เร้นรักมธุรสลวง
เขียนโดย Phaky
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ทุกอย่างลงตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ไงเด็กๆ ทำไมมารวมกันอยู่ตรงนี้ล่ะ ลาดา มือไปโดนอะไรมาลูก”
เสียงของพ่อเลี้ยงนภัทรที่ดังมาก่อนตัวทิศทางจากบันไดกลางบ้านช่วยเบรกสงครามย่อยๆอันเกิดจากการแย่งชิงแขกสาวหน้าตาน่าเอ็นดูไปอยู่กับตัวเองของสองพี่น้องไม่ให้ปะทุ ทั้งสามจึงหันไปมองตามเสียง ยังไม่ทันได้ทักทาย พ่อเลี้ยงนภัทรก็หรี่ตามองมือน้อยในอุ้งมือของบุตรชายคนเล็กที่มีคราบยาสีขาวเคลือบอยู่ด้วยความสงสัย ส่งผลให้คุณการันต์ที่เดินมาด้วยกันก้มมองมือลันลาดาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่น้องลาดาซนนิดหน่อย มือก็เลยพอง แต่เจ้าคมทายาให้เรียบร้อยแล้วครับ พ่อกับอารันต์ไม่ต้องเป็นห่วง”
กวินพลรีบหันไปอธิบายให้บิดากับคุณการันต์ที่เข้ามานั่งสมทบในห้องนั่งเล่นคลายกังวล เพราะมาแค่วันเดียวลันลาดาก็เจ็บตัวแบบนี้ ชายหนุ่มจึงกลัวว่าที่พ่อตาของน้องชายจะไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวพักพิงอยู่ที่ไร่บารมีเสียดฟ้าต่อ
“อาขอบใจพ่อคมมากนะที่ช่วยดูแลน้อง”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับคุณอา เพราะจะว่าไป...ผมเองก็มีส่วนผิด จริงไหมลาดา?”
หากคมพัชญ์คิดว่ามันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้เธอร้อนรนจนเกิดอุบัติเหตุกับมือน้อย ชายหนุ่มก็แค่ก้มหน้ารับผิดไปอย่างเดียวไม่ได้หรือ เหตุใดคมพัชญ์ต้องผินหน้ากลับมาถามเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ระยิบระยับอย่างที่กำลังมองเธออยู่ด้วยเล่า ไม่รู้หรืออย่างไรว่ามันทำให้เธอนึกถึงตอนที่ผิวแก้มสีปลั่งถูกปลายจมูกโด่งของเขาขโมยหอมไปฟอดใหญ่ แค่ย้อนคิดถึง ใบหน้าก็ถูกความร้อนกลืนกินเต็มพื้นที่
“แล้วแกไปทำอีท่าไหน น้องถึงเจ็บมือแบบนี้”
พ่อเลี้ยงณภัทรซักฟอก รู้สึกไม่ไว้ใจดวงตาวาววามกับน้ำเสียงเอื่อยๆของเจ้าลูกชายคนเล็กเอาเสียเลย แล้วดูมันทำ พ่อเขาก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้แท้ๆ แต่ไอ้เจ้าคมพัชญ์มันกลับนั่งกุมมือน้องไว้หน้าตาเฉย
“อืม ตอนนั้นพี่ทำแบบไหนนะ ลาดาถึงได้มือพอง”
ลันลาดากลั้นหายใจพลางกัดริมฝีปากเมื่อถูกคมพัชญ์โบ้ยหน้าที่ตอบคำถามมาให้ เพราะไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดี มือน้อยอีกข้างจึงเผลอกำชายกระโปรงเมื่อถูกบุรุษทั้งสี่ในห้องนั่งเล่นหันมามองเป็นตาเดียว ดวงตาใสแจ๋วลอบมองสบตาคมพัชญ์ก่อนหลุบลงหลบมองพื้น นี่หรือคือสีหน้าของคนที่เมื่อครู่บอกว่าสำนึกผิด หากสำนึกได้จริงทำไมริมฝีปากของชายหนุ่มถึงได้กดยิ้มกว้างคล้ายถูกใจที่ถูกพ่อเลี้ยงณภัทรถามเช่นนี้ล่ะ พี่คมแกล้งกันนี่นา
“คือ... คือลาดา... ลาดาเก็บลำไยในสวนมาทำข้าวเหนียวเปียกลำไยค่ะคุณลุง แต่พอปิดเตาแล้วลาดาซุ่มซ่าม ตวัดมือไปโดนขอบหม้อ” หนูไม่ได้โกหกนะคะคุณลุง แค่พูดไม่หมด
พ่อเลี้ยงนภัทรคงเชื่อตามคำบอกเล่าตะกุกตะกักของสาวน้อยแค่นั้นถ้าไม่เห็นว่าเจ้าแฝดคนน้องลอบยิ้มแล้วถูเรียวนิ้วกับปลายจมูกโด่งของตัวเองเล่นอย่างมีพิรุธ เลี้ยงมาเองกับมือเขาย่อมรู้ทันสันดานมันดี ปกติคมพัชญ์มันเสือยิ้มยากจะตาย แต่เท่าที่สังเกต ตั้งแต่ที่เจอลันลาดา ลูกชายคนเล็กของเขาก็ดูอารมณ์ดีผิดธรรมชาติ ซ้ำยังขยันยิ้มเรี่ยราดผิดวิสัย แสดงว่าเขาเลือกลูกสะใภ้คนเล็กได้ตรงใจมัน แม้จะหมั่นไส้ในความเจ้าเล่ห์ของคมพัชญ์อยู่บ้าง แต่พ่อเลี้ยงนภัทรก็แอบดีใจมากกว่า ที่สุดท้ายแล้วเขาจะได้เกี่ยวดองกับครอบครัวเพื่อนรักอย่างที่คาดหวัง
“น้องลาดาทำเองเลยเหรอครับ” กวินพลก็เป็นอีกคนที่ดูแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าลันลาดาทำอาหารได้
“ค่ะคุณวิน ลาดาเคยหัดทำกับแม่ครัวตอนอยู่โรงเรียนประจำ แต่ไม่แน่ใจว่ารสชาติจะอร่อยหรือเปล่า”
“คนทำสวยขนาดนี้ พี่เชื่อว่าขนมต้องอร่อยแน่ ป้านวล ผมอยากชิมขนมที่ลาดาทำจังเลยครับ”
ปากหวานขยันหยอดที่สุดในสามโลกคงหนีไม่พ้นกวินพล ชายหนุ่มยิ้มหวานให้กำลังใจลันลาดาจนแขกสาวยิ้มหวานรู้สึกผ่อนคลาย ก่อนหันไปส่งยิ้มอ้อนให้แม่บ้านเก่าแก่ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ตรงมุมห้องนั่งเล่นให้นำขนมหวานฝีมือของว่าที่น้องสะใภ้เข้ามาเสิร์ฟ
“อืม รสชาติใช้ได้ หวานหอมกำลังดี นายนี่โชคดีมากนะรันต์ที่มีลูกสาวเก่งงานบ้านงานเรือน ได้กินของอร่อยๆไม่ขาด”
หลังจากกวินพลร้องขอ ไม่นานป้านวลก็ตักข้าวเหนียวเปียกลำไยมาเสิร์ฟให้คุณๆในห้องนั่งเล่นได้รับประทาน เพียงได้ชิมคำแรกพ่อเลี้ยงนภัทรก็ออกปากชม มั่นใจว่ารสชาติของขนมในมือไม่ได้มาด้วยความบังเอิญแน่ เพราะวันก่อนที่ไปเยี่ยมถึงบ้านมหาดำรงค์ พ่อเลี้ยงนภัทรก็ยังติดใจเค้กมะพร้าวอ่อนลาวาที่ลันลาดานำมาเสิร์ฟเป็นของว่างไม่หาย ได้เห็นกิริยามารยาทของสตรีที่ลูกชายเหลือบสายตามองตามด้วยตาตัวเองใกล้ๆก็นึกเอ็นดูเป็นทุน ยิ่งเมื่อได้ลิ้มรสเสน่ห์ปลายจวักของบุตรสาวเพื่อนรักก็ยิ่งถูกใจ นับว่าคมพัชญ์นั้นมีสายตาแหลมคมนัก นอกจากจะมีใบหน้าสวยหวาน ลันลาดายังเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติของภรรยาที่ดี แล้วอย่างนี้มีหรือที่พ่อเลี้ยงนภัทรจะปล่อยให้หลุดลอยไปเป็นสะใภ้บ้านอื่น
“บางทีก็ไม่ไหวครับพี่ภัทร เบาหวานจะขึ้นเอา ยายหนูชอบหลอกใช้พ่อเป็นหนูทดลอง กลับบ้านทีไรต้องมีเมนูใหม่ๆมาหลอกล่อผมทุกที”
พูดเหมือนบ่น แต่น้ำสียงของการันต์กลับเจือไปด้วยความเอื้อเอ็นดู นับตั้งแต่ภรรยาของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เด็กหญิงลันลาดาก็ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนประจำหญิงล้วนเป็นส่วนใหญ่เพราะเขาทำงานหนักจนไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก แต่หญิงสาวก็เป็นเด็กน่ารัก ไม่ดื้อรั้นเกเรให้ต้องปวดหัวแถมยังใฝ่ดี พอถึงวันหยุดแล้วเขาไม่ได้ไปรับกลับบ้าน ลันลาดาก็มักหาอะไรทำแก้เหงาด้วยการเข้าไปช่วยแม่ครัวของโรงเรียนทำนั่นนี่จนได้วิชาทำอาหารคาวหวานติดตัวมามากมาย
“พ่อจะไปอิจฉาอารันต์ทำไมล่ะครับ อีกไม่นานพวกเราก็จะได้กินขนมอร่อยๆฝีมือน้องลาดาทุกวันอยู่แล้ว”
ยังไม่ได้ตกลงวันตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราวก็จริง แต่จากการประเมินท่าทีของสองหนุ่มสาวโดยเฉพาะคมพัชญ์ กวินพลก็สามารถฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าอีกไม่นานเกินรอ เขาจะได้ลันลาดามาเป็นน้องสะใภ้แน่นอน เพราะถ้าไม่ได้ น้องชายเขาคลั่งแน่
“เออว่ะ จริงของแก ไอ้วิน”
พ่อเลี้ยงนภัทรยักคิ้วกวนๆชอบใจกับคำพูดของลูกชายคนโตก่อนหยักยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นแก้มขาวๆของว่าที่สะใภ้เล็กแดงปลั่ง มิน่าล่ะ! เจ้าคมมันถึงนั่งจ้องเอาๆ น่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้นี่เอง
“ยังไงก็ระวังน้ำหนักตัวจะขึ้นด้วยนะครับพี่ภัทร เพราะแม่ครัวคนนี้ขยันป้อนขนมหวานเหลือเกิน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับอารันต์ ผมกับพ่อคงไม่มีปัญหาเท่าไร เพราะดูท่าทางเจ้าคมมันคงหวงขนมฝีมือน้องลาดาไว้ชิมคนเดียว”
กวินพลพูดกับบิดาและการันต์ แต่หางตากลับเหล่มองปฏิกิริยาของคมพัชญ์แล้วก็เห็นว่าเจ้าน้องชายที่มักทำหน้าเป็นปูนปั้นรูปยักษ์กำลังขยิบตาล้อเลียนลันลาดาที่นั่งอายม้วนต้วนอย่างคนกำลังมีความสุขล้น จากนั้นก็ตักขนมในถ้วยเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างต้องการเอาใจคนทำ ทั้งที่ปกติคมพัชญ์แทบไม่แตะของหวานเลยด้วยซ้ำ ดวงตาของเจ้าแฝดน้องพุ่งตรงไปยังลันลาดาเพียงคนเดียว หาได้สนใจอีกสามชีวิตที่นั่งร่วมวงเลยสักเสี้ยวหางตา เห็นแบบนั้นแฝดพี่จึงหันหน้ากลับไปสบตากับพ่อเลี้ยงนภัทรตรงๆราวกับจะฟ้องว่า...
‘พ่อเห็นเหมือนที่ผมเห็นไหม? หมั่นไส้มันเนอะ!’
..................................................................................................................................................................
“เหม็นความรักเนอะพ่อ”
ยิ่งผ่านไปนานวันก็ดูเหมือนว่าคมพัชญ์จะยิ่งโชว์หวานกับลันลาดาไม่ได้คิดปรานีต่อมอิจฉาของคนโสดรอบข้างเอาซะเลย ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวรุดหน้าแบบก้าวกระโดดเพราะแฝดคนน้องขยันทำตัวติดหนึบกับว่าที่ศรีภรรยาชนิดไม่กลัวว่าที่พ่อตาเคืองขุ่น เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ เป็นเวลาเช้าตรู่ที่คมพัชญ์จะต้องออกไปคุมคนงานแต่งกิ่งมะม่วง ปกติชายหนุ่มก็ไปคนเดียวได้ เพราะนอกจากมัน ในไร่บารมีเสียดฟ้าก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกแล้ว แต่พอมีลันลาดาอยู่ร่วมชายคา แฝดน้องของกวินพลกลับทำตัวเหมือนเด็กชายขี้เหงาที่ต้องจูงมือน้อยของลันลาดาพาขึ้นรถไปด้วยกันทุกที่ ทำเอาคนเป็นพี่ชายที่ยืนมองอยู่ตรงระเบียงหลังห้องทำงานหมั่นไส้ ตอนหวงความโสดคมพัชญ์ก็สะบัดสตรีสาวรุ่นสาวใหญ่ที่พยายามเข้าหากระเจิดกระเจิงด้วยตาขวางๆ กับปากหมาๆของมัน แต่พอบิดาประเคนสาวน้อยหน้าหวานแสนถูกใจมาให้ล่ะมันไม่คิดจะปล่อยให้ลันลาดาคลาดสายตามันเลย พฤติกรรมของชายน้องจึงควรค่าแก่การโดนหมั่นไส้เป็นที่สุด
“แกไม่ได้เหม็น แต่แกขี้อิจฉา”
“โถ่พ่อ ตอกย้ำทำไมเนี่ย พ่อไม่รู้เหรอว่าผมเจ็บปวดหัวใจรุนแรงขนาดไหนที่น้องชายฝาแฝดที่คลานตามตูดผมมาต้อยๆกำลังจะทิ้งพี่ชายแสนดีอย่างผมไปมีเมีย เรื่องมันเศร้ามากนะพ่อ”
“ไอ้ตอแหล!”
พ่อเลี้ยงนภัทรที่ยืนเกาะระเบียงอยู่ข้างๆลูกชายคนโตด่าออกไปโดยไม่ต้องคิดก่อนตวัดสายตาเอือมระอาตามไปมองกวินพลที่ทำเป็นเอามือกุมที่อกด้านซ้ายทำราวกับเจ็บปวดหัวใจหนักหนาที่น้องชายทิ้งไปมีแฟน ถ้าไอ้แฝดพี่มันเสียใจจริง ก่อนหน้านี้กวินพลคงไม่ออกตัวเชียร์คุณงามความดีของคมพัชญ์ให้การันต์ฟังทุกครั้งที่มีโอกาสหรอก แม้เจ้าแฝดจะมีบุคลิกแตกต่างกันลิบลับ แต่ทั้งสองก็รักและผูกพันกันมาก เรียกว่าแค่มองตาเพียงเสี้ยววินาที ทั้งสองก็รู้ลึกไปถึงรอยหยักในสมองว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร เมื่อเห็นกันอยู่เต็มตาว่าคมพัชญ์กำลังมีความสุข จึงเป็นไปไม่ได้ที่กวินพลจะรู้สึกเสียใจอย่างที่ปากได้รูปสวยขยันแพล่ม
“ไอ้วิน แกว่าเจ้าคมมันจริงจังกับหนูลาดาไหม” อยู่ๆพ่อเลี้ยงนภัทรก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดกังวล
“ทำไมถามเหมือนไม่มั่นใจแบบนั้นล่ะครับ พ่อก็รู้พอๆกับผมไม่ใช่เหรอว่าไอ้คมมันไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย นอกจากน้องลาดา”
ไม่สนใจผู้หญิงอื่นที่กวินพลพูดถึงไม่ได้หมายความว่าตั้งแต่แตกหนุ่มจนถึงตอนนี้ที่อายุสามสิบสองปีคมพัชญ์จะเก็บรักษาพรหมจรรย์ไว้กับตัว หล่อและรวยเป็นโอท็อปเกรดพรีเมียมประจำจังหวัดขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่น้องชายของกวินพลจะมีความสัมพันธ์สวาทกับสตรีมานับไม่ถ้วน แต่ทุกความสัมพันธ์ล้วนอยู่ในรูปแบบแลกเปลี่ยน ชายหนุ่มมอบเงินตอบแทนให้ผู้หญิงทุกคนที่นอนด้วยเพื่อลดปัญหาการเรียกร้องความรับผิดชอบในภายหลัง ไม่เคยมีสักคนที่จะทำให้คมพัชญ์วิ่งเข้าหา สวยหยาดฟ้าหรืองดงามจนมีถ้วยรางวัลนางงามการันตีน้องชายของกวินพลก็ไม่แยแส ทว่าที่พูดมานั้นเป็นข้อยกเว้นสำหรับสาวน้อยหน้าหวานที่ชื่อลันลาดา เพราะนอกจากจะชะเง้อชะแง้คอคอยมองหาทุกครั้งที่ว่าที่เจ้าสาวไม่อยู่ในสายตา ตอนนี้คมพัชญ์ยังทำตัวเป็นเงาคอยตามติดลันลาดาไปทุกที่ อาการของลูกชายคนเล็กเป็นเอามากขนาดนี้ แล้วมีเหตุผลอะไรให้พ่อเลี้ยงนภัทรต้องเป็นกังวลอีกงั้นหรือ
“ไม่รู้สิ บางทีฉันก็กลัวใจมัน เจ้าคมมันวูบวาบเจ้าอารมณ์ แกก็รู้”
พ่อเลี้ยงนภัทรมองตามท้ายรถของลูกชายคนเล็กที่ค่อยๆห่างสายตาออกไปพลางถอนหายใจบางเบา แม้จะรู้ดีว่าคมพัชญ์ถูกอกถูกใจกับว่าที่สะใภ้เล็กที่เขาพามาให้ดูตัวถึงบ้าน แต่กระนั้นในใจส่วนลึกก็ยังรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ อาจเพราะคมพัชญ์เป็นคนใจร้อนและอารมณ์ขึ้นง่าย หากโกรธหากเกลียดอะไรสักอย่างแล้วก็ฝังใจ อย่าหวังว่าชายหนุ่มจะปล่อยให้ตัวต้นเหตุได้อยู่อย่างสงบสุข ด้วยเพราะนิสัยเสียส่วนนี้ของลูกชายที่อาจทำให้รู้สึกกังวล
“พ่อคิดว่านุ่มนิ่มอย่างน้องลาดาจะไปทำอะไรให้ไอ้คมมันโกรธได้เหรอครับ”
กวินพลครุ่นคิดตามบิดาก่อนส่ายหน้าเมื่อสมองประมวลภาพของว่าที่น้องสะใภ้ตลอดระยะเวลาห้าวันที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน นอกจากใบหน้าสวยหวาน กิริยามารยาทของลันลาดาก็ยังนุ่มนิ่มอ่อนโยน พูดจาหรือก็หวานหู ไม่มีวี่แววอะไรสักอย่างจากลันลาดาที่พอจะไปกระตุ้นต่อมเกรี้ยวกราดของคมพัชญ์ให้ทำงาน หรือต่อให้โกรธจริงแต่พอเห็นตาใสๆแก้มแดงๆก็คงทำใจดุไม่ลงอยู่ดี มิหนำซ้ำว่าที่น้องสะใภ้ยังทำให้ไอ้แฝดน้องพูดจาไพเราะขึ้น เพราะยามลันลาดาพูดหรือถามอะไรมา คมพัชญ์ก็มักจะตอบลงท้ายประโยคด้วยคำว่า ‘ครับ’ เสียงอ่อนเสียงหวานทุกทีไป
“น้องลาดาน่ะพ่อไม่ต้องไปห่วงหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า เพราะถ้าพ่อมาเปลี่ยนใจไม่ยอมหมั้นน้องให้ไอ้คมมันล่ะก็ พ่อนั่นแหละจะโดนมันกินหัว”
กวินพลส่ายหน้ายิ้มๆเมื่อนึกถึงบทสนทนาระหว่างพ่อลูกเมื่อคืน หลังรับประทานอาหารเย็นแล้วย้ายมานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อในห้องนั่งเล่นได้สักพักจนถึงเวลาส่งแขกขึ้นไปพักผ่อน คมพัชญ์ก็เรียกบิดาไว้ ก่อนเดินนำแกมบังคับให้ท่านตามมานั่งคุยธุระสำคัญต่อในห้องทำงานส่วนตัวของตัวเอง
“ว่าไงไอ้แฝดน้อง เรียกพ่อมาคุยตอนนี้ สารภาพมาซะดีๆว่าแกไปสร้างวีรกรรมไว้ใช่ไหม”
“โถ่ พ่อ ถึงผมกับไอ้วินจะเป็นแฝดกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องนิสัยไม่ดีเหมือนมันนี่ครับ”
“อ้าว ไอ้คม ฉันก็นั่งอย่างผู้ดีมีมารยาทแอบฟังอยู่เงียบๆ แล้วแกมาแขวะฉันทำไมวะ”
คนนั่งไขว่ห้างจิบชาเออร์เกรย์อุ่นๆด้วยมาดผู้ดีอังกฤษอยู่ตรงโซฟาข้างๆหันมาโวยวายทันทีที่ถูกน้องชายพาดพิง
“ผู้ดีเขาต้องไม่สะเออะมานั่งในห้องทำงานคนอื่นทั้งที่เจ้าของห้องไม่ได้เชิญไหมวะ”
“พ่อชวนมาเป็นเพื่อน”
“ตอนไหน?”
คนถูกนำชื่อไปอ้างหันไปถามกวินพลงงๆเพราะจำได้ว่าเขาไม่ได้ชวนมันมาสักคำ มีแต่มันนั่นแหละที่ตาวาวก่อนเดินตามตูดต้อยๆทันทีที่เห็นคมพัชญ์เข้ามากระซิบกระซาบข้างหู ไอ้นี่มันสอดรู้สอดเห็นแต่เอาพ่อมาอ้าง นิสัย!
“พ่อนี่ ไม่ได้ช่วยกันเลย เอาน่า ไหนๆฉันก็มานั่งจองที่แล้ว แกมีธุระอะไรกับพ่อก็พูดไปเถอะ ฉันสัญญาว่าจะนั่งเสือกเงียบๆ”
เมื่อน้องชายรู้ทันและพ่อก็ดันไม่เข้าข้าง กวินพลจึงต้องยอมรับว่าตั้งใจตามเข้ามาเสือกเรื่องของคมพัชญ์จริงๆ
“พนันกันไหม ร้อยเอาบาท ผีเจาะปากอย่างแก เงียบได้ไม่ถึงนาที”
“แกก็ให้เกียรติฉันเกินไป แค่สามสิบวิฯก็คันปากยุบยิบๆแล้ว”
“แล้วตกลงว่าแกเรียกพ่อมาทำไม” ฟังไอ้แฝดเถียงกันแล้วปวดหัว พ่อเลี้ยงจึงต้องรีบถามเพื่อเข้าเรื่อง
“ลาดาบอกผมว่ามะรืนจะกลับบ้าน” น้ำเสียงของคนฟ้องร้อนรนจนคนฟังจับความรู้สึกได้ชัดเจน
“ก็ใช่ อารันต์ต้องกลับไปเคลียร์งาน เห็นว่าจับหนอนบ่อนไส้ในบริษัทได้ รอบนี้พ่อว่าจะไปด้วย เผื่อมีอะไรช่วยได้บ้าง แกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
จากการถูกหุ้นส่วนคดโกงครั้งใหญ่ทำให้การันต์เข้มงวดกับการจับตามองคนในองค์กรมากขึ้น จึงทำให้รู้ว่าคนโกงไม่ได้ย้ายไปยังบริษัทใหม่ที่ก่อตั้งทั้งหมด แต่คนเลวพวกนั้นยังทิ้งลูกน้องไว้ที่บริษัทเดิมเพื่อสอดแนม ทำให้การันต์ต้องกลับไปจัดการ และคราวนี้พ่อเลี้ยงนภัทรก็ตั้งใจไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย แม้เป็นเพียงคนนอกที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง แต่บารมีของพ่อเลี้ยงนภัทรอาจช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกยำเกรงบ้าง
“ผมอยากให้ลาดาอยู่ต่อ”
“ไม่ได้ๆ แค่นี้ชาวบ้านชาวเมืองก็ชะเง้อคอมองกันแล้วว่าลาดาเป็นอะไรกับแก ถึงได้เดินจูงมือกันต้อยๆ ขืนให้น้องอยู่ต่อคนเดียว มีหวังคนได้เอาไปนินทากันสนุกปาก”
“แต่ผมกับน้องกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้กันนะครับ เวลาแค่เจ็ดวันมันไม่พอหรอกพ่อ”
“แต่ถ้าให้น้องอยู่ต่อ ยายหนูอาจจะถูกครหาเอาได้”
“พ่อก็หมั้นลาดาให้ผมก่อนสิ แค่นี้ก็ไม่มีใครว่าลาดาได้แล้ว”
หรือถ้าเขาได้ยินว่าใครกล้าพูดจาให้ลันลาดาเสียหาย เดี๋ยวคมพัชญ์คนนี้จะไปเคลียร์ด้วยตัวเอง มือ เท้า มีด ปืน ขวาน จอบ ระเบิด เลือกเอา!
“ไอ้คม แกว่าอะไรนะ!”
“พ่อไปจัดการหมั้นลาดาให้ผม ขอเวลาให้ผมกับลาดาได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันอีกนิด แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีเรื่องแต่งงาน ชัดไหมครับพ่อเลี้ยงนภัทร”
“ไอ้วิน แกได้ยินเหมือนฉันไหมวะว่าไอ้คมมันขอให้ฉันไปสู่ขอหนูลาดา”
“เต็มสองหูเลยครับ รวมของพ่อด้วยเป็นสี่ ชัดเจนเลยครับว่าลูกชายคนเล็กของพ่ออยากมีเมียจนตัวสั่น”
“แกแน่ใจแล้วใช่ไหมไอ้คม ไหนตอนแรกงอแงฉิบหายตอนฉันบอกจะให้แกเป็นเจ้าบ่าว”
“ก็ถ้าพ่อบอกแต่แรกว่าเจ้าสาวคือลาดา ผมก็ไม่ดื้อหรอก”
คมพัชญ์อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง และที่พ่อเลี้ยงนภัทรยังไม่รู้ก็คือก่อนที่จะเห็นหน้าตาว่าที่เจ้าสาว แฝดนรกตัวพี่ตัวน้องได้สุมหัวกันคิดแผนการชั่วร้ายไว้คอยต้อนรับว่าที่คู่หมายมากมาย ตั้งใจว่าสาวเจ้ามาถึงวันแรกก็ต้องรีบเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเผ่นแน่บ กลับบ้านชนิดที่ไม่กล้าจะย้อนกลับมาที่ไร่บารมีเสียดฟ้าอีก กลายเป็นว่าเสียเวลาคิดไปโดยเปล่าประโยชน์ ที่ต้องคิดตอนนี้คือทำอย่างไรถึงจะได้ลันลาดามาเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวแบบเร็วที่สุด
“อืม ก็จริงของแกไอ้วิน สงสัยพ่อจะคิดมากไปเอง”
พอย้อนคิดถึงบทสนทนากับคมพัชญ์เมื่อคืน พ่อเลี้ยงนภัทรจึงค่อยคลายความกังวลและเห็นด้วยกับคำพูดของกวินพล ลันลาดาเองก็เรียบร้อยและไม่เคยขัดใจอะไรคมพัชญ์สักอย่าง เจ้าแฝดน้องว่าอะไรก็โอนอ่อนคล้อยตามไม่มีปากเสียงให้เคืองขุ่น ส่วนเจ้าลูกชายตัวดีก็ยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นเจ้าบ่าวในอนาคตอันใกล้ถึงกับอ้อนวอนให้เขาจับสาวน้อยมาหมั้นหมายโดยเร็ว ความสัมพันธ์ของว่าที่บ่าวสาวเองก็ก้าวหน้าอย่างที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายอยากให้เป็น แล้วอย่างนี้ เขาจะมัวคิดมากกังวลในเรื่องที่มันไม่ได้เกิดทำไม สู้เอาเวลาไปคิดวางแผนเรื่องงานแต่งแล้วเตรียมตั้งชื่อหลานคนแรกจะเข้าท่ากว่า
***********************************************************************************
อิพี่คมมันตามดักหน้าดักหลังน้องขนาดน้านนนนน แล้วคุณพ่อยังจะกลัวอะไรอี๊กกก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ