Vengeful Ronin ศึกโรนินแผ่นดินอสูร
-
เขียนโดย Script_Along_Nagato
วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 20.24 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
4,472 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562 20.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Act 1 : Assassin's theory หลักแห่งมือสังหาร (1/3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไดเมียว มิชิมะ – เจ้าเมืองแคว้นมัตซึเอะ
อ.ซามูไร เคนชิ – ซามูไรจากแคว้นฮิเดโยชิ
อ.ซามูไร โยชิฮิโระ – ซามูไรจากแคว้นมัตซึเอะ
Act 1 : Assassin's theory หลักแห่งมือสังหาร
อะไรคือเครื่องบ่งบอกว่าคือนักฆ่ามืออาชีพ ทักษะ วิธีการวางแผนประสบการณ์หรืออาจจะทั้งหมดรวมกัน
แต่เปล่าเลยสำหรับมือสังหารเลือดเย็นบางคน
ป่าชายแดนตะวันตกของแคว้นฮิเดโยชิ
หญิงสาวในชุดคลุมกิโมโนสีเข้มกลมกลืนกับเงามืดของผืนป่า โดยมีเกราะบางของซามูไรซ่อนอยู่ใต้เสื้อ เธอมัดผมดำยาว แสกผมข้างขวาของศีรษะโดยมีปิ่นปักผมประจำตระกูล ในกำมือของเธอถือดาบตรงทรงคุซานางิเรียวยาว แววตาของเธอจดจ่อไปสู่ชุมโจรเบื้องหน้า โดยที่พวกมันไม่รู้เลยว่าอะไรเฝ้าบอกอยู่ในมุมมืดของป่า
“คนของเราเข้าประจำตำแหน่งแล้วขอครับ” ซามูไรผู้รับใช้เดินเข้ามาเบื้องหลังเธอ
“ดี” หญิงสาวตอบ “เริ่มได้เลย...แล้วก็อย่าลืมละ จับตายทุกราย”
“ขอรับ...ท่านคายุระ” ซามูไรผู้รับใช้ตอบ
ณ สำนักซามูไรระหว่างแคว้นฮิเดโยชิและมัตซึเอะ เป็นสำนักฝึกซามูไรที่ใหญ่ที่สุดที่ทั้งสองแคว้นพันธมิตรตั้งขึ้นเพื่อสร้างนักรบและสัมพันธภาพระหว่างแคว้น
ซามูไรหนุ่มวางสัมภาระลงหน้าประตูไม้ชั้นใต้ดินของสำนักที่เหล่าซามูไรหน้าใหม่กว่าร้อยชีวิตกำลังซ้อมประบวนดาบอยู่ชั้นเหนือตัว
“ริวเซย์อิ...นั้นเจ้าหรอ” เสียงหญิงชราผู้หนึ่งดังขึ้นจากหลังประตูไม้
“ข้าเอง”
“เข้ามาสิ” ทันทีที่เสียงพูดจบลงประตูไม้ก็เปิดออกด้วยตัวมันเอง ริวเซย์อิเดินตรงเข้าสู่ห้องพักเก่าๆแห่งหนึ่งที่มีเครื่องรางที่มากมายและตำราเบ็ดเตล็ดวิชาที่มากกว่า ตรงหน้าซามูไรหนุ่มคือแม่มดเฒ่าผมยาวขาวสลวยในชุดกิโมโนสีอ่อนแลดูสดใหม่ตัดกับอายุของนาง นามของนางคืออิซูมิ โอคุดะ
ริวเซย์อิคุกเช่าคารวะต่อแม่เฒ่าตรงหน้า
“ทูตแห่งความตายปรากฏตัวให้เจ้าเห็นอีกแล้วรึ” เฒ่าหญิงอิซูมิถามขึ้นโดยไม่เหลียวตามองชายหนุ่ม สายตาของนางจดจ่องกับตำราในมือขวาและลูกประคําในมือซ้าย
“ขอรับ”
“ดูเหมือนว่าความตายจะต้องการดวงวิญญาณของเจ้ามากขึ้นทุกวันแล้วสินะ” แม่มดถอนหายใจเบาๆ “ข้าเอง ก็ยังมองไม่เห็นคำตอบที่จะให้เจ้าได้...ในระหว่างนั้น อย่าได้แยกพันธะกับสิ่งที่คล้องคอเจ้าก็แล้วกัน”
ริวเซย์อิคว้างสร้อยศิลาสีน้ำเงินรูปทรงสามเหลี่ยมออกมา
“ศิลาหยาดน้ำตาเทวทูต” แม่เฒ่าเหลียวมองซามูไรหนุ่ม “มรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อของเจ้าฝากฝั่งไว้นั้นมีค่าเยี้ยงนัก”
“บัดนี้ข้าพร้อมจะรู้ว่าจริงแล้วหรือยัง ท่านหญิง” ริวเซย์อิเงยหน้า
“เมื่อความตายเร่งเร้ามาถึงขนาดนี้...คงไม่มีอะไรสายเกินไปแล้ว” แม่เฒ่ามองตำราลูกประคำในมือลงบนโต๊ะน้ำชา “เมื่อราวสองร้อยปีที่แล้ว ยามนั้นที่ข้ายังเยาว์วัยศิลาหยาดน้ำตาเทวทูตของเจ้าของเจ้าอยู่ในรูปที่สมบูรณ์แบบ ก่อนที่มันจะถูกแยกออกเป็นสามชิ้น ด้วยผู้แสวงอำนาจที่จะควบคุมอสูรเพื่อปกป้องพวกเขาเองจากภัยเหนือธรรมชาติ”
ริวเซย์อิก้มลงมองขอบคมของศิลาในมือ
“ก่อนผู้แสวงอำนาจจะสิ้นใจ ศิลาถูกแยกชิงโดยผู้ติดตามทั้งสามเชื้อสาย ตกเป็นมรดกสืบทอดกันมา...ข้ามอบศิลานั้นให้กับพ่อของเจ้าและเขาก็ส่งต่อมันให้เจ้าอีกทีหนึ่ง พวกผู้แสวงอำนาจเชื้อว่ามันคือกุญแจหนึ่งที่จะพาพวกเขาสู่อำนาจที่จะควบคุมอสูร”
“แล้วการหายตัวไปของพ่อข้า เกี่ยวเนื่องกับสิ่งนี้หรือไม่” ซามูไรหนุ่มถาม
“ข้ามิอาจรู้ได้” แม่เฒ่าตอบ “แต่หากศิลานั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ คำตอบที่ข้ายังมิอาจล้วงรู้ อาจถูกเปิดเผยและการหายตัวไปของพ่อเจ้าก็เช่นกัน ระหว่างนั้นข้าจะหาทางให้เจ้าตามหาศิลาสองชิ้นที่เหลือ”
เพร็งงงง….เพร็งงงง….เพร็งงงง….
เสียงระฆังจากเบื้องบนดังขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมาของเจ้าเมือง
“จงระวังตัวให้มาก...เพราะบัดนี้ คู่ต่อสู้ที่เกินกว่าสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้าง เริ่มออกตามล่าเจ้าแล้ว” หญิงชราเปิดตำราขึ้นอีกครั้งก่อนอำรา “ไปเถอะ...ไปพบท่านไดเมียว รับรางวัลของเจ้าซะ”
“ขอบคุณท่านแม่เฒ่า” ริวเซย์อิรู้ไม่ท้วงถามใดๆก่อนจะจากไปพร้อมกับสัมภาระ แม่เฒ่าอิซูมิเหลียวมองซามูไรหนุ่มที่เดินจากไปก่อนจะหยิบหินแกะสลักหญิงสาวชุดกิมิโนสีขาวสะอาดที่มีแววตาเงามรกด เธอมองจ้องสบตามันด้วยความโศกเศร้าพร้อมพรึมพรับกับตัวเองเบาๆ
“อีกไม่นานแล้วสินะ”
ขบวนเสร็จของขุนนางชั้นผู้ใหญ่มาถึงหน้าตำหนักฝึกที่โอบล้อมด้วยหุบเขาและเขาของไม้ใหญ่ที่รอบล้อม แสงเงาเล็ดลอดตกสู่ลานฝึกกลางสำนักใหญ่
ซามูไรองครักษ์ยืนเรียงแถวหน้ากำแพงสำนักอย่างเป็นระเบียบ
“ท่านไดเมียวแห่งแคว้นมัตซึเอะเสร็จแล้ว!!!” เสียงประกาศดังลั่นขึ้นทั่วสำนักก่อน นักรบน้อยใหญ่ที่กำลังฝึกกระบวนท้าจะหยุดกิจกรรมและแยกย้ายจากลานฝึก
ชายวัยห้าสิบปลายๆ ร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเครา ศีรษะโกนหัวแบบซามูไรชั้นผู้ใหญ่ก้าวท้าวลงจากหาม ชายตามองปราการอันกว้างใหญ่ใต้เงาหุบเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆก่อนเดินตรงเข้าสู้ประตูหลักบานใหญ่ยักษ์ตรงหน้า
ห้องโถงรับเสด็จเปิดโล้ง ซามูไรผู้รับใช้น้อยใหญ่นั่งสองข้างทางรอรับผู้มาเยือน เจ้าเมืองมัตซึเอะเดินตรงสู่ห้องโถงชั้นในสุดก่อนจะหยุดสะดุดสายตาอยู่ตรงหน้าซามูไรหนุ่มคนหนึ่ง
“ท่านริวเซย์อิ” เจ้าเมืองขานชื่อซามูไรที่ก้มคำนับทางซ้ายมือ “ตามข้ามา”
ซามูไรหนุ่มก้มน้อมรับก่อนจะลุกขึ้นตามท่านเจ้าเมืองสู่ห้องโถงใน
“ดูเหมือนศิษย์คนโปรดของท่านจะเทียบรอยเท้าท่านได้แล้วนะ ท่านโยชิฮิโระ” อาจารย์ซามูไรเคนชิทักท้วงเพื่อนอาจารย์ที่นั่งอยู่ข้างกาย
เคนชิเป็นชายวัยปลายสามสิบร่างสูงผมมัดดำยาวหางม้าแตะเอวหลังที่มีรอยยิ้มแลดูเจ้าเล่ห์เป็นลักษณะเฉพาะกับโยชิฮิโระ อาจารย์ซามไรผมสั้นหน้าคมแฝงความเย็นชา เพื่อนหักเหลี่ยมโหดคู่ปรับรุ่นราวคาวเดียวตั้งแต่วัยเยาว์ โดยโยชิฮิโระมีนิสัยเยือกเย็นแน่นิ่งต่างกับอีกฝั่งราวฟ้ากับเหว
“ลูกชายคนโตของซามูไรระดับตำนาน...เหมือนว่าเขาจะได้จากพ่อมาแทบทั้งหมด” โยชิฮิโระตอบ “ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา...ยังมีอะไรหลายอย่างที่ข้ายังค้างคาใจกับเด็กนั้น”
อาจารย์เคนชิเหลียวมองซามูไรรุ่นศิษย์ที่เดินตามท่านเจ้าเมืองไป
“ในไม่ช้า พวกเราก็จะถูกแทนที่ด้วยเด็กแบบนั้น” เคนชิลุกขึ้นยืน “ท่านก็เช่นกัน...อาจารย์โยชิฮิโระ”
“เคนชิ” โยชิฮิโระเหลียวมองเพื่อนอาจารย์ที่เดินจากไปทั้งๆที่ซามูไรคนอื่นยังคงนั่งนิ่งก่อนประตูห้องโถงในจะผิดลง เจ้าเมืองพร้อมด้วยซามูไรหนุ่มในชุดกิโมโนดำ
“เจ้าสินะที่เป็นคนล่าหัวจอมโจรยามาโมโตะที่ทุ่งข้าวเขตชายแดนแคว้นไอชิเมื่อสองราตรีที่แล้ว” ท่านเจ้าเมืองนั่งตรงหน้าโต๊ะน้ำชาก่อนโดยมีซามูไรหนุ่มนั่งอีกฝั่งตรงกันข้ามกลางห้องโถงใหญ่ที่สุดมุมห้องมีองค์รักษ์เพียงสามสี่คนค่อยสอดส่องตามบานหน้าต่าง
“ข้าแค่ทำตามคำสั่งที่ท่านเองเป็นคนมอบให้ ท่านมิชิมะ” ซามูไรหนุ่มตอบ
ไดเมียวมิชิมะรินน้ำชาร้อนตรงหน้าลงถ้วยทั้งสอง
“นายท่าน” ริวเซย์อิก้มขณะหน้ากล่าวแทรกขึ้น ไดเมียวมิชิมะเหลียวมองซามูไรรุ่นลูกด้วยความขุ่นมัว
“ข้ารู้...ริวเซย์อิ....ข้ารู้”
“หลายปีที่ผ่าน ข้าพยายามตามหาความจริงของพ่อข้า...แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักทีเดียว” ซามูไรหนุ่มหลบสายตา
“พ่อของเจ้าเป็นซามูไรที่เก่งกาจที่สุดที่ข้ารู้จัก...ก่อนเขาจะถูกเรียกตัวเข้าสู่วังหลวง และหายตัวไปพร้อมกับซามูไรมือดีของแคว้นเราอีกจำนวนหนึ่ง”
“นั้นเป็นเหตุผลหนึ่ง...ที่ข้าอยากไหว้วานท่านให้ข้าได้มีโอกาสเข้าหาความจริงในวังหลวง”
“หลวงนะเป็นพื้นที่ต้องห้าม...แม้แต่ท่านไดเมียวชั้นผู้ใหญ่อย่างข้าก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าพบองค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ” ไดเมียวมิชิมะส่ายหน้า
“แต่ข้าก็พอมีทางให้เจ้าอยู่”
“ข้าฟังอยู่...นายท่าน” ริวเซย์อิเงยหน้ามองท่านไดเมียว
“กลางฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึง...โชกุนโทโมเอะจะส่งนักประลองเข้าวังหลวงเพื่อประลองกับนักรบขององค์จักรพรรดิ” ท่านไดเมียวยกถ้วยน้ำชาขึ้นซด “ข้าจะส่งเจ้าไปเป็นหนึ่งสองผู้ประลองของแดนเหนือของเรา...เพียงแต่”
ซามูไรหนุ่มตั้งใจฟังสายตาไม่กระพริบ
“ข้าขอให้เจ้าทำงานสุดท้ายของเจ้า” ไดเมียววางม้วนกระดาษจดหมายบนโต๊ะน้ำชา “เมื่อเสร็จงานนี้ ข้าจะรับรองชื่อเจ้าเข้าประลองในนามของแคว้นมัตซึเอะของเรา”
“ข้าน้อมคำบัญญาของท่าน” ริวเซย์อิรับม้วนจดหมายอย่างไม่รังเล
“ว่าแต่ท่านบอกว่าหนึ่งในสองผู้ประลองแดนเหนือ...ใครคือซามูไรอีกคนที่ท่านโชกุนเอยปากเชิญอย่างนั้นหรอ” ริวเซย์อิถาม
“ลูกสาวคนสุดท้องของขุนพลมิซึโยริแห่งแคว้นฮิเดโยชิ...เจ้าก็น่าจะรู้จักนัก” ไดเมียว
ริวเซย์อิฉีกยิ้มน้อยๆ
“ขอรับ...นางเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ข้าสนิทที่สุดตั้งแต่เรียนที่นี้”
“มิซึโยริ คายุระ”
ลมร้อนพัดผ่านเปลวเพลิงที่ร่ายระบำจากค่อยชุมโจรที่มอดไม่ ซามูไรบนหลังม้าวิ่งไร้สังหารหมู่โจรที่กำลังหนีเอาตัวรอด บ้างก็พยายามปกป้องสมบัติอย่างสุดชีวิต บ้างก็กำลังอ้อนวอดขอความเมตตา
“แกกล้าดีมากนะที่บุกมาถึงที่นี้” โจรร่างใหญ่คนสุดท้ายกำขวานในมือแน่น สายตาจดจ่องหญิงสาวซามูไรที่นำทัพมาบุกรุกมันถึงหน้าประตูบ้าน“ ถึงแกฆ่าข้าได้ในวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะมีคนที่มาออกปล้นชาวบ้านอีกเรื่อยไป”
“อย่าแน่ใจไปหน่อยเลย” หญิงสาวตอบเสียงนิ่งก่อนชักคุซานางิข้างเอวเธอออกมา
เปลวเพลิงที่มอดไหม้ค่ายโจรเริ่มส่งกลิ่นเหม็นสาบจากซากศพที่ถูกเผา ส่งผ่านไอความร้อนปะปนไปกับลมร้อนของฤดูที่พัดผ่านเบาๆ
เพียงวินาทีที่เจ้าโจรยักษ์กระพริบตา คายุระพุ้งเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ก่อนเจ้าโจรยักษ์จะหวังดาบด้วยพลังมหาศาลสวนต่อ
พริ้งงงงงงงง
หยาดเลือดหยดแรกกระทบถึงพื้นก่อน หยดที่สอง สาม สี่จะไหลตามมาติดๆ เจ้าโจรยักษ์ทรุดคุกเข่าลง
“กกก...แก...เป็น...ใครกัน” โจรร่างยักษ์พยายามหายใจ “ข้า...จะยอม..ตาย ด้วย...น้ำมือผู้หญิง...ไม่...เด็ด...ขาด”
“ฝากบอกยมทูตด้วย...มิซึโยริ คารุยะ เป็นคนส่งแกกลับคืนสู่นรก” หญิงสาวเดินตรงมาจากด้านหลังพร้อมกล่าวคำพูดสุดท้ายก่อนคมดาบคุซานางิจะลากผ่านคอหอยของเจ้าโจรร่างยักษ์ สายโลหิตไหลนองลงพื้นอย่างต่อเนื่องก่อนร่างไร้วิญญาณของมันจะทิ้งตัวลงจมของเลือดของตนเองพร้อมกับขวานเล่มยักษ์
คายุระสะบัดคราบเลือดจากดาบของเธอก่อนเดินจากไป
อะไรคือเครื่องบ่งบอกว่าคือนักฆ่ามืออาชีพอย่างนั้นหรอ...สำหรับคายุระแล้ว มันคือความรู้สึก เพราะความรู้สึกเดียวที่เธอรับรู้มือร่ายรำคมดาบของเธอ
คือ แรงต้านจากเนื้อและกระดูกของคู่ต่อสู้ที่ถูกแยกส่วนออกจากกัน
อ.ซามูไร เคนชิ – ซามูไรจากแคว้นฮิเดโยชิ
อ.ซามูไร โยชิฮิโระ – ซามูไรจากแคว้นมัตซึเอะ
Act 1 : Assassin's theory หลักแห่งมือสังหาร
อะไรคือเครื่องบ่งบอกว่าคือนักฆ่ามืออาชีพ ทักษะ วิธีการวางแผนประสบการณ์หรืออาจจะทั้งหมดรวมกัน
แต่เปล่าเลยสำหรับมือสังหารเลือดเย็นบางคน
ป่าชายแดนตะวันตกของแคว้นฮิเดโยชิ
หญิงสาวในชุดคลุมกิโมโนสีเข้มกลมกลืนกับเงามืดของผืนป่า โดยมีเกราะบางของซามูไรซ่อนอยู่ใต้เสื้อ เธอมัดผมดำยาว แสกผมข้างขวาของศีรษะโดยมีปิ่นปักผมประจำตระกูล ในกำมือของเธอถือดาบตรงทรงคุซานางิเรียวยาว แววตาของเธอจดจ่อไปสู่ชุมโจรเบื้องหน้า โดยที่พวกมันไม่รู้เลยว่าอะไรเฝ้าบอกอยู่ในมุมมืดของป่า
“คนของเราเข้าประจำตำแหน่งแล้วขอครับ” ซามูไรผู้รับใช้เดินเข้ามาเบื้องหลังเธอ
“ดี” หญิงสาวตอบ “เริ่มได้เลย...แล้วก็อย่าลืมละ จับตายทุกราย”
“ขอรับ...ท่านคายุระ” ซามูไรผู้รับใช้ตอบ
ณ สำนักซามูไรระหว่างแคว้นฮิเดโยชิและมัตซึเอะ เป็นสำนักฝึกซามูไรที่ใหญ่ที่สุดที่ทั้งสองแคว้นพันธมิตรตั้งขึ้นเพื่อสร้างนักรบและสัมพันธภาพระหว่างแคว้น
ซามูไรหนุ่มวางสัมภาระลงหน้าประตูไม้ชั้นใต้ดินของสำนักที่เหล่าซามูไรหน้าใหม่กว่าร้อยชีวิตกำลังซ้อมประบวนดาบอยู่ชั้นเหนือตัว
“ริวเซย์อิ...นั้นเจ้าหรอ” เสียงหญิงชราผู้หนึ่งดังขึ้นจากหลังประตูไม้
“ข้าเอง”
“เข้ามาสิ” ทันทีที่เสียงพูดจบลงประตูไม้ก็เปิดออกด้วยตัวมันเอง ริวเซย์อิเดินตรงเข้าสู่ห้องพักเก่าๆแห่งหนึ่งที่มีเครื่องรางที่มากมายและตำราเบ็ดเตล็ดวิชาที่มากกว่า ตรงหน้าซามูไรหนุ่มคือแม่มดเฒ่าผมยาวขาวสลวยในชุดกิโมโนสีอ่อนแลดูสดใหม่ตัดกับอายุของนาง นามของนางคืออิซูมิ โอคุดะ
ริวเซย์อิคุกเช่าคารวะต่อแม่เฒ่าตรงหน้า
“ทูตแห่งความตายปรากฏตัวให้เจ้าเห็นอีกแล้วรึ” เฒ่าหญิงอิซูมิถามขึ้นโดยไม่เหลียวตามองชายหนุ่ม สายตาของนางจดจ่องกับตำราในมือขวาและลูกประคําในมือซ้าย
“ขอรับ”
“ดูเหมือนว่าความตายจะต้องการดวงวิญญาณของเจ้ามากขึ้นทุกวันแล้วสินะ” แม่มดถอนหายใจเบาๆ “ข้าเอง ก็ยังมองไม่เห็นคำตอบที่จะให้เจ้าได้...ในระหว่างนั้น อย่าได้แยกพันธะกับสิ่งที่คล้องคอเจ้าก็แล้วกัน”
ริวเซย์อิคว้างสร้อยศิลาสีน้ำเงินรูปทรงสามเหลี่ยมออกมา
“ศิลาหยาดน้ำตาเทวทูต” แม่เฒ่าเหลียวมองซามูไรหนุ่ม “มรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อของเจ้าฝากฝั่งไว้นั้นมีค่าเยี้ยงนัก”
“บัดนี้ข้าพร้อมจะรู้ว่าจริงแล้วหรือยัง ท่านหญิง” ริวเซย์อิเงยหน้า
“เมื่อความตายเร่งเร้ามาถึงขนาดนี้...คงไม่มีอะไรสายเกินไปแล้ว” แม่เฒ่ามองตำราลูกประคำในมือลงบนโต๊ะน้ำชา “เมื่อราวสองร้อยปีที่แล้ว ยามนั้นที่ข้ายังเยาว์วัยศิลาหยาดน้ำตาเทวทูตของเจ้าของเจ้าอยู่ในรูปที่สมบูรณ์แบบ ก่อนที่มันจะถูกแยกออกเป็นสามชิ้น ด้วยผู้แสวงอำนาจที่จะควบคุมอสูรเพื่อปกป้องพวกเขาเองจากภัยเหนือธรรมชาติ”
ริวเซย์อิก้มลงมองขอบคมของศิลาในมือ
“ก่อนผู้แสวงอำนาจจะสิ้นใจ ศิลาถูกแยกชิงโดยผู้ติดตามทั้งสามเชื้อสาย ตกเป็นมรดกสืบทอดกันมา...ข้ามอบศิลานั้นให้กับพ่อของเจ้าและเขาก็ส่งต่อมันให้เจ้าอีกทีหนึ่ง พวกผู้แสวงอำนาจเชื้อว่ามันคือกุญแจหนึ่งที่จะพาพวกเขาสู่อำนาจที่จะควบคุมอสูร”
“แล้วการหายตัวไปของพ่อข้า เกี่ยวเนื่องกับสิ่งนี้หรือไม่” ซามูไรหนุ่มถาม
“ข้ามิอาจรู้ได้” แม่เฒ่าตอบ “แต่หากศิลานั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ คำตอบที่ข้ายังมิอาจล้วงรู้ อาจถูกเปิดเผยและการหายตัวไปของพ่อเจ้าก็เช่นกัน ระหว่างนั้นข้าจะหาทางให้เจ้าตามหาศิลาสองชิ้นที่เหลือ”
เพร็งงงง….เพร็งงงง….เพร็งงงง….
เสียงระฆังจากเบื้องบนดังขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมาของเจ้าเมือง
“จงระวังตัวให้มาก...เพราะบัดนี้ คู่ต่อสู้ที่เกินกว่าสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้าง เริ่มออกตามล่าเจ้าแล้ว” หญิงชราเปิดตำราขึ้นอีกครั้งก่อนอำรา “ไปเถอะ...ไปพบท่านไดเมียว รับรางวัลของเจ้าซะ”
“ขอบคุณท่านแม่เฒ่า” ริวเซย์อิรู้ไม่ท้วงถามใดๆก่อนจะจากไปพร้อมกับสัมภาระ แม่เฒ่าอิซูมิเหลียวมองซามูไรหนุ่มที่เดินจากไปก่อนจะหยิบหินแกะสลักหญิงสาวชุดกิมิโนสีขาวสะอาดที่มีแววตาเงามรกด เธอมองจ้องสบตามันด้วยความโศกเศร้าพร้อมพรึมพรับกับตัวเองเบาๆ
“อีกไม่นานแล้วสินะ”
ขบวนเสร็จของขุนนางชั้นผู้ใหญ่มาถึงหน้าตำหนักฝึกที่โอบล้อมด้วยหุบเขาและเขาของไม้ใหญ่ที่รอบล้อม แสงเงาเล็ดลอดตกสู่ลานฝึกกลางสำนักใหญ่
ซามูไรองครักษ์ยืนเรียงแถวหน้ากำแพงสำนักอย่างเป็นระเบียบ
“ท่านไดเมียวแห่งแคว้นมัตซึเอะเสร็จแล้ว!!!” เสียงประกาศดังลั่นขึ้นทั่วสำนักก่อน นักรบน้อยใหญ่ที่กำลังฝึกกระบวนท้าจะหยุดกิจกรรมและแยกย้ายจากลานฝึก
ชายวัยห้าสิบปลายๆ ร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเครา ศีรษะโกนหัวแบบซามูไรชั้นผู้ใหญ่ก้าวท้าวลงจากหาม ชายตามองปราการอันกว้างใหญ่ใต้เงาหุบเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆก่อนเดินตรงเข้าสู้ประตูหลักบานใหญ่ยักษ์ตรงหน้า
ห้องโถงรับเสด็จเปิดโล้ง ซามูไรผู้รับใช้น้อยใหญ่นั่งสองข้างทางรอรับผู้มาเยือน เจ้าเมืองมัตซึเอะเดินตรงสู่ห้องโถงชั้นในสุดก่อนจะหยุดสะดุดสายตาอยู่ตรงหน้าซามูไรหนุ่มคนหนึ่ง
“ท่านริวเซย์อิ” เจ้าเมืองขานชื่อซามูไรที่ก้มคำนับทางซ้ายมือ “ตามข้ามา”
ซามูไรหนุ่มก้มน้อมรับก่อนจะลุกขึ้นตามท่านเจ้าเมืองสู่ห้องโถงใน
“ดูเหมือนศิษย์คนโปรดของท่านจะเทียบรอยเท้าท่านได้แล้วนะ ท่านโยชิฮิโระ” อาจารย์ซามูไรเคนชิทักท้วงเพื่อนอาจารย์ที่นั่งอยู่ข้างกาย
เคนชิเป็นชายวัยปลายสามสิบร่างสูงผมมัดดำยาวหางม้าแตะเอวหลังที่มีรอยยิ้มแลดูเจ้าเล่ห์เป็นลักษณะเฉพาะกับโยชิฮิโระ อาจารย์ซามไรผมสั้นหน้าคมแฝงความเย็นชา เพื่อนหักเหลี่ยมโหดคู่ปรับรุ่นราวคาวเดียวตั้งแต่วัยเยาว์ โดยโยชิฮิโระมีนิสัยเยือกเย็นแน่นิ่งต่างกับอีกฝั่งราวฟ้ากับเหว
“ลูกชายคนโตของซามูไรระดับตำนาน...เหมือนว่าเขาจะได้จากพ่อมาแทบทั้งหมด” โยชิฮิโระตอบ “ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา...ยังมีอะไรหลายอย่างที่ข้ายังค้างคาใจกับเด็กนั้น”
อาจารย์เคนชิเหลียวมองซามูไรรุ่นศิษย์ที่เดินตามท่านเจ้าเมืองไป
“ในไม่ช้า พวกเราก็จะถูกแทนที่ด้วยเด็กแบบนั้น” เคนชิลุกขึ้นยืน “ท่านก็เช่นกัน...อาจารย์โยชิฮิโระ”
“เคนชิ” โยชิฮิโระเหลียวมองเพื่อนอาจารย์ที่เดินจากไปทั้งๆที่ซามูไรคนอื่นยังคงนั่งนิ่งก่อนประตูห้องโถงในจะผิดลง เจ้าเมืองพร้อมด้วยซามูไรหนุ่มในชุดกิโมโนดำ
“เจ้าสินะที่เป็นคนล่าหัวจอมโจรยามาโมโตะที่ทุ่งข้าวเขตชายแดนแคว้นไอชิเมื่อสองราตรีที่แล้ว” ท่านเจ้าเมืองนั่งตรงหน้าโต๊ะน้ำชาก่อนโดยมีซามูไรหนุ่มนั่งอีกฝั่งตรงกันข้ามกลางห้องโถงใหญ่ที่สุดมุมห้องมีองค์รักษ์เพียงสามสี่คนค่อยสอดส่องตามบานหน้าต่าง
“ข้าแค่ทำตามคำสั่งที่ท่านเองเป็นคนมอบให้ ท่านมิชิมะ” ซามูไรหนุ่มตอบ
ไดเมียวมิชิมะรินน้ำชาร้อนตรงหน้าลงถ้วยทั้งสอง
“นายท่าน” ริวเซย์อิก้มขณะหน้ากล่าวแทรกขึ้น ไดเมียวมิชิมะเหลียวมองซามูไรรุ่นลูกด้วยความขุ่นมัว
“ข้ารู้...ริวเซย์อิ....ข้ารู้”
“หลายปีที่ผ่าน ข้าพยายามตามหาความจริงของพ่อข้า...แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักทีเดียว” ซามูไรหนุ่มหลบสายตา
“พ่อของเจ้าเป็นซามูไรที่เก่งกาจที่สุดที่ข้ารู้จัก...ก่อนเขาจะถูกเรียกตัวเข้าสู่วังหลวง และหายตัวไปพร้อมกับซามูไรมือดีของแคว้นเราอีกจำนวนหนึ่ง”
“นั้นเป็นเหตุผลหนึ่ง...ที่ข้าอยากไหว้วานท่านให้ข้าได้มีโอกาสเข้าหาความจริงในวังหลวง”
“หลวงนะเป็นพื้นที่ต้องห้าม...แม้แต่ท่านไดเมียวชั้นผู้ใหญ่อย่างข้าก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าพบองค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ” ไดเมียวมิชิมะส่ายหน้า
“แต่ข้าก็พอมีทางให้เจ้าอยู่”
“ข้าฟังอยู่...นายท่าน” ริวเซย์อิเงยหน้ามองท่านไดเมียว
“กลางฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึง...โชกุนโทโมเอะจะส่งนักประลองเข้าวังหลวงเพื่อประลองกับนักรบขององค์จักรพรรดิ” ท่านไดเมียวยกถ้วยน้ำชาขึ้นซด “ข้าจะส่งเจ้าไปเป็นหนึ่งสองผู้ประลองของแดนเหนือของเรา...เพียงแต่”
ซามูไรหนุ่มตั้งใจฟังสายตาไม่กระพริบ
“ข้าขอให้เจ้าทำงานสุดท้ายของเจ้า” ไดเมียววางม้วนกระดาษจดหมายบนโต๊ะน้ำชา “เมื่อเสร็จงานนี้ ข้าจะรับรองชื่อเจ้าเข้าประลองในนามของแคว้นมัตซึเอะของเรา”
“ข้าน้อมคำบัญญาของท่าน” ริวเซย์อิรับม้วนจดหมายอย่างไม่รังเล
“ว่าแต่ท่านบอกว่าหนึ่งในสองผู้ประลองแดนเหนือ...ใครคือซามูไรอีกคนที่ท่านโชกุนเอยปากเชิญอย่างนั้นหรอ” ริวเซย์อิถาม
“ลูกสาวคนสุดท้องของขุนพลมิซึโยริแห่งแคว้นฮิเดโยชิ...เจ้าก็น่าจะรู้จักนัก” ไดเมียว
ริวเซย์อิฉีกยิ้มน้อยๆ
“ขอรับ...นางเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ข้าสนิทที่สุดตั้งแต่เรียนที่นี้”
“มิซึโยริ คายุระ”
ลมร้อนพัดผ่านเปลวเพลิงที่ร่ายระบำจากค่อยชุมโจรที่มอดไม่ ซามูไรบนหลังม้าวิ่งไร้สังหารหมู่โจรที่กำลังหนีเอาตัวรอด บ้างก็พยายามปกป้องสมบัติอย่างสุดชีวิต บ้างก็กำลังอ้อนวอดขอความเมตตา
“แกกล้าดีมากนะที่บุกมาถึงที่นี้” โจรร่างใหญ่คนสุดท้ายกำขวานในมือแน่น สายตาจดจ่องหญิงสาวซามูไรที่นำทัพมาบุกรุกมันถึงหน้าประตูบ้าน“ ถึงแกฆ่าข้าได้ในวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะมีคนที่มาออกปล้นชาวบ้านอีกเรื่อยไป”
“อย่าแน่ใจไปหน่อยเลย” หญิงสาวตอบเสียงนิ่งก่อนชักคุซานางิข้างเอวเธอออกมา
เปลวเพลิงที่มอดไหม้ค่ายโจรเริ่มส่งกลิ่นเหม็นสาบจากซากศพที่ถูกเผา ส่งผ่านไอความร้อนปะปนไปกับลมร้อนของฤดูที่พัดผ่านเบาๆ
เพียงวินาทีที่เจ้าโจรยักษ์กระพริบตา คายุระพุ้งเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ก่อนเจ้าโจรยักษ์จะหวังดาบด้วยพลังมหาศาลสวนต่อ
พริ้งงงงงงงง
หยาดเลือดหยดแรกกระทบถึงพื้นก่อน หยดที่สอง สาม สี่จะไหลตามมาติดๆ เจ้าโจรยักษ์ทรุดคุกเข่าลง
“กกก...แก...เป็น...ใครกัน” โจรร่างยักษ์พยายามหายใจ “ข้า...จะยอม..ตาย ด้วย...น้ำมือผู้หญิง...ไม่...เด็ด...ขาด”
“ฝากบอกยมทูตด้วย...มิซึโยริ คารุยะ เป็นคนส่งแกกลับคืนสู่นรก” หญิงสาวเดินตรงมาจากด้านหลังพร้อมกล่าวคำพูดสุดท้ายก่อนคมดาบคุซานางิจะลากผ่านคอหอยของเจ้าโจรร่างยักษ์ สายโลหิตไหลนองลงพื้นอย่างต่อเนื่องก่อนร่างไร้วิญญาณของมันจะทิ้งตัวลงจมของเลือดของตนเองพร้อมกับขวานเล่มยักษ์
คายุระสะบัดคราบเลือดจากดาบของเธอก่อนเดินจากไป
อะไรคือเครื่องบ่งบอกว่าคือนักฆ่ามืออาชีพอย่างนั้นหรอ...สำหรับคายุระแล้ว มันคือความรู้สึก เพราะความรู้สึกเดียวที่เธอรับรู้มือร่ายรำคมดาบของเธอ
คือ แรงต้านจากเนื้อและกระดูกของคู่ต่อสู้ที่ถูกแยกส่วนออกจากกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ