I'm BOY : ผมนี่แหละ สตรีมีหาง [Yaoi]
-
เขียนโดย นนิรา
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.13 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
9,869 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 15.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่ 1 : วันปฐมนิเทศ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1 : วันปฐมนิเทศ
วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศวันแรกของผม ทุกอย่างดูแปลกใหม่ไปหมด ผมย้ายจากโรงเรียนเก่ามาเพื่อขึ้นชั้นม.4 ของที่นี่ เหตุผลที่ไม่ได้ต่อโรงเรียนเดิมก็เพราะว่ามันมีถึงแค่มัธยมต้นเท่านั้น
โรงเรียนแห่งนี้เป็นแบบสห มีทั้งชายและหญิง มีระดับชั้นตั้งแต่ประถมต้นยันมัธยมปลาย แต่สหนั้นมีแค่ชั้นมัธยมขึ้นไปอย่างเดียว ต่ำกว่านั้นเป็นชายล้วน
เขาว่ากันว่าใครได้เข้าเรียนที่นี่ถือว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักเล่นแร่แปรเพศ เพราะทุกคนสามารถมีอิสระในการแสดงออกรวมไปถึงการแต่งตัว
แต่ไม่ใช่กับผม!
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแต่มีความต้องการที่จะตัดผมให้สั้นและใส่เครื่องแบบนักเรียนชาย หรือผู้ชายที่มีความปรารถนาจะแต่งหญิงก็ย่อมได้ทั้งนั้น แต่ขอให้ทำตามกฎการแต่งกายของโรงเรียนเป็นพอ
จะแต่งชุดนักเรียนชายหรือชุดนักเรียนหญิงขอให้เรียบร้อยสมกับที่ยังเป็นนักเรียนอยู่
อ๋อ ผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อ มาวิน
ห้องประชุมไปทางไหนนะ? ลองถามคนแถวนี้เอาแล้วกัน
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าห้องประชุมปฐมนิเทศไปทางไหนเหรอครับ?” ผมถามผู้หญิงที่กำลังจะเดินผ่านไป ในมือของเธอเต็มไปด้วยกระดาษเอกสาร ดูท่าทางแล้วคงจะเป็นครูของที่นี่
“ตรงไปทางอาคารสีส้ม ๆ นะ ใต้อาคารฝั่งขวาสุดจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้สำหรับคำตอบและเดินไปตามทางที่ครูสาวบอกมาเมื่อครู่
“ฝั่งขวาสุด ใต้อาคาร” ผมทวนคำตอบอีกรอบ
เมื่อเดินมาสุดทางก็พบกับห้องที่มีป้ายติดไว้ว่า ‘ห้องประชุมเต่าดาว’
ทำไมต้องเต่าดาว? กระดองเป็นรูปดาว? หรือลายที่หลังเป็นดาว? ผมรีบสะบัดความคิดไร้สาระออก ผมมาห้องประชุมเพื่อที่จะมาฟังข้อมูลสำคัญไม่ได้มาคิดถึงชนิดเต่า แต่ผมว่าลายของมันนั่นแหละที่เป็นรูปทรงดาว เต่าที่ไหนกระดองเป็นดาวไม่มีหรอก
ผมผลักประตูเข้าห้องประชุมที่มีชื่อเป็นเจ้าปัญหากับความคิด ผมมาช้าไปเหรอเนี่ย? ทำไมคนนั่งเกือบจะเต็มห้อง
คิดเสร็จก็กวาดสายตามองรอบ ๆ เพื่อหาเก้าอี้ว่าง นั่นไงเจอแล้ว.. แต่ทำไมอยู่กลางห้องเลย ไม่พอยังอยู่กลางแถวอีก จะเดินเข้าก็ลำบากคนที่นั่งอยู่ก่อน คงจะเก็บขาเข้ากันจนเกร็งเพื่อไม่ให้ผมเหยียบพวกเขา เอาเถอะ ผมไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนว่างแล้ว
“ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อยครับ ขอโทษครับ” ผมขอโทษทุกคนที่นั่งอยู่เป็นระยะ ๆ จนไปถึงยังที่นั่ง
เมื่อผมจัดที่จัดทางวางกระเป๋าไว้ข้างเก้าอี้และนั่งได้ที่แล้ว คนข้าง ๆ ก็มาสะกิดผม ผมจึงต้องหันไปตามที่เขาเรียก
“วิน? เห้ยไอ้วิน!”
“ไอ้ตูน!”
ไอ้ตูนหรือการ์ตูนเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่ที่โรงเรียนเก่า เราสนิทกันพอสมควร ถ้าจะให้ไล่ความสนิทก็คงจะประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ป.6 ยันจบจากที่เดิมและผมคิดว่าคงได้สนิทกันขึ้นไปอีกในเมื่อมาเจอกันที่โรงเรียนนี้อีก
“แกก็มาต่อที่นี่เหรอ? ดีว่ะ กูกลัวหาเพื่อนใหม่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็มีแกเป็นเพื่อนแล้วหนึ่งคน”
เหตุผลที่ไอ้ตูนมันเรียกผมด้วยคำว่า ‘แก’ ซึ่งผิดกับการแทนตัวของมันเองว่า ‘มึง’ ก็คงเป็นเพราะว่าผมไม่พูดภาษาพ่อขุนรามกับมันล่ะมั้ง อ้อแล้วอีกอย่างมันเคยบอกว่าอยากให้ดูแมน ๆ เพราะมันไม่ชอบชื่อที่แม่มันตั้งให้ว่า ‘การ์ตูน’ มันบอกดูผู้หญิงไป ต้องเรียกว่า ‘ตูน’ เฉย ๆ ห้ามเต็มยศไม่อย่างงั้นมันคงท้าต่อย มันซีเรียสเรื่องนี้มาก ๆ
“เราก็กังวลเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจบประชุมไปดูรายชื่อห้องด้วยกันนะ เผื่อได้อยู่ด้วยกัน” ผมรีบบอกมันไว้ก่อน ขืนผมไม่บอกไว้ล่วงหน้านะหลังจบการฟังไอ้ตูนคงหายตัวได้ราวกับมีเวทมนตร์
“ได้ ไปดูพร้อมกัน”
หลังจากจบบทสนทนานี้ เราก็หันมาตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูเขากำลังอธิบายรายละเอียดของโรงเรียนให้ทุกคนฟัง
“… นักเรียนทุกคนคงพอเข้าใจที่ครูพูดมาข้างต้นแล้วนะ ครูจะพูดถึงส่วนสุดท้ายก่อนปล่อยให้ไปดูรายชื่อของห้องเรียนและตึกนอนสำหรับคนที่มีความประสงค์จะกินนอนที่โรงเรียนนะ โรงเรียนของเรามีหลายชมรมให้นักเรียนเลือกสรรตามความชอบความถนัดของตัวเองได้ตามใจชอบ ถ้าผลงานดีหรือเห็นว่าพอที่จะส่งเข้าประกวดแข่งขันได้ ทางโรงเรียนก็จะสนับสนุนเต็มที่ แต่ไม่ใช่จะทิ้งการเรียนไปเลยนะ ต้องควบคู่กันไปด้วยให้สมกับคำขวัญของโรงเรียนที่ว่า ‘เรียนดี กิจกรรมเด่น อ่อนน้อมถ่อมตน’ เอาล่ะถึงเวลาแล้วขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทอมใหม่ในวันพรุ่งนี้นะครับ ขอบคุณครับ”
หลังจากสิ้นสุดเสียง นักเรียนรวมถึงผู้ปกครองบางส่วนก็เริ่มทยอยออกจากหอประชุม ส่วนผมและไอ้ตูนเดินตรงไปยังใต้อาคารที่มีบอร์ดติดรายชื่อ
กว่าผมจะฝ่าฟันเข้ามายืนยังหน้าบอร์ดสีน้ำเงินได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เมื่อฝ่าวงล้อมเข้ามาได้แล้วก็เริ่มไล่สายตามองขึ้นลงแผ่นแล้วแผ่นเล่า จนไปหยุดจนเกือบแผ่นท้าย ๆ
นั่นไงผมเจอชื่อผมแล้ว นายมาวิน อัศวะ ถัดลงมาไม่กี่รายชื่อก็เจอชื่อไอ้ตูนด้วยเหมือนกัน นายตุลย์พิชา พิชิต
“ตูน เราเจอชื่อนายแล้ว นายอยู่กับเราด้วยแหละ” ผมบอกมันในขณะที่เจ้าตัวยังหาชื่อของตัวเองไม่เจอ
“เออดี ๆ แล้วอยู่ห้องไหนว่ะ?”
ใช่ ผมลืมดูว่าพวกเราอยู่ห้องไหน มัวแต่ดีใจที่หาชื่อเจอสักที ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหัวกระดาษอีกรอบ
ม.4/5 ห้องเกือบท้ายสุด แต่ระบบของโรงเรียนเราไม่มีแบ่งความฉลาด คนที่อยู่ห้องแรก ๆ ใช่จะเก่งเสมอไป คนเก่งหลายคนอาจมารวมตัวกันอยู่ห้องท้าย ๆ ก็ได้ แล้วอีกอย่างที่แปลกกว่าโรงเรียนอื่นก็คือมอปลายมีแค่สาย วิทย์-คณิต อย่างเดียว
โดยทางโรงเรียนให้เหตุผลว่าถึงจะมีแค่สายเดียวก็ไม่ได้ทำให้ความเข้มข้นในการเรียนภาษาด้อยไปกว่าที่อื่นเลยและสายนี้มันสามารถต่อยอดได้หลายทาง บางคนอาจจะเพิ่งรู้ตัวว่าเหมาะกับการคำนวณมากกว่าภาษาที่สาม และแน่นอนว่าภาษาอังกฤษก็อยู่ในหลักสูตรอยู่แล้ว ส่วนภาษาอื่นนอกเหนือจากอังกฤษก็มีสอนเหมือนกัน แต่ถูกแบ่งในรูปแบบของชมรม ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสายศิลป์ภาษาจากที่อื่นเลย
“พวกเราอยู่ ม.4/5” ผมหันไปบอกไอ้ตูนที่ถามเมื่อครู่
“โอเค ว่าแต่ไปเดินดูรอบโรงเรียนกัน กูยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ ป่ะไอ้วิน”
ผมพยักหน้าหงึก ๆ ก็ดีเหมือนกันเดินสำรวจสักหน่อย พรุ่งนี้จะได้พอรู้ทางบ้าง
โรงอาหารอยู่ถัดจากใต้อาคารเรียนตึกสีส้มที่มีห้องประชุมที่ผมเพิ่งออกมา กว้างดีเหมือนกันแฮะ ข้างในถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ร้านขายอาหารต่าง ๆ อยู่ฝั่งด้านขวา ส่วนอีกฝั่งเป็นโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับประทานโดยเฉพาะ โต๊ะตัวยาวมีเก้าอี้นั่งเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกันเงาวาววับไปด้วยสีของสแตนเลสเรียงกันเป็นตับ ดูจากจำนวนของโต๊ะแล้วไม่มีทางที่จะกลัวว่าหากมาจองช้าแล้วจะไม่มีที่นั่งแน่นอน ต่อให้นอนกินบนเก้าอี้ที่ยังเพียงพอ
ถัดมาผมก็เดินมาจนถึงลานกีฬาของโรงเรียน ดู ๆ ไปแล้วก็ใหญ่เหมือนกันนะ ใหญ่มากเสียด้วย มองไปทางซ้ายก็เจอสนามเทนนิส ขวาก็เจอสนามฟุตบอลรอบสนามเป็นลู่วิ่ง เยื้องไปอีกหน่อยก็สนามรักบี้ เบสบอล สระว่ายน้ำ ผมไล่ทั้งวันคงไม่หมด เอาเป็นว่ามีเกือบแทบทุกชนิด นี่แค่กีฬากลางแจ้งนะไม่รวมในร่ม ส่วนพวกกีฬากลางแจ้งจะมีหลังคาเปิดปิดได้ อลังการจริง ๆ คงจะสมกับราคา แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าเทอมหนึ่งต้องจ่ายกี่บาท เพราะพ่อกับแม่เป็นคนจัดการ
เอ๊ะตรงนั้นมีสนามบาสเกตบอลด้วย ที่สำคัญมีคนเล่นอยู่ ผมว่าเดินไปดูสักหน่อยดีกว่า ผมกะจะชวนไอ้ตูนไปด้วยแต่จะหันไปถาม มันก็หายตัวไปซะแล้ว สงสัยคงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนี้เดี๋ยวก็คงเจอเองแหละ บางทีมันอาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้
ผมยืนดูพวกเขาเล่นห่างจากสนามไม่มากนัก บริเวณนั้นมีม้าหินอ่อนวางอยู่เป็นแนวเรียงหน้ากระดานและมีตู้กดน้ำอยู่ข้าง ๆ พวกเขาอยู่ในชุดทีมเสื้อที่ใส่เป็นสีแดงขอบดำ มีกันอยู่ห้าคน...ทุกคนล้วนแล้วแต่ดูดีกันหมดเลย โรงเรียนนี้คัดหน้าตาเข้ามาใช่ไหม?
และที่สำคัญทุกคนดูจะสูงไล่เลี่ยกันห่างกันเพียงไม่กี่เซนเท่านั้น คาดเดาจากการมองแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า 185 เซนติเมตร
พวกพี่ ๆ เขากินเสาไฟฟ้าเป็นอาหารหรือเปล่าเนี่ย??
ดูพี่คนนั้นสิ เขาเลี้ยงบาสได้คล่องมาก ไม่ว่าคนในทีมพยายามจะแย่งไปจากมือพี่เขาก็เลี้ยงหลบไปหลบมาได้อย่างชำนาญ แถมแสงแดดอ่อน ๆ สาดเข้าไปที่ใบหน้าเผยให้ผมสีเหลืองอ่อนผลัดให้ผิวที่ขาวนวลสว่างขึ้นไปอีกเหมือนส่องไฟสปอร์ตไลท์ที่ทำให้เด่นอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่ผมกำลังสังเกตวิธีการเลี้ยงลูกของพี่ฝรั่งผมทองคนนั้น ก็มีอีกคนที่ทำให้ผมเบนความสนใจไปอีกทางเพราะ พะ..พี่เขาทำสแลมดังก์! การกระโดดจากพื้นไปสู่ห่วงก่อนหย่อนลูกบาสลงยังห่วงอย่างสวยงามดูสมูทมาก
เอ๊ะ พี่เขามองมาทางผมด้วย นั่นเขายิ้มให้เหรอ?
“เห้ยมึง! ดูน้องคนนั้นดิ น่ารักวะ กูจีบดีมะ?” พี่คนที่มองมาทางผมหันไปพูดกับเพื่อนอีกคน ถึงผมจะอยู่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกลเกินไปที่จะได้ยินในสิ่งที่พี่เขาตะโกนพูด
มีคนอื่นยื่นอยู่ข้างหลังผมงั้นเหรอ? เมื่อหันหลังไปดูก็ไม่เห็นจะมีใครเลยหนิ ช่างเถอะผมไปหาไอ้ตูนดีกว่า จะไปบอกมันว่าผมจะกลับบ้านแล้วไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่แถวตอนเช้าแล้วกัน
แต่เมื่อผมหันกลับมาพี่คนนั้นเขาก็มายื่นอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“เพิ่งมาวันแรกเหรอ?” ประโยคแรกที่พี่เขาถามผม ชุดนักเรียนใหม่ขนาดนี้กลิ่นเสื้อใหม่ลอยฟุ้งขนาดนี้ นักเรียนเก่ามั้งครับ!
“ครับ”
“เป็นผู้หญิงพูดครับทำไม? ค่ะสิคะ”
“เอ้า ก็ผมเป็นผู้ชาย” ถึงใคร ๆ จะบอกว่าผมหน้าหวานละมุนแต่พวกเขาก็รู้นะว่าผมเป็นผู้ชาย
“พี่ชื่อเมฆนะ เราชื่อไร?”
“วินครับ มาวิน”
“อ้อชื่อวินนี่ พี่ชอบอ่ะ จีบนะ”
จะมาจีบบ้าจีบบอกอะไร!
“ผมไม่ใช่...” ผมกำลังจะบอกว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงแต่พี่เมฆก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“พี่เชื่อในเรดาร์ตัวเอง ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับน้องวินนี่” ว่าจบเขาก็ประทับจูบลงบนนิ้วเขาก่อนมาแปะเข้าที่แก้มผมแล้วก็เดินกลับไปที่สนาม
เรดาร์คงเน่า ผมแมนขนาดนี้ไอ้นั้นของผมใครเห็นเป็นต้องป้องปากเบิกตาโตด้วยอาการตกใจ! เฮ้อพี่เขาโง่หรือไม่ฉลาดเนี่ย! แล้วอีกอย่างมีที่ไหนเจอกันวันแรกก็เดินข้ามาขอจีบ
ผมรู้สึกได้เลยว่าเปิดเทอมวันแรกของผมคงจะไม่สงบอย่างที่หวังไว้แน่ โธ่! ชีวิตใหม่ในสถานที่ใหม่ของผม!!
วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศวันแรกของผม ทุกอย่างดูแปลกใหม่ไปหมด ผมย้ายจากโรงเรียนเก่ามาเพื่อขึ้นชั้นม.4 ของที่นี่ เหตุผลที่ไม่ได้ต่อโรงเรียนเดิมก็เพราะว่ามันมีถึงแค่มัธยมต้นเท่านั้น
โรงเรียนแห่งนี้เป็นแบบสห มีทั้งชายและหญิง มีระดับชั้นตั้งแต่ประถมต้นยันมัธยมปลาย แต่สหนั้นมีแค่ชั้นมัธยมขึ้นไปอย่างเดียว ต่ำกว่านั้นเป็นชายล้วน
เขาว่ากันว่าใครได้เข้าเรียนที่นี่ถือว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักเล่นแร่แปรเพศ เพราะทุกคนสามารถมีอิสระในการแสดงออกรวมไปถึงการแต่งตัว
แต่ไม่ใช่กับผม!
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแต่มีความต้องการที่จะตัดผมให้สั้นและใส่เครื่องแบบนักเรียนชาย หรือผู้ชายที่มีความปรารถนาจะแต่งหญิงก็ย่อมได้ทั้งนั้น แต่ขอให้ทำตามกฎการแต่งกายของโรงเรียนเป็นพอ
จะแต่งชุดนักเรียนชายหรือชุดนักเรียนหญิงขอให้เรียบร้อยสมกับที่ยังเป็นนักเรียนอยู่
อ๋อ ผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อ มาวิน
ห้องประชุมไปทางไหนนะ? ลองถามคนแถวนี้เอาแล้วกัน
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าห้องประชุมปฐมนิเทศไปทางไหนเหรอครับ?” ผมถามผู้หญิงที่กำลังจะเดินผ่านไป ในมือของเธอเต็มไปด้วยกระดาษเอกสาร ดูท่าทางแล้วคงจะเป็นครูของที่นี่
“ตรงไปทางอาคารสีส้ม ๆ นะ ใต้อาคารฝั่งขวาสุดจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้สำหรับคำตอบและเดินไปตามทางที่ครูสาวบอกมาเมื่อครู่
“ฝั่งขวาสุด ใต้อาคาร” ผมทวนคำตอบอีกรอบ
เมื่อเดินมาสุดทางก็พบกับห้องที่มีป้ายติดไว้ว่า ‘ห้องประชุมเต่าดาว’
ทำไมต้องเต่าดาว? กระดองเป็นรูปดาว? หรือลายที่หลังเป็นดาว? ผมรีบสะบัดความคิดไร้สาระออก ผมมาห้องประชุมเพื่อที่จะมาฟังข้อมูลสำคัญไม่ได้มาคิดถึงชนิดเต่า แต่ผมว่าลายของมันนั่นแหละที่เป็นรูปทรงดาว เต่าที่ไหนกระดองเป็นดาวไม่มีหรอก
ผมผลักประตูเข้าห้องประชุมที่มีชื่อเป็นเจ้าปัญหากับความคิด ผมมาช้าไปเหรอเนี่ย? ทำไมคนนั่งเกือบจะเต็มห้อง
คิดเสร็จก็กวาดสายตามองรอบ ๆ เพื่อหาเก้าอี้ว่าง นั่นไงเจอแล้ว.. แต่ทำไมอยู่กลางห้องเลย ไม่พอยังอยู่กลางแถวอีก จะเดินเข้าก็ลำบากคนที่นั่งอยู่ก่อน คงจะเก็บขาเข้ากันจนเกร็งเพื่อไม่ให้ผมเหยียบพวกเขา เอาเถอะ ผมไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนว่างแล้ว
“ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อยครับ ขอโทษครับ” ผมขอโทษทุกคนที่นั่งอยู่เป็นระยะ ๆ จนไปถึงยังที่นั่ง
เมื่อผมจัดที่จัดทางวางกระเป๋าไว้ข้างเก้าอี้และนั่งได้ที่แล้ว คนข้าง ๆ ก็มาสะกิดผม ผมจึงต้องหันไปตามที่เขาเรียก
“วิน? เห้ยไอ้วิน!”
“ไอ้ตูน!”
ไอ้ตูนหรือการ์ตูนเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่ที่โรงเรียนเก่า เราสนิทกันพอสมควร ถ้าจะให้ไล่ความสนิทก็คงจะประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ป.6 ยันจบจากที่เดิมและผมคิดว่าคงได้สนิทกันขึ้นไปอีกในเมื่อมาเจอกันที่โรงเรียนนี้อีก
“แกก็มาต่อที่นี่เหรอ? ดีว่ะ กูกลัวหาเพื่อนใหม่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็มีแกเป็นเพื่อนแล้วหนึ่งคน”
เหตุผลที่ไอ้ตูนมันเรียกผมด้วยคำว่า ‘แก’ ซึ่งผิดกับการแทนตัวของมันเองว่า ‘มึง’ ก็คงเป็นเพราะว่าผมไม่พูดภาษาพ่อขุนรามกับมันล่ะมั้ง อ้อแล้วอีกอย่างมันเคยบอกว่าอยากให้ดูแมน ๆ เพราะมันไม่ชอบชื่อที่แม่มันตั้งให้ว่า ‘การ์ตูน’ มันบอกดูผู้หญิงไป ต้องเรียกว่า ‘ตูน’ เฉย ๆ ห้ามเต็มยศไม่อย่างงั้นมันคงท้าต่อย มันซีเรียสเรื่องนี้มาก ๆ
“เราก็กังวลเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจบประชุมไปดูรายชื่อห้องด้วยกันนะ เผื่อได้อยู่ด้วยกัน” ผมรีบบอกมันไว้ก่อน ขืนผมไม่บอกไว้ล่วงหน้านะหลังจบการฟังไอ้ตูนคงหายตัวได้ราวกับมีเวทมนตร์
“ได้ ไปดูพร้อมกัน”
หลังจากจบบทสนทนานี้ เราก็หันมาตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูเขากำลังอธิบายรายละเอียดของโรงเรียนให้ทุกคนฟัง
“… นักเรียนทุกคนคงพอเข้าใจที่ครูพูดมาข้างต้นแล้วนะ ครูจะพูดถึงส่วนสุดท้ายก่อนปล่อยให้ไปดูรายชื่อของห้องเรียนและตึกนอนสำหรับคนที่มีความประสงค์จะกินนอนที่โรงเรียนนะ โรงเรียนของเรามีหลายชมรมให้นักเรียนเลือกสรรตามความชอบความถนัดของตัวเองได้ตามใจชอบ ถ้าผลงานดีหรือเห็นว่าพอที่จะส่งเข้าประกวดแข่งขันได้ ทางโรงเรียนก็จะสนับสนุนเต็มที่ แต่ไม่ใช่จะทิ้งการเรียนไปเลยนะ ต้องควบคู่กันไปด้วยให้สมกับคำขวัญของโรงเรียนที่ว่า ‘เรียนดี กิจกรรมเด่น อ่อนน้อมถ่อมตน’ เอาล่ะถึงเวลาแล้วขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทอมใหม่ในวันพรุ่งนี้นะครับ ขอบคุณครับ”
หลังจากสิ้นสุดเสียง นักเรียนรวมถึงผู้ปกครองบางส่วนก็เริ่มทยอยออกจากหอประชุม ส่วนผมและไอ้ตูนเดินตรงไปยังใต้อาคารที่มีบอร์ดติดรายชื่อ
กว่าผมจะฝ่าฟันเข้ามายืนยังหน้าบอร์ดสีน้ำเงินได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เมื่อฝ่าวงล้อมเข้ามาได้แล้วก็เริ่มไล่สายตามองขึ้นลงแผ่นแล้วแผ่นเล่า จนไปหยุดจนเกือบแผ่นท้าย ๆ
นั่นไงผมเจอชื่อผมแล้ว นายมาวิน อัศวะ ถัดลงมาไม่กี่รายชื่อก็เจอชื่อไอ้ตูนด้วยเหมือนกัน นายตุลย์พิชา พิชิต
“ตูน เราเจอชื่อนายแล้ว นายอยู่กับเราด้วยแหละ” ผมบอกมันในขณะที่เจ้าตัวยังหาชื่อของตัวเองไม่เจอ
“เออดี ๆ แล้วอยู่ห้องไหนว่ะ?”
ใช่ ผมลืมดูว่าพวกเราอยู่ห้องไหน มัวแต่ดีใจที่หาชื่อเจอสักที ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหัวกระดาษอีกรอบ
ม.4/5 ห้องเกือบท้ายสุด แต่ระบบของโรงเรียนเราไม่มีแบ่งความฉลาด คนที่อยู่ห้องแรก ๆ ใช่จะเก่งเสมอไป คนเก่งหลายคนอาจมารวมตัวกันอยู่ห้องท้าย ๆ ก็ได้ แล้วอีกอย่างที่แปลกกว่าโรงเรียนอื่นก็คือมอปลายมีแค่สาย วิทย์-คณิต อย่างเดียว
โดยทางโรงเรียนให้เหตุผลว่าถึงจะมีแค่สายเดียวก็ไม่ได้ทำให้ความเข้มข้นในการเรียนภาษาด้อยไปกว่าที่อื่นเลยและสายนี้มันสามารถต่อยอดได้หลายทาง บางคนอาจจะเพิ่งรู้ตัวว่าเหมาะกับการคำนวณมากกว่าภาษาที่สาม และแน่นอนว่าภาษาอังกฤษก็อยู่ในหลักสูตรอยู่แล้ว ส่วนภาษาอื่นนอกเหนือจากอังกฤษก็มีสอนเหมือนกัน แต่ถูกแบ่งในรูปแบบของชมรม ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสายศิลป์ภาษาจากที่อื่นเลย
“พวกเราอยู่ ม.4/5” ผมหันไปบอกไอ้ตูนที่ถามเมื่อครู่
“โอเค ว่าแต่ไปเดินดูรอบโรงเรียนกัน กูยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ ป่ะไอ้วิน”
ผมพยักหน้าหงึก ๆ ก็ดีเหมือนกันเดินสำรวจสักหน่อย พรุ่งนี้จะได้พอรู้ทางบ้าง
โรงอาหารอยู่ถัดจากใต้อาคารเรียนตึกสีส้มที่มีห้องประชุมที่ผมเพิ่งออกมา กว้างดีเหมือนกันแฮะ ข้างในถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ร้านขายอาหารต่าง ๆ อยู่ฝั่งด้านขวา ส่วนอีกฝั่งเป็นโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับประทานโดยเฉพาะ โต๊ะตัวยาวมีเก้าอี้นั่งเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกันเงาวาววับไปด้วยสีของสแตนเลสเรียงกันเป็นตับ ดูจากจำนวนของโต๊ะแล้วไม่มีทางที่จะกลัวว่าหากมาจองช้าแล้วจะไม่มีที่นั่งแน่นอน ต่อให้นอนกินบนเก้าอี้ที่ยังเพียงพอ
ถัดมาผมก็เดินมาจนถึงลานกีฬาของโรงเรียน ดู ๆ ไปแล้วก็ใหญ่เหมือนกันนะ ใหญ่มากเสียด้วย มองไปทางซ้ายก็เจอสนามเทนนิส ขวาก็เจอสนามฟุตบอลรอบสนามเป็นลู่วิ่ง เยื้องไปอีกหน่อยก็สนามรักบี้ เบสบอล สระว่ายน้ำ ผมไล่ทั้งวันคงไม่หมด เอาเป็นว่ามีเกือบแทบทุกชนิด นี่แค่กีฬากลางแจ้งนะไม่รวมในร่ม ส่วนพวกกีฬากลางแจ้งจะมีหลังคาเปิดปิดได้ อลังการจริง ๆ คงจะสมกับราคา แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าเทอมหนึ่งต้องจ่ายกี่บาท เพราะพ่อกับแม่เป็นคนจัดการ
เอ๊ะตรงนั้นมีสนามบาสเกตบอลด้วย ที่สำคัญมีคนเล่นอยู่ ผมว่าเดินไปดูสักหน่อยดีกว่า ผมกะจะชวนไอ้ตูนไปด้วยแต่จะหันไปถาม มันก็หายตัวไปซะแล้ว สงสัยคงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนี้เดี๋ยวก็คงเจอเองแหละ บางทีมันอาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้
ผมยืนดูพวกเขาเล่นห่างจากสนามไม่มากนัก บริเวณนั้นมีม้าหินอ่อนวางอยู่เป็นแนวเรียงหน้ากระดานและมีตู้กดน้ำอยู่ข้าง ๆ พวกเขาอยู่ในชุดทีมเสื้อที่ใส่เป็นสีแดงขอบดำ มีกันอยู่ห้าคน...ทุกคนล้วนแล้วแต่ดูดีกันหมดเลย โรงเรียนนี้คัดหน้าตาเข้ามาใช่ไหม?
และที่สำคัญทุกคนดูจะสูงไล่เลี่ยกันห่างกันเพียงไม่กี่เซนเท่านั้น คาดเดาจากการมองแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า 185 เซนติเมตร
พวกพี่ ๆ เขากินเสาไฟฟ้าเป็นอาหารหรือเปล่าเนี่ย??
ดูพี่คนนั้นสิ เขาเลี้ยงบาสได้คล่องมาก ไม่ว่าคนในทีมพยายามจะแย่งไปจากมือพี่เขาก็เลี้ยงหลบไปหลบมาได้อย่างชำนาญ แถมแสงแดดอ่อน ๆ สาดเข้าไปที่ใบหน้าเผยให้ผมสีเหลืองอ่อนผลัดให้ผิวที่ขาวนวลสว่างขึ้นไปอีกเหมือนส่องไฟสปอร์ตไลท์ที่ทำให้เด่นอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่ผมกำลังสังเกตวิธีการเลี้ยงลูกของพี่ฝรั่งผมทองคนนั้น ก็มีอีกคนที่ทำให้ผมเบนความสนใจไปอีกทางเพราะ พะ..พี่เขาทำสแลมดังก์! การกระโดดจากพื้นไปสู่ห่วงก่อนหย่อนลูกบาสลงยังห่วงอย่างสวยงามดูสมูทมาก
เอ๊ะ พี่เขามองมาทางผมด้วย นั่นเขายิ้มให้เหรอ?
“เห้ยมึง! ดูน้องคนนั้นดิ น่ารักวะ กูจีบดีมะ?” พี่คนที่มองมาทางผมหันไปพูดกับเพื่อนอีกคน ถึงผมจะอยู่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกลเกินไปที่จะได้ยินในสิ่งที่พี่เขาตะโกนพูด
มีคนอื่นยื่นอยู่ข้างหลังผมงั้นเหรอ? เมื่อหันหลังไปดูก็ไม่เห็นจะมีใครเลยหนิ ช่างเถอะผมไปหาไอ้ตูนดีกว่า จะไปบอกมันว่าผมจะกลับบ้านแล้วไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่แถวตอนเช้าแล้วกัน
แต่เมื่อผมหันกลับมาพี่คนนั้นเขาก็มายื่นอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“เพิ่งมาวันแรกเหรอ?” ประโยคแรกที่พี่เขาถามผม ชุดนักเรียนใหม่ขนาดนี้กลิ่นเสื้อใหม่ลอยฟุ้งขนาดนี้ นักเรียนเก่ามั้งครับ!
“ครับ”
“เป็นผู้หญิงพูดครับทำไม? ค่ะสิคะ”
“เอ้า ก็ผมเป็นผู้ชาย” ถึงใคร ๆ จะบอกว่าผมหน้าหวานละมุนแต่พวกเขาก็รู้นะว่าผมเป็นผู้ชาย
“พี่ชื่อเมฆนะ เราชื่อไร?”
“วินครับ มาวิน”
“อ้อชื่อวินนี่ พี่ชอบอ่ะ จีบนะ”
จะมาจีบบ้าจีบบอกอะไร!
“ผมไม่ใช่...” ผมกำลังจะบอกว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงแต่พี่เมฆก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“พี่เชื่อในเรดาร์ตัวเอง ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับน้องวินนี่” ว่าจบเขาก็ประทับจูบลงบนนิ้วเขาก่อนมาแปะเข้าที่แก้มผมแล้วก็เดินกลับไปที่สนาม
เรดาร์คงเน่า ผมแมนขนาดนี้ไอ้นั้นของผมใครเห็นเป็นต้องป้องปากเบิกตาโตด้วยอาการตกใจ! เฮ้อพี่เขาโง่หรือไม่ฉลาดเนี่ย! แล้วอีกอย่างมีที่ไหนเจอกันวันแรกก็เดินข้ามาขอจีบ
ผมรู้สึกได้เลยว่าเปิดเทอมวันแรกของผมคงจะไม่สงบอย่างที่หวังไว้แน่ โธ่! ชีวิตใหม่ในสถานที่ใหม่ของผม!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ