ไนยเนตร

10.0

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.12 น.

  2 ตอน
  3 วิจารณ์
  3,950 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 17.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ผีสาวเจ้าน้ำตา(1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 1  ผีสาวเจ้าน้ำตา
               สวัสดีครับชาวเด็กดีและเด็กหัวเกรียนทั้งหลาย สักประเดี๋ยวจะพาทุกคนไปทั่วโรงเรียนเสนานิคมที่กระผมเพิ่งสอบเข้ามาได้อย่างยากลำบากกันนะ ฮ่า ๆ  ถ้าว่างอ่ะนะ แต่เอ่ะ! ไม่เอาดีกว่า...ขี้เกียจ!                เอาล่ะครับ! วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกล่ะมั้ง...ถ้าจำไม่ผิด!! แต่ไฉนพอผมมองไปรอบ ๆ แล้วไม่เห็นมีใครมาโรงเรียนเลยสักคน?                แต่...  "อ่ะจะหึ้ยยย!"  กระผมตกใจพลัน  เมื่อสายตาของผมนั้นเหลือบไปเห็นชายแก่คนหนึ่งท่าทางดูน่ากลัวและกำลังนั่งดูดก้นบุหรี่อย่างสบายใจ...และด้วยความเผือกระดับพระเจ้า ผมจึงเดินเข้าไปทักถาม
               "สวัสดีครับลุง  ไม่ทราบว่าลุงมาทำห่าเหวอะไรอยู่ตรงนี้ครับ?"                ผมถามอย่างสุภาพจนชายแก่หยุดซะงัก แล้วเขาก็ดีดม้วนบุหรี่ที่ยังสูบไม่ถึงครึ่งทิ้งไป                "แค่ก ๆ"  ชายแก่นั่งไออย่างสนุกคอ แล้วหันมาทำสีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิตใส่ผม  "ไอ้เด็กเวร!"                "อั้ยย่ะ!  กูโดนด่าเฉย"
               ชายคนนั้น...กระผมขอเรียกแกว่า ลุง แทนสรรพนามก็แล้วกันเน้อ  เพราะพอเข้ามาดูใกล้ ๆ ลุงแกก็ยังเป็นหนุ่มวัยกลางคนแลดูมีความเอ๊าะ ๆ อายุประมาณราว ๆ 50 ขวบได้มั้ง                "คุณลุงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมแลดูเงียบ ๆ"                "เปล่าหรอกพ่อหนุ่ม"  น้ำเสียงเรียบ ๆ เอื้อนเอ่ย แต่สายตาของคุณลุงแกกลับไม่เหลียวแลหน้าคนถามเลยสักนิด  "นี่ไอ้เด็กเวร...!"                "ง่ะ ม่ะด่าผมอีกแหละ ?"
               "เห็นแจกันดอกไม้ที่วางอยู่โค่นเสาไฟฟ้านั้นไหม?"  ลุงแกพูดพลางชี้นิ้วไปที่นั่น...ทำให้ผมต้องมองตาม ปรากฏมีดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งคู่หนึ่งเสียบอยู่ในแจกันทรงกลมสีเขียว                "หะ เห็นครับลุง" 
               "งั้นช่วยเดินไปเปลี่ยนดอกไม้เหี่ยว ๆ ตรงนั้นออกให้ทีสิไอ้เด็กเวร"  ผมน้อมตัวรับคำสั่งของตาลุง แล้วเดินข้ามถนนไปยังเสาไฟฟ้าตามที่แกบอกอย่างว่าง่ายราวถูกสะกิดจิต                "เฮ้ลุง! แล้วดอกไม้ที่จะให้ผมเอามาเปลี่ยนล่ะครับ?"                "มึงก็หาเอาเองดิวะ!"
               "เฮ้อ...เด็ดเอาดอกจำปีที่อยู่ข้างถนนมาเสียบแทนได้ไหมเนี่ย?"  ผมพูดในทำนองบ่น ๆ ส่วนตัวกลับก้มลงไปหยิบดอกไม้เหี่ยว ๆ ที่เสียบค้างอยู่ในแจกันทิ้งไป เทน้ำเน่า ๆ ออกให้หมด แล้วเงยหน้าหันไปมองคุณลุงที่นั่งอยู่ แต่...เหตุการณ์น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น...!                "อ่ะอ้าว ไอ้คุณลุงมันหายหัวไปไหนแล้วว่ะ?"   สงสัยหรือว่า...ลุงแกจะเป็นนักมายากลหรือไม่ก็เป็นภารโรงของโรงเรียนแห่งนี้หรือเปล่า?  "โธ่...หายไปไหนของลุงเนี้ย?  ให้ผมมาเปลี่ยนดอกไม้ที่อยู่ในแจกันแล้ว จู่ ๆ ก็หายวับไป...โอ้เยเย้!"
               เหตุการณ์หายตัวไปของลุงทำให้ผมยืนสับสนอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองขี้เลื่อยจะเริ่มสั่งให้มือน้อย ๆ เลื่อนไปหยิบแจกันอันวางอยู่ตรงหน้า                "เอิ้ม ตอนนี้ตูควรเอาดอกไม้มาเปลี่ยนใส่ในแจกันนี้สินะ?"  อั้ยย่ะ! นี่เราพูดอยู่กับใคร?                ...                'เฮ้อ...นี่แค่เปิดเทอมวันแรก ไฉนหนุ่มน้อยน่ารักอย่างกระผมถึงต้องมาเจอเรื่องประหลาดแบบนี้ด้วยเนี้ย? โอ้เยเย้...!'                ระหว่างที่กำลังเอาแจกันนั่นไปเติมน้ำมันเบนซิน (...เอิ้ม...) สมองก็คิดหาดอกซากุระสด ๆ สีส้นสวยงามเผื่อว่าจะนำมาประดับแจกัน  แต่เนื่องด้วยเมืองไทยนั้น...มันคงไม่มีดอกซากุระ แหง ๆ ผมเลยจำต้องหาดอกบัวสีขาว ๆ ไปแทนที่เพื่อแก้ขัด
                "แจกันใบเดิมมันเก่าแฮะ หาซื้ออันใหม่มาเปลี่ยนดีกว่า"  คำ ๆ นี้ที่ทำให้ผมจำต้องเที่ยวหาซื้อแจกันใบใหม่ลายมักกรผงาดฟ้าพร้อม ๆ กับดอกบัวสีขาวกลิ่นหอมฟรุ้งฟริ้งมาประดับตั้งไว้ที่เดิม  "เห้อ...หมดเงินไปหลายบาทเลยแหละครับ"                 ...ทว่า ขณะที่กระผมกำลังเดินย่างสามขุมข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม อยู่ ๆ ก็มีเสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ ประมาณว่า                 "ขะ ขอบคุณนะ"                 "เอ่ะ? นี้คงจะหูแว่วไปสินะ?"                  ...                โรงเรียนเสนานิคมคือสถานที่เหล่าเด็กดีและเด็กเลวอย่างผมใฝ่ฝัน เพราะว่ามันคือโรงเรียนดีเด่นที่สุดแล้วในโลกทั้งใบ                   "เย้...ตบมือสิครับ รอไร?"                 ห้อง King หมายเลข 104 ต่างรู้กันดีว่ามันคือห้องระดับเทพ นักเขียนที่ได้คะแนนดี ๆ เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาเสนอหน้าอยู่ในห้องนี้ได้  แน่นอนว่าความรู้ของผมมิอาจเข้ามาเดินส่ายตูดอยู่ในห้องนี้ได้ แต่ด้วยสกิลการเดาขึ้นเทพมันกลับทำให้ผมสอบได้อันดับ 1 ซะงั้น โอ้เยเย้...
               เริ่มการทำเปิดเรียนคาบแรก...               ...และแล้ว นักเรียนหัวกะทิต่างก็พากันเข้ามานั่งในห้องเรียนนี้จนเต็ม                "สวัสดีเด็ก ๆ คงจะพร้อมกันหมดแล้วสินะคะ ครูชื่ออาจารย์วันเพ็ญเน้อ (อั้ยย่ะ!!..นักเขียนตั้งชื่อได้สิ้นคิดดี) ต่อไปนี้...! ครูจะให้นักเรียนทุกคนแนะนำตัวเองนะว่าชื่ออะไร จบมาจากไหน เริ่มจากหมายเลย 1 เชิญลุกขึ้นแนะนำตัวเองเลยจ๊ะ"
               "ปัญหาอ่อนชัด ๆ"  ผมบ่น ก่อนจะสแตนอัพ...กล่าวแนะนำตัวด้วยความขี้เกียจ  "ผมชื่อ ไนยเนตรครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...แค่ก ๆ ใครมีปัญหาเจอกันหลังห้อง"  ผมน้อมศีรษะทำความเคารพอาจารย์เล็กน้อยแล้วก็นั่งลงอย่างสุภาพ                "เดว ๆ เธออย่าพึ่งนั่ง"
               "ทำไมอ่ะอาจารย์? ผมได้นั่งแล้วอ่ะครับ ดากผมมันถึงเก้าอี้แล้วอ่ะครับครู"                "เธอก็ลุกขึ้นมาใหม่สิ! และพูดแนะนำตัวดี ๆ ใหม่ด้วยนะ"  เหอะ ๆ ทำไมกระผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กอนุบาลเลยฟ่ะเนี่ย?                และแล้วการแนะนำตัวก็ผ่านไปเรื่อย ๆ ทีละคนสองคน  จนมาถึงคน...สุดท้าย
               "หมายเลขสุดท้ายของห้อง King 104 ไหนลองแนะนำตัวให้เพื่อน ๆ รู้จักหน่อยสิ๊"
               หมายเลข 51 เธอคือผู้หญิงผมสีดำแวววับแลดูน่าสัมผัสอ่ะครับ นัยน์ตาแดงอมชมพูหน่อย ๆ คล้ายกับคุณป้าแมวขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างบ้านผมเลย เออคือ...ก๋วยเตี๋ยวของป้าแมวอร่อยมาก 
               "สวัสดีค่ะ"  หญิงสาวพูดพรางส่งรอยยิ้มมาออดอ้อนจนทุกคนในห้องตกเข้าสู่หลุมรัก เพราะความน่ารักของนาง!! แค่ก ๆ ...ยกเว้นผมอ่ะนะ  "ฉันชื่อ มลฤดี นะคะ อายุก็ 14 ปีค่ะ จบจากโรงเรียนเมยวดีเขตหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ"  คำพูดที่แสนอ่อนหวานนั้น ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดของเธอ อั้ยย่ะ! ...เธอช่างนักลักพาตัวจริง ๆ แค่ก ๆ                ...เอิ้ม...พอสาวน้อย มลฤดี แนะนำตัวเสร็จ อยู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องประดังเข้ามาในโสตประสาทของทุกคนทั่วห้อง
               "นี่แก ยังไม่ตายอีกเหรอ?"  นี่คือคำถามที่หลุดออกมาจากปากของอาจารย์วันเพ็ญ                "ครูเป็นอะไรไปคะ?"  นักเรียนแสดงความเป็นห่วงและสงสัย...ไฉนอาจารย์ถึงสติแตกแบบนี้ได้?                "กะ แก... แกน่าจะตายไปแล้วนี้ นี่แกต้องการอะไรจากชาน!"  อาจารย์พูดพลางชี้นิ้วไปทางแม่สาวน้อยมลฤดี
               "นี่มลฤดี...ทำไมอาจารย์ถึงชี้นิ้วมาทางเธอ ?"                "..."                "นี่มลฤดี...เธอรู้จักกับอาจารย์วันเพ็ญหรอ ?"                "..."                เพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น  "นี่เธอตอบฉันหน่อยสิ!"  แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นแค่รอยยิ้มหวานจากหล่อนเท่านั้น ทางด้านอาจารย์วันเพ็ญที่แสดงท่าทีหวาดหวั่น ตัวสั่นระริกราวองค์ลงจนนางสิ้นสติไป                'อย่างนี้ก็ได้เหรอ'  ผมพึมพำก่อนจะพูดเสียงเต็ม  "นี่มันเกิดเ-ี้ยอะไรขึ้น?"  เริ่มสับสันกับเหตุการณ์มาก ๆ เลยครับ
               ...
               ร่างของอาจารย์ทรุดตัวลงจนหัวทิ้มพื้น เหล่าบรรดา นร. คนอื่นต่างก็พากันแตกตื่นกับเหตุการณ์นั่น ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงร่างอาจารย์สาวส่ง รพ. ส่วนกระผมได้แต่นั่งงงอยู่ห่าง ๆ พลางกระพริบตาปริบ ๆ แอบมองหญิงสาวมลฤดี...                แต่ทว่าขณะนั้น...!! หญิงสาวผู้มีนามว่า มลฤดี หล่อนก็พลันอันตรธานหายลับอย่างไม่ทันมีใครสังเกต ยกเว้นผม...ที่นั่งมอง...อั้ยย่ะ 
               ...เช้าวันต่อมา...
               ข่าวประหลาดของอาจารย์วันเพ็ญก็ผุดขึ้นราวดอกเห็ด โรงเรียนเสนานิคมตอนนี้ต่างกล่าวขานกันไปทั่วกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน                "เธอ ๆ ทราบหรือไม่? ที่ประเทศเราข้าวของแพงขึ้นเพราะค่าเงินเหรียญในประเทศไม่อ่อนค่าลง"                 "อื้อ ๆ กูไม่รู้"  ผมแอบฟังนักเรียนกลุ่มหนึ่งสนทนากันเรื่องต่าง ๆ นานา แต่พวกเธอก็ไม่วายที่จะนินทาถึงเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน 104                "ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้อาจารย์วันเพ็ญสลบคาห้องเรียนด้วยแหล่ะตัวเธอ!"
               "เหรออีดอก?"
               "ใช่ชิ๊...!!"                "อะจ้ะ แล้วทำไมอาจารย์ถึงได้สลบคาห้องเรียนได้จะมะค่ะ?"                "คืออย่างนี้นะ"  ...นักเรียนคนที่ผมไม่รู้จักต่างก็เมาท์เล่ารายละเอียดราวกะว่ามันอยู่ในเหตุการณ์ร่วมกันกับผม                พวกหล่อนยังเล่าต่อไปอีกว่าอาจารย์วันเพ็ญนั้นเคยขับรถชนนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่หน้าโรงเรียนดับคาที่! อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้วิญญาณหญิงสาวนั้นจึงตามมาหลอกหลอน                ...เอ่ะ หรือว่า...!                "มลฤดี จะเป็นวิญญาณร้ายที่ตามหลอกหลอนอาจารย์วันเพ็ญให้สติแตกกันนะ"  ผมเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะย่างก้าวเข้ามานั่งในห้องเรียนตามปกติ                "วันนี้ดูเหมือนอาจารย์วันเพ็ญจะไม่มาสอนแฮะ"                "แน่ล่ะ ก็เมื่อวานอาจารย์แกสติหลุดตัวทรุดลงจนหัวกระแทกพื้นซะดัง ตั๊บบ! ขนาดนั้น"  ผมนั่งฟังกลุ่มเพื่อนพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ โอ้เยเย้...ผมตกใจ!! เมื่อเห็นมลฤดีล่องลอยอยู่บนอากาศตรงเบื้องหน้า                "นี่เธอตายแล้วจริง ๆ หรอนี้"  ผมถามวิญญาณสาว                "นายยย"                "หื้อ...?"                 "นะ นายชื่อไนยเนตรสินะ ขอบคุณมากนะที่นายช่วยมาเปลี่ยนดอกไม้และซื้อแจกันใบใหม่ให้ฉัน"  เธอพูดพลางแสดงสีหน้าอมยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ อันตรธานหายตัวไปต่อหน้าต่อตา                "...เออ!?"                ...                ปล.ท่านผู้ชมอาจจะงงว่าทำไมผมถึงไม่กลัวผี ก็เพราะว่า... ยัยมลพิษนั่นน่ารักซะขนาดนี้ อั้ะย่ะ! ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในโลกนี้ก็ตาม แต่ด้วยความสวยแม้ในยามที่เธอเป็นผีตัวน้อย แค่นี้ก็ทำให้ผมหลงรักเธอเข้าจริง ๆ ซะแล้ว //เลือดกำเดาไหล                ...                ครับ!! สำหรับวันนี้ก็มีอาจารย์คนใหม่มาสอนแทนอาจารย์สาวชั่วคราว และแน่นอนว่ากิจกรรมแนะนำตัวก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งที่แล้ว เพราะความจริงห้องเรียนนี้มีนักเรียนเพียง 50 คนเท่านั้น...!                อะไรกัน...?  เมื่อวานจำนวนนักเรียนในห้องยังมี 51 รายชื่ออยู่เลย...ถ้านับรวมหมายเลขที่ 51 ของยายผีน้อย...มลฤดี เข้าไปด้วยอ่ะนะ เอ่ะนี้มันยังไงกัน...?  ตอนนี้คำถามต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาในกะบาลแบบไม่หยุด...แต่ช่างมันเต๊อะ  
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา