เร้นรักมธุรสลวง

-

เขียนโดย Phaky

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.

  39 ตอน
  3 วิจารณ์
  38.96K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) คนงานใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

“ลาดาขา ไปเที่ยวที่ออฟฟิศกับพี่วินไหมคะ”

 

สามชีวิตนั่งรับประทานข้าวต้มของตัวเองไปเรื่อยๆ โดยมีกวินพล ผู้ปกครองสูงสุดชั่วคราวของบ้านไร่บารมีเสียดฟ้าคอยชวนลันลาดาคุยนั่นนี่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่วังเวงเกินไป กระทั่งสาวน้อยหนึ่งเดียวบนโต๊ะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพลางใช้ผ้าขึ้นซับริมฝีปากเป็นคนสุดท้ายเป็นอันจบมื้อเช้าที่แสนอร่อยเรียบร้อย กวินพลที่รอคอยจังหวะอยู่จึงเอ่ยชวนลันลาดาไปยังออฟฟิศในส่วนงานที่ตนเองรับผิดชอบเสียงสดใส

 

“วันนี้ลาดาจะเข้าไร่กับฉัน” คนถูกชวนไม่ได้ตอบ ส่วนคนตอบคือคนที่ทำหน้าเข้มอยู่ข้างๆคนถูกชวนนั่นแหละ

 

“ไม่ดีมั้ง วันนี้ท้องฟ้าโปร่ง แดดน่าจะจัด เดี๋ยวน้องไม่สบาย ไปนั่งเล่นในห้องแอร์เย็นๆกับฉันดีกว่า เนอะลาดา ไปกับพี่วินนะคะ เดี๋ยวพี่วินพาไปกินขนมอร่อยๆ”

 

“จะมาเป็นเมียกรรมกรก็ต้องหัดเรียนรู้งานในไร่ในสวน ทนแดดทนลมให้ได้”

 

ปากให้เหตุผลกับกวินพล แต่ดวงตาช่างบงการของคมพัชญ์กลับจับจ้องอยู่ที่ใบหน้างามของลันลาดา จ้องเพื่อถ่ายทอดคำสั่ง จ้องให้ลันลาดารู้ตัวว่าต้องตอบรับคำชวนของกวินพลแบบไหน

 

“แต่ว่าน้อง...”

 

“ลาดาไม่เป็นไรค่ะพี่วิน ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ”

 

กวินพลอ้าปากจะแย้งเพราะลันลาดาเป็นสตรีตัวเล็กบอบบาง และถูกการันต์ฟูมฟักเลี้ยงดูมาอย่างลูกคุณหนู แม้ไม่ได้ป่วยขี้โรคแต่จะให้ไปยืนกรำแดดกรำลมอย่างคนงานที่คุ้นเคยคงไม่ไหว ทว่าคนกลางอย่างลันลันลาดาก็กล่าวแทรกขึ้นมาก่อนที่กวินพลจะทันได้โต้แย้งเพื่อตัดปัญหา แม้ไม่เห็นด้วยเลยสักนิดแต่ประกายอ้อนวอนในดวงตากลมทำให้กวินพลใจอ่อนต้องยอมตามใจ

 

“ใส่หมวกนี่ด้วย ถ้าร้อนทนไม่ไหวก็โทร.หาพี่นะคะ เดี๋ยวพี่รีบมารับ”

 

“ขอบคุณค่ะพี่วิน”     

 

เมื่อห้ามไม่ได้ หมวกสานปีกกว้างที่กวินพลให้สาวใช้ไปหยิบจึงถูกสวมลงบนศีรษะเล็กของลันลาดาสำหรับป้องกันแสงแดด สวมให้ไม่พอแต่มือขาวสะอาดตามฉบับบุรุษเจ้าสำอางของกวินพลยังบริการผูกเชือกใต้คางกันหมวกปลิวให้ไปอีก ทำเอาคมพัชญ์ที่ยืนอยู่ข้างๆกัดฟันกรอดในความช่างเอาใจที่พี่ชายปฏิบัติต่อภรรยาของตัวเอง ยิ่งเห็นลันลาดายิ้มหวานเป็นการขอบคุณ ใต้อกกว้างๆของคมพัชญ์ก็ยิ่งแสบร้อนประหลาด รู้หรอกว่าพี่ชายไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับลันลาดา แต่ที่กลัวคือเมียของเขานี่แหละ ไม่รู้ว่าวันใดวันหนึ่งจะแพ้ทางให้คารมหวานๆกับความอ่อนโยนของกวินพลในแบบที่เขาไม่เคยมีหรือเปล่า

 

“ไปกันได้แล้ว นั่นน่ะพี่ชายผัว อย่าเล่นหูเล่นตาให้มากนัก ฉันไม่ชอบ!”

 

กัดฟัน กลั้นใจรอจนผูกเชือกปลายคางเสร็จก็เป็นอันจบธุระเกินหน้าที่ของกวินพลสักที ได้จังหวะที่รอคอยท่อนแขนสีแทนก็เกี่ยวรวบเอวบางพาเดินไปขึ้นรถกระบะสำหรับใช้งานในไร่ที่จอดรออยู่หน้าบ้าน พอเดินออกห่างกวินพลมานิด ใบหน้ากร้าวแกร่งก็โน้มต่ำลงชิดใบหูของภรรยาก่อนคำรามสั่งเสียงเหี้ยม ก่อนที่มือหนาจะกดเอวบางเข้ามาชิดตัวกว่าเดิมพร้อมลดจังหวะการก้าวเดินให้ช้าลงเมื่อนึกได้ว่าลันลาดามีอาการบาดเจ็บที่กลางกาย ส่วนกวินพลนั้นยืนกอดอกพิงไหล่กับกรอบประตูหน้าบ้านมองตามน้องชายกับว่าที่น้องสะใภ้ นึกพอใจที่เห็นคมพัชญ์ช่วยอุ้มร่างเล็กของลันลาดาขึ้นไปวางไว้บนเบาะหน้ารถอย่างเบามือ อย่างน้อยๆใต้ความเกรี้ยวกราดที่ยังกรุ่นกระจายอยู่ใต้ผิวหนังของน้องชายก็ยังมีความทะนุถนอมมอบให้คู่หมั้นอยู่พอตัว

 

“เฮ้อ...”

 

รู้ว่าถอนหายใจบ่อยๆจะเป็นการลดทอนความหล่อเพราะมันจะทำให้ใบหน้าเข้าสู่โหมดชราเร็วขึ้น แต่กวินพลก็ห้ามตัวเองได้ยาก แฝดพี่มองตามรถกระบะที่ห่างสายตาไปแล้วถอนหายใจอีกครั้งติดๆ อยากพูด อยากเตือน อยากห้าม และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากช่วยให้ความสัมพันธ์ของคมพัชญ์กับลันลาดาดีขึ้น แต่ทุกอย่างกลับติดอยู่แค่ริมฝีปาก เพราะสุดท้าย สัจธรรมของการใช้ชีวิตคู่ให้ไปรอดคือทั้งสองคนต้องจัดการเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยตัวเอง คนนอกอย่างเขาก็คงได้แต่มองอยู่ห่างๆอย่างโคตรห่วง

 

“ฮัลโหล ว่าไงเพื่อน ได้เรื่องแล้วเหรอ เจ๋งมากไอ้เจ้าบ่าวป้ายแดง”

 

เมื่อครู่เพิ่งจะถอนหายใจเฮือกๆด้วยความกลัดกลุ้ม แต่พอรับโทรศัพท์จากรณฤทธิ์ เพื่อนสนิทที่เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อคืน สีหน้าของกวินพลก็กระดี๊กระด๊าเป็นคนละคน คุยกับเพื่อนซี้อยู่ครู่ใหญ่ แฝดพี่ก็กดตัดสาย จากนั้นก็เดินฮัมเพลงพร้อมควงกุญแจรถสปอร์ตสีดำคันโปรดด้วยปลายนิ้วมุ่งหน้าไปยังโรงรถ ตัวยังอยู่ที่ไร่บารมีเสียดฟ้า แต่ความคิดของชายหนุ่มกลับพุ่งไปรออยู่ที่ร้านกาแฟเปิดใหม่ในตัวเมืองโน่นแล้ว

.....................................................................................................................

“รู้ตัวว่าขาสั้นก็ต้องเร่งเดินให้มันเร็วขึ้น เดินอ้อยสร้อยชมนกชมไม้แบบนี้จะไปทำอะไรทันกิน”

 

หลังถูกเจ้าของใบหน้าหวานร้องขอให้ชายหนุ่มปล่อยมือจากการกอดเอวประคอง คมพัชญ์ก็เดินหน้ามุ่ยพาลันลาดาเข้ามาในสวนมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ที่บังคับให้ออกผลนอกฤดูกาลห้อยโตงเตงลูกโตๆสีเหลืองนวลอยู่เต็มต้น ภารกิจที่คนงานได้รับมอบหมายในวันนี้ก็คือช่วยกันเก็บผลมะม่วงลูกโตเพื่อเตรียมจัดส่งออกต่างประเทศตามออเดอร์ที่ได้รับ ทุกคนต้องเร่งมือทำงานแข่งกับเวลา เพราะมะม่วงพันธุ์นี้สำหรับส่งออกจะต้องเก็บที่ความสุกระดับแปดสิบถึงแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมื่องานเร่ง คนงานมีจำกัดและปริมาณมะม่วงที่ต้องเก็บคือหนึ่งตัน คมพัชญ์จึงพาคนงานใหม่มาช่วยให้งานเร็วขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นสตรีสาวสวยหน้าหวานเหมือนนางฟ้าเดินดินที่เหล่าคนงานได้รับข้อมูลจากปากของพ่อเลี้ยงนภัทรเองว่านี่แหละว่าที่สะใภ้เล็กของไร่บารมีเสียดฟ้า ทว่ายังไม่ทันได้เริ่มงาน นางฟ้าในสายคนงานก็ถูกลูกชายเจ้าของไร่กล่าวหาว่าขาสั้นไปเสียแล้ว เดือดร้อนคนขาสั้นต้องเร่งจังหวะก้าวเท้าให้เร็วขึ้นจนร่างบางแอบหอบหายใจน้อยๆกว่าจะเดินตามทันคมพัชญ์

 

“พาคนงานใหม่มาช่วย ผมฝากป้าตองสอนงานด้วย”

 

“ได้จ้ะนาย เชิญทางนี้จ้ะนายหญิง”

 

เพราะเป็นคำสั่งของคมพัชญ์ คุณป้าร่างอวบผิวคล้ำที่กำลังคัดขนาดมะม่วงแยกใส่ตะกร้าจึงไม่กล้าโต้แย้งเมื่อได้เห็นหน้าคนงานใหม่ที่ชายหนุ่มพามาส่ง ป้าตองคนงานเก่าแก่คนหนึ่งของไร่ค้อมศีรษะรับคำก่อนหันไปส่งยิ้มให้คนงานใหม่ แม้คมพัชญ์จะจำกัดสถานะสตรีหน้าหวานตรงหน้าเป็นหนึ่งในคนงาน ทว่าป้าตองก็มิอาจตีตัวเสมอ แค่จะแตะเนื้อตัวของลันลาดาเบาๆเพื่อพาไปสอนวิธีเลือกเก็บมะม่วงที่โคนต้นก็ยังไม่กล้า เพราะกลัวจะทำให้ผิวเนื้อสวยๆเป็นรอยด้วยฝ่ามือหยาบกร้านของแก

 

“รบกวนคุณป้าด้วยนะคะ”

 

น้ำเสียงที่ยังคงความอ่อนหวานของลันลาดาทำให้คมพัชญ์ที่เดินห่างออกมาสองก้าวต้องแอบชำเลืองมอง เห็นป้าตองยื่นถุงมือผ้าให้สวมแล้วก็ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าผิวบางๆแบบนั้นจะแพ้ใยผ้าหรือเปล่า เดิมก็ไม่ได้อยากพาหญิงสาวมาลำบากลำบนอะไรนัก แต่พอได้ยินกวินพลชวนแม่เนื้อหวานไปนั่งเล่นที่ออฟฟิศข้ามหน้าข้ามตาคนเป็นผัว คมพัชญ์จึงเกิดความรู้สึกหวงเมียขึ้นมาฉับพลัน เลยต้องการพาลันลาดามาอยู่ใกล้ตัว

 

ทว่าระหว่างเดินหน้าบึ้งเข้ามาในไร่ก็บังเอิญนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนพี่ชายสั่งให้ทะนุถนอมลันลาดาให้มาก คมพัชญ์จึงแกล้งใช้งานหญิงสาวเล่นเสียเลย ก่อนหน้านี้ตอนรู้ว่าจะต้องแต่งงานแต่ไม่ทราบว่าเจ้าสาวคือใคร คมพัชญ์กับกวินพลเคยสุมหัวกันวางแผนชั่วว่าจะแกล้งให้ว่าที่เจ้าสาวเตลิดเปิดเปิงจนไม่อยากเป็นสะใภ้ไร่บารมีเสียดฟ้า และการจับว่าที่เจ้าสาวมาเป็นคนงานในไร่ก็เป็นหนึ่งในแผนการอันดับต้นๆที่เลือกไว้ แผนมีไว้ไม่ได้ใช้มันก็กระไรอยู่ แถมลันลาดายังชอบแจกจ่ายยิ้มหวานๆให้คนนั้นคนนี้จนน่าโมโหอีก คมพัชญ์จึงถือว่าไม่ผิดกติกามากนักที่ลันลาดาต้องมายืนตากแดดตากลมเก็บมะม่วง แต่ถึงจะเป็นการกลั่นแกล้ง คมพัชญ์ก็หาได้ละทิ้งความห่วงใย ชายหนุ่มเลือกให้ป้าตอง คนงานเก่าแก่ที่ใจดีและไว้ใจได้ให้เป็นคนอยู่ดูแลเมียตัวน้อยระหว่างที่ตัวเองตัดใจแยกตัวไปทำงาน

 

“ต้องเลือกลูกโตๆ ผิวนวลเกลี้ยง ไม่มีตำหนินะจ๊ะ”

 

คุณภาพของสินค้าคือปรัชญาหลักของการทำงาน มะม่วงน้ำดอกไม้ของไร่บารมีเสียดฟ้าจึงต้องผ่านการคัดคุณภาพอย่างน้อยสามรอบก่อนแพ็กลงกล่อง โดยสเป็กของมะม่วงล็อตนี้คือเกรดเอเท่านั้น น้ำหนักต่อลูกต้องไม่ต่ำกว่าสองร้อยห้าสิบกรัม ผิวมะม่วงต้องเรียบเนียนสวย ไม่มีรอย จุดดำ ไม่มีราน้ำมันหรือแอนแทรคโนสใดๆทั้งสิ้น

 

“ลูกนี้ใช้ได้ไหมคะป้าตอง”

 

“ใช้ได้จ้ะ นายหญิงใช้กรรไกรตัดที่ขั้วได้เลย จับที่ลูกเบามือหน่อยนะจ๊ะ ระวังผิวมันช้ำ”

 

ป้าตองยืนขนาบข้างคอยเป็นพี่เลี้ยงสอนงานลันลาดา ดวงตาเป็นกังวลของแกคอยมองหาเจ้านายหน้าเหี้ยม เพราะป้าตองอยากให้คมพัชญ์มาเห็นเหมือนที่แกเห็น มองอย่างไรก็รู้สึกไม่เข้ากันสักทีระหว่างฝ่ามือบอบบางขาวๆกับถุงมือผ้าที่คนงานต้องสวมทับป้องกันเหงื่อที่ฝ่ามือสัมผัสผลมะม่วง ลันลาดาไม่เหมาะกับงานกลางไร่กลางแดดแบบนี้เลยสักนิด ทว่าชะเง้อคอมองหาเท่าไรก็หาคมพัชญ์ไม่เจอ ครั้นจะฝืนคำสั่งด้วยการให้ลันลาดายืนดูเฉยๆก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน ป้าตองจึงให้คนงานหน้าแฉล้มเก็บมะม่วงที่ห้อยอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ เก็บง่าย ส่วนตัวแกจะปีนไปตรงง่ามกลางต้นเพื่อเก็บลูกที่อยู่สูงเกินมือเอื้อมถึง

 

เพื่อลดโอกาสที่มะม่วงจะชอกช้ำในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ของไร่บารมีเสียดฟ้าจึงได้รับการตัดต่อพันธุกรรมให้ลำต้นเตี้ย คนงานจะได้ยืนเก็บได้ด้วยมือเปล่าเหมือนที่ลันลาดากำลังทำ ภาพมะม่วงสีเหลืองอ่อนลูกโตหลายๆลูกห้อยโตงเตงอยู่ไม่ห่างจากพื้นดินจึงเป็นภาพชินตา ทว่าก็ยังมีอีกหลายลูกที่ติดผลบนกิ่งด้านบนจนต้องใช้ตะกร้อสอยลงมา แต่เพราะคำว่าเกรดเอมันค้ำคอ จะให้เอาตะกร้อเกี่ยวตัดขั้วแบบวิธีปกติจึงไม่ได้ การเก็บมะม่วงไม่ให้ช้ำ ที่ก้นตะกร้อจะต้องมีผ้านุ่มๆปูรอง และคนสอยจะต้องปีนขึ้นไปยืนบนต้นเพื่อให้ระยะห่างระหว่างปากตะกร้อกับผลมะม่วงมีน้อยที่สุด จากนั้นจึงค่อยๆดึงมะม่วงด้วยความเบามือ หนึ่งลูกในตะกร้อต่อการสอยหนึ่งครั้งเท่านั้น ทะนุถนอมประหนึ่งไข่ไก่ที่แสนเปราะบาง ก่อนจะหย่อนลงในตะกร้าตรงโคนต้น ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผลไม้ชนิดอื่นในไร่ก็ปฏิบัติคล้ายกัน ออเดอร์สั่งจองผลไม้จากไร่บารมีเสียดฟ้าในแต่ละปีจึงมีแต่เพิ่มขึ้นเพราะลูกค้าติดใจในคุณภาพ

 

“ฮึบ! อีกนิดเดียว”

***********************************************************************************

ยืนไว้อาลัยให้ปากพี่คมได้ไหม ดุเก่ง บ่นเก่ง ตะคอกเก่ง แล้ววันนี้ยังปากเก่งด้วยการกล่าวหาว่าน้องขาสั้นไปอี๊ก บางทีก็อยากเตือนอิพี่คมว่าให้เพลาๆปากไว้บ้าง วันไหนน้องทนไม่ไหว ฮึดฮัด ลุกขึ้นสู้ขึ้นมา พี่จะแย่เอาน๊า ฮึๆ

ปล.เรื่องนี้ทำมือนะคะ อีกสักพักเดี๋ยวภัคมาเปิดจอง รับรองว่าได้อิพี่ไปตบปากกันแน่นอน แต่ตอนนี้ใจเย็นๆก่อนน่อ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา