Accident Of Love พรหมลิขิตผ้าพันแผล
-
เขียนโดย jaindyzone
วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.14 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
9,989 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562 22.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) เข็มที่ 10 ความคิดถึง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความSKY
ผมกลับจากคอนโดพี่ไฟ ตอนเย็นๆ จริงๆไม่อยากกลับหรอกครับแต่อยากให้พี่ไฟได้พักผ่อน ถ้าถามว่าทำไม ไม่กลับตั้งแต่เช้า ตอนแรกผมก็กะจะทำแบบนั้น แต่เพราะพี่หมอน้ำมาผมก็รู้สึกว่าผมต้องอยู่ต่อ ผมเชื่อในความรู้สึกของตัวเองเสมอ
ที่หมอน้ำทำผมรู้ว่าพี่เค้าแค่แกล้ง ผมพยายามจะไม่ดิ้นตามแล้ว แต่มันทำไม่ได้จริง ตอนที่พี่หมอน้ำเอากระดาษทิชชู่เช็ดมุมปากพี่ไฟ ตอนแรกผมทำเป็นเฉยๆแล้ว แต่เหมือนร่างกายจะไปก่อนสมองซะอีก และยิ่งตอนจับแก้ม ผมไม่พอใจมากและมือก็ไปเองโดยอัตโนมัติ
ตอนที่พี่หมอน้ำยกมือยอมแพ้แล้วหัวเราะ ผมถึงได้รู้ตัวว่าตกหลุมพลางของหมอน้ำอีกแล้ว ทำไมนะพอเป็นเรื่องของพี่ไฟ ผมควบคุมมันไม่ได้จริงๆ เหมือนว่าผมจะแพ้พี่ไฟไปซะทุกทาง
อาทิตย์นี้เป็นสัปดาห์ของการสอบ ผมอ่านหนังสือหนักจนไม่ค่อยได้คุยกับพี่ไฟเลยเพราะเวลาเราไม่ค่อยตรงกัน ส่วนพี่ไฟทำงานหนักผมก็เลยไม่อยากรบกวน ผมได้แต่ส่งไลน์ไปหาและบอกฝันดีก่อนนอนทุกวัน ส่วนพี่ไฟ ตอบมาบ้าง บางทีสองวันมาตอบที แต่พี่ไฟก็ตอบทุกครั้ง ซึ่งผมก็เข้าใจในอาชีพหมอว่างานยุ่งแค่ไหน
จนบางทีผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ห่วงว่าพี่เค้าจะกินข้าวอิ่มไหม ห่วงว่านอนน้อยจนไม่สบายอีกหรือเปล่า อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง เฮ้ออออ
วันนี้ผมมีสอบช่วงบ่ายและเป็นตัวสุดท้ายแล้ว เลยคิดว่าหลังสอบเสร็จจะแวะไปหาพี่ไฟที่โรงพยาบาล
คิดถึง......ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน
ผมเลยไลน์ไปบอกไว้ว่าจะแวะไปหาแต่ว่าพี่ไฟยังไม่อ่านสงสัยงานจะยุ่งอยู่ ผมเลยเก็บโทรศัพท์ไว้แล้วตั้งใจอ่านหนังสือสอบกับเพื่อนต่อ
นั่งอ่านไปซักพัก เหมือนจะได้ยินเสียงซุบซิบของผู้หญิงที่นั่งโต๊ะข้างหลังผม
“ใครอ่ะ แกหล่อจัง”
“นั่นสิ ไม่เคยเห็นหน้า” “น่าจะไม่ได้เรียนที่นี่”
“ดูสิน่าเก็บไปไว้ที่บ้าน”
“เท่ห์อ่ะแก”
“ฉันว่าฉันรักเค้า”
“แต่ฉันว่าเค้ามองฉันนะ แกดูสิ”
ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวกันจริงๆ ผมได้แต่ส่ายหัว
ไอ้ตั้มมันเงยหน้ามองแล้วอมยิ้มแล้วสะกิดให้ผมมอง แต่ผมไม่ได้สนใจมันอ่านหนังสือต่อ
“สกายสอบเสร็จมึงไปไหนต่อป่ะ” อยู่ๆไอ้ตั้มก็ถามขึ้นมา
“ไปโรงพยาบาล” ผมตอบมัน พวกเพื่อนผมมันรู้ตั้งแต่วันนั้นที่ผมไลน์ไปบอกมันแล้ว แรกๆมันก็แซวผมกันใหญ่ ตอนนี้มันเลิกแซวแล้วครับ เพราะมันแซวอะไรมาผมก็ยอมรับหมด พวกมันบอกว่าไม่สนุก เลยเลิกแซว
“ไปทำไมโรงพยาบาลมึงไม่สบาย” ไอ้แมวถาม
“ไปหาใครหรือป่าววววว” ไอ้แทนไทพูด
“นั่นสิ ไปหาใครหรอจ๊ะน้องสกายยยยย” ไอ้ปลา
“ชาติที่แล้วพวกมึงตายระหว่างทำแบบสอบถามกันหรอ เสือกเรื่องของกูจัง” “อ่านหนังสือไป”
“หูยยยยแรง ทำไมต้องว่าเค้าด้วย” ไอ้ปลาทำท่าสะดีดสะดิ้ง ไปซบไหล่ไอ้ตั้ม
“ใช่พวกเค้าเสียใจ” เฮ้อปล่อยพวกมันไปครับ
ผมหยิบโทรศัพท์มาดูอีกทีเผือว่าพี่ไฟจะตอบอะไรมา แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะแน่ คิดถึงพี่หมอหรอจ๊ะน้องสกาย” ไอ้ปลาโผล่หน้ามาดูจอมือถือผม
“เสือกกกกกก”
“ทำอะไรกันอยู่หรอครับ” เสียงนี้.........
ผมรีบหันหลังไปมองทันที ..............พี่ไฟ มาได้ไง ผมกำปากกาแน่น ความดีใจพุ่งขึ้นสูงจนทะลุปรอท ซึ่งมันทำให้ได้รู้ว่า...คิดถึง....คิดถึงจริงๆนะ
พี่ไฟส่งยิ้มให้ผม เดินเข้ามาหาพวกเราที่โต๊ะ แค่มามหาลัยทำไมต้องแต่งตัวดูดีขนาดนี้ด้วย ดูสิคนมองกันใหญ่ วันนี้พี่ไฟใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงสแล็คสีดำ เซ็ตผมอย่างดี พี่ไฟเป็นผู้ชายดูดีมากคนหนึ่ง อาจจะไม่ได้หล่อมากจนต้องเหลียวหลังมอง แต่ให้อารมณ์แบบผู้ชายขี้เล่น อบอุ่น และชอบยิ้ม เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์มาก
“พี่ซื้อขนมมาฝาก” แล้วก็ยังใจดีอีกต่างหาก
พี่ไฟเดินมาหยุดที่หัวโต๊ะ ซึ่งเรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวยาว หน้าตึกสอบ ผมนั่งหัวโต๊ะตรงข้ามกับไอ้ตั้ม ไอ้แทนไท ไอ้แมวและไอ้นาย ส่วนไอ้ปลามันนั่งข้างๆผม
ผมรีบขยับที่ให้พี่ไฟนั่งลงข้างๆ
“ว่าไงครับทำไรกันอยู่” “พี่มากวนรึป่าวเนี๊ยะดูเครียดกันเชียว”
“พวกเราอ่านหนังสือสอบกันครับ” เป็นไอ้ตั้มที่ตอบ
“พวกเรากำลังต้องการเสบียงพอดี” “ขอบคุณครับ” ไอ้แทนไทว่าพลางเปิดถุงขนมดู
“ขอบคุณครับ พี่หมอหล่อแล้วยังใจดี” ไอ้แมวที่กำลังแย่งถุงขนมกับไอ้แทนไทพูดขึ้นบ้าง
“นี่ชมกันขนาดนี้สงสัยต้องซื้อมาให้บ่อยๆซะแล้ว” พี่อย่าใจดีไปทั่วได้ไหมเนี๊ยะ
“แถวนี้มีคนหน้าบานวะ มองมาจากบนตึกยังเห็นอ่ะคิดดู”
พวกมันแซวแต่ผมไม่สนใจพวกมันหรอกครับ ผมหันไปมองหน้าพี่ไฟอย่างสำรวจ พอสังเกตใกล้ๆ ถึงเห็นว่า ขอบตาคล้ำ หน้าซีดๆนิดหน่อย สงสัยเป็นเพราะอดนอน แต่พี่ไฟก็ยังคงยิ้มอย่างสดใสอยู่เสมอ
“พี่มาได้ไง” ผมถามบ้าง
“พี่มากับไอ้น้ำมันมาธุระแถวนี้เลยติดรถมันมา” “เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว แค่แวะมาเฉยๆ”
“สอบเสร็จผมว่าจะแวะไปหาพี่อยู่พอดีเลย” “ผมไลน์ไปแล้วแต่พี่ไม่อ่าน”
“หืมมมไลน์หรอ” พี่ไฟว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาดู
“ไลน์มาจริงๆด้วย พี่ขอโทษนะช่วงนั้นพี่น่าจะติดเคสอยู่” “นี่ก็เพิ่งจะออกเวร”
“พี่ไฟมาก็ดีแล้วครับ มีคนแถวนี้คิดถึง จับแต่มือถืออยู่นั่นแหละหนังสือไม่ยอมอ่าน” ไอ้ตั้มมันรีบฟ้อง
“ใครคิดถึงพี่หรอครับ” “หืม” พี่ไฟพูด ก่อนหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มให้
“พี่น่าจะกลับไปพักผ่อน ดูซิขอบตาคล้ำหมดแล้ว” ผมว่า ถึงในใจจะอยากเจอแค่ไหนก็เถอะ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” “พี่ทำงานแบบนี้ นอนน้อยเป็นเรื่องปกติแล้วครับ” พี่ไฟว่าพลางเอานิ้วชี้มาจิ้มที่แก้มผมเบาๆ
“ทำหน้าตึงไม่เดี๋ยวหล่อนะ” พี่ไฟว่าขำๆ
“ก็ผมเป็นห่วง ...” พี่ไฟหลบตาผมแล้วก้มหน้า ผมว่าพี่ไฟหน้าแดง.....ทำไมน่ารักวะคนเรา
“อะแฮ่มมมม คือออไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ” เพื่อนผมซักคนว่าขึ้น
พี่ไฟเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง เห็นหน้าแดงๆแบบนั้นผมยิ่งอยากแกล้ง เลยเอานิ้วไปจิ้มที่แก้มเบาๆ
“พี่หน้าแดง” ว่าพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคน พี่ไฟหันมาทำตาโต เพื่อนๆผมมันเลยยิ่งแซวกันใหญ่ ไม่ได้อ่านกันหรอกครับหนังสือหนังหา
ผมหัวเราะเลยโดนตีขาแรงๆทีนึ่ง เจ็บได้เรื่องเลยครับ ผมเลยกุมมือพี่ไฟไว้ เจ้าตัวพยายามดึงออกแต่ผมไม่ยอม จนในที่สุดพี่ไฟก็เลิกดึงอยู่นิ่งๆให้ผมจับ มือเราประสานกันอยู่ใต้โต๊ะ ผมใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเบาๆ พี่ไฟมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ จากนั้นก็หันไปคุยกับเพื่อนๆผมต่อ
เรานั่งจับมือกันอยู่ใต้โต๊ะแบบนั้น…อุ่นจัง รู้สึกดีมากจริงๆ ผมรู้สึกกับพี่มากขึ้นเรื่อยๆพี่รู้ตัวบ้างไหม
พวกเพื่อนผมก็คุยกับพี่ไฟไปเรื่อย เรื่องไร้สาระบ้าง เรื่องตลกบ้าง ไหนใครมันบอกให้ผมตั้งใจอ่านหนังสือดูพวกมันสิครับ จนใกล้ถึงเวลาเข้าห้องสอบ ผมไม่อยากปล่อยมือเลย...
“ป่ะ ได้เวลาเข้าสนามรบแล้วพวกมึงลุก” ไอ้ตั้มว่า แล้วพวกมันก็เดินนำไปก่อน
“ตามมาเร็วๆนะสกาย”ไอ้แมวว่าแล้วรีบวิ่งตามไปอีกคน
“ไปสอบได้แล้วครับ”
“เดี๋ยวเข้าห้องสอบไม่ทันนะ” พี่ไฟว่าพลางเอามือจิ้มระหว่างคิ้วผมเบาๆ
ผมถอนหายใจ แล้วพยักหน้า หยิบหนังสือแล้วเดินขึ้นตึก ผมหันหลังไปมองพี่ไฟยังยิ้มแล้วชูสองนิ้วให้ผมยิ้มตอบแล้วรีบวิ่งไปห้องสอบ ขึ้นมาถึงชั้นสามก่อนเข้าห้องผมมองลงไปข้างล่างเห็นพี่ไฟยืนคุยโทรศัพท์อยู่ แค่พี่ไฟมาหาผมก็ดีใจมากแล้ว แล้วทำไมกูทำตัวเหมือนจะจากเมียไปทหารแบบนี้วะ ก็แค่มาสอบ เดี๋ยววันหลังค่อยไปเจออีกก็ได้ เอาวะในเมื่อคนเราต่างก็มีหน้าที่ ผมก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน
สองชั่วโมงผ่านไป พวกผมก็เริ่มทยอยเดินออกมาจากห้องสอบกันอย่างหมดสภาพ สอบสองชั่วโมงเสมือนไปรบหนึ่งเดือน รีดพลังงานไปเยอะมาก ผมยกมือขึ้นดูนาฬิกาป่านนี้พี่ไฟคงกลับไปแล้ว..
“ไปไหนกันต่อดีวะ” ไอ้แทนไทถามแล้วพวกมันก็คุยกันต่อซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ อย่างพวกนี้ไม่พ้นไปฉลองสอบเสร็จที่ร้านเหล้า
ซึ่งปกติผมก็คงต้องไปกับพวกมัน ถ้าผมไม่มองลงไปข้างล่าง แล้วเห็นผู้ชายเสื้อสีฟ้านั่งอยู่ที่เดิม หัวใจผมเต้นแรงขึ้น ความดีใจถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ผมรีบวิ่งลงบันไดไปหาทันที
พี่ไฟนั่งฟุบหลับหนุนแขนตัวเองอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิม
ผมมองคนที่หลับอยู่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ดีใจ ที่พี่ยังรออยู่
เป็นห่วง คงจะเหนื่อย อยากให้กลับไปพัก
โกรธตัวเอง ที่ทำให้พี่ไฟมานอนอยู่ตรงนี้
หวง เพราะมีคนมองเยอะแยะไปหมด
ผมปัดปอยผมที่ปรกหน้าขาวๆนั่นออกเบาๆ พี่ไฟขมวดคิ้วเพราะถูกรบกวน
“พี่ไฟครับ” ผมก้มลงไปใกล้ๆแล้วเรียกเบาๆ พี่ไฟงัวเงียขึ้นมา แล้วขยี้ตา จนผมรีบจับมือไว้
“อย่าขยี้สิครับ”
“เราสอบเสร็จแล้วหรอ” พี่ไฟว่าพลางยกมือขึ้นปิดปากแล้วหาวไปด้วย
“ทำไมพี่มานอนตรงนี้ ผมนึกว่าพี่กลับไปแล้ว”
“พี่รอสกายไง” พี่ไฟตอบแบบยังงัวเงียอยู่ พูดไปด้วยเหมือนจะหลับไปด้วย
“งั้นไปกันครับเดี๋ยวผมไปส่ง” พี่ไฟพยักหน้า
ผมรีบวิ่งไปลานจอดรถหลังตึก ไม่นานนินจาสำดำคันเก่ง ก็มาจอดหน้าตึก
ผมสวมหมวกกันน๊อคให้คนที่ยังดูง่วงอยู่เลย
“พี่จะไม่ตกรถใช่มั้ย” พี่ไฟส่ายหัว พอพี่ไฟขึ้นรถเสร็จ ผมก็รีบขับออกไปทันที
ตอนนี้เราติดไฟแดงกันอยู่ ผมเหลือบมองคนข้างหลังที่ทำหน้าง่วงไม่เลิก กลัวว่าจะหลับไปก่อนเลยหันไปชวนคุย
“ทำไมพี่ไม่กลับไปก่อนครับนั่งรอทำไมตั้งนาน”
“..............” พี่ไฟไม่ตอบ
“พี่หิวมั้ยแวะกินข้าวก่อนมั้ยครับ” พี่ไฟส่ายหัว ผมเลยเอามือคนง่วงมากอดเอวตัวเองไว้
“เดี๋ยวตก หน้าตาพี่ง่วงมากอ่ะ” ผมว่า แล้วเหลือบมองตัวเลขสีแดงที่นับถอยหลังลงเรื่อยๆ จนเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ก่อนที่รถจะทะยานออกไปข้างหน้า พี่ไฟก็พูดขึ้นมา
“พี่ก็คิดถึงเหมือนกัน”
พี่ไฟว่าพร้อมกับซุกหน้าลงไปกับหลังผม แล้วกอดเอวแน่นขึ้น
ผมแพ้พี่อีกแล้ว พี่ทำให้ผมรู้สึกกับพี่มากขึ้นอีกแล้วนะ.... พี่ไฟ
ผมกลับจากคอนโดพี่ไฟ ตอนเย็นๆ จริงๆไม่อยากกลับหรอกครับแต่อยากให้พี่ไฟได้พักผ่อน ถ้าถามว่าทำไม ไม่กลับตั้งแต่เช้า ตอนแรกผมก็กะจะทำแบบนั้น แต่เพราะพี่หมอน้ำมาผมก็รู้สึกว่าผมต้องอยู่ต่อ ผมเชื่อในความรู้สึกของตัวเองเสมอ
ที่หมอน้ำทำผมรู้ว่าพี่เค้าแค่แกล้ง ผมพยายามจะไม่ดิ้นตามแล้ว แต่มันทำไม่ได้จริง ตอนที่พี่หมอน้ำเอากระดาษทิชชู่เช็ดมุมปากพี่ไฟ ตอนแรกผมทำเป็นเฉยๆแล้ว แต่เหมือนร่างกายจะไปก่อนสมองซะอีก และยิ่งตอนจับแก้ม ผมไม่พอใจมากและมือก็ไปเองโดยอัตโนมัติ
ตอนที่พี่หมอน้ำยกมือยอมแพ้แล้วหัวเราะ ผมถึงได้รู้ตัวว่าตกหลุมพลางของหมอน้ำอีกแล้ว ทำไมนะพอเป็นเรื่องของพี่ไฟ ผมควบคุมมันไม่ได้จริงๆ เหมือนว่าผมจะแพ้พี่ไฟไปซะทุกทาง
อาทิตย์นี้เป็นสัปดาห์ของการสอบ ผมอ่านหนังสือหนักจนไม่ค่อยได้คุยกับพี่ไฟเลยเพราะเวลาเราไม่ค่อยตรงกัน ส่วนพี่ไฟทำงานหนักผมก็เลยไม่อยากรบกวน ผมได้แต่ส่งไลน์ไปหาและบอกฝันดีก่อนนอนทุกวัน ส่วนพี่ไฟ ตอบมาบ้าง บางทีสองวันมาตอบที แต่พี่ไฟก็ตอบทุกครั้ง ซึ่งผมก็เข้าใจในอาชีพหมอว่างานยุ่งแค่ไหน
จนบางทีผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ห่วงว่าพี่เค้าจะกินข้าวอิ่มไหม ห่วงว่านอนน้อยจนไม่สบายอีกหรือเปล่า อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง เฮ้ออออ
วันนี้ผมมีสอบช่วงบ่ายและเป็นตัวสุดท้ายแล้ว เลยคิดว่าหลังสอบเสร็จจะแวะไปหาพี่ไฟที่โรงพยาบาล
คิดถึง......ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน
ผมเลยไลน์ไปบอกไว้ว่าจะแวะไปหาแต่ว่าพี่ไฟยังไม่อ่านสงสัยงานจะยุ่งอยู่ ผมเลยเก็บโทรศัพท์ไว้แล้วตั้งใจอ่านหนังสือสอบกับเพื่อนต่อ
นั่งอ่านไปซักพัก เหมือนจะได้ยินเสียงซุบซิบของผู้หญิงที่นั่งโต๊ะข้างหลังผม
“ใครอ่ะ แกหล่อจัง”
“นั่นสิ ไม่เคยเห็นหน้า” “น่าจะไม่ได้เรียนที่นี่”
“ดูสิน่าเก็บไปไว้ที่บ้าน”
“เท่ห์อ่ะแก”
“ฉันว่าฉันรักเค้า”
“แต่ฉันว่าเค้ามองฉันนะ แกดูสิ”
ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวกันจริงๆ ผมได้แต่ส่ายหัว
ไอ้ตั้มมันเงยหน้ามองแล้วอมยิ้มแล้วสะกิดให้ผมมอง แต่ผมไม่ได้สนใจมันอ่านหนังสือต่อ
“สกายสอบเสร็จมึงไปไหนต่อป่ะ” อยู่ๆไอ้ตั้มก็ถามขึ้นมา
“ไปโรงพยาบาล” ผมตอบมัน พวกเพื่อนผมมันรู้ตั้งแต่วันนั้นที่ผมไลน์ไปบอกมันแล้ว แรกๆมันก็แซวผมกันใหญ่ ตอนนี้มันเลิกแซวแล้วครับ เพราะมันแซวอะไรมาผมก็ยอมรับหมด พวกมันบอกว่าไม่สนุก เลยเลิกแซว
“ไปทำไมโรงพยาบาลมึงไม่สบาย” ไอ้แมวถาม
“ไปหาใครหรือป่าววววว” ไอ้แทนไทพูด
“นั่นสิ ไปหาใครหรอจ๊ะน้องสกายยยยย” ไอ้ปลา
“ชาติที่แล้วพวกมึงตายระหว่างทำแบบสอบถามกันหรอ เสือกเรื่องของกูจัง” “อ่านหนังสือไป”
“หูยยยยแรง ทำไมต้องว่าเค้าด้วย” ไอ้ปลาทำท่าสะดีดสะดิ้ง ไปซบไหล่ไอ้ตั้ม
“ใช่พวกเค้าเสียใจ” เฮ้อปล่อยพวกมันไปครับ
ผมหยิบโทรศัพท์มาดูอีกทีเผือว่าพี่ไฟจะตอบอะไรมา แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะแน่ คิดถึงพี่หมอหรอจ๊ะน้องสกาย” ไอ้ปลาโผล่หน้ามาดูจอมือถือผม
“เสือกกกกกก”
“ทำอะไรกันอยู่หรอครับ” เสียงนี้.........
ผมรีบหันหลังไปมองทันที ..............พี่ไฟ มาได้ไง ผมกำปากกาแน่น ความดีใจพุ่งขึ้นสูงจนทะลุปรอท ซึ่งมันทำให้ได้รู้ว่า...คิดถึง....คิดถึงจริงๆนะ
พี่ไฟส่งยิ้มให้ผม เดินเข้ามาหาพวกเราที่โต๊ะ แค่มามหาลัยทำไมต้องแต่งตัวดูดีขนาดนี้ด้วย ดูสิคนมองกันใหญ่ วันนี้พี่ไฟใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงสแล็คสีดำ เซ็ตผมอย่างดี พี่ไฟเป็นผู้ชายดูดีมากคนหนึ่ง อาจจะไม่ได้หล่อมากจนต้องเหลียวหลังมอง แต่ให้อารมณ์แบบผู้ชายขี้เล่น อบอุ่น และชอบยิ้ม เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์มาก
“พี่ซื้อขนมมาฝาก” แล้วก็ยังใจดีอีกต่างหาก
พี่ไฟเดินมาหยุดที่หัวโต๊ะ ซึ่งเรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวยาว หน้าตึกสอบ ผมนั่งหัวโต๊ะตรงข้ามกับไอ้ตั้ม ไอ้แทนไท ไอ้แมวและไอ้นาย ส่วนไอ้ปลามันนั่งข้างๆผม
ผมรีบขยับที่ให้พี่ไฟนั่งลงข้างๆ
“ว่าไงครับทำไรกันอยู่” “พี่มากวนรึป่าวเนี๊ยะดูเครียดกันเชียว”
“พวกเราอ่านหนังสือสอบกันครับ” เป็นไอ้ตั้มที่ตอบ
“พวกเรากำลังต้องการเสบียงพอดี” “ขอบคุณครับ” ไอ้แทนไทว่าพลางเปิดถุงขนมดู
“ขอบคุณครับ พี่หมอหล่อแล้วยังใจดี” ไอ้แมวที่กำลังแย่งถุงขนมกับไอ้แทนไทพูดขึ้นบ้าง
“นี่ชมกันขนาดนี้สงสัยต้องซื้อมาให้บ่อยๆซะแล้ว” พี่อย่าใจดีไปทั่วได้ไหมเนี๊ยะ
“แถวนี้มีคนหน้าบานวะ มองมาจากบนตึกยังเห็นอ่ะคิดดู”
พวกมันแซวแต่ผมไม่สนใจพวกมันหรอกครับ ผมหันไปมองหน้าพี่ไฟอย่างสำรวจ พอสังเกตใกล้ๆ ถึงเห็นว่า ขอบตาคล้ำ หน้าซีดๆนิดหน่อย สงสัยเป็นเพราะอดนอน แต่พี่ไฟก็ยังคงยิ้มอย่างสดใสอยู่เสมอ
“พี่มาได้ไง” ผมถามบ้าง
“พี่มากับไอ้น้ำมันมาธุระแถวนี้เลยติดรถมันมา” “เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว แค่แวะมาเฉยๆ”
“สอบเสร็จผมว่าจะแวะไปหาพี่อยู่พอดีเลย” “ผมไลน์ไปแล้วแต่พี่ไม่อ่าน”
“หืมมมไลน์หรอ” พี่ไฟว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาดู
“ไลน์มาจริงๆด้วย พี่ขอโทษนะช่วงนั้นพี่น่าจะติดเคสอยู่” “นี่ก็เพิ่งจะออกเวร”
“พี่ไฟมาก็ดีแล้วครับ มีคนแถวนี้คิดถึง จับแต่มือถืออยู่นั่นแหละหนังสือไม่ยอมอ่าน” ไอ้ตั้มมันรีบฟ้อง
“ใครคิดถึงพี่หรอครับ” “หืม” พี่ไฟพูด ก่อนหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มให้
“พี่น่าจะกลับไปพักผ่อน ดูซิขอบตาคล้ำหมดแล้ว” ผมว่า ถึงในใจจะอยากเจอแค่ไหนก็เถอะ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” “พี่ทำงานแบบนี้ นอนน้อยเป็นเรื่องปกติแล้วครับ” พี่ไฟว่าพลางเอานิ้วชี้มาจิ้มที่แก้มผมเบาๆ
“ทำหน้าตึงไม่เดี๋ยวหล่อนะ” พี่ไฟว่าขำๆ
“ก็ผมเป็นห่วง ...” พี่ไฟหลบตาผมแล้วก้มหน้า ผมว่าพี่ไฟหน้าแดง.....ทำไมน่ารักวะคนเรา
“อะแฮ่มมมม คือออไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ” เพื่อนผมซักคนว่าขึ้น
พี่ไฟเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง เห็นหน้าแดงๆแบบนั้นผมยิ่งอยากแกล้ง เลยเอานิ้วไปจิ้มที่แก้มเบาๆ
“พี่หน้าแดง” ว่าพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคน พี่ไฟหันมาทำตาโต เพื่อนๆผมมันเลยยิ่งแซวกันใหญ่ ไม่ได้อ่านกันหรอกครับหนังสือหนังหา
ผมหัวเราะเลยโดนตีขาแรงๆทีนึ่ง เจ็บได้เรื่องเลยครับ ผมเลยกุมมือพี่ไฟไว้ เจ้าตัวพยายามดึงออกแต่ผมไม่ยอม จนในที่สุดพี่ไฟก็เลิกดึงอยู่นิ่งๆให้ผมจับ มือเราประสานกันอยู่ใต้โต๊ะ ผมใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเบาๆ พี่ไฟมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ จากนั้นก็หันไปคุยกับเพื่อนๆผมต่อ
เรานั่งจับมือกันอยู่ใต้โต๊ะแบบนั้น…อุ่นจัง รู้สึกดีมากจริงๆ ผมรู้สึกกับพี่มากขึ้นเรื่อยๆพี่รู้ตัวบ้างไหม
พวกเพื่อนผมก็คุยกับพี่ไฟไปเรื่อย เรื่องไร้สาระบ้าง เรื่องตลกบ้าง ไหนใครมันบอกให้ผมตั้งใจอ่านหนังสือดูพวกมันสิครับ จนใกล้ถึงเวลาเข้าห้องสอบ ผมไม่อยากปล่อยมือเลย...
“ป่ะ ได้เวลาเข้าสนามรบแล้วพวกมึงลุก” ไอ้ตั้มว่า แล้วพวกมันก็เดินนำไปก่อน
“ตามมาเร็วๆนะสกาย”ไอ้แมวว่าแล้วรีบวิ่งตามไปอีกคน
“ไปสอบได้แล้วครับ”
“เดี๋ยวเข้าห้องสอบไม่ทันนะ” พี่ไฟว่าพลางเอามือจิ้มระหว่างคิ้วผมเบาๆ
ผมถอนหายใจ แล้วพยักหน้า หยิบหนังสือแล้วเดินขึ้นตึก ผมหันหลังไปมองพี่ไฟยังยิ้มแล้วชูสองนิ้วให้ผมยิ้มตอบแล้วรีบวิ่งไปห้องสอบ ขึ้นมาถึงชั้นสามก่อนเข้าห้องผมมองลงไปข้างล่างเห็นพี่ไฟยืนคุยโทรศัพท์อยู่ แค่พี่ไฟมาหาผมก็ดีใจมากแล้ว แล้วทำไมกูทำตัวเหมือนจะจากเมียไปทหารแบบนี้วะ ก็แค่มาสอบ เดี๋ยววันหลังค่อยไปเจออีกก็ได้ เอาวะในเมื่อคนเราต่างก็มีหน้าที่ ผมก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน
สองชั่วโมงผ่านไป พวกผมก็เริ่มทยอยเดินออกมาจากห้องสอบกันอย่างหมดสภาพ สอบสองชั่วโมงเสมือนไปรบหนึ่งเดือน รีดพลังงานไปเยอะมาก ผมยกมือขึ้นดูนาฬิกาป่านนี้พี่ไฟคงกลับไปแล้ว..
“ไปไหนกันต่อดีวะ” ไอ้แทนไทถามแล้วพวกมันก็คุยกันต่อซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ อย่างพวกนี้ไม่พ้นไปฉลองสอบเสร็จที่ร้านเหล้า
ซึ่งปกติผมก็คงต้องไปกับพวกมัน ถ้าผมไม่มองลงไปข้างล่าง แล้วเห็นผู้ชายเสื้อสีฟ้านั่งอยู่ที่เดิม หัวใจผมเต้นแรงขึ้น ความดีใจถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ผมรีบวิ่งลงบันไดไปหาทันที
พี่ไฟนั่งฟุบหลับหนุนแขนตัวเองอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิม
ผมมองคนที่หลับอยู่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ดีใจ ที่พี่ยังรออยู่
เป็นห่วง คงจะเหนื่อย อยากให้กลับไปพัก
โกรธตัวเอง ที่ทำให้พี่ไฟมานอนอยู่ตรงนี้
หวง เพราะมีคนมองเยอะแยะไปหมด
ผมปัดปอยผมที่ปรกหน้าขาวๆนั่นออกเบาๆ พี่ไฟขมวดคิ้วเพราะถูกรบกวน
“พี่ไฟครับ” ผมก้มลงไปใกล้ๆแล้วเรียกเบาๆ พี่ไฟงัวเงียขึ้นมา แล้วขยี้ตา จนผมรีบจับมือไว้
“อย่าขยี้สิครับ”
“เราสอบเสร็จแล้วหรอ” พี่ไฟว่าพลางยกมือขึ้นปิดปากแล้วหาวไปด้วย
“ทำไมพี่มานอนตรงนี้ ผมนึกว่าพี่กลับไปแล้ว”
“พี่รอสกายไง” พี่ไฟตอบแบบยังงัวเงียอยู่ พูดไปด้วยเหมือนจะหลับไปด้วย
“งั้นไปกันครับเดี๋ยวผมไปส่ง” พี่ไฟพยักหน้า
ผมรีบวิ่งไปลานจอดรถหลังตึก ไม่นานนินจาสำดำคันเก่ง ก็มาจอดหน้าตึก
ผมสวมหมวกกันน๊อคให้คนที่ยังดูง่วงอยู่เลย
“พี่จะไม่ตกรถใช่มั้ย” พี่ไฟส่ายหัว พอพี่ไฟขึ้นรถเสร็จ ผมก็รีบขับออกไปทันที
ตอนนี้เราติดไฟแดงกันอยู่ ผมเหลือบมองคนข้างหลังที่ทำหน้าง่วงไม่เลิก กลัวว่าจะหลับไปก่อนเลยหันไปชวนคุย
“ทำไมพี่ไม่กลับไปก่อนครับนั่งรอทำไมตั้งนาน”
“..............” พี่ไฟไม่ตอบ
“พี่หิวมั้ยแวะกินข้าวก่อนมั้ยครับ” พี่ไฟส่ายหัว ผมเลยเอามือคนง่วงมากอดเอวตัวเองไว้
“เดี๋ยวตก หน้าตาพี่ง่วงมากอ่ะ” ผมว่า แล้วเหลือบมองตัวเลขสีแดงที่นับถอยหลังลงเรื่อยๆ จนเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ก่อนที่รถจะทะยานออกไปข้างหน้า พี่ไฟก็พูดขึ้นมา
“พี่ก็คิดถึงเหมือนกัน”
พี่ไฟว่าพร้อมกับซุกหน้าลงไปกับหลังผม แล้วกอดเอวแน่นขึ้น
ผมแพ้พี่อีกแล้ว พี่ทำให้ผมรู้สึกกับพี่มากขึ้นอีกแล้วนะ.... พี่ไฟ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ