Vengeful Ronin ศึกโรนินแผ่นดินอสูร

-

เขียนโดย Script_Along_Nagato

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 20.24 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,469 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562 20.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) A Wolf in sheep's clothing หมาป่าในคราบลูกแกะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ACT 0

หมาป่าในคราบลูกแกะ

A Wolf in sheep's clothing

 

 

(บทสนทนาของเรื่องนี้ถ้าไม่มีวงเล็บกำกับจะถือเป็นภาษาญี่ปุ่น)

 

นี้ก็นับเป็นปลายฤดูร้อนที่ ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันเคว้งคว้างไอจิ ทุ้งฟ้าอันมืดมนถูกโอบกอดด้วยแสงจันทราหมู่เมฆดาราอันงดงาม

รถม้าขนเสบียงสามคันกำลังเดินทางใต้ตะเกียงไฟดวงน้อยที่ส่องสว่างอย่างโดดเดียวในเงาแสงจันทร์ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเนื้อนั่งมองเดินทางรถที่ผ่านมาจากรถม้าคันท้ายสุด ในขณะที่ผู้ร่วมเดินทางแปลกหน้ากำลังหลับใหล

 สายลมร้อนพัดผ่านเบาๆกระทบชายเสื้อเด็กหนุ่มที่นั่งคุมรถม้าคันแรก ก่อนรถม้าจะค่อยๆชลอตัวลง

“นั้นใครน่ะ” เด็กหนุ่มตะโกนเรียกเงาชายปริศนาบนหลังม้าที่กำลังตรงมาก่อนสายลมร้อนนั้นจะหยุดนิ่ง ต้นข้าวที่สูงชันข้างทางเอ็นตัวกลับที่

“ลงมาจากรถ...แล้วไม่ต้องส่งเสียงดัง” ชายปริศนาในชุดคลุมดำ ชักคะตะนะขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่มก่อนเขาจะรู้ตัวว่ามีหน้าไม้กำลังจ้อที่ศีรษะจากชายในชุดพลางด้วยต้นหญ้าที่ค่อยเดินออกมาจากพื้นนาพร้อมพรรคพวกโจรอีกกว่าสิบคนที่เพียบพร้อมด้วยดาบ ธนูและอาวุธต่างๆอีกครบมือ

 “ได้โปรด อย่าทำร้ายผมเลย”ไอ่หนุ่มคนขับรถม้ายกมือสั่นกลัวขึ้นขณะค่อยก้าวลงจากรถม้า

เสียงเอะอะโวยวายด้วยความสะพรึงกลัวเดิมดังขึ้นเมื่อหมู่โจรเข้ากระชากตัวผู้โดยสารกว่าสิบชีวิตลงจากท้ายรถม้ามามัด

กลุ่มโจรเริ่มจับผู้คนมามัดลงนอนกับพื้นที่ท้ายขบวน ขณะที่พรรคพวกของมันเริ่มขนของที่ติดมากับรถลง

“ที่นี้เป็นเขตของหมาป่าอย่างพวกข้า” เจ้าโจรสองคนที่รับภาระจับตาดูชาวบ้านพูดขู่ขึ้น

“ลูกแกะอย่างพวกแกนี้มันไม่เรียนรู้เลยจริงๆ” เพื่อนโจรของมันพูดตอบขณะที่ไม่รู้เลยว่าเงาเพชฌฆาตนั้นคืบคลานจากด้านหลัง

“ในโลกนี้มีหมาป่าอยู่สามชนิด” เสียงชายปริศนาดังขึ้นจากเงาของรถม้า ก่อนชายในชุดคลุมสีเนื้อจะเดินออกมารับแสงจันทร์

“แกมาจากไหนว่ะ ไอ่ลูกแกะ” ไอ่โจรทั้งสองชี้ดาบใส่ชายปริศนา

“หมาป่าแบบแรกคือพวก อวดเคี้ยวเล็บ แต่พวกมันกลับทำได้แค่เห่า”

ฟรึชชชชชชชชชช

คราบเลือดกระจายลงทั่วถนนดินลูกรังที่แห้งแล้งก่อนไอ่โจรจะกระพริบสายตามองเพื่อนโจรที่อยู่ในสภาพไร้ศีรษะ ร่างไร้วิญญาณนั้นล้มลงตัวต่อหน้า กลุ่มชาวบ้านที่ถูกมัดกับพื้นตื่นกลัวเมื่อคราบเลือดนั้นไหลนองลงสู่ท้องนาขณะที่พรรคพวกโจรที่เหลือวิ่งตรงมาสู่ท้ายขบวน

ชายปริศนาดึงดาบออกจากร่างโจรคนที่สองอย่างช้าๆขณะที่ร่างของมันค่อยๆล้มลง

“แกเป็นใคร กล้าดียังไง” ไอ่โจรตัวหัวหน้าเดินจามมาหลังสุด ชายปริศนาหันหลังมองกลุ่มโจรกว่าสิบ เขายืนขว้างสิบชีวิตบริสุทธิ์กับกลุ่มหมาป่าอันธพานตรงหน้า

“จัดมันซะ” โจรหน้าในชุดคลุมดำชี้ตรงมาที่ชายปริศนาก่อนกลุ่มโจรจะวิ่งพุ่งตรงหาชายปริศนา แต่เขายังคงยืนนิ่งนัยน์ตาสะท้อนแสงจากปลายคมลูกธนูหน้าม้าดอกแรกที่พุ่งแซงเขามา

ฟิ้วววววววว

ชายปริศนาเอียงศีรษะและลำตัวเพียงเล็กน้อยก่อนลูกธนูกว่าสามดอกจะพุ่งผ่านเขาไป ดอกแรกหายไปในความมืดของปลายถนน ดอกที่สองปักกลางต้นข้าวกว่าสิบตันที่มันบินผ่าน ดอกที่สามเฉียดหัวล้านของตาลุงตัวประกันที่เงยหน้าอย่างรู้อย่างเห็น

ในวินาทีนั้นเอง ชายปริศนาพุ่งดาบสั่นเข้ากลางคอโจรคนแรกในชั่วพริบตาที่คมดาบคะตะนะของเขาจะปวดเข้าคอโจรคนที่สอง แยกแขนทั้งสองข้างของโจรคนที่สาม เข้ากลางหว่างขาของโจรคนที่สี่

สายโลหิตนองคลุมดินแห้งจนชุ่มฉ่ําด้วยกลิ่นสาบเลือด โจรตัวหัวหน้าในชุดคลุมดำร่างใหญ่ยักษ์ยืนตะลึงกับฉากฆาตกรรมที่เกิดขึ้นและจบลงในช่วงเวลาที่กี่วินาที บัดนี้เขายืนอย่างโดดเดียวต่อหน้าชายปริศนาผู้นั้น

“แขนข้า....แขนข้า” เจ้าโจรกระจอกที่รอดชีวิตคนสุดท้ายค่อยๆคลานหาแขนขวาที่กำดาบไว้แน่น ก่อนจะถูกคมดาบของชายปริศนาปักปลิดชีพลงที่กลางท้ายทอย

โจรหัวหน้าไม่มีท่าทีหวาดหวั่นใดๆขณะสบสายตาชายปริศนาชุดคลุมสีเนื้อที่เลอะด้วยคราบเลือดโจรที่ค่อยๆหยดเป็นสายอย่างช้าๆลงกระทบพื้น

“หมาป่าแบบที่สอง...ไม่เปิดเผยคมเขี้ยวของตน จนกว่าจะถึงคราวใช้งาน” ชายปริศนาพูดขึ้น “แต่มันก็ไม่อันตรายมากซะทีเดียวหรอก”

“น่าประทับใจ...แต่หมาป่าอย่างข้า ไม่ยอมเสียท้าให้ลูกแกะดวงดีอย่างแกหรอก” หัวหน้าโจรฉีกยิ้มน้อยๆตอบก่อนจะควักปืนลูกโม้ 0.38 มม. ขึ้นมาจ่อตรงไปที่คู่ต่อสู่ตรงที่ห่างออกไปราวห้าเมตร

สายลมร้อนสุดท้ายเริ่มพัดผ่านมาอีกครั้ง ต้นข้าวในผืนนาเริ่มร้ายรำตามทิศลมที่พัดผ่าน ชายปริศนาในชุดสีเนื้อเลอะเลือดกำดาบคะตะนะของเขาแน่น สายตาของเขาจ้องคู่ต่อสู่ที่คุมเกมชีวิตวินาทีนี้อย่างมีสมาธิก่อนการเคลื่อนไหวแรกจากนิ้วมือของโจรชุดดำที่เกี่ยวลั่นไก

เปรี้ยง !!!!! เปร็งงงง

เปลวเพลิงระเบิดตัวออกจากปากกระบอกปืนในวินาทีที่ชายปริศนายกดาบขึ้นตรงหน้า หัวกระสุน 0.38 ชนเข้ากลางคมดาบคะตะนะก่อเสียงดังลั่นก่อนภาพสุดท้ายที่เจ้าโจรหัวหน้าจะเห็นคือเงามืดที่พุ่งตรงเขาหาด้วยความเร็วที่มากพอๆกระกระสุนที่เข้าลั่นไกออกไป

คมดาบชุ้มเลือดปักทะลุอกเจ้าหัวหน้าโจร ปืนลูกโม้ 0.38 หลุดจากมืออันไร้เรี่ยวแรงลงกระทบพื้น ก่อนชายปริศนาจะค่อยๆถอยดาบออกจากร่างใหญ่ยักษ์ก่อนมันจะทิ้งร่างคุกเข่าลงตรงหน้าคู่ต่อสู้

“สิ่งที่น่าอันตรายที่สุดนะ คือหมาป่าแบบที่สาม” ชายปริศนาพูดขึ้นต่อหน้าร่างยักษ์ของหัวหน้าโจรที่คุมเข่ามือกดแผลกลางอกอย่างทรมาน

“หมาป่าในคราบลูกแกะอย่างไงล่ะ”

ชายปริศนาปลดชุดคลุมเลอะเลือดออกเผยให้เห็นชุดเกาะเบาสีเข้ม แสงจันทร์กระทบใบหน้าชายหนุ่มผมเซอร์กับหนวดเคราบางๆ

พรึชชชชชช ปรึก!!!  ร่างไร้วิญญาณที่แยกจากศีรษะของโจรคนสุดท้ายล้มตัวลงกับพื้นก่อนหนุ่มผมเซอร์จะสะบัดเลือดจากคะตะนะแล้วเก็บเข้าฝักพร้อมยกศีรษะของไอ่หน้าหน้าโจรขึ้นโยนลงเข้าถุงสะพาย

สายลมร้อนหยุดพัดอีกครั้งหลังชาวบ้านคนสุดท้ายถูกแก้มัดพ้นพันธนาการ

“ขอบคุณท่านซามูไร” เด็กรถม้าเดินตรงหาหนุ่มซามูไรผมเซอร์ตรงหน้าก่อนชาวบ้านที่เหลือเริ่มต่างพากันสรรเสริญวีรบุรุษของพวกเขา

“ไม่ต้องหรอก...ข้าก็แค่ทำหน้าที่เท่านั้นแหละ” ซามูไรผมเซอร์เดินตรงขึ้นหลังม้าของเจ้าหัวหน้าโจรที่ทิ้งไว้หน้าขบวนรถ

“เดียวก่อนเถิด...อย่างน้อยก็ให้พวกข้าได้จดจำชื่อของท่านซามูไรด้วยเถอะ” ชายชราผู้หนึ่งพูดแทนกลุ่มชาวบ้านเบื้องหลังซามูไรผมเซอร์บนหลังม้าก่อนที่เขาหลังมาตอบ

“ริวเซย์อิ”

ชายชราสะพรึงกับชื่อที่เขาได้ยิน

“ท่านนั้นเอง...” ชายชราพรึมพรับขึ้นเบาๆขณะที่ริวเซย์อิควบม้าจากไปในถนนแห่งความมืด

 

กรึบๆ กรึบๆ กรึบๆ กรึบๆ กรึบๆ กรึบๆ

ริวเซย์อิควบม้าออกมาพร้อมกับถุงผ้าบรรจุศีรษะหัวหน้าโจรผ่านเข้าสู่ถนนหลวงที่ปูพื้นด้วยหิน ผ่านป้ายนำทางที่เขียนว่า ‘ถนนสู่เมืองหลวงเอโดวะ’

ริวเซย์อิหยิบสร้อยศิลาที่เขาสวมออกจากคอดู เงาจากสร้อยศิลาสีน้ำเงินรูปทรงสามเหลี่ยมที่สะท้อนแสงจันทร์ด้วยความงดงาม แต่ในตาของเขากลับแสดงความกังวลต่อมันก่อนเขาจะหยุดม้า

ชายหนุ่มเหลียวมองไปยังทุ้งนารอบๆด้วยลางสังหรณ์ที่มีในใจก่อนที่สุดปลายฟ้าในทุ้งข้าวทางซ้ายมือสุดสายตาของเขา มันคือเงาลึกลับของนักรับชุดเกราะซามูไรบนหลังม้าที่มองมายังเขา

“ทูตแห่งความตาย...ท่านอีกแล้วสินะ” ริวเซย์อิกล่าวทักทาย “ในเมื่อข้ายังไม่ตายในวันนี้ ท่านเอาวิญญาณข้าไปไม่ได้หรอก” เพียงคำพูดสั่นๆนั้น ร่างเงาทมิฬที่สุดขอบฟ้าก็ค่อยๆจากหายไปกับสายหมอก ก่อนริวเซน์อิจะสั่งม้าเดินหน้าต่อไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา