆไปก่อนเพราะไม่อยากตายด้วยน้ำมือของหมาป่าหุ่นล่ำที่โดนขัดใจ แล้วกะโหลกเซนก็ยอมขึ้นไปอยู่บนไหล่ของราชาหมาป่าแต่โดยดี
“ทำไมถึงยกโขยงกันมาเยอะจังเลย แค่พวกนายคนเดียวก็น่าจะล้มพวกมนุษย์ได้ทั้งกองทัพแล้วนะ” ไข่มังกรเดรคออกความเห็น ข้างๆเขามีแวร์วูฟโชคร้ายที่ต้องให้ลูกแก้วฟรานขี่ไหล่มาด้วย และมันก็ถูกลูกแก้วลูกนั้นสร้างความรำคาญจนต้องขอความช่วยเหลือจากตัวอื่นๆ แน่นอนว่าไม่มีใครที่คิดจะช่วยมัน ดูเหมือนว่าจะไม่มีแวร์วูฟตัวไหนที่กล้าให้ฟรานขึ้นไปอยู่บนไหล่อีกเลยหลังจากที่ได้เห็นความสามารถในการปั่นประสาทของเขา
“พวกมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา” ราชาหมาป่าที่มีกะโหลกเซนอยู่บนไหล่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและแหบพร่า “พวกมันอันตรายกว่ามนุษย์ทั่วๆไป”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่ธรรมดา” กะโหลกเซนเอ่ยถาม ผมตั้งใจฟังสิ่งที่ทั้งสองกำลังคุยกัน
“พวกมันคือเพลเยอร์ มนุษย์ที่ได้รับพรจากพระเจ้า” ราชาหมาป่ามีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก “โลกแห่งนี้แบ่งมนุษย์ออกเป็นสองประเภทคือ มนุษย์ที่เป็นสายพันธ์เพลเยอร์ กับมนุษย์ที่เป็นสายพันธ์NPC มนุษย์ที่เป็นNPCคือมนุษย์ธรรมดาๆที่อยู่บนโลกใบนี้มาตั้งแต่อดีตกาล ทว่าพวกเพลเยอร์คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกส่งมาจากต่างโลก พวกมันได้รับพรให้เป็นอมตะ!”
“จากต่างโลก” กะโหลกเซนทวนคำ
“อมตะ!” ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน พวกเขาได้มาเกิดใหม่เป็นผู้อมตะในขณะที่พวกเราเป็นแค่มอนสเตอร์กระจอกๆเนี่ยนะ! ผมหันไปถามแวร์วูฟที่แบกผมอยู่บ่นไหล่ “แบบว่าฆ่าไม่ตายงี้เหรอ”
“อันที่จริงพวกมันสามามรถถูกฆ่าตายได้” แวร์วูฟตัวนี้ตอบ ให้ตายสิ! หมอนี่ปากเหม็นไม่แพ้พวกหมาป่าภูเขาเลย นี่พวกแกเคยแปลงฟันกันบ้างไหมเนี่ย! “แต่เมื่อพวกมนุษย์ตายลง พวกมันจะกลับมาเกิดใหม่เมื่อเวลาผ่านไปได้ซักพักหนึ่ง”
“แล้วพวกมนุษย์ที่เป็นNPCล่ะ พวกนี้สามารถเกิดใหม่ได้ไหม” ผมถามเสียงเครียด ดูเหมือนเผ่าพันธ์มอนสเตอร์ของพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตโกงความตายเข้าให้แล้ว อย่างนี้มันหายนะแห่งโลกมอนสเตอร์ชัดๆเลย!
“ไม่ได้หรอก พวกที่เกิดใหม่ได้คือพวกที่ได้รับพรจากพระเจ้าอย่างพวกเพลเยอร์เท่านั้น” แวร์วูฟกล่าว
“แล้วมอนสเตอร์อย่างเราล่ะ” ไข่มังกรเดรคถามขึ้นมาบ้าง
“มอนสเตอร์ในตำนานบางตัวสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยความสามารถบางอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็ตายแล้วตายเลย” ราชาหมาป่าบอก ดู๊ดูไอ้เทพเจ้าโรคจิตมันทำสิ นอกจากจะส่งพวกเรามาเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้แล้ว ยังส่งพวกมนุษย์อมตะลงมาป่วนโลกนี้อีกต่างหาก นี่แกว่างมากนักใช่ไหมเนี่ย!
“ถึงแม้การฆ่าพวกมันจะไม่ทำให้พวกมันตายจริงๆได้ แต่พวกมันก็อ่อนแอลงหลังจากการเกิดใหม่” ราชาหมาป่ากล่าวไปพลางเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างเงียบงันเพื่อไม่ให้คลาดกับเหล่าเพลเยอร์ “หลังจากเกิดใหม่ ระดับของพวกมันจะลดลงห้าระดับ และการตายโดยมอนสเตอร์บางตัวที่แข็งแกร่งมากๆ หรือจ่าฝูงเช่นข้า จะทำให้ระดับของพวกมันสูญเสียมากกว่าห้าระดับ”
“หากตายด้วยน้ำมือของท่านราชา อุปกรณ์บางชิ้นของมันก็อาจจะถูกทำลายด้วยนะ แฮ่ๆๆๆๆ” แวร์วูฟที่แบกไข่มังกรเดรคมาพูดเสริม ก่อนจะแลบลิ้นกระดิกหางดุ๊กดิ๊กๆ ซึ่งผมเดาว่านั่นคงเป็นอาการของความภาคภูมิใจ
ผมจำได้ว่าระดับสูงสุดของพวกเพลเยอร์ที่เรากำลังจะปะทะด้วยมากสุดอยู่ที่ระดับ 14 ถึงมันจะน้อยกว่าราชาหมาป่า แต่ก็เป็นระดับที่อันตรายเกินไปสำหรับพวกเราอยู่ดี หมอนั่นจึงไม่ใช่เป้าหมายของผม
แต่อย่างน้อยผมก็อยากมีส่วนร่วมบ้าง ผมเลยเล็งยัยเด็กสาวในชุดนักบวชระดับ 5 ในกลุ่มนั้นเอาไว้ ผมกำลังคิดว่าจะทำยังไงไม่ให้เธอตายไปซะก่อนที่พวกเราจะได้ลงมาปลิดชีพเธอด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มระดับ…นี่มันฟังดูโหดร้ายเอาเรื่องเลยแฮะ
โอเค! คุณอาจจะคิดว่าผมเลวร้าย แต่ผมไม่สนหรอก! พวกผมจะต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม และผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตเพื่อนๆของผมจะปลอดภัย เพราะงั้นด่าได้เลย…แต่อย่าแรงนักนะ หัวใจของสไลม์น้อยๆตัวนี้ไม่ค่อยแข็งแรง อีกอย่าง พวกมันมนุษย์ก็ไม่ได้ตายจริงๆซักหน่อย แถมพวกเรายังเป็นมอนสเตอร์ด้วย ก็เท่ากับว่ามันจะไม่ผิดศีลธรรมใดๆถ้าผมลงมือเก็บพวกเพลเยอร์ซักคนสองคนในค่ำคืนนี้
ราชาหมาป่าส่งสัญญาณมือ…หรืออุ้งเท้า…ไม่ก็อุ้งมือ อะไรซักอย่างนี่แหละ แล้วแวร์วูฟสี่ห้าตัวก็เคลื่อนที่เร็วขึ้น พวกมันเคลื่อนที่ฝ่าสิ่งกีดขวางไปอย่างว่องไว ล่วงหน้าไปเพื่อเตรียมจะอ้อมดักหน้าพวกเพลเยอร์ มันทำให้ผมตระหนักได้ว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
“แต่ถึงแม้พวกเพลเยอร์จะได้รับพรจากพระเจ้าจนทำให้พวกมันแข็งแกร่งและเป็นอมตะ แต่พวกมันก็มีขีดจำกัดในเรื่องเวลาอยู่ อะไรบางอย่างทำให้พวกมันไม่สามารถอยู่ในโลกแห่งนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆได้” ราชาหมาป่ากล่าว
“ทำไมล่ะ” กะโหลกเซนถาม
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ในสมัยที่ข้าถูกจับไปเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเพลเยอร์ พวกมันมีเวลาอยู่ในโลกนี้ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน ก่อนที่พวกมันจะหายไปเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็ม หรือบางทีอาจจะนานกว่านั้น พวกมันถึงจะสามารถกลับมาที่โลกแห่งนี้ได้อีกครั้ง” ราชาหมาป่ากล่าวอย่างใจเย็น ราวกับเขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องเข้าปะทะกับมนุษย์ผู้เป็นอมตะกลุ่มใหญ่เลยแม้แต่น้อย แต่มันก็ไม่แปลกหรอก ทรวดทรงคุณท่านแกร่งขนาดนี้ แล้วท่านจะไปกลัวพวกมนุษย์กระจ้อยร่อยพวกนั้นทำไมกัน
“แล้วท่านหนีรอดออกมาจากเงื้อมือพวกมนุษย์ได้อย่างไร” ผมนึกสงสัย
“บางครั้งมอนสเตอร์อย่างเราๆก็ถูกนำไปเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเพลเยอร์ พวกมันสามารถใช้พันธะเวทมนตร์บางอย่างทำให้มอนสเตอร์อย่างเรากลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังคำสั่งได้ ตราบใดที่พวกมันมีระดับเหนือกว่าพวกเราน่ะนะ” ราชาหมาป่าบอก “ทว่าเมื่อใดก็ตามที่ระดับของพวกมันลดลงจนต่ำกว่าสัตว์เลี้ยงของมันเอง พันธะเวทมนตร์จะเสื่อมถอยลงตามไปด้วย ทำให้เราสามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพวกมันได้ในชั่วระยะเวลานั้น และการลงมือฆ่าพวกมันในตอนนั้นจะทำให้พันธะเวทมตร์ถูกทำลาย นั่นแหละคือวิธีที่ข้าใช้หนีออกมา”
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพลเยอร์ผู้เป็นนายเก่าของเขาถึงถูกฆ่าได้ ก็ดูสภาพร่างกายมันสิ! นี่มันร่างกายปีศาจนักกล้ามในคราบหมาป่าชัดๆ! ผมว่ามนุษย์คนนั้นต้องถูกซ้อมตายอนาถด้วยการจับดัดหลังแทนการถูกขะย่ำด้วยคมเขี้ยวแน่ๆ
แวร์วูฟตัวที่แบกก้อนหินจิลไว้บนบ่าส่งสัญญาณให้ราชาของมันรู้ ว่าทีมที่ล่วงหน้าไปพร้อมจู่โจมแล้ว
“เอาล่ะ! ได้เวลาทำงานแล้ว!” ราชาหมาป่าแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ดวงตาแสงแดงก่ำมีประกายโหดเหี้ยม “เจ้ามอนสเตอร์ตัวน้อย ลงไปจากตัวของข้าซะ มีเจ้าอยู่อย่างนี้แล้วมันเคลื่อนไหวไม่ค่อยถนัด”
กะโหลกเซนโดดลงมาจากไหล่ของราชาตามคำสั่ง ผมและคนอื่นๆก็ทำตาม พวกเราโดดมารวมกลุ่มกันอยู่เบื้องหลังพวกแวร์วูฟ มองแผ่นหลังของเหล่าอสูรร้ายที่เตรียมตัวออกล่าด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง
“แบบนี้มันจะดีแน่เหรอ” ก้อนหินจิลมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผมเดาว่าเขาคงไม่อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการฆ่าคนแน่ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าพวกนั้นเป็นอมตะ ฆ่ามันไปเดี๋ยวมันก็เกิดใหม่มาไล่กระทืบพวกเราอยู่ดีนั่นแหละ” ไข่มังกรเดรคบอก
“พวกนั้นทำให้ฉันหงุดหงิดสุดๆ” เป็นครั้งแรกที่ลูกแก้วฟรานเห็นด้วยกับความรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้น มันทำให้ผมรู้ว่าความแค้นเปลี่ยนนิสัยคนได้จริงๆ!
“แต่ว่า…” ก้อนหินจิลก็ยังดูไม่สบายใจอยู่ดี
“ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกผิด” ผมเอ่ยเสียงนุ่ม พยายามอธิบายให้เขาฟังว่า “แต่นายอย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นมอนเตอร์ พวกเราเป็นศัตรูกับพวกนั้น ถ้าไม่ฆ่าเขาเขาก็ฆ่าเราอยู่ดี เราไม่มีทางเลือก พวกเขาเองก็เช่นกัน มันไม่มีใครผิดหรือใครถูกหรอก นี่เป็นโลกของผู้ล่าและผู้ถูกล่าอย่างแท้จริงเลยล่ะ ฉันขอโทษนะถ้าฉันทำให้นายรู้สึกไม่สบายใจ แต่ฉันอยากให้นายรู้ไว้นะว่าฉันทำไปเพื่อวันพรุ่งนี้ของพวกเราทุกคน” ผมพูดออกมาจากใจ มันคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ชีวิตของผมมีความหมาย เพื่อนๆคือสิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ และผมจะไม่ยอมเสียใครไปแน่ๆ ฉะนั้นพวกเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้!
เสียงเห่าหอนของราชาหมาป่าดังขึ้น เป็นสัญญาณแห่งการจู่โจม เสียงการต่อสู้ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นตามมา พวกผมได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างชัดเจน
“แล้วแผนขั้นต่อไปคืออะไร” กะโหลกเซนถามอย่างรู้ทัน ผมหัวเราะในลำคอ
“ก็เหลือแค่ไปเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้เท่านั้นแหละ” ผมบอก
“เมล็ดพันธุ์อะไร” ไข่มังกรเดรคสงสัย ผมหัวเราะดังกว่าเดิม ชั่วร้ายกว่าเดิม และบ้าคลั่งกว่าเดิม
“ก็เมล็ดพันธุ์แห่งความวอดวายไงล่ะ! พวกเรารีบไปกันเถอะ! ก่อนที่พวกแพะรับบาปจะชิงไปเกิดใหม่กันหมดซะก่อน อิอิอิอิ”
“นั่นนายกำลังหัวเราะใช่ไหม” ก้อนหินจิลถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ห้ะ…อะไร ใครเหรอ ไม่มี๊!” ผมทำเป็นไขสือ
“หน้าตานายดูเหมือนกำลังเจอเรื่องสนุกๆอยู่เลย” ไข่มังกรเดรกสังเกตุเห็น “แววตายนายนี่มันฆาตกรโรคจิตชัดๆ”
“พวกนายก็พูดไปเรื่อย ใครจะไปรู้สึกสะใจที่จะได้ฆ่าคนกันเล่า! อย่ามัวพูดมากเลย ไปมัน…ไปช่วยพวกหมาป่ากันเถอะ!”
ขอโทษครับ ผมพยายามห้ามลอฟแล้วนะ : ก้อนหินจิล
โปรดติดตามตอนต่อไป
- ตั้งแผงขายของจ้า -
นั่งเขียนเพลงกับเรียงบีทอยู่ เป็นเพลงDemoที่ดีลให้เพื่อนร้องแต่เพื่อนติดอ่านหนังสือสอบ อัดเสียงได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพลงเต็มคงใส่รายละเอียดดนตรีเยอะกว่านี้ แต่หวังว่าทุกคนคงจะชอบเนื้อเพลงนะ
ฝากกับเพลงอื่นๆในช่องด้วยนะครับ เผื่อจะชอบกัน ครุคริ
หวงอ่ะ - cQMan [Demo] แค่ชื่อก็จั๊กจี้แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=lMepXd0ATcY
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ