เร้นรักมธุรสลวง
-
เขียนโดย Phaky
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
39.00K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) หวงแหน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คราวหน้าจะทำอะไร ลาดาต้องรู้จักระวังให้มากกว่านี้”
ดูเหมือนว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายกับคมพัชญ์โดยมีแม่สาวตาแป๋วที่ชื่อลันลาดาเป็นต้นเหตุสำคัญ เพราะนอกจากหญิงสาวจะทำให้ริมฝีปากของชายหนุ่มแยกยิ้มได้บ่อยครั้งในเวลาไม่กี่ชั่วโมง มาตอนนี้ลันลาดายังทำให้ผู้ชายปากหนักพูดน้อยกลายเป็นบุรุษช่างบ่น เพราะนับตั้งแต่ที่คมพัชญ์อุ้มพาลันลาดามานั่งทำแผลที่ห้องนั่งเล่น ระหว่างบรรจงแต้มยาลงบนปลายนิ้วเล็กๆ บุรุษพยาบาลจำเป็นก็เอาแต่พร่ำบ่นเรื่องความซุ่มซ่ามของคนเจ็บไม่ขาดปาก
“รู้อยู่ว่าหม้อมันร้อน แล้วเอามือไปแตะทำไม มือพองหมด” ทายาเสร็จ คมพัชญ์ก็ยกมือบางที่ฉ่ำเนื้อยาขึ้นเป่าแผ่วเบาราวกับร่ายมนต์ให้ความเจ็บปวดหายไปจากมือน้อยข้างนี้เร็วๆ
‘ทำไมพี่คมบ่นเก่งจัง’
เมื่อคมพัชญ์ยังคงพร่ำบ่น ลันลาดาจึงทำได้เพียงนั่งรับฟังคำสอนของชายหนุ่มหน้าจ๋อย ทั้งที่ใจอยากเถียงอยู่เหมือนกันว่ามีใครบ้างล่ะจะอยากเอามือไปแตะของร้อนให้ต้องเจ็บปวด แล้วไม่ใช่เขาหรอกหรือที่รังแกแก้มนุ่มจนเธอเขินจัดต้องใช้หม้อขนมบนเตาเป็นข้ออ้างในการหลบสายตาเจ้าชู้ แต่คนเถียงเก่งแค่ในใจก็ยังเก่งอยู่ที่เดิม เพราะขนาดเธอนั่งเงียบให้คมพัชญ์ต่อว่า นานหลายนาทีแล้วเขายังบ่นไม่เลิกเลย ไม่อยากเดาว่าถ้าเธอกล้าเถียงออกไปสักคำแล้วพ่อคนขี้บ่นตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง ไม่เสี่ยงจะดีกว่า
‘น่าแปลก พี่คมมือเบามาก’
ขยับตัวไปไหนไม่ได้และไม่มีอะไรให้ทำ ลันลาดาจึงนั่งมองนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย และที่ดึงดูดดวงตากลมให้หลุบมองคงหนีไม่พ้นมือคู่หนาสีแทนที่ประคับประคองมือเธอเอาไว้ เท่าที่มองเห็น ฝ่ามือของคมพัชญ์ทั้งใหญ่และกร้านแดด ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะชายหนุ่มทำงานในไร่ที่หนักหนา แต่ที่น่าแปลกคือน้ำหนักมือของเขาที่บรรจงทายาให้เธอนั้นเบาแสนเบา เบาจนผิดวิสัยของมือที่ถนัดใช้กำลังและใบหน้าคมเข้มดูดุดันของเจ้าของ ความย้อนแย้งตรงหน้าทำให้ลันลาดาอมยิ้มพลางเหลือบดวงตากลมมองสลับไปสลับมาระหว่างมือสากกับเสี้ยวหน้าดุๆของคมพัชญ์ดูซุกซน
“จ้องหน้าพี่แต่ไม่พูด หมายความว่ายังไง”
มองอยู่เพลินๆก็มีเหตุให้ไหล่บางสะดุ้งเฮือก เสียงเข้มถามนำทาง ก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยหน้าขึ้นมองลันลาดาที่ทำตาโตเหลอหลาตกใจ จากที่คิดว่าหญิงสาวน่ารักอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นพอกพูนเมื่อได้เห็นดวงตากลมแป๋วแหววกับริมฝีปากบางอ้าค้างอย่างเด็กน้อยจอมซนกำลังทำตัวไม่ถูกที่โดนผู้ใหญ่จับได้
“กำลังนั่งด่าพี่ในใจ?”
“เปล่านะคะ ลาดาไม่ได้ทำแบบนั้น”
ใบหน้าแดงเถือกส่ายไปมาพัลวันกับคำถามระคนกล่าวหาของคมพัชญ์ ดวงตาตระหนกมองจ้องตาคมราบเรียบอย่างต้องการยืนยันคำพูด แต่มันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยเมื่อคมพัชญ์ยังคงนิ่งเฉย ท่าทีอย่างนั้นพาให้ลันลาดาอ่อนใจนัก ตอนอยู่ในสวนลำไยก็ทีหนึ่งแล้ว ไม่รู้ทำไมชายหนุ่มถึงชอบยัดเยียดให้เธอกลายเป็นคนคิดร้ายกับเขาอยู่เรื่อย
“ถ้าไม่ได้ด่าแล้วลาดาคิดอะไรอยู่ จะบอกว่ากำลังคิดถึงพี่หรือไง”
“ค่ะ เอ่อ...”
‘ลันลาดา นี่เธอพูดอะไรออกไป!’
ตอบเอง หน้าร้อนเอง และต้องยกมืออีกข้างป้องปากอ้าค้างของตัวเองที่เผลอพูดความจริงออกไปแบบไม่ทันระวัง จะลุกขึ้นหนีหน้าก็ไม่ได้เพราะคมพัชญ์เล่นกระชับข้อมือบางไว้แน่น ลันลาดาจึงทำได้มากสุดแค่ก้มหน้ามองหน้าตัก หญิงสาวจึงไม่เห็นแววตาถูกอกถูกใจของคมพัชญ์ที่มองมา นอกจากพวงแก้มสีกล่ำ ดวงตากลมใสของลันลาดาก็เป็นอีกสิ่งบนใบหน้าสวยที่คมพัชญ์ชื่นชอบ เพราะมันเป็นเหมือนกระจกเงาที่ต่อสายตรงกับความคิดของหญิงสาวแล้วสะท้อนกลับมาให้เขารับรู้จนหมด แน่นอนว่าดวงตากลมคู่นี้ฉายชัดถึงความชื่นชมยามลันลาดามองสบตาเขาด้วยเช่นกัน แต่มันคงจะรื่นรมย์กว่าหากได้ยินคำยืนยันจากเรียวปากสีระเรื่อน่าจูบ อาการงี่เง่าชวนทะเลาะจึงเป็นการแสร้งทำเพื่อหลอกล่อให้สาวน้อยอ่อนเดียงสาเผยความรู้สึกในใจ และมันก็สำเร็จ!
“เอ่ออะไร หือ”
คมพัชญ์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนเชยคางเรียว บังคับด้วยปลายนิ้วให้ลันลาดาเงยหน้าขึ้นมาสบตา อยากรู้นักว่าเด็กน้อยแก้มแดงของเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
“ลาดา คือ... คือ...ลาดากำลังคิดว่าพี่คมมือเบาจังค่ะ”
ยิ่งใกล้หัวใจยิ่งสั่น คมพัชญ์จะรู้ไหมนะว่าความใกล้ชิดที่เขามอบให้มันส่งผลกระทบโดยตรงกับหัวใจของเธอให้ทำงานหนักหน่วง เรียวปากก็เช่นกัน มันตะกุกตะกักพูดออกมาไม่ค่อยจะได้ศัพท์เอาเสียเลย แต่ลันลาดาก็พยายามรวบรวมสติกลับมาแล้วรีบตอบกลับไปเมื่อหางตามองเห็นมือน้อยที่ยังคงถูกครอบครองด้วยอุ้งมือหนาอบอุ่นก่อนใช้มันเป็นข้ออ้าง ริมฝีปากบางส่งยิ้มหวานให้คนถามแล้วลอบผ่อนลมหายใจ นึกชมตัวเองที่สามารถเอาตัวรอดจากภาวะฉุกเฉินมาได้หวุดหวิด
“จะหนักหรือเบา มันขึ้นอยู่กับว่าพี่อยากทำแบบไหนต่างหาก”
หนึ่งคนกำลังเป่าริมฝีปากด้วยความโล่งอก ส่วนอีกคนเมื่อเห็นอาการเช่นนั้นก็อมยิ้มขำเอ็นดูเหตุผลของคนน่ารักจนอยากดึงหน้าหวานๆเข้ามาฟัดมาหอมให้หายมันเขี้ยว แต่แวบหนึ่งในสมองกลับย้อนภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมาให้นึกถึง คำพูดต่อมาของคมพัชญ์จึงแฝงไปด้วยความหมาย ทว่าคนฟังไม่ได้ฉุกใจกับประโยคนี้ คมพัชญ์หรี่ตามืดดำมองมือที่เพิ่งได้รับคำชมพลางกดยิ้มเหี้ยมมุมปาก หากลันลาดาได้รู้ความจริงว่ามือข้างเดียวกับที่ช่วยทายาทำแผลให้หญิงสาวอย่างเบามือเพิ่งจับปืนยิงใส่มือของลูกน้องทรยศมาหมาดๆ หญิงสาวจะยังกล้าชื่นชมมันอีกหรือเปล่า
“ลาดา! นั่นมือไปโดนอะไรมาคะ”
ร่างสองร่างที่ใกล้ชิดจนแทบเกยกันในห้องนั่งเล่นรีบผละออกห่างทันทีที่ได้ยินเสียงของบุคคลที่สาม แม้จะถูกร้องถามด้วยน้ำเสียงตกใจแต่ความเขินอายที่มีคนอื่นเห็นภาพความสนิทสนมของตัวเองกับคมพัชญ์มีมากกว่า ลันลาดาจึงเลือกจะนั่งก้มหน้า ส่วนคมพัชญ์ที่กำลังหงุดหงิดเลือกตวัดดวงตาเหี้ยมโหดหันไปมองไอ้พี่ชายตัวแสบที่บังอาจมาขัดจังหวะพลางนึกอยากตะโกนด่าใส่หูมันดังๆที่ตอนเป็นเด็กน้อยมันไม่ตั้งใจฟังคุณครูสอนว่าผู้ชายเขาต้องพูดลงท้ายด้วยคำว่า ‘ครับ’ ส่วน ‘คะ’ ‘ค่ะ’ ‘ขา’ น่ะ เอาไว้ให้เด็กผู้หญิงเขาพูดโว๊ย!
‘ก็ไม่ต้องนั่งใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง’
คมพัชญ์หลุบดวงตามองตามร่างกวินพลที่ทรุดตัวลงนั่งขนาบข้างลันลาดาก่อนลอบกัดฟันเมื่อมือน้อยข้างที่พองแดงของหญิงสาวถูกแฝดผู้พี่ดึงไปจากมือตัวเองหน้าตาเฉย แม้ตอนนี้สถานะจะยังไม่ชัดเจนเพราะยังไม่ได้ให้คำตอบกับผู้ใหญ่ทั้งสอง แต่ความรู้สึกเป็นเจ้าของร่างเล้กกลับมีเต็มเปี่ยม คมพัชญ์จึงปรายตาไม่พอใจมองพี่ชายเคืองๆ แต่เพราะมัวเป็นห่วงแขกสาว กวินพลจึงไม่ทันสังเกตเห็น
“ลาดาขา ไปโดนอะไรมาคะ ไอ้คม! แกอยู่กับน้องยังไงวะ ทำไมปล่อยให้ลาดาเป็นแบบนี้”
ยามถามเอ่ยลันลาดาน้ำเสียงของกวินพลช่างนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่พอหันหน้ากลับมาเจอหน้าน้องชาย กวินพลกลับทำเสียงดุใส่ ทว่าเรื่องนี้คมพัชญ์ไม่โกรธ แต่ที่เคืองจนต้องปรายตามองค้อนไปหลายรอบคือไอ้แฝดพี่มันยังไม่ยอมปล่อยมือของลันลาดาสักทีนี่แหละ นอกจากไม่ปล่อย มันยังลูบปลายนิ้วกับมือน้อยของลันลาดา ลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกมาอย่างต้องการระงับอารมณ์ ถ้ากวินพลมันไม่ใช่พี่ มีหวังวันนี้คมพัชญ์คงได้ชักปืนออกมาลั่นไกเป็นหนที่สอง
“คุณวินอย่าว่าพี่คมเลยค่ะ เป็นความผิดของลาดาเองที่ไม่ระวัง เอามือไปจับขอบหม้อขนมที่ยังร้อน”
“ฉันทายาให้เรียบร้อย เดี๋ยวเดียวก็หาย แกเลิกโวยวายได้แล้ว”
เสียงเข้มปรามให้พี่ชายเลิกเอ็ดตะโรเป็นเรื่องใหญ่โต ระหว่างนั้นคมพัชญ์ก็ตีเนียนดึงมือของลันลาดาออกจากอุ้งมือของกวินพลกลับมากุมไว้ในมือตัวเอง อืม...พอได้มือน้อยกลับคืนมา อารมณ์ขุ่นๆค่อยดีขึ้นหน่อย
“แล้วไป ถ้าน้องเจ็บมาก ฉันจะพาลาดาไปนั่งเล่นในออฟฟิศกับฉันแทน”
‘ฝันไปเถอะ!’ คมพัชญ์ไม่ได้พูด แต่สายตาที่ตวัดมองพี่ชายสื่อความหมายออกไปแบบนั้นชัดเจน
*******************************************************************************
มันจะออกนอกหน้าไปมั้ยล่ะอิพี่หนวด ขอรึก็ยังไม่ได้ขอ พ่อเขาก็ยังไม่ออกปากยกให้ แตะนิดแตะหน่อยล่ะทำมามองตาขวาง แกล้งส่งลาดากลับบ้านสักทีดีไหม หมั่นไส้!
ปล.มีนักอ่านถามมาหลายท่านเลยเรื่องรูปเล่มว่าจะมีหรือเปล่า มีค่ะ แต่...
แต่ตอนนี้ยังรอผลพิจารณาจากนสพ.ก่อนว่าผ่านหรือเปล่า ถ้าผ่านก็ออกกับนสพ. แต่ถ้าไม่ผ่านเดี๋ยวภัคเปิดจองรูปเล่มแบบทำมือค่ะ ระหว่างรอผลภัคจะลงให้อ่านต่อเนื่องไปพลางๆก่อน ขอบคุณที่สอบถามกันเข้ามานะคะ
ดูเหมือนว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายกับคมพัชญ์โดยมีแม่สาวตาแป๋วที่ชื่อลันลาดาเป็นต้นเหตุสำคัญ เพราะนอกจากหญิงสาวจะทำให้ริมฝีปากของชายหนุ่มแยกยิ้มได้บ่อยครั้งในเวลาไม่กี่ชั่วโมง มาตอนนี้ลันลาดายังทำให้ผู้ชายปากหนักพูดน้อยกลายเป็นบุรุษช่างบ่น เพราะนับตั้งแต่ที่คมพัชญ์อุ้มพาลันลาดามานั่งทำแผลที่ห้องนั่งเล่น ระหว่างบรรจงแต้มยาลงบนปลายนิ้วเล็กๆ บุรุษพยาบาลจำเป็นก็เอาแต่พร่ำบ่นเรื่องความซุ่มซ่ามของคนเจ็บไม่ขาดปาก
“รู้อยู่ว่าหม้อมันร้อน แล้วเอามือไปแตะทำไม มือพองหมด” ทายาเสร็จ คมพัชญ์ก็ยกมือบางที่ฉ่ำเนื้อยาขึ้นเป่าแผ่วเบาราวกับร่ายมนต์ให้ความเจ็บปวดหายไปจากมือน้อยข้างนี้เร็วๆ
‘ทำไมพี่คมบ่นเก่งจัง’
เมื่อคมพัชญ์ยังคงพร่ำบ่น ลันลาดาจึงทำได้เพียงนั่งรับฟังคำสอนของชายหนุ่มหน้าจ๋อย ทั้งที่ใจอยากเถียงอยู่เหมือนกันว่ามีใครบ้างล่ะจะอยากเอามือไปแตะของร้อนให้ต้องเจ็บปวด แล้วไม่ใช่เขาหรอกหรือที่รังแกแก้มนุ่มจนเธอเขินจัดต้องใช้หม้อขนมบนเตาเป็นข้ออ้างในการหลบสายตาเจ้าชู้ แต่คนเถียงเก่งแค่ในใจก็ยังเก่งอยู่ที่เดิม เพราะขนาดเธอนั่งเงียบให้คมพัชญ์ต่อว่า นานหลายนาทีแล้วเขายังบ่นไม่เลิกเลย ไม่อยากเดาว่าถ้าเธอกล้าเถียงออกไปสักคำแล้วพ่อคนขี้บ่นตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง ไม่เสี่ยงจะดีกว่า
‘น่าแปลก พี่คมมือเบามาก’
ขยับตัวไปไหนไม่ได้และไม่มีอะไรให้ทำ ลันลาดาจึงนั่งมองนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย และที่ดึงดูดดวงตากลมให้หลุบมองคงหนีไม่พ้นมือคู่หนาสีแทนที่ประคับประคองมือเธอเอาไว้ เท่าที่มองเห็น ฝ่ามือของคมพัชญ์ทั้งใหญ่และกร้านแดด ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะชายหนุ่มทำงานในไร่ที่หนักหนา แต่ที่น่าแปลกคือน้ำหนักมือของเขาที่บรรจงทายาให้เธอนั้นเบาแสนเบา เบาจนผิดวิสัยของมือที่ถนัดใช้กำลังและใบหน้าคมเข้มดูดุดันของเจ้าของ ความย้อนแย้งตรงหน้าทำให้ลันลาดาอมยิ้มพลางเหลือบดวงตากลมมองสลับไปสลับมาระหว่างมือสากกับเสี้ยวหน้าดุๆของคมพัชญ์ดูซุกซน
“จ้องหน้าพี่แต่ไม่พูด หมายความว่ายังไง”
มองอยู่เพลินๆก็มีเหตุให้ไหล่บางสะดุ้งเฮือก เสียงเข้มถามนำทาง ก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยหน้าขึ้นมองลันลาดาที่ทำตาโตเหลอหลาตกใจ จากที่คิดว่าหญิงสาวน่ารักอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นพอกพูนเมื่อได้เห็นดวงตากลมแป๋วแหววกับริมฝีปากบางอ้าค้างอย่างเด็กน้อยจอมซนกำลังทำตัวไม่ถูกที่โดนผู้ใหญ่จับได้
“กำลังนั่งด่าพี่ในใจ?”
“เปล่านะคะ ลาดาไม่ได้ทำแบบนั้น”
ใบหน้าแดงเถือกส่ายไปมาพัลวันกับคำถามระคนกล่าวหาของคมพัชญ์ ดวงตาตระหนกมองจ้องตาคมราบเรียบอย่างต้องการยืนยันคำพูด แต่มันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยเมื่อคมพัชญ์ยังคงนิ่งเฉย ท่าทีอย่างนั้นพาให้ลันลาดาอ่อนใจนัก ตอนอยู่ในสวนลำไยก็ทีหนึ่งแล้ว ไม่รู้ทำไมชายหนุ่มถึงชอบยัดเยียดให้เธอกลายเป็นคนคิดร้ายกับเขาอยู่เรื่อย
“ถ้าไม่ได้ด่าแล้วลาดาคิดอะไรอยู่ จะบอกว่ากำลังคิดถึงพี่หรือไง”
“ค่ะ เอ่อ...”
‘ลันลาดา นี่เธอพูดอะไรออกไป!’
ตอบเอง หน้าร้อนเอง และต้องยกมืออีกข้างป้องปากอ้าค้างของตัวเองที่เผลอพูดความจริงออกไปแบบไม่ทันระวัง จะลุกขึ้นหนีหน้าก็ไม่ได้เพราะคมพัชญ์เล่นกระชับข้อมือบางไว้แน่น ลันลาดาจึงทำได้มากสุดแค่ก้มหน้ามองหน้าตัก หญิงสาวจึงไม่เห็นแววตาถูกอกถูกใจของคมพัชญ์ที่มองมา นอกจากพวงแก้มสีกล่ำ ดวงตากลมใสของลันลาดาก็เป็นอีกสิ่งบนใบหน้าสวยที่คมพัชญ์ชื่นชอบ เพราะมันเป็นเหมือนกระจกเงาที่ต่อสายตรงกับความคิดของหญิงสาวแล้วสะท้อนกลับมาให้เขารับรู้จนหมด แน่นอนว่าดวงตากลมคู่นี้ฉายชัดถึงความชื่นชมยามลันลาดามองสบตาเขาด้วยเช่นกัน แต่มันคงจะรื่นรมย์กว่าหากได้ยินคำยืนยันจากเรียวปากสีระเรื่อน่าจูบ อาการงี่เง่าชวนทะเลาะจึงเป็นการแสร้งทำเพื่อหลอกล่อให้สาวน้อยอ่อนเดียงสาเผยความรู้สึกในใจ และมันก็สำเร็จ!
“เอ่ออะไร หือ”
คมพัชญ์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนเชยคางเรียว บังคับด้วยปลายนิ้วให้ลันลาดาเงยหน้าขึ้นมาสบตา อยากรู้นักว่าเด็กน้อยแก้มแดงของเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
“ลาดา คือ... คือ...ลาดากำลังคิดว่าพี่คมมือเบาจังค่ะ”
ยิ่งใกล้หัวใจยิ่งสั่น คมพัชญ์จะรู้ไหมนะว่าความใกล้ชิดที่เขามอบให้มันส่งผลกระทบโดยตรงกับหัวใจของเธอให้ทำงานหนักหน่วง เรียวปากก็เช่นกัน มันตะกุกตะกักพูดออกมาไม่ค่อยจะได้ศัพท์เอาเสียเลย แต่ลันลาดาก็พยายามรวบรวมสติกลับมาแล้วรีบตอบกลับไปเมื่อหางตามองเห็นมือน้อยที่ยังคงถูกครอบครองด้วยอุ้งมือหนาอบอุ่นก่อนใช้มันเป็นข้ออ้าง ริมฝีปากบางส่งยิ้มหวานให้คนถามแล้วลอบผ่อนลมหายใจ นึกชมตัวเองที่สามารถเอาตัวรอดจากภาวะฉุกเฉินมาได้หวุดหวิด
“จะหนักหรือเบา มันขึ้นอยู่กับว่าพี่อยากทำแบบไหนต่างหาก”
หนึ่งคนกำลังเป่าริมฝีปากด้วยความโล่งอก ส่วนอีกคนเมื่อเห็นอาการเช่นนั้นก็อมยิ้มขำเอ็นดูเหตุผลของคนน่ารักจนอยากดึงหน้าหวานๆเข้ามาฟัดมาหอมให้หายมันเขี้ยว แต่แวบหนึ่งในสมองกลับย้อนภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมาให้นึกถึง คำพูดต่อมาของคมพัชญ์จึงแฝงไปด้วยความหมาย ทว่าคนฟังไม่ได้ฉุกใจกับประโยคนี้ คมพัชญ์หรี่ตามืดดำมองมือที่เพิ่งได้รับคำชมพลางกดยิ้มเหี้ยมมุมปาก หากลันลาดาได้รู้ความจริงว่ามือข้างเดียวกับที่ช่วยทายาทำแผลให้หญิงสาวอย่างเบามือเพิ่งจับปืนยิงใส่มือของลูกน้องทรยศมาหมาดๆ หญิงสาวจะยังกล้าชื่นชมมันอีกหรือเปล่า
“ลาดา! นั่นมือไปโดนอะไรมาคะ”
ร่างสองร่างที่ใกล้ชิดจนแทบเกยกันในห้องนั่งเล่นรีบผละออกห่างทันทีที่ได้ยินเสียงของบุคคลที่สาม แม้จะถูกร้องถามด้วยน้ำเสียงตกใจแต่ความเขินอายที่มีคนอื่นเห็นภาพความสนิทสนมของตัวเองกับคมพัชญ์มีมากกว่า ลันลาดาจึงเลือกจะนั่งก้มหน้า ส่วนคมพัชญ์ที่กำลังหงุดหงิดเลือกตวัดดวงตาเหี้ยมโหดหันไปมองไอ้พี่ชายตัวแสบที่บังอาจมาขัดจังหวะพลางนึกอยากตะโกนด่าใส่หูมันดังๆที่ตอนเป็นเด็กน้อยมันไม่ตั้งใจฟังคุณครูสอนว่าผู้ชายเขาต้องพูดลงท้ายด้วยคำว่า ‘ครับ’ ส่วน ‘คะ’ ‘ค่ะ’ ‘ขา’ น่ะ เอาไว้ให้เด็กผู้หญิงเขาพูดโว๊ย!
‘ก็ไม่ต้องนั่งใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง’
คมพัชญ์หลุบดวงตามองตามร่างกวินพลที่ทรุดตัวลงนั่งขนาบข้างลันลาดาก่อนลอบกัดฟันเมื่อมือน้อยข้างที่พองแดงของหญิงสาวถูกแฝดผู้พี่ดึงไปจากมือตัวเองหน้าตาเฉย แม้ตอนนี้สถานะจะยังไม่ชัดเจนเพราะยังไม่ได้ให้คำตอบกับผู้ใหญ่ทั้งสอง แต่ความรู้สึกเป็นเจ้าของร่างเล้กกลับมีเต็มเปี่ยม คมพัชญ์จึงปรายตาไม่พอใจมองพี่ชายเคืองๆ แต่เพราะมัวเป็นห่วงแขกสาว กวินพลจึงไม่ทันสังเกตเห็น
“ลาดาขา ไปโดนอะไรมาคะ ไอ้คม! แกอยู่กับน้องยังไงวะ ทำไมปล่อยให้ลาดาเป็นแบบนี้”
ยามถามเอ่ยลันลาดาน้ำเสียงของกวินพลช่างนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่พอหันหน้ากลับมาเจอหน้าน้องชาย กวินพลกลับทำเสียงดุใส่ ทว่าเรื่องนี้คมพัชญ์ไม่โกรธ แต่ที่เคืองจนต้องปรายตามองค้อนไปหลายรอบคือไอ้แฝดพี่มันยังไม่ยอมปล่อยมือของลันลาดาสักทีนี่แหละ นอกจากไม่ปล่อย มันยังลูบปลายนิ้วกับมือน้อยของลันลาดา ลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกมาอย่างต้องการระงับอารมณ์ ถ้ากวินพลมันไม่ใช่พี่ มีหวังวันนี้คมพัชญ์คงได้ชักปืนออกมาลั่นไกเป็นหนที่สอง
“คุณวินอย่าว่าพี่คมเลยค่ะ เป็นความผิดของลาดาเองที่ไม่ระวัง เอามือไปจับขอบหม้อขนมที่ยังร้อน”
“ฉันทายาให้เรียบร้อย เดี๋ยวเดียวก็หาย แกเลิกโวยวายได้แล้ว”
เสียงเข้มปรามให้พี่ชายเลิกเอ็ดตะโรเป็นเรื่องใหญ่โต ระหว่างนั้นคมพัชญ์ก็ตีเนียนดึงมือของลันลาดาออกจากอุ้งมือของกวินพลกลับมากุมไว้ในมือตัวเอง อืม...พอได้มือน้อยกลับคืนมา อารมณ์ขุ่นๆค่อยดีขึ้นหน่อย
“แล้วไป ถ้าน้องเจ็บมาก ฉันจะพาลาดาไปนั่งเล่นในออฟฟิศกับฉันแทน”
‘ฝันไปเถอะ!’ คมพัชญ์ไม่ได้พูด แต่สายตาที่ตวัดมองพี่ชายสื่อความหมายออกไปแบบนั้นชัดเจน
*******************************************************************************
มันจะออกนอกหน้าไปมั้ยล่ะอิพี่หนวด ขอรึก็ยังไม่ได้ขอ พ่อเขาก็ยังไม่ออกปากยกให้ แตะนิดแตะหน่อยล่ะทำมามองตาขวาง แกล้งส่งลาดากลับบ้านสักทีดีไหม หมั่นไส้!
ปล.มีนักอ่านถามมาหลายท่านเลยเรื่องรูปเล่มว่าจะมีหรือเปล่า มีค่ะ แต่...
แต่ตอนนี้ยังรอผลพิจารณาจากนสพ.ก่อนว่าผ่านหรือเปล่า ถ้าผ่านก็ออกกับนสพ. แต่ถ้าไม่ผ่านเดี๋ยวภัคเปิดจองรูปเล่มแบบทำมือค่ะ ระหว่างรอผลภัคจะลงให้อ่านต่อเนื่องไปพลางๆก่อน ขอบคุณที่สอบถามกันเข้ามานะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ