สาบสมิง
เขียนโดย ลูกคนเดียว
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) บทที่สิบแปด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจอมภพเห็นบิดาและน้องสาวของเขากำลังพยาบาลป้านวลซึ่งนอนกุมท้องอยู่บนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด ชายหนุ่มกวาดตามองที่น้องสาว จอมขวัญเองก็หน้าซีด หล่อนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเดินเข้ามาคุกเข่านั่งข้างบิดา
“เป็นไงเจ้าภพ จับตัวได้มั้ย”
เขาส่ายหน้า
“มันหนีไปได้ครับ แต่พ่อไม่ต้องห่วง ผมให้ชัชวาลนำพวกเราไปค้นหาครับ ถึงไม่ได้ตัวก็อาจจะพอได้ร่องรอยมันบ้าง”
จอมพลพยักหน้าแล้วหันมาพูดกับลูกสาว
“ขวัญไม่เป็นไรใช่มั้ยลูก”
“ไม่ค่ะพ่อ แต่ป้านวล” หางตาของหล่อนมีหยาดน้ำตาไหลออกมาเมื่อเห็นสภาพของหญิงสูงวัยอันเปรียบเสมือนแม่คนที่สอง
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพ่อจะพานวลไปโรงพยาบาลเอง”
“’งั้นขวัญขอไปด้วยนะคะพ่อ”
“ได้สิ” เขาตอบลูกสาวก่อนจะหันมากำชับลูกชาย “จัดวางคนของเราให้ดูแลรอบบ้านตั้งแต่วันนี้ไป พ่อไม่แน่ใจว่ามันจะกลับมาอีกหรือเปล่า ถ้ามันมาอีก จับตัวมันให้ได้”
“ครับพ่อ”
บิดาของเขาและน้องสาวพาป้านวลไปโรงพยาบาลแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาชัชวาลจึงเดินกลับเข้ามาในตัวบ้าน ลูกน้องคนสนิทอยู่ในชุดที่เปรอะเปื้อน ส่วนตัวเขาเองนั่งจิบเหล้าอยู่ในโถงของตัวบ้าน
“ว่ายังไงชัช ได้เรื่องมั้ย”
“ไม่ครับนาย แม้แต่ร่องรอยก็ไม่มีครับ แต่ผมให้คนของเราค้นหาต่อไปแล้วก็แบ่งคนส่วนหนึ่งมาคอยดูแลความปลอดภัยที่นี่ครับ” เขาหยุดพูด “นายจะแจ้งตำรวจมั้ยครับ”
“พ่อคงไม่แจ้ง เราก็อยู่เฉยก่อนดีกว่า”
ทั้งคู่เงียบงัน จอมภพจัดแจงผสมเหล้าแล้วเลื่อนแก้วให้ลูกน้องของเขาพร้อมทั้งมองหน้า
“แกว่า…มันเป็นคนใช่มั้ย”
ชัชวาลเข้าใจคำถามนั้นทันที ตั้งแต่ออกมาจากป่าอาถรรพ์ ทั้งคู่ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องราวประหลาดที่ได้ประสบพบเจอมาอีกเลย
“ผมไม่แน่ใจ แต่เราควรจะคิดหาทางป้องกันไว้บ้าง ถ้าหากว่า…มันไม่ใช่คน”
“แกจะทำยังไงชัช”
“ผมจะไปหาหลวงพ่อ ผมเชื่อว่าหลวงพ่อต้องมีทางป้องกันครับนาย”
จอมภพพยักหน้า เขาลูบคลำปืนพกสั้นที่วางอยู่ข้างลำตัวพลางนึกถึงกระสุนลงอาคม ถ้าหากมีกระสุนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นอยู่ ต่อให้มันไม่ใช่คนเขาก็ไม่กลัว
วันรุ่งขึ้นชานนท์ก็ทราบข่าวร้ายของจอมขวัญจากสุพรเนื่องจากวันนี้หญิงสาวขอลาหยุดเพื่อเฝ้าไข้ของป้านวล หญิงสูงวัยถูกหมอสั่งให้นอนเพื่อดูอาการที่โรงพยาบาลหนึ่งวัน ตอนกลางวันชานนท์จึงชวนสุพรซื้อหาอาหารและของเยี่ยมก่อนจะเดินทางมาหญิงสาวที่โรงพยาบาล
ทันทีที่พบหน้าของจอมขวัญ ชายหนุ่มก็ถามขึ้น
“เป็นยังไงบ้างครับคุณขวัญ ปลอดภัยหรือได้รับบาดเจ็บอะไรมั้ยครับ”
หล่อนยิ้มให้เขา ตั้งแต่เสร็จจากการทำค่ายเยาวชนแล้วทั้งคู่ก็มีโอกาสเจอกันน้อยมาก
“ขวัญปลอดภัยดีค่ะ แต่ป้านวล” หล่อนเหลือบมองหญิงสูงวัยซึ่งตอนนี้กำลังนอนหลับพักผ่อนหลังจากรับประทานอาหารและให้ยาเสร็จเรียบร้อย “ป้านวลถูกมันทำร้ายค่ะ”
“ป้านวลเป็นอะไรมากมั้ยครับ”
“หมอบอกว่าอยากให้รอดูอาการสักวันค่ะ ป้านวลอายุมากแล้วด้วยเลยต้องดูให้แน่ชัด”
เขาพยักหน้ามองร่างของหญิงชรา สุพรพูดขึ้นบ้าง
“แล้วแกรู้มั้ยว่ามันเป็นใครขวัญ จำหน้ามันได้หรือเปล่า”
สีหน้าของจอมขวัญซีดลงเล็กน้อย หล่อนตอบตะกุกตะกัก
“จำไม่ได้หรอกพร มันมืดเกินไป”
ทั้งสุพรและชานนท์สงสัยในคำตอบนั้น โดยเฉพาะชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหญิงสาว มันเหมือนกับว่าหล่อนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขาเองไม่อยู่ในหน้าที่ที่จะสอบถามหล่อนได้ ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนสุพรพูดขึ้นอีก
“แล้วได้แจ้งตำรวจมั้ยขวัญ”
“พ่อไปคุยกับผู้กำกับแล้ว ทางตำรวจน่าจะส่งคนมาตรวจที่เกิดเหตุวันนี้แหละ คืนนี้คงมีรถสายตรวจวิ่งไปมาทั้งคืน”
“สิ้นเคราะห์สิ้นกรรมนะขวัญ ต่อไปแกต้องดูแลตัวเองดีๆนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพร ตอนนี้มีคนเฝ้าบ้านอย่างกับเป็นคุกแน่ะ”
หล่อนหัวเราะออกมาพลอยทำให้สุพรกับชานนท์ยิ้มตาม
“แต่ถึงยังไงคุณขวัญก็ต้องดูแลตัวเองดีๆน่ะครับ มีอะไรให้ช่วยเหลือ บอกผมได้ทุกเมื่อนะครับ”
“งั้นแกก็รับคุณนนท์เข้าไปเฝ้าในห้องนอนแกเลยสิขวัญ จะได้ปลอดภัย”
สุพรแซวขึ้น หล่อนพอจะคาดเดาความรู้สึกของทั้งคู่ได้ ชานนท์หัวเราะเบาๆ ส่วนหญิงสาวพูดออกมาคำเดียวว่าบ้าแล้วหันกลับไปดูแลป้านวล ผู้ช่วยหนุ่มกับครูสาวบอกลาจอมขวัญเมื่อตอนเกือบจะบ่ายโมง ก่อนกลับชานนท์บอกว่าคอนเย็นเขาจะแวะมาหาหล่อนอีกครั้ง
หลังจากเพื่อนสนิทและชายหนุ่มที่หล่อนแอบคิดถึงเขาบ่อยๆกลับไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง หญิงสาวซึ่งได้นอนพักผ่อนเพียงเล็กน้อยในตอนกลางคืนก็รู้สึกง่วงนอน หล่อนหาวก่อนจะฟุบหลับไปบนเตียงของป้านวลโดยไม่รู้เลยว่าเงาดำร่างหนึ่งกำลังเปิดประตูแล้วก้าวเดินมาหยุดกลางห้อง มันกวาดตามองใบหน้าของจอมขวัญแล้วหยุดนิ่ง
“ถึงเวลาที่เจ้าจะได้รู้เรื่องราวทั้งหมดซะที นางคนทรยศ”
ร่างนั้นพูดกลั้วไปกับเสียงหัวเราะอย่างลำพอง
จอมภพหัวเสียเล็กน้อยเมื่อชัชวาลไม่มาตามนัด หลังจากที่ลูกน้องคนสนิทแยกตัวไปทำธุระบางอย่างเมื่อช่วงสายแล้วนัดกับเขาอย่างดิบดีว่าตอนบ่ายทั้งคู่จะเข้าไปกราบหลวงพ่อดำด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งรอชัชวาลอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ภายในวัดหนองเสือร้องเกือบจะสิบนาทีแล้ว ถึงแม้ว่าในวัดจะร่มเย็นและร่มรื่น ในหัวใจของเขากลับร้อนรนประหนึ่งถูกไฟแผดเผา เมื่อความอดทนหมดสิ้นลง จอมภพจึงก้าวเดินเพื่อี่จะไปยังกุฎิของหลวงพ่อดำ แต่ยังไม่ทันจะพ้นออกจากสวนอันร่มรื่นนั้น ภิกษุชรารูปหนึ่งก้าวเดินช้าแต่หนักแน่นมั่นคงตรงมาที่เขา หลวงพ่อดำนั่นเอง จอมภพก้มกราบสามครั้ง หลวงพ่อดำจึงพูดขึ้น
“อาตมารู้ว่าโยมกำลังร้อนใจ”
“ครับหลวงพ่อ ผมกำลังเป็นห่วงครอบครัวของผมอย่างถึงที่สุดครับ”
“อาตมาเข้าใจ แต่โยมรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่โยมได้กระทำลงไปนั้นก็เปรียบเสมือนกับการเล่นกับไฟ สุดท้ายแล้วเปลวไฟก็มักจะหันเหกลับมาเผาไหม้ตัวเราเองเสมอ”
“ผมเข้าใจครับหลวงพ่อ แต่ผมหมดทางเลือกแล้วครับ ผมไม่มั้นใจว่าเป็นมันหรือเปล่าที่ตามมาเล่นงานน้องสาวผมเมื่อคืน”
“น้องสาวของโยมก็มีกรรมหนักนะ เจ้ากรรมนายเวรถึงตามมาทวงคืน”
“แล้วผมต้องทำยังไงครับหลวงพ่อ”
น้ำเสียงของจอมภพดูท้อแท้ เขามั่นใจแล้วว่าสิ่งที่กำลังคุกคามเขาและครอบครัวคือเจ้าปิศาจตัวนั้น วิญญาณร้ายที่เขาไม่มีทางชนะ
“เมื่อโยมผูกกรรมขึ้นมา โยมก็ต้องยอมรับสภาพและผลแห่งกรรมนั้น อาตมาช่วยโยมได้เพียงแค่นี้ ส่วนที่เหลือก็สุดแล้วแต่เวรกรรม”
หลวงพ่อดำล้วงลงไปในย่ามพร้อมทั้งหยิบตะกรุดขึ้นมา ตะกรุดแบบเดียวกับที่ชัชวาลเคยใช้ปาใส่เสือร้าย เขารับตะกรุดวิเศษจากมือของหลวงพ่อ แต่แค่เพียงสัมผัสกับตระกรุดชายหนุ่มก็ร้องออกมาดังลั่นราวกับถูกของมีคมทิ่มแทง เขาปล่อยตะกรุดร่วงลงพื้นก่อนจะสะบัดมือเร่าๆ หลวงพ่อดำหรี่ตามองด้วยความหนักใจ เหมือนท่านรู้บางอย่างแต่มิอาจจะพูดออกมาได้ จอมภพก้มลงเก็บตระกรุดมาถือไว้ในมือ คราวนี้มันกลายเป็นของปกติไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เขาอีก
“โยมจงจำไว้ให้ดี กงล้อแห่งกรรมย่อมหมุนเวียนไปตามทางของมันเสมอ ไม่มีใครหรือว่าสิ่งของอันใดจะหยุดกรรมได้ โยมควรจะต้องรักษาศีล สร้างบุญกุศลให้มากเข้าไว้ กุศลผลกรรมดีจะได้ช่วยผ่อนหนักให้กลายเป็นเบา”
จอมภพก้มกราบแต่ไม่ได้ตอบสิ่งใด เขาคืนความมั่นใจอีกครั้ง ชายหนุ่มเชื่อมั่นว่าต่อให้พบเจอกับเจ้าปิศาจร้ายก็มีหนทางที่จะต่อสู้กับมันได้ ชายหนุ่มกำตระกรุดแน่น หัวเราะอย่างร่าเริงภายในใจ
ชานนท์นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คส่วนตัว หลังจากกลับมาจากเยี่ยมจอมขวัญ วันชัยก็นำเอาเมมโมรี่ของกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติมาให้เขาตรวจสอบ ชายหนุ่มนำภาพเข้าสู่คอมพิวเตอร์ของเขาแล้วเลื่อนดูภาพแต่ละภาพอย่างพินิจ บริเวณรอบแนวเขตของอุทยานแห่งชาติค่อนข้างจะมีสัตว์ป่ามาใช้ประโยชน์พื้นที่น้อยเนื่องจากอยู่ใกล้เคียงกับชุมชน แต่กระนั้นก็ยังสามารถบันทึกภาพของเก้งและกวางป่าได้ เขาไม่ได้หวังมากนักว่ากล้องจะสามารถจับภาพของเสือโคร่งที่ชาวบ้านพูดถึง อาณาเขตมันกว้างเกินไป ส่วนกล้องก็มีน้อยเกินไปเช่นกัน
รำเพยเดินเข้ามาสอบถามว่าเขาต้องการกาแฟหรือชาไหม ผู้ช่วยหนุ่มเพียงยิ้มแล้วส่ายหัว หล่อนจึงกลับไปนั่งจมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของสำนักงาน เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เสียงกระดูกลั่นกราว มือขวายังคงคลิกเมาท์เลื่อนดูรูป ทีละภาพทีละภาพจนกระทั่งภาพหนึ่งก็ทำให้ตาของเขาเบิกกว้าง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ภาพนั้นถูกถ่ายไว้ได้ในตอนกลางคืน รอบด้านจึงดูมืดๆหม่นๆ แต่ตรงกลางภาพกลับชัดเจนจากแสงแฟลช เสือโคร่งตัวนั้นกำลังก้าวเดินผ่านหน้ากล้องตอนที่ถูกบันทึกภาพเอาไว้ได้ ชานนท์มองเห็นลายของมันอย่างชัดเจน ตัวค่อนข้างใหญ่ดูแข็งแรง ดวงตาของมันสะท้อนกับแสงแฟลชเป็นสีแดงปนเหลือง เขารีบปริ้นภาพนั้นออกมาทันทีแล้วตรงดิ่งไปห้องทำงานของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ
กัมปนาทกำลังเซ็นเอกสารตอนที่ชานนท์พรวดพราดเข้ามาในห้อง ผู้ช่วยของเขาดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“ว่ายังไงล่ะนนท์ ท่าทางคุณเหมือนตื่นเต้นอะไรมา”
“เราได้หลักฐานเรื่องเสือแล้วครับหัวหน้า”
ชานนท์ส่งรูปนั้นให้หัวหน้าของเขา กัมปนาทรับไปแล้วไม่พูดคำใดเลยจนเชาสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าครับหัวหน้า”
“งั้นข่าวลือที่ว่าเด็กวัยรุ่นคนนั้นถูกเสือลากไปกินก็อาจจะเป็นจริงได้สินนท์”
“ผมไม่แน่ใจครับ แต่เท่าที่ผมทราบหลังจากเสือกินคนที่เขาใหญ่ถูกสังหารแล้วก็ไม่เคยมีเหตุการณ์เสือกินคนในไทยอีกเลยครับ”
“เรื่องนั้นผมรู้ แต่ถึงยังไงชาวบ้านส่วนหนึ่งก็ปักใจเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว ยิ่งเมื่อเช้ามีข่าวลือจากตาเฒ่าสุขว่าเห็นเสือตัวนั้นลากเด็กไปกิน” กัมปนาทหยุดหัวเราะ “แล้วมันยังเป็นเสือสมิงด้วยนะ ไม่ใช่เสือธรรมดา”
อยู่ดีๆชานนท์ก็ขนลุกขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาอดที่จะย้อนคิดถึงค่ำคืนในค่ายเยาวชนไม่ได้ คืนที่เขาได้เผชิญหน้ากับความลึกลับบางอย่างรวมทั้งเสือโคร่งใหญ่ตัวนั้นด้วย เสียงของกัมปนาทปลุกเขาจากภวังค์
“คุณอาจจะต้องเหนื่อยเพิ่มหน่อยนะนนท์”
“ครับ หัวหน้าต้องการให้ผมทำอะไรครับ”
“ถ้ามันเป็นเสือที่ออกมาทำร้ายคนจริง ผมก็อยากให้คุณจัดเจ้าหน้าที่คอยลาดตระเวณป้องกันแนวเขตด้านที่ติดกับชุมชนหน่อย แล้วผมจะเสนอไปทางกรมให้ส่งผู้เชี่ยวชาญให้เขามาจัดการปัญหาเรื่องเสือตัวนี้ ถ้ามันกินคนจริงเราคงต้องจับมันออกจากพื้นที่ก่อน”
“ได้ครับหัวหน้า ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ”
กัมปนาทยิ้มให้
“ฝากด้วยนะนนท์ ชะตากรรมของเสือตัวนี้และชาวบ้านขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ