WITCHFORD
-
เขียนโดย นางแกงพเนจร
วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.12 น.
2 บท
0 วิจารณ์
3,388 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 22.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) I
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องบอลรูมขนาดกลางสีน้ำตาลไหม้ แสงไฟสลัว ชั้นใต้ดิน โบสถ์เซนต์แอนดริว ถนนหลัก เมืองวิทช์ฟอร์ด - หัวค่ำ
เหล่าสุภาพสตรีมากมายหลายสิบคนในแต่ละช่วงอายุตั้งแต่เด็กสาวจนถึงหญิงชรา พวกเธอนั่งในลักษณะครึ่งวงกลมเป็นขั้นลำดับตามการจัดวางภายในห้อง โดยที่นั่งของทุกคนหันหน้าเข้าหาจุดศูนย์กลางนั่นก็คือหญิงสูงอายุที่มีบุคลิกน่าเกรงขาม เจ้าเนื้อ ผมยาวสีขาวเสมอกันทุกเส้นแสกกลางแล้วมวยเก็บ สวมใส่ชุดผ้าไหมราคาสูงเรียบง่ายสีเทา เธอก็คือ ซาจา มาจาเกีย และเธอนั่งอยู่บนไม้สักขัดเงาสีสวยงาม
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพ” สตรีนางหนึ่งใส่ชุดคลุมสีดำยืนขึ้นพูด
“อย่างที่พวกเราทุกคนทราบกันดี ว่ามีผู้หญิงวิทช์ฟอร์ดถูกฆ่ามากมายรวมไปถึงหญิงบริสุทธิ์ที่อยู่รอบชานเมืองด้วย เหตุการณ์ฆาตกรรมคราวนี้ทำให้พวกเราทุกคนไม่มีใครกล้าเดินทางออกนอกเมืองหรือแม้แต่อยู่ในเมือง หลายคนในที่นี่ล้วนตระหนักว่ามันไม่ปลอดภัย เข้าเดือนที่ห้าแล้วที่ฆาตกรต่อเนื่องลอยนอลและยอดการเสียชีวิตของหญิงสาวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดิฉันมั่นใจว่ามันจะเพิ่มขึ้นอีก” สตรีชุดคลุมสีดำอธิบายสิ่งน่ากลัว
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพคะ” สตรีอีกนางในชุดคลุมสั้นสีน้ำตาลยืนขึ้นพูด
“ดิฉันขอเสนอความคิดเห็นเรื่องที่ว่าสภาควรจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจสำหรับเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยทางเราจะขอความร่วมมือกับนายอำเภอฝั่งคนเมืองให้ช่วยกันสอดส่อง ดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกัน ร่วมไปถึงออกไล่ล่าไอ้เวรฆาตกรต่อเนื่องนั้นด้วยค่ะ!” ข้อเสนอของสตรีชุดสีน้ำตาลช่างทรงพลัง
“เฮ้!!!!” เกิดการส่งเสียงสนับสนุนหล่อนขึ้นในที่ประชุม
“เงียบ!!” คำเดียวจากการตะเบ็งเสียงของสาวผิวสี รูปร่างสูงโปร่ง ผมหยักศกสีน้ำตาลปะบ่า สวมใส่ชุดทางการ ทำให้การประชุมอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง เธอคือ ฮีล วาเตอร์ และเธอไม่ได้นั่งห่างจากซาจาเท่าไหร่
“ขอบใจมากฮีล ...ขอบคุณสำหรับคำชี้แจงคุณเนโกรและข้อเสนอแนะคุณมารอน เชิญนั่งได้” ถึงคราวที่หญิงสูงอายุผู้อยู่ในจุดศูนย์กลางจะพูดบ้าง น้ำเสียงของเธอนิ่งๆแต่ทรงพลังราวกับขุนเขา สตรีชุดดำและน้ำตาลนั่งลงตามคำสั่งของเธอ
“ในฐานะมาดักซ์ซาขอยืนยันว่าทางสภาไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด เราได้มีการประชุมก่อนหน้านี้เพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งกองกำลัง แต่ตอนนี้ทางสภายังสรุปไม่ได้ว่าจะให้ใครขึ้นเป็นผู้นำกองกำลังเฉพาะกิจนี้” หญิงสูงอายุพูดต่อ
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพคะ …ดิฉัน มิลา คอสท์ลี และดิฉันขอเสนอตัวเองเป็นผู้นำกองกำลังค่ะ” หญิงสาวรูปหน้าคมสวยชวนน่าหลงใหล ผิวเข้มแบบสาวละติน ผมยาวสีดำ สวมใส่ชุดเผยผิวขายาวสุภาพยืนขึ้นพูด สายตาทุกคนจับจ้องไปที่เธอและตามด้วยเสียงซุบซิบนินทามากมายเป็นระยะ เธอเลือกเมินเฉยและให้ความสนใจกับหญิงสูงวัยที่อยู่ตรงกลางเท่านั้น
“ขอบคุณนะมิลาสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เธอเสียสละมาก เรื่องทักษะและพลังที่เธอมีเราไม่กังขาในข้อนี้ เว้นแต่ว่า...” ซาจาพูดตอบด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“เธอบ้า...” น้ำเสียงทุ่มของหญิงสาวอีกคนพูดแทรก เธอลุกขึ้นยืน หญิงสาวหน้าสวยแต่ดูจืดชืด ผมตรงยาวสีดำ ผิวขาวนวลคล้ายแสงจันทร์ สวมใส่ชุดเกาะอกสีเขียวกับกางเกงขายาว สาวหน้าคมหันมองเธอทันทีด้วยสีหน้าที่เริ่มไม่พอใจ
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพ ดิฉัน เอสซิม มันเดย์ และดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่มิลาเสนอตัวเป็นผู้นำภารกิจในครั้งนี้ค่ะ เหตุผลก็เพราะว่าเราต่างรู้ดีว่ามิลาไม่ใช่หญิงสาวในหมู่เราทั่วไป เธอแข็งแกร่งและเก่งมากก็จริง แต่ดิฉันอดเป็นกังวลไม่ได้ในเรื่องทางด้านอารมณ์โมโหร้ายราวกับยักษ์คลั่งของเธอ ด้วยนิสัยส่วนตัวเธออาจจะทำให้ภารกิจของเราเสียหายและบานปลายจนถึงขั้นเปิดโปงพวกเราทุกคน ดิฉันขอเสนอชื่อ คาเนลิส รัมเบีย ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้มาร่วมประชุมในคืนนี้แต่ดิฉันมั่นใจว่าสุภาพสตรีทุกท่านในห้องนี้รู้สึกอุ่นใจที่จะให้คาเนลิสเป็นผู้นำกองกำลังมากกว่าเอาคนบ้ามาเป็นผู้นำแน่นอน” สาวหน้าจืดสาดคำพูดที่เป็นดั่งใบมีดกรีดรอบอกของมิลา เธอดูสะใจในขณะที่สาวหน้าคมยืนโกรธจนตัวสั่น
“ฮาๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นหลังจบประโยคสุกท้ายของเอสซิมราวกับว่าเธอกำลังพูดแทนใจพวกเขาทุกคน
“อีกเรื่องที่ดิฉันอยากจะเรียนให้มาดักซ์ซาที่เคารพและทุกคนทราบ ดิฉันคิดว่ารูปแบบการฆ่ามันเหมือนกับหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเรา ดิฉันจึงมีข้อสันนิษฐานว่ามันเป็นฝีมือของ ...นักล่าแม่มดค่ะ” เอสซิมพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“นักล่าแม่มด? ....จริงเหรอ? ....บ้าหน่า? ....เรื่องจริงเหรอเนี่ย?” เสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้งทั่วห้อง หัวข้อของสาวหน้าจืดสร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนไม่ใช่น้อย
“เงียบ!!!!!!!” ครั้งที่สองสำหรับการตะเบ่งเสียงคำนี้ออกมาจากปากของฮีล ทุกคนอยู่ในความสงบอีกครั้ง
“ทั้งคู่เชิญนั่ง ...ข้อสันนิษฐานของเธอดูน่าสนใจดีคุณมันเดย์ ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องหาข้อสรุปว่าเหตุการณ์ฝันร้ายที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือฝีมือของใคร อีกอย่างฉันไม่ต้องการให้พวกเราทุกคนตื่นกลัว เพราะการพบเห็นนักล่าแม่มดครั้งล่าสุดคือเมื่อ 50 ปีก่อน สำหรับตัวฉันในฐานะแม่มดแอสเซนท์และมาดักซ์ซาของวิทช์ฟอร์ด ฉันจะคุ้มครองสุภาพสตรีทุกท่านให้ดีที่สุด” หญิงสูงวัยตัดสินใจด้วยวิธีที่ชาญฉลาดก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง
“ส่วนเรื่องผู้นำกองกำลังทางสภาจะหารือกันอีกที ปิดการประชุมเพียงเท่านี้ ขอให้ทุกคนกลับบ้านได้ …ฮีล” ซาจารวบสรุปอย่างรวดเร็วแล้วรีบปิดการประชุมก่อนจะหันไปสั่งการ์ด-มาดักซ์ของเธอ
“ทุกคนรีบกลับบ้าน ตรงเข้าบ้านและอย่าออกไปไหนมาไหนคนเดียว ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกรีบแจ้งฉันทันที” สตรีผิวสีออกคำสั่งและชี้แจ้งด้วยการตะเบ็งเสียงของเธอ
เอสซิมลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนๆของเธออย่างสบายใจ ไม่รับรู้ถึงสายตาที่โกรธแค้นกำลังจ้องมองมาที่เธอ จากหญิงสาวหน้าคมคนนั้น
ตรอกถนนมืดห่างจากโบสถ์เซนต์แอนดริว 500 เมตร เมืองวิทช์ฟอร์ด – กลางดึก
“บายสาวๆ” สาวหน้าจืดแยกย้ายกับเพื่อนๆ เธอเดินเข้าไปในตรอกคนเดียวด้วยความมั่นและสับเท้าตามปกติ บ้านของเธออยู่ปากทางออกอีกฝั่งของตรอก นี่จึงเป็นทางกลับบ้านที่เธอใช้ประจำท่ามกลางเสียงร้องของนกอีกาที่อยู่บนต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางเดิน เอสซิมเดินไปเรื่อยๆอย่างที่เคยทำโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนหลบอยู่ในมุมอับที่เธอเพิ่งเดินผ่านไป
หญิงสาวหน้าคมสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก นัยน์ตาของเธอเป็นสีดำก่อนที่เธอจะกะพริบตาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นดวงตาของเธอดูแปลกประหลาดไป มันกลายเป็นลูกตาสีดำทมิฬแบบนกอีกา อีกาตัวหนึ่งที่มีนัยน์ตาคล้ายคลึงตาของมนุษย์บินโฉบลงมาเล่นงานหญิงสาวหน้าจืดโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย!!” เอสซิมล้มลงกับพื้นเธอถูกนกอีกาข่วนและจิกลงที่ไหล่ขวาจนเป็นแผลเหวอะเลือดอาบ
“เอสซิม นังโสโครก!” เสียงแผดดังออกมาจากข้างขวาของเธอ เผยให้เห็นร่างของสาวหน้าคมที่เธอเพิ่งแหกหน้าไปในห้องประชุม
“มิลา!” สาวหน้าจืดตกใจมาก ทำไมเธอถึงไม่รู้ตัวว่าสาวหน้าคมตามประกบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
มิลาไม่รอช้าเธอพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่าย ฝ่ามือทั้งสองข้างกางออกราวกับกรงเล็บของเสือ สาวหน้าคมรีบคว้าตัวเอสซิมไว้หมายดึงกระฉากแต่เธอกลับคว้าได้เพียงแค่อากาศ มิลาเงยหน้าขึ้นพบว่าเอสซิมวิ่งหนีออกห่างจากเธอพอสมควร
สาวหน้าจืดวิ่งหน้าตาตื่น มือซ้ายกุมบาดแผลที่ไหล่ขวาเอาไว้ เธอใช้พลังบางอย่างหลบหลีกจากอีกฝ่ายออกมาได้ สาวหน้าคมไม่ยอมลามือง่าย ๆ เธอเดินตามเอสซิมาติด ๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามวิ่งอย่างสุดชีวิตแล้วก็ตาม จนกระทั่งสาวหน้าจืดตัดสินใจหยุดและเปลี่ยนความคิดที่จะหนีเป็นอย่างอื่น นัยน์ตาของเธอเปลี่ยนแปลงไป มันสุกกาวขึ้นราวกับคืนพระจันทร์เต็มดวงและเรืองแสงจนสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ก่อนที่จะหันกลับไปหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางขึงขัง ทำให้มิลาหยุดชะงักจากอำนาจบางอย่างของอีกฝ่าย
“นังโสโครกอย่างแกกล้าดียังไงมาแหกหน้าฉันในที่ประชุม” สาวหน้าคมพูดเปิดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ต่อให้ฉันไม่แหกคิดเหรอว่าจะมีใครยอมรับแก นังบ้า!” เอสซิมพูดสวนด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “แกมันบ้า ใคร ๆ ก็รู้ ตั้งแต่เด็กจนโตความบ้าของแกมันทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ” สาวหน้าจืดพูดต่อ
“แล้วแกดีนักหรือไง คิดว่าการที่มาแหกหน้าฉันต่อหน้าทุกคนแล้วจะชนะฉันได้เหรอ นังสถุนชั้นต่ำอย่างแกเป็นได้แค่หมาขี้แพ้เท่านั้นแหละ!” มิลาสวนกลับบ้าง เธอโกรธจนตัวสั่น แววตาของเธอจ้องเขม่งไปที่อีกฝ่าย
“ถุย!” เอสซิมถมน้ำลายแรงๆออกข้างลำตัวเป็นแสดงท่าทางหยามเกียรติ “นี่แกคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันจะอิจฉานังคลั่งอย่างแก ถามจริง? สำคัญตัวเหรอมิลา” เธอพูดต่อด้วยสีหน้าเย้ยหยัน นั่นทำให้อีกฝ่ายยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
“แต่ไหนแต่ไรแกก็ไม่เคยถูกยอมรับ เป็นตัวประหลาดซ้อนตัวประหลาดอีกที ฮาฮาฮา แล้วยังไงล่ะนังน่าสมเพชอย่างแกอยากจะขึ้นเดินนำให้คนอื่นเดินตาม แต่แกรู้อะไรไหม นอกจากแกจะไม่ได้เดินนำแล้วทั้งชีวิตที่แสนน่าทุเรศของแกก็จะไม่มีใครมาเดินตามแกด้วย นังบ้า!!” สาวหน้าจืดไต่ระดับความเดือดทางคำพูดจนอีกฝ่ายไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“เพียะ!” สาวหน้าคมเหวี่ยงฝ่ามือข้างขวาตบเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้นทันที มิลาไม่รอช้าเธอพุ่งตัวเข้าใส่หมายจู่โจมต่อเนื่อง ทันใดนั้นอำนาจอันทรงพลังบางอย่างทำให้ร่างกายของเธอหยุดชะงักลง เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของเธอได้ มันแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน สาวหน้าคมทำได้เพียงแค่กรอกลูกตาไปมาเท่านั้น
เอสซิมลุกขึ้นยืนพร้อมกับนัยน์สุกกาวราวกับคืนพระจันทร์เต็มดวง อำนาจของเธอสะกดให้อีกฝ่ายควบคุมร่างกายไม่ได้ แก้มซ้ายของเธอแดงก่ำจากรอยตบ สีหน้าของเธอโกรธสุดขีด
“บังอาจมาตบหน้าฉัน นังคลั่งเอ้ย!” สาวหน้าจืดกำหมัดซ้ายแน่นจนสั่นก่อนที่จะยกหมัดขึ้นมาหมายชกเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เธอปล่อยหมัดซ้ายพุ่งตรงออกไป
“มับ!” ชั่วพริบตามือขวาของมิลาจับข้อมือซ้ายของอีกฝ่ายรับหมัดไว้ได้ทันท่วงที
เอสซิมเริ่มเสียสติ เธอเหวี่ยงหมัดขวาที่เหลือออกไปอย่างรวดเร็วแต่มือซ้ายของสาวหน้าคมก็รับการจู่โจมนี้ได้อีกครั้งพร้อมกับจับไปที่ข้อมือขวาของสาวหน้าจืด เอสซิมรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายสามารถต่อต้านอำนาจสะกดของเธอได้ ความหวาดกลัวพุ่งพล่านเข้าสมองของเธออย่างรวดเร็ว แววตาของมิลาในตอนนี้ราวกับอสูรยักษาน่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด
“อ๊ากกกกก!!” สาวหน้าจืดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่ออีกฝ่ายกระชากแขนซ้ายของเธอออกทั้งท่อนอย่างรวดเร็วด้วยการกระตุกดึงภายในครั้งเดียว ความเจ็บปวดสุดแสนทรมานโลดแลนเข้ามาในหัวของเธอส่งต่อผ่านความรู้สึกอย่างท่วมท้นมหาศาล สาวหน้าคมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทรมานนานเธอฉีกกระชากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆราวกับฉีกแผ่นกระดาษเอกสาร เอสซิมขาดใจตายในที่สุด เลือดและเศษชิ้นเนื้อของเธอสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นถนนในตรอกเปลี่ยว
มิลาฉีกยิ้มด้วยสีหน้าสะใจก่อนที่จะดื่มเลือดจากชิ้นส่วนแขนขวาของอีกฝ่ายอย่างมีความสุขราวกับดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์
เหล่าสุภาพสตรีมากมายหลายสิบคนในแต่ละช่วงอายุตั้งแต่เด็กสาวจนถึงหญิงชรา พวกเธอนั่งในลักษณะครึ่งวงกลมเป็นขั้นลำดับตามการจัดวางภายในห้อง โดยที่นั่งของทุกคนหันหน้าเข้าหาจุดศูนย์กลางนั่นก็คือหญิงสูงอายุที่มีบุคลิกน่าเกรงขาม เจ้าเนื้อ ผมยาวสีขาวเสมอกันทุกเส้นแสกกลางแล้วมวยเก็บ สวมใส่ชุดผ้าไหมราคาสูงเรียบง่ายสีเทา เธอก็คือ ซาจา มาจาเกีย และเธอนั่งอยู่บนไม้สักขัดเงาสีสวยงาม
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพ” สตรีนางหนึ่งใส่ชุดคลุมสีดำยืนขึ้นพูด
“อย่างที่พวกเราทุกคนทราบกันดี ว่ามีผู้หญิงวิทช์ฟอร์ดถูกฆ่ามากมายรวมไปถึงหญิงบริสุทธิ์ที่อยู่รอบชานเมืองด้วย เหตุการณ์ฆาตกรรมคราวนี้ทำให้พวกเราทุกคนไม่มีใครกล้าเดินทางออกนอกเมืองหรือแม้แต่อยู่ในเมือง หลายคนในที่นี่ล้วนตระหนักว่ามันไม่ปลอดภัย เข้าเดือนที่ห้าแล้วที่ฆาตกรต่อเนื่องลอยนอลและยอดการเสียชีวิตของหญิงสาวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดิฉันมั่นใจว่ามันจะเพิ่มขึ้นอีก” สตรีชุดคลุมสีดำอธิบายสิ่งน่ากลัว
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพคะ” สตรีอีกนางในชุดคลุมสั้นสีน้ำตาลยืนขึ้นพูด
“ดิฉันขอเสนอความคิดเห็นเรื่องที่ว่าสภาควรจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจสำหรับเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยทางเราจะขอความร่วมมือกับนายอำเภอฝั่งคนเมืองให้ช่วยกันสอดส่อง ดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกัน ร่วมไปถึงออกไล่ล่าไอ้เวรฆาตกรต่อเนื่องนั้นด้วยค่ะ!” ข้อเสนอของสตรีชุดสีน้ำตาลช่างทรงพลัง
“เฮ้!!!!” เกิดการส่งเสียงสนับสนุนหล่อนขึ้นในที่ประชุม
“เงียบ!!” คำเดียวจากการตะเบ็งเสียงของสาวผิวสี รูปร่างสูงโปร่ง ผมหยักศกสีน้ำตาลปะบ่า สวมใส่ชุดทางการ ทำให้การประชุมอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง เธอคือ ฮีล วาเตอร์ และเธอไม่ได้นั่งห่างจากซาจาเท่าไหร่
“ขอบใจมากฮีล ...ขอบคุณสำหรับคำชี้แจงคุณเนโกรและข้อเสนอแนะคุณมารอน เชิญนั่งได้” ถึงคราวที่หญิงสูงอายุผู้อยู่ในจุดศูนย์กลางจะพูดบ้าง น้ำเสียงของเธอนิ่งๆแต่ทรงพลังราวกับขุนเขา สตรีชุดดำและน้ำตาลนั่งลงตามคำสั่งของเธอ
“ในฐานะมาดักซ์ซาขอยืนยันว่าทางสภาไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด เราได้มีการประชุมก่อนหน้านี้เพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งกองกำลัง แต่ตอนนี้ทางสภายังสรุปไม่ได้ว่าจะให้ใครขึ้นเป็นผู้นำกองกำลังเฉพาะกิจนี้” หญิงสูงอายุพูดต่อ
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพคะ …ดิฉัน มิลา คอสท์ลี และดิฉันขอเสนอตัวเองเป็นผู้นำกองกำลังค่ะ” หญิงสาวรูปหน้าคมสวยชวนน่าหลงใหล ผิวเข้มแบบสาวละติน ผมยาวสีดำ สวมใส่ชุดเผยผิวขายาวสุภาพยืนขึ้นพูด สายตาทุกคนจับจ้องไปที่เธอและตามด้วยเสียงซุบซิบนินทามากมายเป็นระยะ เธอเลือกเมินเฉยและให้ความสนใจกับหญิงสูงวัยที่อยู่ตรงกลางเท่านั้น
“ขอบคุณนะมิลาสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เธอเสียสละมาก เรื่องทักษะและพลังที่เธอมีเราไม่กังขาในข้อนี้ เว้นแต่ว่า...” ซาจาพูดตอบด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“เธอบ้า...” น้ำเสียงทุ่มของหญิงสาวอีกคนพูดแทรก เธอลุกขึ้นยืน หญิงสาวหน้าสวยแต่ดูจืดชืด ผมตรงยาวสีดำ ผิวขาวนวลคล้ายแสงจันทร์ สวมใส่ชุดเกาะอกสีเขียวกับกางเกงขายาว สาวหน้าคมหันมองเธอทันทีด้วยสีหน้าที่เริ่มไม่พอใจ
“บัลลังก์สูงสุด มาดักซ์ซาที่เคารพ ดิฉัน เอสซิม มันเดย์ และดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่มิลาเสนอตัวเป็นผู้นำภารกิจในครั้งนี้ค่ะ เหตุผลก็เพราะว่าเราต่างรู้ดีว่ามิลาไม่ใช่หญิงสาวในหมู่เราทั่วไป เธอแข็งแกร่งและเก่งมากก็จริง แต่ดิฉันอดเป็นกังวลไม่ได้ในเรื่องทางด้านอารมณ์โมโหร้ายราวกับยักษ์คลั่งของเธอ ด้วยนิสัยส่วนตัวเธออาจจะทำให้ภารกิจของเราเสียหายและบานปลายจนถึงขั้นเปิดโปงพวกเราทุกคน ดิฉันขอเสนอชื่อ คาเนลิส รัมเบีย ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้มาร่วมประชุมในคืนนี้แต่ดิฉันมั่นใจว่าสุภาพสตรีทุกท่านในห้องนี้รู้สึกอุ่นใจที่จะให้คาเนลิสเป็นผู้นำกองกำลังมากกว่าเอาคนบ้ามาเป็นผู้นำแน่นอน” สาวหน้าจืดสาดคำพูดที่เป็นดั่งใบมีดกรีดรอบอกของมิลา เธอดูสะใจในขณะที่สาวหน้าคมยืนโกรธจนตัวสั่น
“ฮาๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นหลังจบประโยคสุกท้ายของเอสซิมราวกับว่าเธอกำลังพูดแทนใจพวกเขาทุกคน
“อีกเรื่องที่ดิฉันอยากจะเรียนให้มาดักซ์ซาที่เคารพและทุกคนทราบ ดิฉันคิดว่ารูปแบบการฆ่ามันเหมือนกับหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเรา ดิฉันจึงมีข้อสันนิษฐานว่ามันเป็นฝีมือของ ...นักล่าแม่มดค่ะ” เอสซิมพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“นักล่าแม่มด? ....จริงเหรอ? ....บ้าหน่า? ....เรื่องจริงเหรอเนี่ย?” เสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้งทั่วห้อง หัวข้อของสาวหน้าจืดสร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนไม่ใช่น้อย
“เงียบ!!!!!!!” ครั้งที่สองสำหรับการตะเบ่งเสียงคำนี้ออกมาจากปากของฮีล ทุกคนอยู่ในความสงบอีกครั้ง
“ทั้งคู่เชิญนั่ง ...ข้อสันนิษฐานของเธอดูน่าสนใจดีคุณมันเดย์ ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องหาข้อสรุปว่าเหตุการณ์ฝันร้ายที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือฝีมือของใคร อีกอย่างฉันไม่ต้องการให้พวกเราทุกคนตื่นกลัว เพราะการพบเห็นนักล่าแม่มดครั้งล่าสุดคือเมื่อ 50 ปีก่อน สำหรับตัวฉันในฐานะแม่มดแอสเซนท์และมาดักซ์ซาของวิทช์ฟอร์ด ฉันจะคุ้มครองสุภาพสตรีทุกท่านให้ดีที่สุด” หญิงสูงวัยตัดสินใจด้วยวิธีที่ชาญฉลาดก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง
“ส่วนเรื่องผู้นำกองกำลังทางสภาจะหารือกันอีกที ปิดการประชุมเพียงเท่านี้ ขอให้ทุกคนกลับบ้านได้ …ฮีล” ซาจารวบสรุปอย่างรวดเร็วแล้วรีบปิดการประชุมก่อนจะหันไปสั่งการ์ด-มาดักซ์ของเธอ
“ทุกคนรีบกลับบ้าน ตรงเข้าบ้านและอย่าออกไปไหนมาไหนคนเดียว ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกรีบแจ้งฉันทันที” สตรีผิวสีออกคำสั่งและชี้แจ้งด้วยการตะเบ็งเสียงของเธอ
เอสซิมลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนๆของเธออย่างสบายใจ ไม่รับรู้ถึงสายตาที่โกรธแค้นกำลังจ้องมองมาที่เธอ จากหญิงสาวหน้าคมคนนั้น
ตรอกถนนมืดห่างจากโบสถ์เซนต์แอนดริว 500 เมตร เมืองวิทช์ฟอร์ด – กลางดึก
“บายสาวๆ” สาวหน้าจืดแยกย้ายกับเพื่อนๆ เธอเดินเข้าไปในตรอกคนเดียวด้วยความมั่นและสับเท้าตามปกติ บ้านของเธออยู่ปากทางออกอีกฝั่งของตรอก นี่จึงเป็นทางกลับบ้านที่เธอใช้ประจำท่ามกลางเสียงร้องของนกอีกาที่อยู่บนต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางเดิน เอสซิมเดินไปเรื่อยๆอย่างที่เคยทำโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนหลบอยู่ในมุมอับที่เธอเพิ่งเดินผ่านไป
หญิงสาวหน้าคมสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก นัยน์ตาของเธอเป็นสีดำก่อนที่เธอจะกะพริบตาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นดวงตาของเธอดูแปลกประหลาดไป มันกลายเป็นลูกตาสีดำทมิฬแบบนกอีกา อีกาตัวหนึ่งที่มีนัยน์ตาคล้ายคลึงตาของมนุษย์บินโฉบลงมาเล่นงานหญิงสาวหน้าจืดโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย!!” เอสซิมล้มลงกับพื้นเธอถูกนกอีกาข่วนและจิกลงที่ไหล่ขวาจนเป็นแผลเหวอะเลือดอาบ
“เอสซิม นังโสโครก!” เสียงแผดดังออกมาจากข้างขวาของเธอ เผยให้เห็นร่างของสาวหน้าคมที่เธอเพิ่งแหกหน้าไปในห้องประชุม
“มิลา!” สาวหน้าจืดตกใจมาก ทำไมเธอถึงไม่รู้ตัวว่าสาวหน้าคมตามประกบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
มิลาไม่รอช้าเธอพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่าย ฝ่ามือทั้งสองข้างกางออกราวกับกรงเล็บของเสือ สาวหน้าคมรีบคว้าตัวเอสซิมไว้หมายดึงกระฉากแต่เธอกลับคว้าได้เพียงแค่อากาศ มิลาเงยหน้าขึ้นพบว่าเอสซิมวิ่งหนีออกห่างจากเธอพอสมควร
สาวหน้าจืดวิ่งหน้าตาตื่น มือซ้ายกุมบาดแผลที่ไหล่ขวาเอาไว้ เธอใช้พลังบางอย่างหลบหลีกจากอีกฝ่ายออกมาได้ สาวหน้าคมไม่ยอมลามือง่าย ๆ เธอเดินตามเอสซิมาติด ๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามวิ่งอย่างสุดชีวิตแล้วก็ตาม จนกระทั่งสาวหน้าจืดตัดสินใจหยุดและเปลี่ยนความคิดที่จะหนีเป็นอย่างอื่น นัยน์ตาของเธอเปลี่ยนแปลงไป มันสุกกาวขึ้นราวกับคืนพระจันทร์เต็มดวงและเรืองแสงจนสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ก่อนที่จะหันกลับไปหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางขึงขัง ทำให้มิลาหยุดชะงักจากอำนาจบางอย่างของอีกฝ่าย
“นังโสโครกอย่างแกกล้าดียังไงมาแหกหน้าฉันในที่ประชุม” สาวหน้าคมพูดเปิดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ต่อให้ฉันไม่แหกคิดเหรอว่าจะมีใครยอมรับแก นังบ้า!” เอสซิมพูดสวนด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “แกมันบ้า ใคร ๆ ก็รู้ ตั้งแต่เด็กจนโตความบ้าของแกมันทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ” สาวหน้าจืดพูดต่อ
“แล้วแกดีนักหรือไง คิดว่าการที่มาแหกหน้าฉันต่อหน้าทุกคนแล้วจะชนะฉันได้เหรอ นังสถุนชั้นต่ำอย่างแกเป็นได้แค่หมาขี้แพ้เท่านั้นแหละ!” มิลาสวนกลับบ้าง เธอโกรธจนตัวสั่น แววตาของเธอจ้องเขม่งไปที่อีกฝ่าย
“ถุย!” เอสซิมถมน้ำลายแรงๆออกข้างลำตัวเป็นแสดงท่าทางหยามเกียรติ “นี่แกคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันจะอิจฉานังคลั่งอย่างแก ถามจริง? สำคัญตัวเหรอมิลา” เธอพูดต่อด้วยสีหน้าเย้ยหยัน นั่นทำให้อีกฝ่ายยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
“แต่ไหนแต่ไรแกก็ไม่เคยถูกยอมรับ เป็นตัวประหลาดซ้อนตัวประหลาดอีกที ฮาฮาฮา แล้วยังไงล่ะนังน่าสมเพชอย่างแกอยากจะขึ้นเดินนำให้คนอื่นเดินตาม แต่แกรู้อะไรไหม นอกจากแกจะไม่ได้เดินนำแล้วทั้งชีวิตที่แสนน่าทุเรศของแกก็จะไม่มีใครมาเดินตามแกด้วย นังบ้า!!” สาวหน้าจืดไต่ระดับความเดือดทางคำพูดจนอีกฝ่ายไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“เพียะ!” สาวหน้าคมเหวี่ยงฝ่ามือข้างขวาตบเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้นทันที มิลาไม่รอช้าเธอพุ่งตัวเข้าใส่หมายจู่โจมต่อเนื่อง ทันใดนั้นอำนาจอันทรงพลังบางอย่างทำให้ร่างกายของเธอหยุดชะงักลง เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของเธอได้ มันแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน สาวหน้าคมทำได้เพียงแค่กรอกลูกตาไปมาเท่านั้น
เอสซิมลุกขึ้นยืนพร้อมกับนัยน์สุกกาวราวกับคืนพระจันทร์เต็มดวง อำนาจของเธอสะกดให้อีกฝ่ายควบคุมร่างกายไม่ได้ แก้มซ้ายของเธอแดงก่ำจากรอยตบ สีหน้าของเธอโกรธสุดขีด
“บังอาจมาตบหน้าฉัน นังคลั่งเอ้ย!” สาวหน้าจืดกำหมัดซ้ายแน่นจนสั่นก่อนที่จะยกหมัดขึ้นมาหมายชกเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เธอปล่อยหมัดซ้ายพุ่งตรงออกไป
“มับ!” ชั่วพริบตามือขวาของมิลาจับข้อมือซ้ายของอีกฝ่ายรับหมัดไว้ได้ทันท่วงที
เอสซิมเริ่มเสียสติ เธอเหวี่ยงหมัดขวาที่เหลือออกไปอย่างรวดเร็วแต่มือซ้ายของสาวหน้าคมก็รับการจู่โจมนี้ได้อีกครั้งพร้อมกับจับไปที่ข้อมือขวาของสาวหน้าจืด เอสซิมรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายสามารถต่อต้านอำนาจสะกดของเธอได้ ความหวาดกลัวพุ่งพล่านเข้าสมองของเธออย่างรวดเร็ว แววตาของมิลาในตอนนี้ราวกับอสูรยักษาน่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด
“อ๊ากกกกก!!” สาวหน้าจืดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่ออีกฝ่ายกระชากแขนซ้ายของเธอออกทั้งท่อนอย่างรวดเร็วด้วยการกระตุกดึงภายในครั้งเดียว ความเจ็บปวดสุดแสนทรมานโลดแลนเข้ามาในหัวของเธอส่งต่อผ่านความรู้สึกอย่างท่วมท้นมหาศาล สาวหน้าคมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทรมานนานเธอฉีกกระชากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆราวกับฉีกแผ่นกระดาษเอกสาร เอสซิมขาดใจตายในที่สุด เลือดและเศษชิ้นเนื้อของเธอสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นถนนในตรอกเปลี่ยว
มิลาฉีกยิ้มด้วยสีหน้าสะใจก่อนที่จะดื่มเลือดจากชิ้นส่วนแขนขวาของอีกฝ่ายอย่างมีความสุขราวกับดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ