สาบสมิง
-
เขียนโดย ลูกคนเดียว
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.
30 ตอน
3 วิจารณ์
26.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) บทที่ยี่สิบแปด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ชานนท์เพิ่งจะล้มตัวลงนอน ยังไม่ทันที่จะหลับดี เขายังแว่วเสียงพูดคุยกันของวันชัยกับลูกน้องซึ่งลุกขึ้นมาเฝ้ายามต่อ ชายหนุ่มนอนหันหลังให้ผนังถ้ำ เขาง่วงจนตาจะปิดแต่ก็นอนไม่หลับ คล้ายกับมีความรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เขาพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาจนกระทั่งได้ยินเสียงของวันชัยพูดขึ้น
“คุณจอมภพจะไปไหนครับ”
“ฉี่”
“ถ้างั้นให้เจ้าชายไปเป็นเพื่อนนะครับ เพื่อความปลอดภัย”
แล้วเสียงทั้งหมดก็เงียบไป ตอนนี้เองที่ชานนท์หลับไปได้หน่อยหนึ่งก่อนจะถูกมือสากข้างหนึ่งเขย่าปลุกอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงตื่นเต้นตกใจดังมาจากเจ้าของมือนั้น
“เร็วเข้าผู้ช่วย ไอ้สมิงมันลากเจ้าชายไปกินแล้ว”
ชานนท์ลืมตาโพลงขึ้นทันที เขามองไปรอบๆแล้วก็พบภาพของจอมภพนั่งกอดเข่าตัวสั่น เสื้อของเขาขาดรุ่งริ่ง ตามเนื้อตัวมีแต่รอยเลือด ชายหนุ่มปราดเข้าไป ตอนนี้ทุกคนตื่นกันหมดแล้วแม้แต่นายทหารที่บาดเจ็บ กองไฟถูกจุดลุกสว่างโพลง
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณภพ”
“เสือ” จอมภพตอบเสียงเบา เค้าหน้ายังมีแววตกใจ “มันลากลูกน้องคุณไป ตอนที่ผมกำลังฉี่อยู่”
“ไกลจากที่นี่ไหมครับ”
“ไม่ไกล เลยแนวก้อนหินไปหน่อยเดียว”
ชานนท์ขยับตัวจะไปตรวจดูแต่วันชัยดึงแขนเอาไว้
“ไม่มีประโยชน์ครับผู้ช่วย ชายคงตายเรียบร้อยแล้ว ไปตอนนี้ก็อันตรายเปล่าๆ”
ผู้ช่วยหนุ่มนิ่งขรึม สถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว เขาคิดทบทวนกลับไปกลับมาอย่างตัดสินใจไม่ถูก
“พรุ่งนี้เช้าค่อยไปตามหาศพครับ หลังจากนั้นเราต้องรีบเดินทางกลับเพื่อขอกำลังเพิ่มเติม ผมว่ามันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วครับ”
“แล้วคุณขวัญล่ะ”
“เราต้องกลับไปปรึกษากับหัวหน้ากันก่อนครับ”
จอมภพโพล่งขึ้นขัดวันชัย
“ใครจะกลับก็เชิญ แต่ผมจะไปตามหาน้องสาวผมต่อ”
“ผมไม่กลับอยู่แล้ว คุณภพไม่ต้องห่วง” ชานนท์คิดอยู่ครู่เดียวแล้วจึงพูดขึ้น “เอาอย่างนี้พี่ชัย พรุ่งนี้พี่ชัยพานายทหารที่บาดเจ็บกลับไป เอาลูกน้องไปด้วยสักสองคน ผมกับพวกเราที่เหลือจะตามหาคุณขวัญต่อ แล้วพี่ชัยค่อยพาพวกเรามาเพิ่มเติมอีก”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ครับพี่ ผมตัดสินใจแล้วครับ”
เมื่อเห็นว่าชานนท์พูดอย่างเข้มแข็ง วันชัยก็ได้แต่รับคำ เสร็จเรื่องราวต่างๆแล้ว ชานนท์ก็กำชับเวรยามอีกเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เดิม คราวนี้เขาหลับสนิททันทีที่หัวถึงหมอน
อากาศตอนใกล้รุ่งเหน็บหนาวบาดลึก ชานนท์พลิกตัวตื่น สั่นสะท้านด้วยลมหนาว กองไฟมอดโทรมจนแทบจะดับสนิทแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดูดำมืดไปหมด ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วยกตัวครึ่งนั่งครึ่งนอนพยายามเพ่งสายตามองไปโดยรอบ สังหรณ์ร้ายแล่นพ่านทั้งตัว เวรยามไม่ควรจะหลับยามในเวลาที่อันตรายเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรหรือบอกใคร เจ้าเสือสมิงก็จู่โจม
มันกระโจนข้ามกองไฟอ่อนแสงหมายฉีกร่างของเขาเป็นชิ้น กลิ่นสาบสางลอยอบอวล ชานนท์กลิ้งหลบได้ กรงเล็บของมันจึงทะลวงเข้าเต็มกระเป๋าเป้ที่เขานอนแทนหมอน เขาตะโกนร้องขึ้นพร้อมกับที่เสียงของมันเองก็แผดลั่นขึ้นเช่นกัน ร่างของเสือร้ายกระเด็นประหนึ่งถูกแรงผลัก มันล้มลิ้งคลุกฝุ่น สะเก็ดไฟกระจายวูบวาบ ตอนนี้ทุกคนตื่นหมดแล้ว นายทหารคนหนึ่งหยิบปืนประจำตัวขึ้นมาได้ก็กราดยิงทางหน้าถ้ำด้วยความตกใจ
หลายคนหมอบลงกับพื้นเอามืออุดหูเอาไว้ แต่กระนั้นเสียงปืนก็ยังคงดังสะเทือนเลือนลั่น เขายิงออกไปหลายนัดแต่ดูเหมือนว่าเสือตัวนั้นจะไม่เป็นอะไรเลย มันเดินย่างสามขุมเข้ามาจนใกล้แล้วตวัดตบด้วยกรงเล็บเต็มแรง เสียงปืนหยุดกะทันหัน นายทหารคอหักจนแทบหมุนได้รอบ เสือสมิงส่งเสียงคำรามดังกึกก้องสะกดจนทุกคนแน่นิ่งไป
ชานนท์เองก็หยุดนั่งนิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว เจ้าสัตว์ร้ายกวาดตาสีแดงอมเหลืองเข้มมาทางเขาด้วยความมุ่งร้าย มันเดินก้าวผ่านคนอื่นซึ่งอยู่ในลักษณะที่แตกต่างกัน ทว่าสิ่งที่เหมือนกันคือไม่มีใครขยับตัว แล้วก็เหมือนมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในอนุสติของชายหนุ่ม
“มีดอาคม”
เขาพลันได้สติ กลิ้งตัวไปที่เป้ประจำตัว กระชากมีดโบราณเล่มนั้นออกมากำแน่น แสงสว่างเรืองรองจากใบมีดอาบไล้ทั่วบริเวณโถงถ้ำ เสือสมิงชะงักเท้าอย่างหวาดหวั่น มันถดถอยขณะที่ชายหนุ่มเปลี่ยนท่าเป็นนั่งคุกเข่าและกำลังจะยืน เจ้าสัตว์ปิศาจคำรามแล้วตัดสินใจฉับพลัน มันกระโจนเข้ามาหาเขา ชานนท์เสือกมีดออกไป รู้สึกเหมือนปลายมีดจะสัมผัสโดนร่างของมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เสือสมิงกลับร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดทรมาน ร่างของมันลอยผ่านข้ามหัวแล้วหล่นตุ๊บอยู่ด้านนอกของถ้ำ เลือดสีออกคล้ำกระเซ็นไปทั่ว ผู้ช่วยหนุ่มรีบหันหน้าตามหมายจะเผด็จศึก แต่มันก็เหมือนนกรู้ ลุกขึ้นแล้วโจนเข้าพุ่มไม้มืดทึบหายตัวไป
ตอนนั้นเองที่ทุกคนได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง วันชัยรีบเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขายังคงแสดงอาการตกใจ
“เป็นยังไงบ้างครับผู้ช่วย”
“ผมไม่เป็นอะไรพี่ชัย เร็วช่วยกันก่อไฟแล้วตรวจดูว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
กองไฟถูกก่อขึ้นอย่างว่องไวตามคำสั่งของเขา ชานนท์สำรวจผู้บาดเจ็บแต่นอกจากนายทหารที่เสียชีวิตแล้ว ทุกคนยังคงอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะหน้าซีดด้วยความกลัวก็ตาม
“คุณจอมภพหายไปไหน” เสียงใครสักคนดังขึ้น ชานนท์หันขวับมองสำรววจยังบริเวณที่จอมภพนอนทันที ว่างเปล่า เหลือเพียงแต่ถุงนอนเท่านั้น พี่ชายของจอมขวัญหายไปเสียแล้ว
จอมขวัญมองภาพเหล่านั้นด้วยความตกใจ หล่อนเจ็บปวดหัวใจแทบจะขาดวินาทีที่เจ้าสมิงจะตะครุบตัวชานนท์ ภาพในกองไฟเริ่มเลือนหายทีละน้อยจนกระทั่งเหลือเพลิงเปลวไฟธรรมดา
“เป็นไปไม่ได้”
ศารทูลในร่างกายของชัชวาลพึมพำกับตนเอง เขามองภาพมีดอาคมเล่มนั้นด้วยสายตาที่แสดงถึงความหวาดกลัว
“เป็นไปไม่ได้ มีดศักดิ์สิทธิ์ไปอยู่กับเจ้าอรชุนได้ยังไง”
จอมขวัญยิ้มมุมปาก มองดูศารทูลด้วยสายตาสมเพช
“วาระสุดท้ายของคนเลวอย่างแกใกล้มาถึงแล้ว”
ศารทูลขมวดคิ้วพูดเหี้ยมเกรียม
“มันยังไม่จบ ถึงมีดศักดิ์สิทธิ์จะอยู่กับอรชุน ข้าก็ไม่กลัว ถึงเวลาเดินทางต่อแล้ว อีกไม่นานเราจะเข้าเขตแดนของสุวรรณนคร” เขาหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วใช้สายตาประหลาดมองจอมขวัญ หญิงสาวสยิวกายอย่างหวาดกลัว “ข้ามีวิธีที่จะขยี้เจ้าอรชุนกับพวกของมัน แต่ว่าตอนนี้เจ้าจงหลับไปซะ หลับเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาปลดปล่อยข้า”
จอมขวัญรู้สึกมึนงงเล็กน้อยแล้วหล่อนก็หมดสติทันทีที่สิ้นคำพูดนั้น แต่ทว่าร่างกายของหล่อนกลับลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มออกเดินตามร่างเบื้องหน้าต่อไป
เสียงครางต่ำอย่างเจ็บปวดดังมาจากแนวไม้หนาทึบ วันชัยได้ยินเสียงนั้นเป็นคนแรก เขาบอกให้ทุกคนเงียบเสียงลง
“ฟังสิ”
แล้วชานนท์รวมถึงทุกคนที่เหลือก็ได้ยินเสียงนั้น เสียงที่แสดงความเจ็บปวดทรมานดังแว่วมาตามลม เจิมพูดเสียงสั่นๆ
“สมิงตัวนั้น”
วันชัยขมวดคิ้วหันมองทางหัวหน้าเขา ชานนท์พยักหน้า
“ไปดูกันพี่ชัย” แล้วเขาก็หันไปสั่งให้ลูกน้องกับนายทหารอีกคนเฝ้าศพและคนเจ็บไว้ ก่อนจะพยักหน้าให้วันชัยนำทาง พิทักษ์ป่าหนุ่มใหญ่ถอนหายใจเฮือก ลุกขึ้นแล้วเปิดไฟฉาย ลำแสงไฟขับไล่ความมืดมิดออกไปได้บ้างเล็กน้อย ทั้งสามคนเดินตามเสียงนั้น บางครั้งมันดังขึ้นอย่างประหลาด บางครั้งก็เงียบจนแทบไม่ได้ยิน
หลังจากเดินตามด่านสัตว์เล็กๆมาประมาณหนึ่งกิโลเมตร วันชัยก็หยุดชะงักเท้า สาดไฟฉายไปอย่างไม่เชื่อสายตา เบื้องหน้านั้นพื้นดินยุบลงเป็นหลุมใหญ่ ลึกประมาณสองเมตร แต่อาณาเขตปากหลุมไม่ได้กว้างมากนักเพียงประมาณสามเมตรเท่านั้น เขาลองส่องไฟฉายไปยังก้นหลุมแล้วจึงเห็นเงาร่างที่กำลังยกมือขึ้นบังแสงไฟ จอมภพนั่นเอง พี่ชายของจอมขวัญดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นตามร่างกายยังมีบาดแผล เลือดแดงฉานจนย้อมสีเสื้อ ชานนท์ป้องปากตะโกนถามทันที
“คุณจอมภพเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ร่างนั้นโบกมือให้แต่คล้ายไม่มีแรงที่จะตอบ ผู้ช่วยหนุ่มหันมามองคนทั้งสองแล้วกวาดตามองตามขอบหลุมนั้น เขามองเห็นทางสายเล็กซึ่งคาดว่าเกิดจากพวกสัตว์ป่าเดินขึ้นลง
“ลงไปทางนั้นแล้วเอาตัวคุณจอมภพขึ้นมา”
เจิมจะขยับตัวทำตามคำสั่งแต่วันชัยดึงแขนไว้ เขาพูดเสียงต่ำ แววตาตึงเครียด
“ผู้ช่วยแน่ใจใช่มั้ยว่ามันจะไม่ใช่สมิงตัวนั้น”
ชานนท์เองก็งันไปเหมือนกัน เขาลืมสนิทเรื่องเจ้าเสือผีที่เผ่นหนีไป ใช่แล้ว มันอาจจะจำแลงกายมาเป็นจอมภพก็ได้ เขามองพี่ชายจอมขวัญอีกรอบ แต่จอมภพก็ยังคงดูเหมือนเดิม
“แล้วพี่ชัยจะให้ทำยังไง เราช้าไม่ได้นะพี่ ขืนช้าคุณจอมภพแย่แน่”
วันชัยครุ่นคิด แต่เจิมกลับพูดขึ้น
“จุดไฟ”
“ใช่แล้ว โยนไฟแซ็กให้เขาจุด ถ้าจุดได้ก็เป็นคน แต่ถ้าไม่ได้” พิทักษ์ป่าหนุ่มยิ้มเหี้ยมเกรียม ชานนท์พยักหน้าเพราะไม่เห็นวิธีที่ดีกว่านั้น เจิมเป็นคนโยนไฟแซ็กอันหนึ่งลงไปตกบนหน้าอกของชายหนุ่มพอดี จอมภพมองอย่างไม่เข้าใจ
“คุณจอมภพลองจุดไฟอันนั้นดูก่อนครับ” วันชัยตะโกนบอกแล้วประทับปืนนิ่ง เขาเล็งไปยังร่างของจอมภพ พี่ชายจอมขวัญดูหัวเสียเล็กน้อยตามประสาคนอารมณ์ร้อน
“แกคิดว่าฉันเป็นสมิง”
“เพื่อความมั่นใจครับ เร็วคุณจอมภพ ถ้าคุณไม่จุดผมยิง”
จอมภพมองด้วยดวงตาที่ชานนท์บอกกับตัวเองว่าช่างน่ากลัว มันดูอาฆาตมาดร้าย ชายหนุ่มหยิบไฟแซ็กอันนั้นขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา เขาพยายามจุดอยู่สามรอบ รอบที่สี่ถึงจุดติด เปลวไฟดวงน้อยสว่างขึ้น
“เร็วพวกเรา ช่วยกันเอาตัวคุณจอมภพขึ้นมา”
ทั้งหมดแทบจะวิ่งลงไปช่วยเหลือ ขลุกขลักกันอีกเพียงเล็กน้อยก็ช่วยกันนำร่างของจอมภพขึ้นมาได้ พี่ชายของจอมขวัญเจ็บบริเวณข้อเท้าผนวกกับอาการอ่อนเพลีย ไม่เกินครึ่งชั่วโมงต่อจากนั้น ทั้งหมดก็กลับเข้ามาสู่ถ้ำอันเป็นที่พักแรมอีกครั้งหนึ่ง
ชานนท์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้พี่ชายของจอมขวัญฟัง เกือบจะตลอดเวลาจอมภพมักจะเหลือบมองศพของนายทหารอยู่เสมอ
“คุณจอมภพครับ แล้วคุณออกไปที่นั่นได้ยังไง”
ผู้ช่วยหนุ่มถามขึ้นหลังจากจบเรื่องเล่าของเขาแล้ว จอมสูดลมหายใจลึก มองรอบด้าน เขามั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดดวงตาของวันชัยดูไม่เป็นมิตร มันปนเปทั้งความระมัดระวังและความหวาดกลัว
“ผมเห็นจอมขวัญ”
เพียงประโยคแรกก็ทำให้ชานนท์และทุกคนสะดุ้ง
“คุณเห็นคุณขวัญ”
“ใช่” เขาหยุดเล็กน้อยเหมือนทบทวนความจำ “ผมจำไม่ได้ว่ากี่โมง รู้แค่ว่ากองไฟมอดแล้ว มันมืดไปหมดทุกหนทุกแห่ง แต่นอกถ้ำ ตรงแนวป่านั่น”
จอมภพชี้ไปที่เงาตะคุ่มของต้นไม้
“ผมเห็นว่ามีแสงบางอย่าง มันไม่ได้สว่างจ้า ออกจะนวลๆตาด้วยซ้ำ ผมหลับตาแล้วลืมใหม่แสงก็ยังอยู่ ผมเลยลุกออกไปดู แล้วผมก็เห็นจอมขวัญ ผมตะโกนเรียกแต่เหมือนว่าน้องสาวผมไม่ได้ยิน ขวัญเดินมุ่งหน้าไปทางป่านั่นผมเลยรีบลุกขึ้นแล้วตามไป”
“ไม่น่าเชื่อ” วันชัยพูดสอด
“ใช่ แต่ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก พอเห็นขวัญเดินผมก็วิ่งตาม แต่วิ่งยังไงก็ตามไม่ทัน แล้วช่วงหนึ่งผมถึงได้สังเกตว่าด้านหน้าของจอมขวัญเหมือนจะมีคนเดินนำหน้าอยู่ แต่มันมืดเกินไปผมเลยเห็นไม่ชัดว่ามันเป็นใคร”
“ชัชวาลเหรอ”
“ผมไม่แน่ใจ แต่พอตามไปได้สักระยะทั้งขวัญทั้งแสงก็หายไป หายเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงปืนจากที่นี่”
จอมภพหยุดหายใจ เขายังคงอ่อนเพลียจากการตกลงไปในหลุม
“ผมเลยรีบกลับมา แต่มันมืดเกินไป ผมก็เลยร่วงลงไปนอนในหลุมนั่น เรื่องของผมก็มีแค่นี้แหละ”
ชานนท์พยักหน้าสบตากับวันชัย
“ผมว่าคุณจอมภพพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปดูกันว่ามีร่องรอยของคุณจอมขวัญจริงหรือเปล่า”
พี่ชายหญิงสาวไม่ตอบอะไร เขาหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกทางหางตา ทั้งหมดแยกย้ายกันพักผ่อน วันชัยกับเจิมรับอาสาเฝ้ายามตลอดคืนที่เหลือ กองไฟลุกโพลงขึ้นอีกครั้ง พระเพลิงขับไล่ความน่าหวาดหวั่นของค่ำคืนออกไป
“พี่ชัยคิดว่ายังไง เรื่องคุณจอมภพ”
เจิมถามขึ้น ลูกพี่ของเขาเหลือบมองทางจอมภพซึ่งนอนขดตัวหลับสนิท
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“แต่คุณจอมภพจุดไฟได้”
“นั่นสิ ตามตำราเขาบอกว่าสมิงจุดไฟไม่ได้”
“ทำไมถึงจุดไม่ได้ล่ะพี่ มันกลัวไฟหรือไง”
เขาหัวเราะหึ หยิบมดตัวหนึ่งจากต้นคอโยนเข้ากองไฟ
“อุ้งตีนเสือมันจะใช้จุดไฟได้ยังไงว่ะ มันไม่ใช่มือแบบคนเรานะเว้ย”
“งั้นแสดงว่ามันไม่กลัวไฟ”
“มันเป็นเสือผี คงไม่กลัวไฟธรรมดาแบบนี้หรอก”
แล้วทั้งคู่ต่างก็เงียบงัน จมอยู่ในความคิดของตัวเอง เสียงแมลงและสัตว์กลางคืนร้องระงมอันเป็นลักษณะปกติวิสัยของผืนป่าใหญ่
“ถึงยังไงเราก็ต้องคอยจับตาดูคุณจอมภพเอาไว้ ข้าว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา”
วันชัยพูดเบาๆ อดไม่ได้ที่จะมองจอมภพอีกครั้ง ชายหนุ่มยังคงหลับสนิท
“ได้พี่ชัย”
เจิมรับคำแล้วเงียบไป
รุ่งเช้าทั้งคณะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ อากาศยามเช้าสดชื่นแจ่มใส ลมหนาวพัดเอื่อยเฉื่อย ทุกคนกินอาหารเช้าตอนแปดโมงตรง พักอีกครึ่งชั่วโมง ชานนท์ก็ชวนทุกคนออกไปตรวจหาร่องรอยของจอมขวัญ แต่เนื่องด้วยดินบริเวณนั้นค่อนข้างแข็งประกอบกับมีก้อนหินจำนวนมากจึงทำให้ไม่ได้ร่องรอยยืนยันคำพูดของจอมภพ เจิมยังค้นพบเลือดกองใหญ่สีคล้ำเข้มหลังพุ่มไม้อีกด้วย
“เลือดสมิง” วันชัยพูดแล้วเงียบเสียง เดินหากันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อแน่ใจว่าไม่พบอะไรเพิ่มเติม ชานนท์จึงเรียกรวมทุกคนที่โถงถ้ำเพื่อประชุม
“เราจะทำตามที่ตกลงกันไว้เมื่อวาน จะมีหนึ่งชุดเดินกลับไปขอความช่วยเหลือ ส่วนคนอื่นๆก็จะตามหาต่อไป” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเกินกว่าใครจะขัดค้าน ทุกคนจำเป็นต้องทำตามคำพูดของเขา เจ้าหน้าที่ทหารลองใช้วิทยุสื่อสารดูแล้วในตอนเช้าตรู่แต่ก็ไม่สมารถติดต่อใครได้ มีเพียงเสียงซ่าๆดังเท่านั้น
วันชัยตัดสินใจเด็ดขาด เขายกมือขึ้น
“ผมจะไปกับผ็ช่วยเองครับ ผมชำนาญเส้นทางมากที่สุด”
ชานนท์มองหน้าลูกน้องของเขาครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“งั้นผม พี่ชัย และเจิมจะตามหาต่อ ส่วนคุณจอมภพ นายทหารทั้งสองท่านต้องงเดินทางกลับ ผมจะให้น้องชายคนนี้นำทาง”
ทุกคนเข้าใจดีแต่พี่ชายจอมภพขัดขึ้น
“ผมไปด้วย”
“แต่คุณจอมภพบาดเจ็บ”
“แผลเล็กน้อย ผมไปได้” เขาหยุดดูสีหน้าของชานนท์ “ถ้าคุณไม่ให้ผมไป ผมก็จะไปเองคนเดียว”
ในที่สุดชานนท์ก็ยอมแพ้ความดื้อดึงของเขา
“ได้ครับ งั้นเราสี่คนจะเดินทางต่อ ส่วนคนที่เหลือกลับ งั้นไปเตรียมตัวเถอะครับ”
ไม่เกินสิบห้านาทีทุกคนก็พร้อมออกเดินทาง นายทหารบาดเจ็บเดินเขยกโดยใช้ไม้ค้ำตัวได้แล้ว ชานนท์เดินไปสั่งลูกน้องของเขา
“นายรีบกลับไปพาคนมาช่วย ฉันจะมุ่งหน้าไปหุบสมิง ถ้าได้คนแล้วให้ตามไปทางนั้นอย่างเดียว เข้าใจมั้ย”
“ครับผู้ช่วย”
พิทักษ์ป่าหนุ่มรับคำหนักแน่นก่อนจะพาทหารทั้งสองคนแยกจากไป นายทหารโบกมือให้เขา ชานนท์โบกตอบ เพียงครู่เดียวพวกเขาก็ลับตา ชายหนุ่มหันมามองวันชัยซึ่งกำลังรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปกันเถอะพี่ชัย”
“ผู้ช่วยจะไปทางไหนครับ”
“หุบสมิง” ชานนท์ตอบเคร่งขรึม “มุ่งตรงไปหุบสมิงเลยพี่”
แม้จะไม่เข้าใจถึงเหตุผลแต่วันชัยก็เริ่มต้นนำทาง ชานนท์เงยหน้ามองฟ้าเล็กน้อยแล้วเดินตามไป เขารู้สึกว่าหญิงสาวจะไปยังสถานที่นั้น เรื่องราวและจุดจบทั้งหมดกำลังรอเขาอยู่ที่นั่น หุบสมิง อาณาเขตของคนตาย
“คุณจอมภพจะไปไหนครับ”
“ฉี่”
“ถ้างั้นให้เจ้าชายไปเป็นเพื่อนนะครับ เพื่อความปลอดภัย”
แล้วเสียงทั้งหมดก็เงียบไป ตอนนี้เองที่ชานนท์หลับไปได้หน่อยหนึ่งก่อนจะถูกมือสากข้างหนึ่งเขย่าปลุกอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงตื่นเต้นตกใจดังมาจากเจ้าของมือนั้น
“เร็วเข้าผู้ช่วย ไอ้สมิงมันลากเจ้าชายไปกินแล้ว”
ชานนท์ลืมตาโพลงขึ้นทันที เขามองไปรอบๆแล้วก็พบภาพของจอมภพนั่งกอดเข่าตัวสั่น เสื้อของเขาขาดรุ่งริ่ง ตามเนื้อตัวมีแต่รอยเลือด ชายหนุ่มปราดเข้าไป ตอนนี้ทุกคนตื่นกันหมดแล้วแม้แต่นายทหารที่บาดเจ็บ กองไฟถูกจุดลุกสว่างโพลง
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณภพ”
“เสือ” จอมภพตอบเสียงเบา เค้าหน้ายังมีแววตกใจ “มันลากลูกน้องคุณไป ตอนที่ผมกำลังฉี่อยู่”
“ไกลจากที่นี่ไหมครับ”
“ไม่ไกล เลยแนวก้อนหินไปหน่อยเดียว”
ชานนท์ขยับตัวจะไปตรวจดูแต่วันชัยดึงแขนเอาไว้
“ไม่มีประโยชน์ครับผู้ช่วย ชายคงตายเรียบร้อยแล้ว ไปตอนนี้ก็อันตรายเปล่าๆ”
ผู้ช่วยหนุ่มนิ่งขรึม สถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว เขาคิดทบทวนกลับไปกลับมาอย่างตัดสินใจไม่ถูก
“พรุ่งนี้เช้าค่อยไปตามหาศพครับ หลังจากนั้นเราต้องรีบเดินทางกลับเพื่อขอกำลังเพิ่มเติม ผมว่ามันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วครับ”
“แล้วคุณขวัญล่ะ”
“เราต้องกลับไปปรึกษากับหัวหน้ากันก่อนครับ”
จอมภพโพล่งขึ้นขัดวันชัย
“ใครจะกลับก็เชิญ แต่ผมจะไปตามหาน้องสาวผมต่อ”
“ผมไม่กลับอยู่แล้ว คุณภพไม่ต้องห่วง” ชานนท์คิดอยู่ครู่เดียวแล้วจึงพูดขึ้น “เอาอย่างนี้พี่ชัย พรุ่งนี้พี่ชัยพานายทหารที่บาดเจ็บกลับไป เอาลูกน้องไปด้วยสักสองคน ผมกับพวกเราที่เหลือจะตามหาคุณขวัญต่อ แล้วพี่ชัยค่อยพาพวกเรามาเพิ่มเติมอีก”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ครับพี่ ผมตัดสินใจแล้วครับ”
เมื่อเห็นว่าชานนท์พูดอย่างเข้มแข็ง วันชัยก็ได้แต่รับคำ เสร็จเรื่องราวต่างๆแล้ว ชานนท์ก็กำชับเวรยามอีกเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เดิม คราวนี้เขาหลับสนิททันทีที่หัวถึงหมอน
อากาศตอนใกล้รุ่งเหน็บหนาวบาดลึก ชานนท์พลิกตัวตื่น สั่นสะท้านด้วยลมหนาว กองไฟมอดโทรมจนแทบจะดับสนิทแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดูดำมืดไปหมด ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วยกตัวครึ่งนั่งครึ่งนอนพยายามเพ่งสายตามองไปโดยรอบ สังหรณ์ร้ายแล่นพ่านทั้งตัว เวรยามไม่ควรจะหลับยามในเวลาที่อันตรายเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรหรือบอกใคร เจ้าเสือสมิงก็จู่โจม
มันกระโจนข้ามกองไฟอ่อนแสงหมายฉีกร่างของเขาเป็นชิ้น กลิ่นสาบสางลอยอบอวล ชานนท์กลิ้งหลบได้ กรงเล็บของมันจึงทะลวงเข้าเต็มกระเป๋าเป้ที่เขานอนแทนหมอน เขาตะโกนร้องขึ้นพร้อมกับที่เสียงของมันเองก็แผดลั่นขึ้นเช่นกัน ร่างของเสือร้ายกระเด็นประหนึ่งถูกแรงผลัก มันล้มลิ้งคลุกฝุ่น สะเก็ดไฟกระจายวูบวาบ ตอนนี้ทุกคนตื่นหมดแล้ว นายทหารคนหนึ่งหยิบปืนประจำตัวขึ้นมาได้ก็กราดยิงทางหน้าถ้ำด้วยความตกใจ
หลายคนหมอบลงกับพื้นเอามืออุดหูเอาไว้ แต่กระนั้นเสียงปืนก็ยังคงดังสะเทือนเลือนลั่น เขายิงออกไปหลายนัดแต่ดูเหมือนว่าเสือตัวนั้นจะไม่เป็นอะไรเลย มันเดินย่างสามขุมเข้ามาจนใกล้แล้วตวัดตบด้วยกรงเล็บเต็มแรง เสียงปืนหยุดกะทันหัน นายทหารคอหักจนแทบหมุนได้รอบ เสือสมิงส่งเสียงคำรามดังกึกก้องสะกดจนทุกคนแน่นิ่งไป
ชานนท์เองก็หยุดนั่งนิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว เจ้าสัตว์ร้ายกวาดตาสีแดงอมเหลืองเข้มมาทางเขาด้วยความมุ่งร้าย มันเดินก้าวผ่านคนอื่นซึ่งอยู่ในลักษณะที่แตกต่างกัน ทว่าสิ่งที่เหมือนกันคือไม่มีใครขยับตัว แล้วก็เหมือนมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในอนุสติของชายหนุ่ม
“มีดอาคม”
เขาพลันได้สติ กลิ้งตัวไปที่เป้ประจำตัว กระชากมีดโบราณเล่มนั้นออกมากำแน่น แสงสว่างเรืองรองจากใบมีดอาบไล้ทั่วบริเวณโถงถ้ำ เสือสมิงชะงักเท้าอย่างหวาดหวั่น มันถดถอยขณะที่ชายหนุ่มเปลี่ยนท่าเป็นนั่งคุกเข่าและกำลังจะยืน เจ้าสัตว์ปิศาจคำรามแล้วตัดสินใจฉับพลัน มันกระโจนเข้ามาหาเขา ชานนท์เสือกมีดออกไป รู้สึกเหมือนปลายมีดจะสัมผัสโดนร่างของมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เสือสมิงกลับร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดทรมาน ร่างของมันลอยผ่านข้ามหัวแล้วหล่นตุ๊บอยู่ด้านนอกของถ้ำ เลือดสีออกคล้ำกระเซ็นไปทั่ว ผู้ช่วยหนุ่มรีบหันหน้าตามหมายจะเผด็จศึก แต่มันก็เหมือนนกรู้ ลุกขึ้นแล้วโจนเข้าพุ่มไม้มืดทึบหายตัวไป
ตอนนั้นเองที่ทุกคนได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง วันชัยรีบเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขายังคงแสดงอาการตกใจ
“เป็นยังไงบ้างครับผู้ช่วย”
“ผมไม่เป็นอะไรพี่ชัย เร็วช่วยกันก่อไฟแล้วตรวจดูว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
กองไฟถูกก่อขึ้นอย่างว่องไวตามคำสั่งของเขา ชานนท์สำรวจผู้บาดเจ็บแต่นอกจากนายทหารที่เสียชีวิตแล้ว ทุกคนยังคงอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะหน้าซีดด้วยความกลัวก็ตาม
“คุณจอมภพหายไปไหน” เสียงใครสักคนดังขึ้น ชานนท์หันขวับมองสำรววจยังบริเวณที่จอมภพนอนทันที ว่างเปล่า เหลือเพียงแต่ถุงนอนเท่านั้น พี่ชายของจอมขวัญหายไปเสียแล้ว
จอมขวัญมองภาพเหล่านั้นด้วยความตกใจ หล่อนเจ็บปวดหัวใจแทบจะขาดวินาทีที่เจ้าสมิงจะตะครุบตัวชานนท์ ภาพในกองไฟเริ่มเลือนหายทีละน้อยจนกระทั่งเหลือเพลิงเปลวไฟธรรมดา
“เป็นไปไม่ได้”
ศารทูลในร่างกายของชัชวาลพึมพำกับตนเอง เขามองภาพมีดอาคมเล่มนั้นด้วยสายตาที่แสดงถึงความหวาดกลัว
“เป็นไปไม่ได้ มีดศักดิ์สิทธิ์ไปอยู่กับเจ้าอรชุนได้ยังไง”
จอมขวัญยิ้มมุมปาก มองดูศารทูลด้วยสายตาสมเพช
“วาระสุดท้ายของคนเลวอย่างแกใกล้มาถึงแล้ว”
ศารทูลขมวดคิ้วพูดเหี้ยมเกรียม
“มันยังไม่จบ ถึงมีดศักดิ์สิทธิ์จะอยู่กับอรชุน ข้าก็ไม่กลัว ถึงเวลาเดินทางต่อแล้ว อีกไม่นานเราจะเข้าเขตแดนของสุวรรณนคร” เขาหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วใช้สายตาประหลาดมองจอมขวัญ หญิงสาวสยิวกายอย่างหวาดกลัว “ข้ามีวิธีที่จะขยี้เจ้าอรชุนกับพวกของมัน แต่ว่าตอนนี้เจ้าจงหลับไปซะ หลับเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาปลดปล่อยข้า”
จอมขวัญรู้สึกมึนงงเล็กน้อยแล้วหล่อนก็หมดสติทันทีที่สิ้นคำพูดนั้น แต่ทว่าร่างกายของหล่อนกลับลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มออกเดินตามร่างเบื้องหน้าต่อไป
เสียงครางต่ำอย่างเจ็บปวดดังมาจากแนวไม้หนาทึบ วันชัยได้ยินเสียงนั้นเป็นคนแรก เขาบอกให้ทุกคนเงียบเสียงลง
“ฟังสิ”
แล้วชานนท์รวมถึงทุกคนที่เหลือก็ได้ยินเสียงนั้น เสียงที่แสดงความเจ็บปวดทรมานดังแว่วมาตามลม เจิมพูดเสียงสั่นๆ
“สมิงตัวนั้น”
วันชัยขมวดคิ้วหันมองทางหัวหน้าเขา ชานนท์พยักหน้า
“ไปดูกันพี่ชัย” แล้วเขาก็หันไปสั่งให้ลูกน้องกับนายทหารอีกคนเฝ้าศพและคนเจ็บไว้ ก่อนจะพยักหน้าให้วันชัยนำทาง พิทักษ์ป่าหนุ่มใหญ่ถอนหายใจเฮือก ลุกขึ้นแล้วเปิดไฟฉาย ลำแสงไฟขับไล่ความมืดมิดออกไปได้บ้างเล็กน้อย ทั้งสามคนเดินตามเสียงนั้น บางครั้งมันดังขึ้นอย่างประหลาด บางครั้งก็เงียบจนแทบไม่ได้ยิน
หลังจากเดินตามด่านสัตว์เล็กๆมาประมาณหนึ่งกิโลเมตร วันชัยก็หยุดชะงักเท้า สาดไฟฉายไปอย่างไม่เชื่อสายตา เบื้องหน้านั้นพื้นดินยุบลงเป็นหลุมใหญ่ ลึกประมาณสองเมตร แต่อาณาเขตปากหลุมไม่ได้กว้างมากนักเพียงประมาณสามเมตรเท่านั้น เขาลองส่องไฟฉายไปยังก้นหลุมแล้วจึงเห็นเงาร่างที่กำลังยกมือขึ้นบังแสงไฟ จอมภพนั่นเอง พี่ชายของจอมขวัญดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นตามร่างกายยังมีบาดแผล เลือดแดงฉานจนย้อมสีเสื้อ ชานนท์ป้องปากตะโกนถามทันที
“คุณจอมภพเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ร่างนั้นโบกมือให้แต่คล้ายไม่มีแรงที่จะตอบ ผู้ช่วยหนุ่มหันมามองคนทั้งสองแล้วกวาดตามองตามขอบหลุมนั้น เขามองเห็นทางสายเล็กซึ่งคาดว่าเกิดจากพวกสัตว์ป่าเดินขึ้นลง
“ลงไปทางนั้นแล้วเอาตัวคุณจอมภพขึ้นมา”
เจิมจะขยับตัวทำตามคำสั่งแต่วันชัยดึงแขนไว้ เขาพูดเสียงต่ำ แววตาตึงเครียด
“ผู้ช่วยแน่ใจใช่มั้ยว่ามันจะไม่ใช่สมิงตัวนั้น”
ชานนท์เองก็งันไปเหมือนกัน เขาลืมสนิทเรื่องเจ้าเสือผีที่เผ่นหนีไป ใช่แล้ว มันอาจจะจำแลงกายมาเป็นจอมภพก็ได้ เขามองพี่ชายจอมขวัญอีกรอบ แต่จอมภพก็ยังคงดูเหมือนเดิม
“แล้วพี่ชัยจะให้ทำยังไง เราช้าไม่ได้นะพี่ ขืนช้าคุณจอมภพแย่แน่”
วันชัยครุ่นคิด แต่เจิมกลับพูดขึ้น
“จุดไฟ”
“ใช่แล้ว โยนไฟแซ็กให้เขาจุด ถ้าจุดได้ก็เป็นคน แต่ถ้าไม่ได้” พิทักษ์ป่าหนุ่มยิ้มเหี้ยมเกรียม ชานนท์พยักหน้าเพราะไม่เห็นวิธีที่ดีกว่านั้น เจิมเป็นคนโยนไฟแซ็กอันหนึ่งลงไปตกบนหน้าอกของชายหนุ่มพอดี จอมภพมองอย่างไม่เข้าใจ
“คุณจอมภพลองจุดไฟอันนั้นดูก่อนครับ” วันชัยตะโกนบอกแล้วประทับปืนนิ่ง เขาเล็งไปยังร่างของจอมภพ พี่ชายจอมขวัญดูหัวเสียเล็กน้อยตามประสาคนอารมณ์ร้อน
“แกคิดว่าฉันเป็นสมิง”
“เพื่อความมั่นใจครับ เร็วคุณจอมภพ ถ้าคุณไม่จุดผมยิง”
จอมภพมองด้วยดวงตาที่ชานนท์บอกกับตัวเองว่าช่างน่ากลัว มันดูอาฆาตมาดร้าย ชายหนุ่มหยิบไฟแซ็กอันนั้นขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา เขาพยายามจุดอยู่สามรอบ รอบที่สี่ถึงจุดติด เปลวไฟดวงน้อยสว่างขึ้น
“เร็วพวกเรา ช่วยกันเอาตัวคุณจอมภพขึ้นมา”
ทั้งหมดแทบจะวิ่งลงไปช่วยเหลือ ขลุกขลักกันอีกเพียงเล็กน้อยก็ช่วยกันนำร่างของจอมภพขึ้นมาได้ พี่ชายของจอมขวัญเจ็บบริเวณข้อเท้าผนวกกับอาการอ่อนเพลีย ไม่เกินครึ่งชั่วโมงต่อจากนั้น ทั้งหมดก็กลับเข้ามาสู่ถ้ำอันเป็นที่พักแรมอีกครั้งหนึ่ง
ชานนท์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้พี่ชายของจอมขวัญฟัง เกือบจะตลอดเวลาจอมภพมักจะเหลือบมองศพของนายทหารอยู่เสมอ
“คุณจอมภพครับ แล้วคุณออกไปที่นั่นได้ยังไง”
ผู้ช่วยหนุ่มถามขึ้นหลังจากจบเรื่องเล่าของเขาแล้ว จอมสูดลมหายใจลึก มองรอบด้าน เขามั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดดวงตาของวันชัยดูไม่เป็นมิตร มันปนเปทั้งความระมัดระวังและความหวาดกลัว
“ผมเห็นจอมขวัญ”
เพียงประโยคแรกก็ทำให้ชานนท์และทุกคนสะดุ้ง
“คุณเห็นคุณขวัญ”
“ใช่” เขาหยุดเล็กน้อยเหมือนทบทวนความจำ “ผมจำไม่ได้ว่ากี่โมง รู้แค่ว่ากองไฟมอดแล้ว มันมืดไปหมดทุกหนทุกแห่ง แต่นอกถ้ำ ตรงแนวป่านั่น”
จอมภพชี้ไปที่เงาตะคุ่มของต้นไม้
“ผมเห็นว่ามีแสงบางอย่าง มันไม่ได้สว่างจ้า ออกจะนวลๆตาด้วยซ้ำ ผมหลับตาแล้วลืมใหม่แสงก็ยังอยู่ ผมเลยลุกออกไปดู แล้วผมก็เห็นจอมขวัญ ผมตะโกนเรียกแต่เหมือนว่าน้องสาวผมไม่ได้ยิน ขวัญเดินมุ่งหน้าไปทางป่านั่นผมเลยรีบลุกขึ้นแล้วตามไป”
“ไม่น่าเชื่อ” วันชัยพูดสอด
“ใช่ แต่ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก พอเห็นขวัญเดินผมก็วิ่งตาม แต่วิ่งยังไงก็ตามไม่ทัน แล้วช่วงหนึ่งผมถึงได้สังเกตว่าด้านหน้าของจอมขวัญเหมือนจะมีคนเดินนำหน้าอยู่ แต่มันมืดเกินไปผมเลยเห็นไม่ชัดว่ามันเป็นใคร”
“ชัชวาลเหรอ”
“ผมไม่แน่ใจ แต่พอตามไปได้สักระยะทั้งขวัญทั้งแสงก็หายไป หายเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงปืนจากที่นี่”
จอมภพหยุดหายใจ เขายังคงอ่อนเพลียจากการตกลงไปในหลุม
“ผมเลยรีบกลับมา แต่มันมืดเกินไป ผมก็เลยร่วงลงไปนอนในหลุมนั่น เรื่องของผมก็มีแค่นี้แหละ”
ชานนท์พยักหน้าสบตากับวันชัย
“ผมว่าคุณจอมภพพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปดูกันว่ามีร่องรอยของคุณจอมขวัญจริงหรือเปล่า”
พี่ชายหญิงสาวไม่ตอบอะไร เขาหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกทางหางตา ทั้งหมดแยกย้ายกันพักผ่อน วันชัยกับเจิมรับอาสาเฝ้ายามตลอดคืนที่เหลือ กองไฟลุกโพลงขึ้นอีกครั้ง พระเพลิงขับไล่ความน่าหวาดหวั่นของค่ำคืนออกไป
“พี่ชัยคิดว่ายังไง เรื่องคุณจอมภพ”
เจิมถามขึ้น ลูกพี่ของเขาเหลือบมองทางจอมภพซึ่งนอนขดตัวหลับสนิท
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“แต่คุณจอมภพจุดไฟได้”
“นั่นสิ ตามตำราเขาบอกว่าสมิงจุดไฟไม่ได้”
“ทำไมถึงจุดไม่ได้ล่ะพี่ มันกลัวไฟหรือไง”
เขาหัวเราะหึ หยิบมดตัวหนึ่งจากต้นคอโยนเข้ากองไฟ
“อุ้งตีนเสือมันจะใช้จุดไฟได้ยังไงว่ะ มันไม่ใช่มือแบบคนเรานะเว้ย”
“งั้นแสดงว่ามันไม่กลัวไฟ”
“มันเป็นเสือผี คงไม่กลัวไฟธรรมดาแบบนี้หรอก”
แล้วทั้งคู่ต่างก็เงียบงัน จมอยู่ในความคิดของตัวเอง เสียงแมลงและสัตว์กลางคืนร้องระงมอันเป็นลักษณะปกติวิสัยของผืนป่าใหญ่
“ถึงยังไงเราก็ต้องคอยจับตาดูคุณจอมภพเอาไว้ ข้าว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา”
วันชัยพูดเบาๆ อดไม่ได้ที่จะมองจอมภพอีกครั้ง ชายหนุ่มยังคงหลับสนิท
“ได้พี่ชัย”
เจิมรับคำแล้วเงียบไป
รุ่งเช้าทั้งคณะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ อากาศยามเช้าสดชื่นแจ่มใส ลมหนาวพัดเอื่อยเฉื่อย ทุกคนกินอาหารเช้าตอนแปดโมงตรง พักอีกครึ่งชั่วโมง ชานนท์ก็ชวนทุกคนออกไปตรวจหาร่องรอยของจอมขวัญ แต่เนื่องด้วยดินบริเวณนั้นค่อนข้างแข็งประกอบกับมีก้อนหินจำนวนมากจึงทำให้ไม่ได้ร่องรอยยืนยันคำพูดของจอมภพ เจิมยังค้นพบเลือดกองใหญ่สีคล้ำเข้มหลังพุ่มไม้อีกด้วย
“เลือดสมิง” วันชัยพูดแล้วเงียบเสียง เดินหากันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อแน่ใจว่าไม่พบอะไรเพิ่มเติม ชานนท์จึงเรียกรวมทุกคนที่โถงถ้ำเพื่อประชุม
“เราจะทำตามที่ตกลงกันไว้เมื่อวาน จะมีหนึ่งชุดเดินกลับไปขอความช่วยเหลือ ส่วนคนอื่นๆก็จะตามหาต่อไป” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเกินกว่าใครจะขัดค้าน ทุกคนจำเป็นต้องทำตามคำพูดของเขา เจ้าหน้าที่ทหารลองใช้วิทยุสื่อสารดูแล้วในตอนเช้าตรู่แต่ก็ไม่สมารถติดต่อใครได้ มีเพียงเสียงซ่าๆดังเท่านั้น
วันชัยตัดสินใจเด็ดขาด เขายกมือขึ้น
“ผมจะไปกับผ็ช่วยเองครับ ผมชำนาญเส้นทางมากที่สุด”
ชานนท์มองหน้าลูกน้องของเขาครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“งั้นผม พี่ชัย และเจิมจะตามหาต่อ ส่วนคุณจอมภพ นายทหารทั้งสองท่านต้องงเดินทางกลับ ผมจะให้น้องชายคนนี้นำทาง”
ทุกคนเข้าใจดีแต่พี่ชายจอมภพขัดขึ้น
“ผมไปด้วย”
“แต่คุณจอมภพบาดเจ็บ”
“แผลเล็กน้อย ผมไปได้” เขาหยุดดูสีหน้าของชานนท์ “ถ้าคุณไม่ให้ผมไป ผมก็จะไปเองคนเดียว”
ในที่สุดชานนท์ก็ยอมแพ้ความดื้อดึงของเขา
“ได้ครับ งั้นเราสี่คนจะเดินทางต่อ ส่วนคนที่เหลือกลับ งั้นไปเตรียมตัวเถอะครับ”
ไม่เกินสิบห้านาทีทุกคนก็พร้อมออกเดินทาง นายทหารบาดเจ็บเดินเขยกโดยใช้ไม้ค้ำตัวได้แล้ว ชานนท์เดินไปสั่งลูกน้องของเขา
“นายรีบกลับไปพาคนมาช่วย ฉันจะมุ่งหน้าไปหุบสมิง ถ้าได้คนแล้วให้ตามไปทางนั้นอย่างเดียว เข้าใจมั้ย”
“ครับผู้ช่วย”
พิทักษ์ป่าหนุ่มรับคำหนักแน่นก่อนจะพาทหารทั้งสองคนแยกจากไป นายทหารโบกมือให้เขา ชานนท์โบกตอบ เพียงครู่เดียวพวกเขาก็ลับตา ชายหนุ่มหันมามองวันชัยซึ่งกำลังรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปกันเถอะพี่ชัย”
“ผู้ช่วยจะไปทางไหนครับ”
“หุบสมิง” ชานนท์ตอบเคร่งขรึม “มุ่งตรงไปหุบสมิงเลยพี่”
แม้จะไม่เข้าใจถึงเหตุผลแต่วันชัยก็เริ่มต้นนำทาง ชานนท์เงยหน้ามองฟ้าเล็กน้อยแล้วเดินตามไป เขารู้สึกว่าหญิงสาวจะไปยังสถานที่นั้น เรื่องราวและจุดจบทั้งหมดกำลังรอเขาอยู่ที่นั่น หุบสมิง อาณาเขตของคนตาย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ