เร้นรักมธุรสลวง
เขียนโดย Phaky
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) เหมือนไม่ใช่คนเก่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“คม อาฝากดูแลน้องด้วยนะ”
ยังไม่ทันได้เห็นบุตรสาวสวมชุดวิวาห์ แต่เพียงแค่เห็นแหวนเพชรน้ำงามถูกรูดเข้าสู่เรียวนิ้วนางเล็กๆข้างซ้ายของลันลาดาด้วยมือสีแทนดูแข็งแกร่งของคมพัชญ์ หัวอกคนเป็นพ่อก็อดปลาบปลื้มจนมีน้ำใสๆคลอขังดวงตาไม่ได้ มืออุ่นของการันต์ลูบศีรษะของคมพัชญ์กับลันลาดาที่ก้มกราบลงมาบนตัก ก่อนฝากฝังให้บุตรชายของเพื่อนรักดูแลลูกสาวยอดดวงใจของตัวเอง
“ครับ คุณอา”
“ยังเรียกอากันอยู่อีก อีกหน่อยก็จะดองเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ต้องเรียกพ่อรันต์สิวะ ไอ้คม”
เป็นพ่อเลี้ยงนภัทรที่นั่งเป็นผู้ใหญ่ของบ่าวสาวเคียงคู่กับการันต์บนโซฟาตัวยาวในห้องทำงานของท่านที่ออกโรงเตือนคมพัชญ์ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พิธีสวมแหวนไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร มีพยานร่วมรับรู้ว่าคมพัชญ์ได้จับจองลันลาดาเป็นว่าที่สะใภ้เล็กของไร่บารมีเสียดฟ้าเพียงบุคคลสำคัญในครอบครัวนั่นคือพ่อเลี้ยงนภัทร การันต์ และกวินพล พิธีดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายแต่กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่น สองครอบครัวมีแต่รอยยิ้มชื่นมื่น และคนที่มีความสุขกว่าใครคงหนีไม่พ้นคมพัชญ์ เพราะตั้งแต่ลันลาดาที่สวมชุดเดรสสีขาวดูอ่อนหวานเข้ามานั่งสำรวมอยู่ตรงหน้า คมพัชญ์ก็เอาแต่นั่งมองคู่หมั้นคนสวยไม่วางตา แต่วันนี้เป็นวันของชายหนุ่ม แล้วอีกอย่างลันลาดาก็สวยละมุนละไม ตากลม ปากนิด จมูกหน่อย ดูน่ารักจิ้มลิ้มเหลือเกิน คงเป็นเรื่องยากที่จะห้ามไม่ให้ลูกชายคนเล็กละลายตา พ่อเลี้ยงนภัทรจึงได้แต่แอบพยักพเยิดอาการของคมพัชญ์ให้การันต์ดูอยู่เงียบๆ
“ลาดา หนูเป็นลูกสาวของพ่อแล้วนะ ถ้ามีปัญหาอะไร หนูสามารถบอกพ่อคนนี้ได้ตลอด รู้ไหมลูก”
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”
ลันลาดาก้มกราบแทบตักของพ่อเลี้ยงนภัทรพร้อมกล่าวขอบคุณเมื่อถูกท่านดึงตัวเข้าไปกอด อยากบอกเหลือเกินว่าคำว่า ‘พ่อ’ ที่เธอเรียกขานมาจากความรู้สึกแท้จริง หาใช่เพราะเป็นคำสั่ง เพราะบุญคุณของพ่อเลี้ยงนั้นแสนยิ่งใหญ่ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากท่าน วันนี้ครอบครัวเธอคงยังก้าวผ่านวิกฤติมาไม่ได้ และถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาจากท่าน คงไม่มีเธอมานั่งให้คมพัชญ์สวมแหวนหมั้นอยู่ตรงนี้
“งานเข้า พ่อมีลูกสาวใหม่ อย่างนี้ผมกับไอ้คมไม่กลายเป็นหมาหัวเน่าเหรอครับ”
“แกสองตัวพึงสังวรไว้บ้างก็ดี กลิ่นตุๆเริ่มโชยแล้ว”
“โห พ่อ! ทำไมใจร้าย ได้ใหม่แล้วลืมเก่า”
กวินพลตั้งใจถามให้พ่อโอ๋ แต่แทนที่คนเป็นพ่อจะกล่าวแก้ให้ลูกชายสบายใจว่าแฝดหัวแก้วหัวแหวนยังคงเป็นสุดที่รักมิเปลี่ยนแปลง เหตุไฉนเลยพ่อเลี้ยงนภัทรกลับตอบรับหน้าตาเฉย อาการดึงลันลาดาเข้ามากอดแล้วทอดสายตาเย้ยๆไปมองลูกชายทั้งสองให้รู้ไปเลยว่ากำลังเห่อลูกสาวคนใหม่มากว่าเจ็บปวดแล้ว พ่อเลี้ยงนภัทรยังทำจมูกฟุดฟิดๆคล้ายได้กลิ่นไม่พึงประสงค์จากศีรษะบุตรชายทั้งสอง ทำเอากวินพลที่จ้างร้อยแต่เล่นใหญ่หลักล้านยกมือกุมหน้าอก ออกอาการตัดพ้อจนคมพัชญ์ที่อยู่ในสถานะหมาหัวเน่าเหมือนกันยังหมั่นไส้
“ลาดาขา พี่วินฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
อ้อนพ่อไม่ได้ กวินพลจึงอันไปส่งสายตาปิ้งๆให้ลันลาดาที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แทน ก็พ่อเลี้ยงนภัทรเล่นออกตัวแรงว่าปลื้มลูกสะใภ้คนเล็กเอามากๆจนลืมลูกชายแบบนี้ ว่าที่หมาหัวเน่านัมเบอร์วันก็ต้องหันมาพึ่งน้องสะใภ้นี่แหละ เวลาโดนพ่อด่าจะได้เอาลันลาดามาเป็นโล่ป้องกัน เผื่อพ่อเลี้ยงนภัทรเห็นตาแป๋วๆของลูกสาวคนใหม่แล้วด่าไม่ลง
“ไอ้ลูกเวรนี่ ยังไม่ทันไรเลยเกาะใบบุญน้องซะแล้ว เจริญจริงๆ เอาล่ะๆ อย่ามัวแต่เล่น เดี๋ยวพ่อกับรันต์ต้องออกเดินทางแล้ว แกสองคนอยู่บ้าน ดูแลน้องให้ดีล่ะ ถ้าฉันรู้ว่าใครแกล้งน้อง ฉันจะกลับมาเล่นงาน”
“ใครจะกล้าแกล้งลูกสาวคนโปรดของพ่อล่ะครับ”
เป็นคมพัชญ์ที่นั่งปิดปากเงียบอยู่นานสัพยอกบิดาขึ้นมาบ้าง แต่พูดกับพ่อ ทว่าคมพัชญ์กลับปรายตาเจ้าเล่ห์มองจ้องลันลาดาตาไม่กะพริบ ทำเอาคนถูกมองอายม้วนต้วนเป็นรอบที่ร้อยแปด
‘เอ็งนั่นแหละตัวดี!’
“ให้มันจริงเถอะไอ้คม เจ้าวิน คอยดูน้องแกด้วย อย่าให้มันซ่ามากนัก”
นี่ถ้าการันต์กับลันลาดาไม่นั่งอยู่อยู่ตรงนี้ล่ะก็ พ่อเลี้ยงนภัทรคงโพล่งออกไปแล้วว่าคนที่ตัวเองต้องดักคอเจาะจงไม่ให้แกล้งลันลาดาน่ะคือเจ้าแฝดน้องตัวแสบนั่นแหละ และเพราะไม่อยากทำให้เพื่อนสนิทหวั่นใจ เขาจึงต้องเลี่ยงไปใช้คำว่า ‘แกล้ง’ ให้ความหมายมันซอฟท์กว่าคำว่า ‘รังแก’ แต่คิดว่าคนเป็นลูกก็เข้าใจอยู่ดี เขาเป็นพ่อมัน ทำไมจะไม่รู้ทันสันดานลูก ไอ้คมมันพูดน้อย แต่มือไว ยายหนูลาดายิ่งซื่อๆอยู่ น่าเป็นห่วง!
“พ่อฝากผิดคนไหมล่ะ น่าจะเป็นผมมากกว่านะที่ต้องควบคุมความประพฤติมัน”
พอได้ยินชื่อผู้คุม คมพัชญ์ถึงกับสะบัดหน้าขึ้นมองบิดาราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อครู่คือคำพูดที่มาจากปากท่าน ก่อนหันหน้าไปมองกวินพลที่นั่งยืดตัวชูคอราวกับมันได้รับเกียรติให้รับภาระหน้าที่อันทรงคุณค่า แต่พ่อเลี้ยงนภัทรลืมไปหรือเปล่าว่าไอ้หน้าลิเกที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาน่ะมันก็ใช่จะเป็นคนดี มีความประพฤติอยู่ในศีลในธรรม ตรงกันข้ามเชียวแหละ ถ้าอยากจะรู้วีรกรรมต่ำตมของกวินพล ขอเวลาว่างๆสักสามวันขั้นต่ำ แค่นั้นเอง
“เอาเป็นว่าพ่อฝากความหวังไว้ที่ลาดานะลูก ถ้าไอ้แฝดคนไหนเกเร หนูฟ้องพ่อได้เลย”
ฝากกันไปฝากกันมา สรุปแล้วพ่อเลี้ยงนภัทรไม่ไว้ใจลูกชายสักคน คนเดียวที่ขึ้นแท่นลูกรักแทนสองแฝดและได้รับความเชื่อใจจึงกลายเป็นลันลาดา ทว่าพ่อเลี้ยงนภัทรก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะใช้งานผิดประเภทเมื่อก้มหน้าพูดกับลูกสาวคนใหม่ ก็คนคุมตัวเล็ก หน้าหวาน พูดเพราะ และนุ่มนิ่มขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะคุมความประพฤติของจอมแสบอย่างกวินพลกับคมพัชญ์อยู่หรือเปล่า
“แล้วถ้าลาดาเกเรซะเองล่ะครับ ผมจะฟ้องใครได้บ้าง”
“ลูกสาวพ่อเลี้ยงนภัทรเป็นเด็กดี ไม่มีทางเกเรแน่”
พ่อเลี้ยงนภัทรเถียงกลับคมพัชญ์ด้วยความมั่นใจ ก่อนหันไปมองทางประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะ เป็นหนุ่มใหญ่เลขาประจำตัวตัวของท่านเองที่เข้ามาตาม เพราะเห็นว่าใกล้ได้เวลาที่นัดหมายกันไว้แล้ว พ่อเลี้ยงนภัทรจึงหันไปพยักหน้ากับการันต์เป็นอันเข้าใจกัน เมื่อถึงเวลาต้องลาจากเต็มที การันต์จึงโน้มตัวลงแล้วดึงลันลาดาเข้ามากอดเต็มอ้อมแขน
“ลาดา พ่อไปก่อนนะลูก ดูแลตัวเองดีๆ พ่อรักลูกนะ”
“หนูก็รักคุณพ่อค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”
“คม พ่อฝากของขวัญให้เจ้าฤทธิ์ด้วย ฝากอวยพรให้มันมีความสุขมากๆ กลับมาค่อยนัดกินข้าวกัน”
ปล่อยให้พ่อลูกได้ล่ำลากันเรียบร้อย พ่อเลี้ยงนภัทรก็เดินไปหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ล่วงหน้ามาส่งให้ลูกชาย เดิมทีตั้งใจว่าจะนำไปมอบให้รณฤทธิ์ อีกหนึ่งพ่อเลี้ยงเนื้อหอมซึ่งเพื่อนสนิทของเจ้าแฝดที่กำลังจะแต่งงานในวันพรุ่งนี้ แต่เผอิญเขาต้องไปสะสางปัญหากับการันต์ จึงต้องฝากของขวัญกับคำอวยพรไปแทน แต่คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะหลังเสร็จธุระค่อยนัดกันมาสังสรรค์ที่บ้านเหมือนอย่างเคย หรือไม่แน่ การเจอกันครั้งหน้า อาจเป็นที่งานวิวาห์ของคมพัชญ์ก็เป็นได้
“ไปกันเถอะรันต์ ได้เวลารุ่นเก๋าอย่างเราออกลายแล้ว ไอ้วิน แกเป็นพี่ใหญ่ ดูแลน้องๆให้ดีล่ะ”
“สบายมากครับ สวัสดีครับพ่อรันต์ ไปดีมาดีนะครับพ่อเลี้ยง อย่าลืมซื้อขนมมาฝากด้วยล่ะ”
ขนมที่ทวงจะได้หรือเปล่ายังไม่รู้ แต่ที่กวินพลได้ไปแล้วแน่ๆคือมะเหงกก้อนโตจากพ่อเลี้ยงนภัทรที่เคาะลงมาบนศีรษะเต็มรัก กวินพลทำปากคว่ำที่พ่อเลี้ยงนภัทรทำอะไรไม่เกรงใจตำแหน่งผู้ปกครองชั่วราวของไร่บารมีเสียดฟ้าเลย โชคดีที่เคาะมาครั้งเดียว หากมีซ้ำ ศีรษะที่ทำหน้าที่เก็บรักษามันสมองชั้นเยี่ยมคงบุบสลาย จะอ้อนใครก็ไม่ได้ด้วย เพราะพ่อกับการันต์เดินออกไปจากห้องแล้ว พอจะหันไปอ้อนน้องก็รู้สึกว่าออกไปนั่งโง่ๆคนเดียวในห้องรับแขกอาจจะได้รับความสนใจมากกว่าเสียอีก ก็คมพัชญ์กับลันลาดาเล่นนั่งมองกันเหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคน ทำเอาพี่ชายอย่างเขากลายเป็นส่วนเกินไปโดยปริยาย หมั่นไส้! ไม่ได้อิจฉา แค่เหม็นความรัก!
“วิน แกพาลาดาไปเลือกชุดที่จะใส่ไปงานไอ้ฤทธิ์ด้วย”
“ฉัน? อ๋อ! ได้สิ ลาดาขา มากับพี่วินนะคะ เดี๋ยวพี่วินพาไปเลือกชุดสวยๆ ”
จังหวะที่คนหัวเน่ากำลังตรงไปที่ประตูเพื่อหลีกหนีความหวานที่มันรายล้อมตัวจนรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน เสียงเข้มๆของน้องชายก็เรียกไว้พร้อมคำสั่งตามมา กวินพลชี้มือเข้าหาตัวเองพลางเบิกตาทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม เขาไม่ได้รังเกียจที่ต้องพาลันลาดาไปเลือกซื้อของ เพียงแต่แปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆคมพัชญ์มอบหน้าที่นี้ให้ทั้งที่ปกติมันแทบไม่เคยปล่อยว่าที่เจ้าสาวให้ห่างกาย คนที่จะให้คำตอบได้ว่าทำไมถึงไม่พาคู่หมั้นไปเองมีเพียงคนเดียว ทว่าคมพัชญ์ไม่อยู่ให้ถามเสียนี่ พอสั่งเสร็จไอ้แฝดน้องก็เดินแน่วๆออกไปจากห้องไม่เหลียวหลัง ทิ้งลันลาดาให้นั่งมองตามหลังมันตาปริบๆ
‘ให้พี่เป็นคนเลือก? พี่วินจัดให้!’
****************************************************************************************
อย่าว่าแต่พี่วินจะงงเลย คนอ่านก็ชักจะมึนเหมือนกันล่ะสิว่าอะไร ยังไง ทำไมอยู่ๆอิหนวดมันทิ้งน้องให้มองตาปริบๆแบบนี้ล่ะ เรียกพ่อกลับมาทันไหม
ปล.1 วันนี้ภัคลงให้อ่าน ตอนที่12 กับ 13 นะคะ ชดเชยของเมื่อวาน ลืมมมมมมม
ปล.2 เนื้อเรื่องที่ลงให้อ่านเป็นเนื้อเรื่องดิบค่ะ อยู่ในขั้นตอนแก้ไข อย่าเพิ่งทวงเล่มกันน๊า
ปล.3 ฝากกดติดตาม กดหัวใจ ฝากคอมเม้นต์ให้กำลังใจนักเขียนตัวกลมๆคนนี้ด้วยนะคะ อยากด้ายยยยยยยยยยยย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ