สลักใจจอมทัพ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.52 น.

  23 บท
  0 วิจารณ์
  19.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) บทที่ 5-4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตันโหรวอีหลบอยู่ข้างหลังตันฮั่นอย่างหวาดผวา ไม่เข้าใจว่าที่บ้านตระกูลตันมีคนใช้มากมายเช่นนี้ทำไมถึงปล่อยให้ชายแปลกหน้าเข้ามาในบ้านได้ ถึงขั้นปรากฏในห้องของนางอย่างเงียบๆ อีก
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! ถ้า ถ้าเจ้าต้องการเงินข้าให้เจ้าได้นะ”
ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ ท่าทางแบบนี้ทำเอานางร้อนรนขึ้นมา นางไม่ใช่ไม่กลัวตายแต่กลัวบรรยากาศหวาดผวาที่หายใจไม่ออกเช่นนี้มากกว่า นางเขยิบเข้าไปใกล้ด้านหลังศีรษะของตันฮั่นแล้วพูดข้างหูว่า “พี่ใหญ่ พวกเรามีสองคนเขามีคนเดียว พวกเราอาจจะ...”
“ชู่! อย่าพูด” เขากดเสียงต่ำตำหนิขึ้น “เจ้าดูไม่ออกหรือว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา?”
“แต่ว่าพวกเราจะมัวรอความตายเช่นนี้ไม่ได้นะ” นางจับแขนเสื้อเขาแน่น “อีกอย่างทำไมไม่มีคนสังเกตเห็นผู้บุกรุก มันผิดปกติเกินไปแล้ว”
“ในเมื่อเขาสามารถเข้ามาโดยไม่ถูกคนพบเห็น เช่นนั้นก็แสดงว่าก่อนหน้านี้คนผู้นี้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี”
ตันโหรวอีไม่ใช่คนเข้าใจยากนัก  ไม่มีคนสังเกตว่ามีคนบุกรุกเข้าบ้านมีสองสาเหตุ หนึ่งคือเขามีไส้ศึกอยู่ข้างนอก สองก็คือความสามารถของเขาสูงมาก สามารถเข้ามาได้โดยไม่ถูกคนพบเห็น แต่ทั้งสองอย่างนี้ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุไหนก็ใช่ว่าจะหลุดจากวิกฤตได้โดยง่าย
สีหน้าของตันโหรวอีขาวซีด ความกดดันที่ชายผู้นี้มอบให้คนอื่นรุนแรงมาก บรรยากาศที่แผ่ขยายจากเขาทำเอาตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว และตั้งแต่ที่ชายคนนี้เข้าห้องมา สายตาก็แทบจะอยู่บนตัวพี่ใหญ่ นางอดคว้าเสื้อตันฮั่นพูดขึ้นอย่างเสียมิได้ “พี่ใหญ่ คนผู้นี้มาเพราะพี่ใช่หรือไม่”
ตันฮั่นไม่ตอบ แต่สีหน้าที่ตึงเครียดพอจะยืนยันการคาดเดาของนาง บางทีขอแค่ตันฮั่นถ่วงเวลาเขาไว้ที่นี่แล้วนางไปขอความช่วยเหลือข้างนอกอาจจะยังพอมีทางรอด “พี่ใหญ่ พี่ถ่วงเวลาเขาก่อน”
“อะ...” ตันฮั่นยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ นางก็หยิบกล่องแป้งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ผลักตันฮั่นออกแล้วเขวี้ยงใส่ผู้ชายคนนั้นและวิ่งพุ่งออกไปข้างนอก
“โหรวอี!” ตันฮั่นไม่ทันได้คว้าตัวนาง ก็เห็นนางวิ่งผ่านร่างชายคนนั้นไปเสียแล้ว
เซ่าเหยียนหลบกล่องแป้งที่ลอยมาตรงหน้า และไม่ยื่นมือขวางนางกลับปล่อยให้นางวิ่งไปนอกประตูอย่างง่ายดาย
ทว่าทันทีที่เปิดประตูก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องหวาดหวั่น พอได้ยินเสียง เขาก็เผยอมุมปากอย่างเย็นชาสีหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ
ตันฮั่นเห็นรอยยิ้มชวนขนหัวลุกนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโหรวอี นางถึงได้กรีดร้องเช่นนั้น เขาร้อนรนมากแต่ก็ขยับตัวไม่ได้
ทันใดนั้นก็มีลำแสงสายหนึ่งปรากฏเข้ามา ตันฮั่นจ้องเขาที่ชักกระบี่ชี้ตรงมาที่ตัวเอง  “อยากตายยังไม่ต้องรีบร้อนตอนนี้หรอก”
ได้ยินเขาอ้าปากพูด ตันฮั่นเสียวสันหลังจนทั่วร่างแข็งทื่อ “เจ้าคิดจะทำอะไร”
เขาเอียงหัวมองตันฮั่น มุมปากยกยิ้มพูดขึ้น “เจ้าน่าจะคิดได้อยู่แล้ว กล้าเป็นผู้ก่อกบฏก็ย่อมต้องรู้ผลที่ตามมา”
ได้ยินเช่นนี้ ตันฮั่นตกใจไม่หาย “เจ้า เจ้ากำลังตรวจสอบข้า?” นอกจากสำนักราชทัณฑ์ยังมีคนอื่นอีก?
“ไป” เซ่าเหยียนไม่ตอบแต่กลับให้เขาเดินออกจากห้อง ทว่าสองขาของเขากลับแทบไม่มีแรงเดินไปข้างหน้า เซ่าเหยียนหงุดหงิดจึงวางกระบี่ไว้บนหัวเขา “ขืนไม่ไป ข้าจะตัดหูเจ้าข้างหนึ่ง”
“ข้าไป ข้าไป” เขาเดินขาสั่นเหมือนคนชรารีบเดินมาที่นอกประตู ภาพที่ปรากฏในสายตาทำให้เขาเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น ท้องไส้ปั่นป่วนอ้วกออกมาในทันที
เซ่าเหยียนมองศพที่ไม่ครบส่วนตรงประตูโดยไร้สีหน้าใดๆ ศพเหล่านั้นเกิดจากน้ำมือของเขาจึงไม่รู้สึกอะไร เมื่อครู่เสียงกรีดร้องหวาดหวั่นของตันโหรวอีก็เป็นเพราะเห็นภาพเช่นนี้
“เดินต่อไป” เขาก้าวออกจากธรณีประตู โดยไม่สนว่าพี้นที่ตัวเองเหยียบอยู่เต็มไปด้วยเลือด ถึงขั้นเหยียบอยู่บนเครื่องในที่ร่วงออกมาจากศพก็ยังไร้ความรู้สึก
ตันฮั่นเห็นภาพเช่นนี้ก็แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ภาพชวนสยองที่น่ากลัวเช่นนี้ในสายตาของคนผู้นั้นกลับเหมือนขยะที่ไม่ควรค่าแก่การมอง เขาไม่มีแรงพยุงร่างของตัวเอง ได้แต่เข่าอ่อนทรุดอยู่กับพื้น
คนชุดดำคนหนึ่งกระโดดลงจากชายคามองตันฮั่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “องค์ชายเจิ้น เขาเดินไม่ไหว”
เซ่าเหยียนแสร้งไม่ได้ยินแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ คนชุดดำจึงลากเขาเดินตามไปทันที ตันฮั่นโดนศพก็ดิ้นหลุดจากมือของคนชุดดำอย่างเดือดพล่าน ร้องตะโกนว่า “ข้าเดินได้! ข้าเดินเองได้!” แล้วมองไปที่คนชุดดำ เขาสะกดกลั้นความรู้สึกสะอิดเอียน ถามขึ้นด้วยสีหน้าย่ำแย่ว่า “น้องสาวข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
คนชุดดำเหลือบตามอง “หุบปาก แล้วเดินตามหลังองค์ชายเสีย มิเช่นนั้นในไม่ช้าเจ้าจะเป็นเช่นศพเหล่านี้”
ได้ยินดังนั้น ต่อให้ไม่พอใจก็ได้แต่ทำตาม เขาปาดเนื้อเน่าที่ติดอยู่มุมปากอย่างทุลักทุเล พิงไปตามเสาค่อยๆ เดินไปข้างหน้า มองทางเดินยาวที่เดินผ่านมา ที่เหยียบอยู่ตอนนี้แทบจะเหมือนทางไปสู่นรก ตลอดทางเต็มไปด้วยคราบเลือดและศพของคนใช้ สาวใช้ในบ้าน บ้างก็ยังมีศพครบส่วน บ้างก็มีแขนขาดขาขาดวิ้นแทบไม่เหลือชิ้นดี ภาพเหล่านี้ทำเอาใบหน้าของเขาไร้สีเลือด สั่นไปทั่วทั้งร่าง
ตอนนี้ในหัวของเขานึกถึงขุนนางที่สำนักราชทัณฑ์ส่งมา คำพูดที่เขาเคยกล่าวไว้
ชะตาลิขิต ตามเวรตามกรรม

ตกใจตื่นขึ้นมาทันที
เสวี่ยหรั่นมองคานแปลกตาตรงหน้า เหงื่อบางตรงหน้าผากทำให้นางอยากยื่นมือปาดแต่กลับหนักอึ้งเหมือนดั่งหินถ่วงยกไม่ขึ้น
นางกรอกตามองรอบๆ ในห้องมืดมัวเงียบไร้เสียง มีเพียงแสงจันทร์พอทำให้นางเห็นการตกแต่งในห้อง ห้องนี้เทียบกับห้องคนใช้ของนางที่อยู่ในตระกูลตันแล้วใหญ่กว่ามาก ตู้ที่เรียงติดกำแพงส่งกลิ่นไม้หอมที่ชวนดมออกมา
นางพยายามพยุงร่างกาย พอมองฝ่ามือตัวเองถึงได้เข้าใจ นางคิดออกแล้ว!
เรือของพวกเขาเกิดระเบิด ในตอนนั้นทุกคนบนเรือส่งเสียงกรีดร้อง ทันใดนั้นลำเรือก็เอียงทำให้นางและนายหญิงน้อยร่วงจากเรือตกลงไปในทะเลสาบ
นางจำได้ว่าตนเองคว้าผ้าหามตัวสั่นหนาวเหน็บ ความหวาดกลัวที่ร่วงน้ำปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ตนเองที่อยู่ในน้ำไม่มีแรงต่อต้านใดๆ จมอยู่ในน้ำ ทั่วร่างเจ็บปวดมากเพราะร่วงลงจากที่สูง ต่อให้ถีบน้ำสะบัดมือไปมาคิดจะโผล่พ้นผิวน้ำ กลับไม่เป็นผล ยังคงจมดิ่งลงไป นางที่ตกใจดื่มเข้าไปหลายอึกและใกล้หมดอากาศเต็มที โดยเฉพาะการกระแทกจากการร่วงยิ่งทำให้ในหูเจ็บปวดมาก ขณะที่คิดว่าตัวเองจะจมน้ำตายอยู่นั้น กลับมีแรงหนึ่งดึงแขนของนางแล้วว่ายไปทันใด จากนั้นก็รู้สึกเอวตัวเองถูกกอดเอาไว้แน่น นางไม่รู้ว่าตัวเองถูกช่วยเอาไว้หรือไม่ก็หมดอากาศและหมดสติไป
พอดึงผ้าห่มออกเท้าเพิ่งถึงพื้น นางก็ตกใจกับเสื้อผ้าที่สวมอยู่ เสื้อผ้านี้ไม่เหมือนกับเสื้อผ้าก่อนที่นางจะร่วงลงทะเลสาบเลย เนื้อผ้าดีมาก สีส้มอ่อนๆ กลับเหมาะกับนางอย่างเหลือเชื่อ
นางมองรอบๆ คิดว่าเป็นใครกันที่ช่วยนางเอาไว้? ทุกคนปลอดภัยหรือไม่
นางกดหูตัวเอง ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าหูของนางเจ็บปวดมากเสมอ ทั้งยังมีความรู้สึกดั่งอยู่ในน้ำวนเช่นนั้นอีก นางขมวดคิ้วลากร่างกายที่หนักอึ้งจนแทบยืนไม่อยู่ล้มลง นางพิงไปที่โต๊ะถึงพอจะยืนได้และหอบหายใจ คนที่ช่วยนางบางทีอาจจะอยู่ที่นี่ นางควรจะเข้าไปขอบคุณเขาถึงจะถูก แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ส่งนางกลับไปที่บ้านตระกูลตัน
เท้าเปลือยเปล่าของนางค่อยๆ เดินออกไปข้างนอกห้อง ภาพที่ปรากฏเข้ามาอยู่ในสายตาทำเอานางรู้สึกเหลือเชื่อ กำแพงตรงหน้าที่เหมือนกับกำแพงที่กั้นเขตราชวังและถนนด้านนอกเช่นนั้นล้อมอยู่รอบบ้านหลังนี้ ความสูงใหญ่ทำให้รู้สึกกดดันอย่างไม่มีสิ้นสุด
บริเวณรอบๆ ไม่มีต้นไม้ดอกไม้มากนักมีแค่สนามหญ้า ถือได้ว่าเป็นลานบ้าน แม้จะไม่หรูหราก็ก็ดูออกว่ามีครบทุกอย่าง
“แค่กๆ... แค่ก...” นางไอหลายครั้งแล้วเอามือแตะหน้าผาก อุณหภูมิร่างกายตัวเองเหมือนจะสูงขึ้นไม่น้อย งั้นที่รู้สึกไม่สบายหูก็น่าจะเป็นเพราะไข้สูงกระมัง
“น่าแปลก ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลยล่ะ?” ขณะที่สงสัยนางก็ค่อยๆ เดินจนมาถึงโถงหน้า
เห็นในโถงมีแสงสว่างนางก็ผ่อนคลายลง เพิ่งคิดจะเดินเข้าไปกลับชะงักทันที
“องค์ชายสี่ไม่ใช่ว่าส่งงานไปแล้วหรือ ทำไมถึงยังไม่ไปอีก?” โม่ฉิงหลิงถือพู่กันเขียนอยู่บนกระดาษ สายตามองไปที่เซ่าเจินที่จิบชาอยู่ข้างๆ อย่างสบายอกสบายใจ คนผู้นี้จนถึงตอนนี้ยังจิบชาแทะเมล็ดอยู่ที่นี่อีก เดาไม่ออกจริงๆ ว่าในหัวของเขาคิดอะไรอยู่
สายตาเหลือบไปเห็นร่างบางที่หลบอยู่นอกประตู แม่นางคนนี้เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่เข้ามาใกล้ แต่เขาก็อยากรู้ว่าทำไมนางถึงไม่เดินเข้ามาแต่กลับหลบอยู่ข้างนอก “อย่างไรเสียข้าจะไปตอนไหนก็ไม่เป็นอะไร”
โม่ฉิงหลิงเงยหน้ามองเขา “ต้องมีอะไรที่ทำให้ท่านสนใจอยากรู้กระมัง” ถ้าเป็นเรื่องธรรมดาน่าเบื่อเขาก็คงไม่อยู่ที่นี่ต่อ
เขาดมกลิ่นหอมของชา แล้วฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัย “แม่นางคนนั้นก็เป็นคนของตระกูงตันมิใช่หรือ ข้าแค่อยากรู้ว่าเขาจะจัดการกับนางอย่างไร”
“เรื่องนี้เมื่อถึงเวลาท่านก็จะรู้เอง ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจ” ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วตอบออกไป  โดยที่ไม่สังเกตร่างที่สั่นเทาเล็กน้อยอยู่ข้างนอกประตู
ในใจเสวี่ยหรั่นกระตุก มองคนที่อยู่ในห้องโถงก็คือชายคนที่นางเผลอชนเข้าและโม่ฉิงหลิงที่เคยรักษานาง แม้จะสงสัยว่าเหตุใดสองคนนี้ถึงได้รู้จักกัน แต่ยิ่งไม่เข้าใจพวกเขาพูดถึงตระกูลตันเพื่ออะไร ยังมีอะไรที่ว่าจะปล่อยนางไป? และส่งงานที่ว่าหมายถึงอะไร หรือว่าคนที่ช่วยนางจะเป็นคนของทางการ?
ที่ยิ่งทำให้นางประหลาดใจคือนางไม่ต้องอ่านริมฝีปากก็รู้ว่าพวกเขาพูดอะไร เกิดอะไรขึ้น?
นางยกมือกดหูตัวเอง แล้วตกใจขึ้นมา! นาง... ได้ยินแล้ว!
“ตระกูลตันทำเรื่องที่ต้องประหารทั้งตระกูล ตามคำสั่งของวังหลวงเจ้าหกจะรีบกวาดล้างก็ไม่น่าแปลก” พูดจบ ก็เห็นโม่ฉิงหลิงวางพู่กันลง แล้วพูดต่อว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแม่นางคนนั้นก็ร่วงลงทะเลสาบมิใช่หรือ? ทำไมต้องไปช่วยนางให้ยุ่งยาก อย่างนี้ไม่รู้สึกว่าขัดแย้งกันเองหรือ”
“แม่นางคนนั้นพิเศษกว่าคนอื่น” หากเป็นจริงตามที่องค์ชายสี่ว่ามา องค์ชายเจิ่นปล่อยนางไปก็จะทำให้ตัวเองจมอยู่ความลำบากทั้งสองฝั่ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องเช่นนี้ “องค์ชายเจิ้นมีความคิดของเขาและการกระทำของตัวเอง อย่าไปยุ่งเสียจะดีกว่า”
“ความจริงแล้วตอนนี้ข้าก็สามารถตัดสินใจแทนเซ่าเหยียนได้”
ได้ยินคำตอบรวดเร็วเช่นนี้ทำเอาเขาสงสัย “ท่านหมายความว่า...”
“แม่นางเสวี่ยหรั่น ทำไมเจ้าถึงลงมาจากเตียงเล่า?”
ได้ยินโม่เหยียนพูดอยู่ตรงประตู โมฉิงหลิงหันขวับไปทันทีก็เห็นเสวี่ยหรั่นยืนอยู่ตรงประตู เขาตกใจตาโต จากนั้นก็เหลือบมองเซ่าเจิน เห็นเขาทำหน้าได้ใจมองคนตรงประตูที่มีสีหน้าขาวซีด
ตอนนี้เสวี่ยหรั่นมองพวกเขาอย่างมึนงงและตกใจ ท่าทางเช่นนี้ทำเอาโม่ฉิงหลิงรู้สึกสถานการณ์ไม่ดีขึ้นมา
“แม่นางเสวี่ยหรั่น เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” โม่เหยียนมองนางอย่างตึงเครียด ไม่มั่นใจว่านางรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้หรือไม่
นางหันไปมองโม่เหยียน ริมฝีปากขาวซีดส่งเสียงแหบแห้ง “คุณชายโม่เหยียนก็เป็นพวกเดียวกับพวกเขางั้นหรือ? ที่มารู้จักข้าก็เป็นแผนการณ์ที่วางเอาไว้อยู่แล้วใช่ไหม?”
โม่เหยียนอึ้งไปหลายวินาทีอ้าปากกำลังจะพูด พลันเห็นนางวิ่งผ่านหน้าตัวเอง เขาจึงรีบเรียกนางเอาไว้ “แม่นางเสวี่ยหรั่น!”
พอร้องขึ้นอย่างตกใจ  เฟิ่งอี้ที่ไม่รู้ปรากฏตัวจากไหนรีบตามไปทันที
โม่ฉิงหลิงรีบวิ่งเข้ามา สีหน้ากระวนกระวาย “นางได้ยินที่พวกเราคุยกัน เฟิ่งอี้จะฆ่านางหรือไม่”
“อะไรนะ? !” โม่เหยียนทำหน้าตกใจ “แม่นางเสวี่ยหรั่นได้ยินแล้ว!”
โม่ฉิงหลิงถอนหายใจแรง “เพราะความบังเอิญจึงรักษาหาย เพียงแต่ข้าไม่นึกว่านางจะตื่นขึ้นมาเร็วเช่นนี้”
“จริงๆ เลย เวลาก็ช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน ข้าจะรีบตามไปดู”
โม่ฉิงหลิงเห็นโม่เหยียนรีบวิ่งตามไป ก็หันไปมองเซ่าเจิน “องค์ชายสี่จงใจเกินไปแล้ว”
เขากลับทำหน้าสบายใจ ยิ้มแล้วพูดขึ้น “แบบนี้ถึงจะสนุก ทำให้เจ้าหกสะดุดล้มก็ถือว่าทำให้วังหลวงสะดุดล้มเช่นกัน”
เห็นท่าทางได้ใจของเขา โม่ฉิงหลิงรู้สึกว่าองค์ชายของแคว้นนี้ล้วนประสาทกันเหลือเกิน!
เสวี่ยหรั่นวิ่งสุดแรงบนถนนที่เงียบสงบ ไม่สนว่าตัวเองจะเหงื่อไหลท่วมตัวและไม่สนว่าร่างกายจะหนักอึ้งเหนื่อยล้าเพียงใด สูดลมเย็นกลางดึกเข้าไป ร่างกายเริ่มสั่นด้วยความหนาวเย็น แม้จะเป็นเช่นนี้นางก็ไม่สนสภาพร่างกายของตัวเองเพียงแค่อยากจะกลับไปที่บ้านตระกูลตัน
เพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของพวกเขาเป็นจริงหรือเท็จ นางจะต้องกลับไปยืนยันประหารทั้งตระกูลหมายถึงอะไร เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลตันจะทำเรื่องจนถูกประหารทั้งตระกูลอย่างแน่นอน ไม่มีทางเป็นไปได้!
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงเย็นเยียบที่ดังขึ้นทำให้นางหยุดฝีเท้าลงและหอบหายใจ สองตาจ้องชายแปลกหน้าที่ไม่รู้ตามนางทันตั้งแต่เมื่อไหร่
“เจ้าจะทำอะไร?” เสวี่ยหรั่นมองเขาด้วยสีหน้าตึงเครียด
เฟิ่งอี้ไม่แสดงสีหน้าใดๆ และไม่คิดจะตอบแม้แต่ประโยคเดียว ภารกิจที่องค์ชายหกสั่งเอาไว้คือรักษาความปลอดภัยของนาง ปล่อยให้นางจากไปเองไม่ได้ “ตามข้ากลับไป”
เสวี่ยหรั่นส่ายหน้าเดินถอยหลัง “ไม่ ข้าต้องกลับบ้านตระกูลตัน”
“ไม่ได้” สองคำเปล่งออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปดึงนางเดินกลับไปทางเดิม
“ปล่อยข้า ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าปล่อยข้า!” นางดิ้นสุดแรง แต่เขาก็ยังคงไม่สะท้าน
เฟิ่งอี้หันไป สองตาจ้องมอง บรรยากาศรุนแรงทำเอาเสวี่ยหรั่นตกใจจนนิ่งค้าง ทันใดนั้น สายตาเฟิ่งอี้กระตุก รีบดึงเสวี่ยหรั่นเข้าหาตัวเองอย่างรวดเร็ว ขณะที่นางยังไม่เข้าใจก็มีลูกศรคมกริบยิงตรงมาที่บริเวณที่นางยืนอยู่เมื่อครู่
ลูกศรคมกริบปักแน่นลงไปบนพื้นหิน
เสวี่ยหรั่นมองลูกศรนั้นอย่างตกใจ และเสียวสันหลังขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีคนยิงลูกศรใส่ข้า?”
เฟิ่งอี้หรี่ตาลงสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาจะไม่ปล่อยให้นางได้รับบาดเจ็บ มิเช่นนั้นจะให้คำตอบกับองค์ชายหกยังไง
เขาก้มหน้าเหลือบมองนาง วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้เขาจับคนที่คิดจะทำร้ายนาง แต่จะให้นางรออยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังก็เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงได้แต่ปล่อยนางกลับไปที่บ้านตระกูลตันก่อน “เจ้าวิ่งเร็วเสียหน่อยจะดีที่สุด อย่าหยุดและอย่าวิ่งเป็นทางตรงตลอด”
“หืม?” นางไม่เข้าใจ
“รีบวิ่ง ข้างหน้า หลังมุมเลี้ยวจะเป็นถนนที่เจ้ารู้จัก” เขาก็ผลักด้านหลังของนาง แล้วกระโดดขึ้นกำแพงชักกระบี่ออกมาค้นหารอบๆ ด้วยสายตาคมกริบ
เสวี่ยหรั่นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่คิดมากรีบวิ่งทันที นางจำแค่คำพูดที่เขาพูดเมื่อสักครู่ก็พอแล้ว
อย่าหยุด วิ่งให้เร็ว อย่าวิ่งเป็นทางตรงตลอด...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา