ไนยเนตร
10.0
เขียนโดย กิจกรรมนักเขียน
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.12 น.
2 ตอน
3 วิจารณ์
3,950 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 17.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ผีสาวเจ้าน้ำตา(1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1 ผีสาวเจ้าน้ำตา
สวัสดีครับชาวเด็กดีและเด็กหัวเกรียนทั้งหลาย สักประเดี๋ยวจะพาทุกคนไปทั่วโรงเรียนเสนานิคมที่กระผมเพิ่งสอบเข้ามาได้อย่างยากลำบากกันนะ ฮ่า ๆ ถ้าว่างอ่ะนะ แต่เอ่ะ! ไม่เอาดีกว่า...ขี้เกียจ! เอาล่ะครับ! วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกล่ะมั้ง...ถ้าจำไม่ผิด!! แต่ไฉนพอผมมองไปรอบ ๆ แล้วไม่เห็นมีใครมาโรงเรียนเลยสักคน? แต่... "อ่ะจะหึ้ยยย!" กระผมตกใจพลัน เมื่อสายตาของผมนั้นเหลือบไปเห็นชายแก่คนหนึ่งท่าทางดูน่ากลัวและกำลังนั่งดูดก้นบุหรี่อย่างสบายใจ...และด้วยความเผือกระดับพระเจ้า ผมจึงเดินเข้าไปทักถาม
"สวัสดีครับลุง ไม่ทราบว่าลุงมาทำห่าเหวอะไรอยู่ตรงนี้ครับ?" ผมถามอย่างสุภาพจนชายแก่หยุดซะงัก แล้วเขาก็ดีดม้วนบุหรี่ที่ยังสูบไม่ถึงครึ่งทิ้งไป "แค่ก ๆ" ชายแก่นั่งไออย่างสนุกคอ แล้วหันมาทำสีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิตใส่ผม "ไอ้เด็กเวร!" "อั้ยย่ะ! กูโดนด่าเฉย"
ชายคนนั้น...กระผมขอเรียกแกว่า ลุง แทนสรรพนามก็แล้วกันเน้อ เพราะพอเข้ามาดูใกล้ ๆ ลุงแกก็ยังเป็นหนุ่มวัยกลางคนแลดูมีความเอ๊าะ ๆ อายุประมาณราว ๆ 50 ขวบได้มั้ง "คุณลุงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมแลดูเงียบ ๆ" "เปล่าหรอกพ่อหนุ่ม" น้ำเสียงเรียบ ๆ เอื้อนเอ่ย แต่สายตาของคุณลุงแกกลับไม่เหลียวแลหน้าคนถามเลยสักนิด "นี่ไอ้เด็กเวร...!" "ง่ะ ม่ะด่าผมอีกแหละ ?"
"เห็นแจกันดอกไม้ที่วางอยู่โค่นเสาไฟฟ้านั้นไหม?" ลุงแกพูดพลางชี้นิ้วไปที่นั่น...ทำให้ผมต้องมองตาม ปรากฏมีดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งคู่หนึ่งเสียบอยู่ในแจกันทรงกลมสีเขียว "หะ เห็นครับลุง"
"งั้นช่วยเดินไปเปลี่ยนดอกไม้เหี่ยว ๆ ตรงนั้นออกให้ทีสิไอ้เด็กเวร" ผมน้อมตัวรับคำสั่งของตาลุง แล้วเดินข้ามถนนไปยังเสาไฟฟ้าตามที่แกบอกอย่างว่าง่ายราวถูกสะกิดจิต "เฮ้ลุง! แล้วดอกไม้ที่จะให้ผมเอามาเปลี่ยนล่ะครับ?" "มึงก็หาเอาเองดิวะ!"
"เฮ้อ...เด็ดเอาดอกจำปีที่อยู่ข้างถนนมาเสียบแทนได้ไหมเนี่ย?" ผมพูดในทำนองบ่น ๆ ส่วนตัวกลับก้มลงไปหยิบดอกไม้เหี่ยว ๆ ที่เสียบค้างอยู่ในแจกันทิ้งไป เทน้ำเน่า ๆ ออกให้หมด แล้วเงยหน้าหันไปมองคุณลุงที่นั่งอยู่ แต่...เหตุการณ์น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น...! "อ่ะอ้าว ไอ้คุณลุงมันหายหัวไปไหนแล้วว่ะ?" สงสัยหรือว่า...ลุงแกจะเป็นนักมายากลหรือไม่ก็เป็นภารโรงของโรงเรียนแห่งนี้หรือเปล่า? "โธ่...หายไปไหนของลุงเนี้ย? ให้ผมมาเปลี่ยนดอกไม้ที่อยู่ในแจกันแล้ว จู่ ๆ ก็หายวับไป...โอ้เยเย้!"
เหตุการณ์หายตัวไปของลุงทำให้ผมยืนสับสนอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองขี้เลื่อยจะเริ่มสั่งให้มือน้อย ๆ เลื่อนไปหยิบแจกันอันวางอยู่ตรงหน้า "เอิ้ม ตอนนี้ตูควรเอาดอกไม้มาเปลี่ยนใส่ในแจกันนี้สินะ?" อั้ยย่ะ! นี่เราพูดอยู่กับใคร? ... 'เฮ้อ...นี่แค่เปิดเทอมวันแรก ไฉนหนุ่มน้อยน่ารักอย่างกระผมถึงต้องมาเจอเรื่องประหลาดแบบนี้ด้วยเนี้ย? โอ้เยเย้...!' ระหว่างที่กำลังเอาแจกันนั่นไปเติมน้ำมันเบนซิน (...เอิ้ม...) สมองก็คิดหาดอกซากุระสด ๆ สีส้นสวยงามเผื่อว่าจะนำมาประดับแจกัน แต่เนื่องด้วยเมืองไทยนั้น...มันคงไม่มีดอกซากุระ แหง ๆ ผมเลยจำต้องหาดอกบัวสีขาว ๆ ไปแทนที่เพื่อแก้ขัด
"แจกันใบเดิมมันเก่าแฮะ หาซื้ออันใหม่มาเปลี่ยนดีกว่า" คำ ๆ นี้ที่ทำให้ผมจำต้องเที่ยวหาซื้อแจกันใบใหม่ลายมักกรผงาดฟ้าพร้อม ๆ กับดอกบัวสีขาวกลิ่นหอมฟรุ้งฟริ้งมาประดับตั้งไว้ที่เดิม "เห้อ...หมดเงินไปหลายบาทเลยแหละครับ" ...ทว่า ขณะที่กระผมกำลังเดินย่างสามขุมข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม อยู่ ๆ ก็มีเสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ ประมาณว่า "ขะ ขอบคุณนะ" "เอ่ะ? นี้คงจะหูแว่วไปสินะ?" ... โรงเรียนเสนานิคมคือสถานที่เหล่าเด็กดีและเด็กเลวอย่างผมใฝ่ฝัน เพราะว่ามันคือโรงเรียนดีเด่นที่สุดแล้วในโลกทั้งใบ "เย้...ตบมือสิครับ รอไร?" ห้อง King หมายเลข 104 ต่างรู้กันดีว่ามันคือห้องระดับเทพ นักเขียนที่ได้คะแนนดี ๆ เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาเสนอหน้าอยู่ในห้องนี้ได้ แน่นอนว่าความรู้ของผมมิอาจเข้ามาเดินส่ายตูดอยู่ในห้องนี้ได้ แต่ด้วยสกิลการเดาขึ้นเทพมันกลับทำให้ผมสอบได้อันดับ 1 ซะงั้น โอ้เยเย้...
เริ่มการทำเปิดเรียนคาบแรก... ...และแล้ว นักเรียนหัวกะทิต่างก็พากันเข้ามานั่งในห้องเรียนนี้จนเต็ม "สวัสดีเด็ก ๆ คงจะพร้อมกันหมดแล้วสินะคะ ครูชื่ออาจารย์วันเพ็ญเน้อ (อั้ยย่ะ!!..นักเขียนตั้งชื่อได้สิ้นคิดดี) ต่อไปนี้...! ครูจะให้นักเรียนทุกคนแนะนำตัวเองนะว่าชื่ออะไร จบมาจากไหน เริ่มจากหมายเลย 1 เชิญลุกขึ้นแนะนำตัวเองเลยจ๊ะ"
"ปัญหาอ่อนชัด ๆ" ผมบ่น ก่อนจะสแตนอัพ...กล่าวแนะนำตัวด้วยความขี้เกียจ "ผมชื่อ ไนยเนตรครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...แค่ก ๆ ใครมีปัญหาเจอกันหลังห้อง" ผมน้อมศีรษะทำความเคารพอาจารย์เล็กน้อยแล้วก็นั่งลงอย่างสุภาพ "เดว ๆ เธออย่าพึ่งนั่ง"
"ทำไมอ่ะอาจารย์? ผมได้นั่งแล้วอ่ะครับ ดากผมมันถึงเก้าอี้แล้วอ่ะครับครู" "เธอก็ลุกขึ้นมาใหม่สิ! และพูดแนะนำตัวดี ๆ ใหม่ด้วยนะ" เหอะ ๆ ทำไมกระผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กอนุบาลเลยฟ่ะเนี่ย? และแล้วการแนะนำตัวก็ผ่านไปเรื่อย ๆ ทีละคนสองคน จนมาถึงคน...สุดท้าย
"หมายเลขสุดท้ายของห้อง King 104 ไหนลองแนะนำตัวให้เพื่อน ๆ รู้จักหน่อยสิ๊"
หมายเลข 51 เธอคือผู้หญิงผมสีดำแวววับแลดูน่าสัมผัสอ่ะครับ นัยน์ตาแดงอมชมพูหน่อย ๆ คล้ายกับคุณป้าแมวขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างบ้านผมเลย เออคือ...ก๋วยเตี๋ยวของป้าแมวอร่อยมาก
"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวพูดพรางส่งรอยยิ้มมาออดอ้อนจนทุกคนในห้องตกเข้าสู่หลุมรัก เพราะความน่ารักของนาง!! แค่ก ๆ ...ยกเว้นผมอ่ะนะ "ฉันชื่อ มลฤดี นะคะ อายุก็ 14 ปีค่ะ จบจากโรงเรียนเมยวดีเขตหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ" คำพูดที่แสนอ่อนหวานนั้น ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดของเธอ อั้ยย่ะ! ...เธอช่างนักลักพาตัวจริง ๆ แค่ก ๆ ...เอิ้ม...พอสาวน้อย มลฤดี แนะนำตัวเสร็จ อยู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องประดังเข้ามาในโสตประสาทของทุกคนทั่วห้อง
"นี่แก ยังไม่ตายอีกเหรอ?" นี่คือคำถามที่หลุดออกมาจากปากของอาจารย์วันเพ็ญ "ครูเป็นอะไรไปคะ?" นักเรียนแสดงความเป็นห่วงและสงสัย...ไฉนอาจารย์ถึงสติแตกแบบนี้ได้? "กะ แก... แกน่าจะตายไปแล้วนี้ นี่แกต้องการอะไรจากชาน!" อาจารย์พูดพลางชี้นิ้วไปทางแม่สาวน้อยมลฤดี
"นี่มลฤดี...ทำไมอาจารย์ถึงชี้นิ้วมาทางเธอ ?" "..." "นี่มลฤดี...เธอรู้จักกับอาจารย์วันเพ็ญหรอ ?" "..." เพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น "นี่เธอตอบฉันหน่อยสิ!" แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นแค่รอยยิ้มหวานจากหล่อนเท่านั้น ทางด้านอาจารย์วันเพ็ญที่แสดงท่าทีหวาดหวั่น ตัวสั่นระริกราวองค์ลงจนนางสิ้นสติไป 'อย่างนี้ก็ได้เหรอ' ผมพึมพำก่อนจะพูดเสียงเต็ม "นี่มันเกิดเ-ี้ยอะไรขึ้น?" เริ่มสับสันกับเหตุการณ์มาก ๆ เลยครับ
...
ร่างของอาจารย์ทรุดตัวลงจนหัวทิ้มพื้น เหล่าบรรดา นร. คนอื่นต่างก็พากันแตกตื่นกับเหตุการณ์นั่น ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงร่างอาจารย์สาวส่ง รพ. ส่วนกระผมได้แต่นั่งงงอยู่ห่าง ๆ พลางกระพริบตาปริบ ๆ แอบมองหญิงสาวมลฤดี... แต่ทว่าขณะนั้น...!! หญิงสาวผู้มีนามว่า มลฤดี หล่อนก็พลันอันตรธานหายลับอย่างไม่ทันมีใครสังเกต ยกเว้นผม...ที่นั่งมอง...อั้ยย่ะ
...เช้าวันต่อมา...
ข่าวประหลาดของอาจารย์วันเพ็ญก็ผุดขึ้นราวดอกเห็ด โรงเรียนเสนานิคมตอนนี้ต่างกล่าวขานกันไปทั่วกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน "เธอ ๆ ทราบหรือไม่? ที่ประเทศเราข้าวของแพงขึ้นเพราะค่าเงินเหรียญในประเทศไม่อ่อนค่าลง" "อื้อ ๆ กูไม่รู้" ผมแอบฟังนักเรียนกลุ่มหนึ่งสนทนากันเรื่องต่าง ๆ นานา แต่พวกเธอก็ไม่วายที่จะนินทาถึงเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน 104 "ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้อาจารย์วันเพ็ญสลบคาห้องเรียนด้วยแหล่ะตัวเธอ!"
"เหรออีดอก?"
"ใช่ชิ๊...!!" "อะจ้ะ แล้วทำไมอาจารย์ถึงได้สลบคาห้องเรียนได้จะมะค่ะ?" "คืออย่างนี้นะ" ...นักเรียนคนที่ผมไม่รู้จักต่างก็เมาท์เล่ารายละเอียดราวกะว่ามันอยู่ในเหตุการณ์ร่วมกันกับผม พวกหล่อนยังเล่าต่อไปอีกว่าอาจารย์วันเพ็ญนั้นเคยขับรถชนนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่หน้าโรงเรียนดับคาที่! อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้วิญญาณหญิงสาวนั้นจึงตามมาหลอกหลอน ...เอ่ะ หรือว่า...! "มลฤดี จะเป็นวิญญาณร้ายที่ตามหลอกหลอนอาจารย์วันเพ็ญให้สติแตกกันนะ" ผมเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะย่างก้าวเข้ามานั่งในห้องเรียนตามปกติ "วันนี้ดูเหมือนอาจารย์วันเพ็ญจะไม่มาสอนแฮะ" "แน่ล่ะ ก็เมื่อวานอาจารย์แกสติหลุดตัวทรุดลงจนหัวกระแทกพื้นซะดัง ตั๊บบ! ขนาดนั้น" ผมนั่งฟังกลุ่มเพื่อนพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ โอ้เยเย้...ผมตกใจ!! เมื่อเห็นมลฤดีล่องลอยอยู่บนอากาศตรงเบื้องหน้า "นี่เธอตายแล้วจริง ๆ หรอนี้" ผมถามวิญญาณสาว "นายยย" "หื้อ...?" "นะ นายชื่อไนยเนตรสินะ ขอบคุณมากนะที่นายช่วยมาเปลี่ยนดอกไม้และซื้อแจกันใบใหม่ให้ฉัน" เธอพูดพลางแสดงสีหน้าอมยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ อันตรธานหายตัวไปต่อหน้าต่อตา "...เออ!?" ... ปล.ท่านผู้ชมอาจจะงงว่าทำไมผมถึงไม่กลัวผี ก็เพราะว่า... ยัยมลพิษนั่นน่ารักซะขนาดนี้ อั้ะย่ะ! ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในโลกนี้ก็ตาม แต่ด้วยความสวยแม้ในยามที่เธอเป็นผีตัวน้อย แค่นี้ก็ทำให้ผมหลงรักเธอเข้าจริง ๆ ซะแล้ว //เลือดกำเดาไหล ... ครับ!! สำหรับวันนี้ก็มีอาจารย์คนใหม่มาสอนแทนอาจารย์สาวชั่วคราว และแน่นอนว่ากิจกรรมแนะนำตัวก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งที่แล้ว เพราะความจริงห้องเรียนนี้มีนักเรียนเพียง 50 คนเท่านั้น...! อะไรกัน...? เมื่อวานจำนวนนักเรียนในห้องยังมี 51 รายชื่ออยู่เลย...ถ้านับรวมหมายเลขที่ 51 ของยายผีน้อย...มลฤดี เข้าไปด้วยอ่ะนะ เอ่ะนี้มันยังไงกัน...? ตอนนี้คำถามต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาในกะบาลแบบไม่หยุด...แต่ช่างมันเต๊อะ
สวัสดีครับชาวเด็กดีและเด็กหัวเกรียนทั้งหลาย สักประเดี๋ยวจะพาทุกคนไปทั่วโรงเรียนเสนานิคมที่กระผมเพิ่งสอบเข้ามาได้อย่างยากลำบากกันนะ ฮ่า ๆ ถ้าว่างอ่ะนะ แต่เอ่ะ! ไม่เอาดีกว่า...ขี้เกียจ! เอาล่ะครับ! วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกล่ะมั้ง...ถ้าจำไม่ผิด!! แต่ไฉนพอผมมองไปรอบ ๆ แล้วไม่เห็นมีใครมาโรงเรียนเลยสักคน? แต่... "อ่ะจะหึ้ยยย!" กระผมตกใจพลัน เมื่อสายตาของผมนั้นเหลือบไปเห็นชายแก่คนหนึ่งท่าทางดูน่ากลัวและกำลังนั่งดูดก้นบุหรี่อย่างสบายใจ...และด้วยความเผือกระดับพระเจ้า ผมจึงเดินเข้าไปทักถาม
"สวัสดีครับลุง ไม่ทราบว่าลุงมาทำห่าเหวอะไรอยู่ตรงนี้ครับ?" ผมถามอย่างสุภาพจนชายแก่หยุดซะงัก แล้วเขาก็ดีดม้วนบุหรี่ที่ยังสูบไม่ถึงครึ่งทิ้งไป "แค่ก ๆ" ชายแก่นั่งไออย่างสนุกคอ แล้วหันมาทำสีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิตใส่ผม "ไอ้เด็กเวร!" "อั้ยย่ะ! กูโดนด่าเฉย"
ชายคนนั้น...กระผมขอเรียกแกว่า ลุง แทนสรรพนามก็แล้วกันเน้อ เพราะพอเข้ามาดูใกล้ ๆ ลุงแกก็ยังเป็นหนุ่มวัยกลางคนแลดูมีความเอ๊าะ ๆ อายุประมาณราว ๆ 50 ขวบได้มั้ง "คุณลุงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมแลดูเงียบ ๆ" "เปล่าหรอกพ่อหนุ่ม" น้ำเสียงเรียบ ๆ เอื้อนเอ่ย แต่สายตาของคุณลุงแกกลับไม่เหลียวแลหน้าคนถามเลยสักนิด "นี่ไอ้เด็กเวร...!" "ง่ะ ม่ะด่าผมอีกแหละ ?"
"เห็นแจกันดอกไม้ที่วางอยู่โค่นเสาไฟฟ้านั้นไหม?" ลุงแกพูดพลางชี้นิ้วไปที่นั่น...ทำให้ผมต้องมองตาม ปรากฏมีดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งคู่หนึ่งเสียบอยู่ในแจกันทรงกลมสีเขียว "หะ เห็นครับลุง"
"งั้นช่วยเดินไปเปลี่ยนดอกไม้เหี่ยว ๆ ตรงนั้นออกให้ทีสิไอ้เด็กเวร" ผมน้อมตัวรับคำสั่งของตาลุง แล้วเดินข้ามถนนไปยังเสาไฟฟ้าตามที่แกบอกอย่างว่าง่ายราวถูกสะกิดจิต "เฮ้ลุง! แล้วดอกไม้ที่จะให้ผมเอามาเปลี่ยนล่ะครับ?" "มึงก็หาเอาเองดิวะ!"
"เฮ้อ...เด็ดเอาดอกจำปีที่อยู่ข้างถนนมาเสียบแทนได้ไหมเนี่ย?" ผมพูดในทำนองบ่น ๆ ส่วนตัวกลับก้มลงไปหยิบดอกไม้เหี่ยว ๆ ที่เสียบค้างอยู่ในแจกันทิ้งไป เทน้ำเน่า ๆ ออกให้หมด แล้วเงยหน้าหันไปมองคุณลุงที่นั่งอยู่ แต่...เหตุการณ์น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น...! "อ่ะอ้าว ไอ้คุณลุงมันหายหัวไปไหนแล้วว่ะ?" สงสัยหรือว่า...ลุงแกจะเป็นนักมายากลหรือไม่ก็เป็นภารโรงของโรงเรียนแห่งนี้หรือเปล่า? "โธ่...หายไปไหนของลุงเนี้ย? ให้ผมมาเปลี่ยนดอกไม้ที่อยู่ในแจกันแล้ว จู่ ๆ ก็หายวับไป...โอ้เยเย้!"
เหตุการณ์หายตัวไปของลุงทำให้ผมยืนสับสนอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สมองขี้เลื่อยจะเริ่มสั่งให้มือน้อย ๆ เลื่อนไปหยิบแจกันอันวางอยู่ตรงหน้า "เอิ้ม ตอนนี้ตูควรเอาดอกไม้มาเปลี่ยนใส่ในแจกันนี้สินะ?" อั้ยย่ะ! นี่เราพูดอยู่กับใคร? ... 'เฮ้อ...นี่แค่เปิดเทอมวันแรก ไฉนหนุ่มน้อยน่ารักอย่างกระผมถึงต้องมาเจอเรื่องประหลาดแบบนี้ด้วยเนี้ย? โอ้เยเย้...!' ระหว่างที่กำลังเอาแจกันนั่นไปเติมน้ำมันเบนซิน (...เอิ้ม...) สมองก็คิดหาดอกซากุระสด ๆ สีส้นสวยงามเผื่อว่าจะนำมาประดับแจกัน แต่เนื่องด้วยเมืองไทยนั้น...มันคงไม่มีดอกซากุระ แหง ๆ ผมเลยจำต้องหาดอกบัวสีขาว ๆ ไปแทนที่เพื่อแก้ขัด
"แจกันใบเดิมมันเก่าแฮะ หาซื้ออันใหม่มาเปลี่ยนดีกว่า" คำ ๆ นี้ที่ทำให้ผมจำต้องเที่ยวหาซื้อแจกันใบใหม่ลายมักกรผงาดฟ้าพร้อม ๆ กับดอกบัวสีขาวกลิ่นหอมฟรุ้งฟริ้งมาประดับตั้งไว้ที่เดิม "เห้อ...หมดเงินไปหลายบาทเลยแหละครับ" ...ทว่า ขณะที่กระผมกำลังเดินย่างสามขุมข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม อยู่ ๆ ก็มีเสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ ประมาณว่า "ขะ ขอบคุณนะ" "เอ่ะ? นี้คงจะหูแว่วไปสินะ?" ... โรงเรียนเสนานิคมคือสถานที่เหล่าเด็กดีและเด็กเลวอย่างผมใฝ่ฝัน เพราะว่ามันคือโรงเรียนดีเด่นที่สุดแล้วในโลกทั้งใบ "เย้...ตบมือสิครับ รอไร?" ห้อง King หมายเลข 104 ต่างรู้กันดีว่ามันคือห้องระดับเทพ นักเขียนที่ได้คะแนนดี ๆ เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาเสนอหน้าอยู่ในห้องนี้ได้ แน่นอนว่าความรู้ของผมมิอาจเข้ามาเดินส่ายตูดอยู่ในห้องนี้ได้ แต่ด้วยสกิลการเดาขึ้นเทพมันกลับทำให้ผมสอบได้อันดับ 1 ซะงั้น โอ้เยเย้...
เริ่มการทำเปิดเรียนคาบแรก... ...และแล้ว นักเรียนหัวกะทิต่างก็พากันเข้ามานั่งในห้องเรียนนี้จนเต็ม "สวัสดีเด็ก ๆ คงจะพร้อมกันหมดแล้วสินะคะ ครูชื่ออาจารย์วันเพ็ญเน้อ (อั้ยย่ะ!!..นักเขียนตั้งชื่อได้สิ้นคิดดี) ต่อไปนี้...! ครูจะให้นักเรียนทุกคนแนะนำตัวเองนะว่าชื่ออะไร จบมาจากไหน เริ่มจากหมายเลย 1 เชิญลุกขึ้นแนะนำตัวเองเลยจ๊ะ"
"ปัญหาอ่อนชัด ๆ" ผมบ่น ก่อนจะสแตนอัพ...กล่าวแนะนำตัวด้วยความขี้เกียจ "ผมชื่อ ไนยเนตรครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...แค่ก ๆ ใครมีปัญหาเจอกันหลังห้อง" ผมน้อมศีรษะทำความเคารพอาจารย์เล็กน้อยแล้วก็นั่งลงอย่างสุภาพ "เดว ๆ เธออย่าพึ่งนั่ง"
"ทำไมอ่ะอาจารย์? ผมได้นั่งแล้วอ่ะครับ ดากผมมันถึงเก้าอี้แล้วอ่ะครับครู" "เธอก็ลุกขึ้นมาใหม่สิ! และพูดแนะนำตัวดี ๆ ใหม่ด้วยนะ" เหอะ ๆ ทำไมกระผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กอนุบาลเลยฟ่ะเนี่ย? และแล้วการแนะนำตัวก็ผ่านไปเรื่อย ๆ ทีละคนสองคน จนมาถึงคน...สุดท้าย
"หมายเลขสุดท้ายของห้อง King 104 ไหนลองแนะนำตัวให้เพื่อน ๆ รู้จักหน่อยสิ๊"
หมายเลข 51 เธอคือผู้หญิงผมสีดำแวววับแลดูน่าสัมผัสอ่ะครับ นัยน์ตาแดงอมชมพูหน่อย ๆ คล้ายกับคุณป้าแมวขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างบ้านผมเลย เออคือ...ก๋วยเตี๋ยวของป้าแมวอร่อยมาก
"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวพูดพรางส่งรอยยิ้มมาออดอ้อนจนทุกคนในห้องตกเข้าสู่หลุมรัก เพราะความน่ารักของนาง!! แค่ก ๆ ...ยกเว้นผมอ่ะนะ "ฉันชื่อ มลฤดี นะคะ อายุก็ 14 ปีค่ะ จบจากโรงเรียนเมยวดีเขตหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ" คำพูดที่แสนอ่อนหวานนั้น ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดของเธอ อั้ยย่ะ! ...เธอช่างนักลักพาตัวจริง ๆ แค่ก ๆ ...เอิ้ม...พอสาวน้อย มลฤดี แนะนำตัวเสร็จ อยู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องประดังเข้ามาในโสตประสาทของทุกคนทั่วห้อง
"นี่แก ยังไม่ตายอีกเหรอ?" นี่คือคำถามที่หลุดออกมาจากปากของอาจารย์วันเพ็ญ "ครูเป็นอะไรไปคะ?" นักเรียนแสดงความเป็นห่วงและสงสัย...ไฉนอาจารย์ถึงสติแตกแบบนี้ได้? "กะ แก... แกน่าจะตายไปแล้วนี้ นี่แกต้องการอะไรจากชาน!" อาจารย์พูดพลางชี้นิ้วไปทางแม่สาวน้อยมลฤดี
"นี่มลฤดี...ทำไมอาจารย์ถึงชี้นิ้วมาทางเธอ ?" "..." "นี่มลฤดี...เธอรู้จักกับอาจารย์วันเพ็ญหรอ ?" "..." เพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น "นี่เธอตอบฉันหน่อยสิ!" แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นแค่รอยยิ้มหวานจากหล่อนเท่านั้น ทางด้านอาจารย์วันเพ็ญที่แสดงท่าทีหวาดหวั่น ตัวสั่นระริกราวองค์ลงจนนางสิ้นสติไป 'อย่างนี้ก็ได้เหรอ' ผมพึมพำก่อนจะพูดเสียงเต็ม "นี่มันเกิดเ-ี้ยอะไรขึ้น?" เริ่มสับสันกับเหตุการณ์มาก ๆ เลยครับ
...
ร่างของอาจารย์ทรุดตัวลงจนหัวทิ้มพื้น เหล่าบรรดา นร. คนอื่นต่างก็พากันแตกตื่นกับเหตุการณ์นั่น ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงร่างอาจารย์สาวส่ง รพ. ส่วนกระผมได้แต่นั่งงงอยู่ห่าง ๆ พลางกระพริบตาปริบ ๆ แอบมองหญิงสาวมลฤดี... แต่ทว่าขณะนั้น...!! หญิงสาวผู้มีนามว่า มลฤดี หล่อนก็พลันอันตรธานหายลับอย่างไม่ทันมีใครสังเกต ยกเว้นผม...ที่นั่งมอง...อั้ยย่ะ
...เช้าวันต่อมา...
ข่าวประหลาดของอาจารย์วันเพ็ญก็ผุดขึ้นราวดอกเห็ด โรงเรียนเสนานิคมตอนนี้ต่างกล่าวขานกันไปทั่วกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน "เธอ ๆ ทราบหรือไม่? ที่ประเทศเราข้าวของแพงขึ้นเพราะค่าเงินเหรียญในประเทศไม่อ่อนค่าลง" "อื้อ ๆ กูไม่รู้" ผมแอบฟังนักเรียนกลุ่มหนึ่งสนทนากันเรื่องต่าง ๆ นานา แต่พวกเธอก็ไม่วายที่จะนินทาถึงเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน 104 "ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้อาจารย์วันเพ็ญสลบคาห้องเรียนด้วยแหล่ะตัวเธอ!"
"เหรออีดอก?"
"ใช่ชิ๊...!!" "อะจ้ะ แล้วทำไมอาจารย์ถึงได้สลบคาห้องเรียนได้จะมะค่ะ?" "คืออย่างนี้นะ" ...นักเรียนคนที่ผมไม่รู้จักต่างก็เมาท์เล่ารายละเอียดราวกะว่ามันอยู่ในเหตุการณ์ร่วมกันกับผม พวกหล่อนยังเล่าต่อไปอีกว่าอาจารย์วันเพ็ญนั้นเคยขับรถชนนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่หน้าโรงเรียนดับคาที่! อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้วิญญาณหญิงสาวนั้นจึงตามมาหลอกหลอน ...เอ่ะ หรือว่า...! "มลฤดี จะเป็นวิญญาณร้ายที่ตามหลอกหลอนอาจารย์วันเพ็ญให้สติแตกกันนะ" ผมเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะย่างก้าวเข้ามานั่งในห้องเรียนตามปกติ "วันนี้ดูเหมือนอาจารย์วันเพ็ญจะไม่มาสอนแฮะ" "แน่ล่ะ ก็เมื่อวานอาจารย์แกสติหลุดตัวทรุดลงจนหัวกระแทกพื้นซะดัง ตั๊บบ! ขนาดนั้น" ผมนั่งฟังกลุ่มเพื่อนพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ โอ้เยเย้...ผมตกใจ!! เมื่อเห็นมลฤดีล่องลอยอยู่บนอากาศตรงเบื้องหน้า "นี่เธอตายแล้วจริง ๆ หรอนี้" ผมถามวิญญาณสาว "นายยย" "หื้อ...?" "นะ นายชื่อไนยเนตรสินะ ขอบคุณมากนะที่นายช่วยมาเปลี่ยนดอกไม้และซื้อแจกันใบใหม่ให้ฉัน" เธอพูดพลางแสดงสีหน้าอมยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ อันตรธานหายตัวไปต่อหน้าต่อตา "...เออ!?" ... ปล.ท่านผู้ชมอาจจะงงว่าทำไมผมถึงไม่กลัวผี ก็เพราะว่า... ยัยมลพิษนั่นน่ารักซะขนาดนี้ อั้ะย่ะ! ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในโลกนี้ก็ตาม แต่ด้วยความสวยแม้ในยามที่เธอเป็นผีตัวน้อย แค่นี้ก็ทำให้ผมหลงรักเธอเข้าจริง ๆ ซะแล้ว //เลือดกำเดาไหล ... ครับ!! สำหรับวันนี้ก็มีอาจารย์คนใหม่มาสอนแทนอาจารย์สาวชั่วคราว และแน่นอนว่ากิจกรรมแนะนำตัวก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งที่แล้ว เพราะความจริงห้องเรียนนี้มีนักเรียนเพียง 50 คนเท่านั้น...! อะไรกัน...? เมื่อวานจำนวนนักเรียนในห้องยังมี 51 รายชื่ออยู่เลย...ถ้านับรวมหมายเลขที่ 51 ของยายผีน้อย...มลฤดี เข้าไปด้วยอ่ะนะ เอ่ะนี้มันยังไงกัน...? ตอนนี้คำถามต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาในกะบาลแบบไม่หยุด...แต่ช่างมันเต๊อะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ