ด้วยความคิดถึง...I'm missing you.
-
เขียนโดย Raksha
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 13.30 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
5,432 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คิดถึง…เธอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความย้อนไปในวัยเรียนเราไม่เคยต้องกังวลเลยว่า…
วันนี้จะมีงานอะไรเข้ามาบ้าง ยอดเดือนนี้เป็นอย่างไร ไปพบลูกค้าต้องเตรียม Presentation แบบไหน หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าวันนี้ต้องใส่สีอะไร
ตอนเป็นนักเรียนเราไม่เคยกังวลกับเรื่องแบบนี้เลย…
มีแต่วันนี้อาจารย์จะปล่อยเร็วไหม วิชานี้จะเรียนห้องไหน แล้วมันตรงกับห้องเรียนของเธอไหม…
มันมีแค่นั้นจริงๆ
บางคนอยากจะใส่ใจแต่กับเกรด การบ้านที่ต้องส่ง หรือแม้แต่รายงานที่ต้องทำ แต่สำหรับฉันในหัวของฉันมันมีแต่เรื่องของเธอ
แล้วก็ เธอ เธอ เธอ…
ผู้หญิงร่างเล็กบางตามแบบนิยม ผิวขาวใสอมชมพูใบหน้าเรียวเล็กตาหวานจมูกโด่งปากแดงจิ้มลิ้ม ที่ดูกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อเลย
เธอชื่อ ‘คนึงหา’ เป็นชื่อที่คนฟังแล้วก็ทำให้นึกถึงอยู่ตลอดเวลา
‘คนึงหา’ หรือ ‘เค้ก’
ชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียกกัน ทั้งชื่อจริงชื่อเล่นมันเหมาะสมคงตัวกับเธอเป็นที่สุด เป็นคนที่น่าคิดถึงและเมื่อได้พบก็ยิ่งอยากที่จะรู้จัก เหมือนได้ทานเค้กรสโปรดที่ทานเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ
“ขิมไหวไหม” เสียงหวานที่ไม่ได้ยินมานานเรียกกันอยู่ข้างตัว ตามมาด้วยสองมือที่ช่วยพยุงร่างคนเมาให้ลุกขึ้น
เธอกดรีโมทล๊อกรถเรียบร้อยแล้วค่อยๆ พาร่างเซๆ เดินเอียงกระเท่เร่เข้ามาในตัวบ้าน และฉันก็เพิ่งสังเกตว่าไม่ใช่บ้านหลังเดิมที่เคยมา เธอคงซื้อใหม่แล้วแยกตัวออกมาอยู่เองละมั้ง
น่าแปลกใจที่พ่อแม่ของเธอปล่อยลูกน้อยที่หวงดังไข่ในหิน ได้ออกมาประเชิญโลกอยู่คนเดียวเช่นนี้ ฉันเคยคิดด้วยซ้ำว่าเธอคงจะต้องอยู่กับพ่อแม่ ไปจนแก่
หันไปมองคนข้างๆ ที่พยายามเอาร่างสูงโปร่งของฉันขึ้นบันได ดีนะที่ไม่เมาจนเดินไม่ไหวไม่งั้นสาวร่างบางคงจะลำบากกว่านี้ พอถึงชั้นสองของบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดใหญ่พอควร มีประตูอยู่สามบานเดาไม่ยากว่าคงจะเป็นห้องนอนสองห้องน้ำหนึ่ง
แล้วเธอก็พาฉันเข้าไปยังประตูทางขวา เปิดเข้าไปก็แอบคิดในใจว่ามันคล้ายกับห้องของเธอที่บ้านพ่อแม่เสียจริง ถามว่าคนเมาทำไมความจำถึงได้ดีนัก
ก็เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องของเธอคนนี้ ไม่ว่าอะไรฉันก็จำได้หมด
“เดี๋ยวขิมนอนรอเค้กตรงนี้ก่อนนะ จะไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้” เดินจนเกือบจะถึงห้องน้ำเธอก็หันกลับมาอีกที
“เอ้อแล้วถ้ารู้สึกพะอืดพะอมก็รีบเรียกเค้กนะ”
พูดปุ๊บก็รู้สึกปั๊บ ทำไมลมมันเหมือนจะตีขึ้นอย่างนี้ล่ะ เอามือจับหน้าอกพยายามสงบจิตใจและท้องไส้ที่ปั่นป่วน ภาวนาพุธโธในใจเพื่อให้จิตสงบ รู้สึกผิดอยู่นิดๆ ที่เอาการกำหนดจิตของศาสนา มาทำในเวลาที่ตัวเรากลับผิดศีลห้าเพราะดื่มสุราเมรัย
เอาวะจะบาปก็ต้องยอม แต่จะไม่ยอมอาเจียนเอาต้มยำกุ้งออกมา ต่อหน้าคนที่ไม่ได้เจอมาตั้งสิบกว่าปีอย่างนี้หรอก แค่เจอตอนเมาไม่เป็นท่าก็ว่าแย่แล้ว จะให้เสียลุคไปกว่านี้คงจะไม่ไหว
เสียงดังกุกกักในห้องน้ำบอกว่าคนในนั้นกำลังออกมาแล้ว พยายามนั่งตัวตรงเอาหลังพิงขอบเตียง ดีหน่อยที่ไอ้อาการเหมือนจะเอาของเก่าออกได้หายไปแล้ว
ไม่นานนักเธอก็เดินถือกะละมังใบเล็ก พร้อมผ้าสีขาวขนาดพอดีมือ ถือติดมาด้วย เธอนั่งลงข้างเตียงแล้วหันมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวสวยของฉัน ด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติฉันรีบคว้ามือบางเอาไว้ในทันที
“เอ่อ…เดี๋ยวขิมทำเอง” พูดด้วยความเขินอาย อยู่ๆ จะมาโชว์เนื้อหนังต่อหน้าคนที่ไม่ได้เจอมานานขนาดนี้ได้ยังไง แต่ก็เป็นเธอที่หัวเราะเล็กๆ กลับมาให้ฉันต้องถึงกับขมวดคิ้ว
“เขินเหรอขิม เค้กรู้นะเวลาที่ขิมอายหรือเขินอะไร คิ้วจะขมวดเป็นปม แบบนี้ทุกที” ว่าแล้วนิ้วเรียวนั้นก็จิ้มเข้ามายังกลางหน้า แล้วยืดเอาความย่นตรงกลางระหว่างคิ้วออกจากกัน
“ไม่ต้องอายหรอกค่ะ เหมือนกับว่าเค้กไม่เคยเห็นงั้นแหละ” พูดแล้วหน้าก็ยิ่งร้อน ก็ใช่ที่เธอเคยเห็น เห็นมาหมดทุกซอกมุม
แต่นั้นมันสิบกว่าปีมาแล้วนะ!
มันก็ต้องมีเขินกันบ้างซิ!
แต่เธอก็ยังคงทำให้เราปฏิเสธอะไรไม่ได้อยู่ดี เธอมักจะใช้ยิ้มหวานๆ กับคำพูดสบายๆ ให้เราต้องโอนอ่อนยอมทำตาม อย่างที่เราไม่อาจทัดทานอะไรได้เลย
ฉันปล่อยให้เธอปลดกระดุมทีละเม็ด คอยมองสีหน้ายามเธอเห็นผิวอ่อนของเนินเนื้อขาวอวบของฉัน เธอเว้นบราเซียร์สีดำของฉันเอาไว้ ก่อนที่จะไปปลดกางเกงผ้าเนื้อดีห้าส่วนของฉันออกจากตัว
ตอนนี้ทั้งเนื้อตัวมีแต่ชั้นในสีดำเพียงสองชิ้นเท่านั้น ฉันเห็นเหมือนเธอหยุดคิดอะไรบางอย่าง สายตาที่เธอมองมาตามเนื้อตัวเกือบจะเปลือยเปล่าของฉัน มันทำให้ตามเนื้อตัวของฉันเกินอาการร้อนวูบวาบขึ้นมา
“เดี๋ยวเช็ดตัวก่อนแล้วกันนะ แล้วค่อยถอดออกหมดตอนทาแป้ง เค้กไม่อยากให้ขิมเหนียวตัวจะได้นอนแบบสบายๆ” เธอยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะหันไปหยิบผ้าชุบน้ำมาบิดให้หมาด
มองดูมือเล็กอย่างลูกผู้ดีมีชาติบรรจงเช็ดเนื้อตัวให้ฉันอย่างตั้งใจ น้ำตาก็พาลจะไหลด้วยความตื้นตัน
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ชิดใกล้กันถึงเพียงนี้ แค่ได้พบหน้าก็ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากแล้ว แต่นี่เธอผู้อยู่ห่างไกลแต่กลับมาใกล้กันแบบถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้
ฉันควรจะต้องทำอย่างไร?
ใจมันสั่นระรัวยามเมื่อวงแขน คว้าเอาร่างเล็กของเธอขึ้นมานั่งบนตัก สองมือยกประคองใบหน้าสวยหวานของเธอเข้ามาแนบชิด บรรจงมอบจุมพิตร้อนของความคิดถึงเข้าที่กลีบปากบางจิ้มลิ้ม
ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้คนที่สติอยู่ไม่ครบได้บดเบียดนวดคลึงเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์ยังริมฝีปากหวาน
อย่างที่ใครเคยบอกไว้ว่า วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ หรือ คนเคยคบ ทิ้งเชื้อไฟไปเพียงนิดก็ทำให้ลุกโชนขึ้นได้ไม่ยาก
กลีบปากบางยังคงมอบจูบหวานให้แก่กัน ปากเล็กจิ้มลิ้มเปิดทางให้ลิ้นซนเข้าไปทักทายยังภายใน ลิ้นร้อนต้องกันเพียงนิดก็เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันอย่างกระหาย แต่ก็อ่อนโยนปนเร่าร้อนชวนหวิวให้ใจหวามไปกับรสจูบ
เสียงลมหายใจหอบกระเส่า ลมหายใจร้อนแลกอุ่นไอกันอย่างเป็นจังหวะ ฉันถอนริมฝีปากออกมาเพียงนิด ไม่อยากที่จะห่างร้างไกลจากกลีบปากนุ่ม ของเธอคนนี้
หน้าอกอวบของเธอกระเพื่อมตามแรงหายใจ บดเบียดเนื้อนุ่มของฉันจนรู้สึกเสียววาบไปทั้งกาย ดวงตาสั่นไหวฉ่ำหวานแสดงถึงความต้องการ
คงไม่ใช่ฉันคนเดียวที่โหยหาความรู้สึกแนบชิดแบบนี้ เธอเองก็เช่นกัน
“คิดถึง…”
คำสั้นๆ ที่พูดออกไปแต่มันมีอานุภาพต่อใจยิ่งนัก และก็เป็นเธอที่แนบกลีบปากจิ้มลิ้มของตัวเองเข้ากับเรียวปากของฉัน จูบนี้เต็มไปด้วยความปรารถนา เป็นจูบของความคิดถึงและโหยหาซึ่งกันและกัน
ฉันดันร่างบางให้ลงนอนราบไปยังเตียงนุ่น สองมือเลิกเสื้อผ้าเนื้อดีออกจากร่างเล็ก รูดซิปกระโปรงตัวสวยของเธอแล้วตามติดไปด้วยแพนตี้สีขาวตัวสวย
เธอเองก็ไม่ช้ายกตัวขึ้นปลดตะขอบราเซียร์ของตัวเองออกให้พ้นตัว ฉันเห็นอย่างนั้นก็จัดการของตัวเองให้เหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า
ร่างที่ร้อนรุ่มของเราสองพุ่งเข้าหากัน ดั่งไฟป่าที่พร้อมจะเผาไหม้ให้ทุกสิ่งราบเป็นหน้ากลอง
เธอจูบฉัน… ลิ้นร้อนของเธอเลียริมฝีปากอันสั่นระริกของฉัน จนฉันอดไม่ได้ที่จะขบเม้มเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นนุ่มของเธอจนต้องร้องคราง บดเบียดร่างกายเข้าด้วยกันคลึงเคล้าดูดเม้มตอบสนองกันอย่างคุ้นชิน
ทุกอย่างประสานกันอย่างรู้ใจโดยที่ไม่ต้องมีใครพูดอะไร แต่เราทั้งคู่ว่าชอบกันแบบไหนเราก็จะปรนเปรอกันแบบนั้น
ในจังหวะที่เกือบจะสุดท้ายเธอเรียกฉันให้ขึ้นมาเท่ากับเธอ ฉันจำต้องละจากความหอมหวานด้านล่าง แล้วแนบส่วนอ่อนไหวของเราให้ตรงกันแทน
สบสายตาฉ่ำเยิ้มเพราะพิษใคร่ของคนที่ไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปี ความโหยหาในรสรักนี้ยากแท้ที่ใครจะเข้าใจ เราใช้สายตาคุยผ่านกันไปอย่างนั้น จนช่วงร่างของฉันเริ่มบดเบียดแน่นจนกระชั้นถี่ขึ้น
“อ๊ะ อา….”
เสียงครวญหวานของเธอเป็นแรงอารมณ์ให้ฉันยิ่งเร่งจังหวะ เหงื่อผุดพรายตามร่างของเราสอง แต่ก็ไม่อาจหยุดอารมณ์อยากที่จะร่วมรักของเราได้เลย
ร่างเราสองกระตุกไหว ช่องท้องเบาโหว่งเสียวกระสันอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมานาน อารมณ์สุขสมวิ่งขึ้นสูงจนต้องร้องครางออกมาประสานกันเสียงดังลั่น
จนจังหวะสุดท้ายจบลงก้มลงมอบจูบให้กันอีกครั้ง เธอกอดรับร่างอ่อนแรงของฉันเอาไว้แน่น กอดอย่างกับว่าไม่อยากที่จะให้ห่างกันไปไหนอีกแล้ว
เรากอดกันรับรสความสุขกันอยู่อย่างนั้น จนฉันรับรู้ได้ถึงตัวที่สั่นเทาของคนด้านล่าง ผละตัวออกมาถึงได้รับรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้
ฉันขยับตัวลงมานอนเคียงข้าง รวบตัวคนร้องไห้จนตัวโยนเข้ามาในอ้อมกอดจูบหนักๆ ลงที่หน้าผากมน คอยลูบหัวลูบหลังปลอบกันไปอย่างนั้น จนอีกคน นิ่งไปลมหายใจเริ่มเป็นจังหวะเข้าออกเนิบช้า
ขยับตัวเล็กน้อยก็เห็นว่าเธอได้หลับไปแล้ว หลับทั้งที่คราบน้ำตายังคงอยู่ ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารจับใจยิ่งนัก แล้วภาพในวันเก่าก็หวนคืนให้นึกถึง
วันที่เธอต้องร้องไห้เหมือนกันกับในวันนี้ ร้องแล้วก็หลับไปเพราะความเหนื่อยอยู่ในอ้อมกอดของฉันคนนี้ ในวันที่เราต้องห่างกันไปไกลอย่างที่ไม่รู้ว่าจะได้มาเจอกันอีกหรือไม่
แต่ฉันในวันนี้จะไม่เหมือนคนในอดีตอีกแล้ว… และฉันคนนี้จะไม่มีทางที่จะหันหลังให้เธออีกเป็นครั้งที่สอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ