สาบสมิง
เขียนโดย ลูกคนเดียว
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) บทที่สิบเจ็ด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความการหายตัวไปของพะเยาว์สร้างความตื่นตระหนกใก้แก่ชาวอำเภอหนองเสือร้องเป็นอันมาก ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่เคยมีข่าวการลักพาตัวหรือการฆาตกรรมเกิดขึ้นในอำเภอเล็กอันห่างไกลจากเมืองใหญ่แห่งนี้เลย แทบทุกคนฉงนและสงสัยต่อการหายไปของเด็กสาวโดยเฉพาะลุงย้อย ผู้เป็นบิดา เขาร้องไห้คร่ำครวญเกือบจะตลอดเวลา บางครั้งก็ส่งเสียงอ้อนวอนต่อเทวดาฟ้าดินให้พบเจอตัวของลูกสาว ตำรวจภูธรหนองเสือร้องวิ่งกันวุ่น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีการค้นพบหลักฐานอะไร สามวันผ่านไปแล้ว บรรยากาศตอนกลางคืนในฤดูหนาวกลับมาเงียบวังเวงอีกครั้ง ทุกคนเก็บตัวอยู่ในบ้าน ละทิ้งกิจกรรมยามค่ำคืนหมดสิ้น จะมีก็แต่ร้านเหล้าของเฮียใช้เท่านั้นที่ยังคงให้บริการอย่างคึกคัก นักดื่มเจ็ดแปดคนเป็นชายฉรรจ์ล้วนนั่งสังสรรค์ท้าลมหนาว ร้านแห่งนี้อยู่ห่างออกมาจากตัวอำเภอเล็กน้อย ซุกซ่อนอยู่ในซอยเล็กๆซึ่งแวดล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือน สองทุ่มนิดๆช่วงที่วงเหล้ากำลังเข้มข้น ตาเฒ่าสุข ขี้เมาประจำอำเภอก็ลากสังขารและใบหน้าแดงก่ำมานั่งเงียบฟังเสียงของพวกหนุ่มๆ นานครั้งแกก็ยกมือหาวก่อนจะกระดกแก้วเหล้าคลายความหนาวให้ตัวเอง
แล้วทิดแม้นก็เอ่ยถึงเรื่องของเด็กสาวที่หายไปขึ้นมา ทุกคนออกความคิดเห็นไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าพะเยาว์หนีตามผู้ชายเข้าเมืองไปแล้ว บ้างก็เดาว่าเด็กสาวอาจจะตกน้ำตกท่า แล้วก็ยังมีคนบางส่วนที่คิดว่าพะเยาว์ถูกฆาตกรรม ทุกคนวิจารณ์กันอย่างสนุกปากจนกระทั่งตาเฒ่าอดหัวเราะขึ้นเสียงดังไม่ได้
“พวกเอ็งมันมั่ว มั่วกันทุกคน” แกพูดเสียงอ้อแอ้ “อยากรู้มั้ยล่ะว่าอีเยาว์มันไปไหน”
“ลุงรู้หรือไงฉันว่าถ้าลุงเมาก็กลับบ้านนอนเถอะ” ทิดแม้นตอบกลับมา หลายคนส่งเสียงชอบใจ ตาเฒ่าสุขตบโต๊ะดังโครม
“โธ่ไอ้แม้น พูดอยากนี้เดี๋ยวได้ลุกต่อยกันเท่านั้น ทำไมกูจะไม่รู้ กูเห็นมากับตา”
“เห็นอะไรลุงเมาหลับแล้วฝันเห็นหรือเปล่า” อีกคนหยอกเย้า
“เห็นกับตาสิว่ะ ภาพมันยังติดตากูจนนอนไม่หลับทุกวันนี้”
“ลุงเห็นอะไร”
ทุกคนให้ความสนใจกับลุงขี้เมา แม้แต่เฮียใช้ก็ยังมายืนกอดอกฟัง ตาเฒ่าสุขกระดกเหล้าแล้วนิ่งชั่วครู่ แกกวาดตามองหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงต่ำ
“กูเห็นสมิง เสือสมิงมันลากอีเยาว์ไปกิน”
ทุกคนเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมพัดแปลกๆหน้าร้าน ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วคนอื่นจึงทำตาม ทิดแม้นหัวเราะจนตัวสั่นพลางโบกมือ
“โธ่ลุงสุข ถ้าคิดจะหลอกกินเหล้าฟรีทำไมไม่แต่งเรื่องให้ดีกว่านี้ล่ะ”
“กูไม่ได้หลอก กูเห็นจริงๆ” แกยังคงยืนยันหนักแน่น น้ำเสียงจริงจัง “เมื่อสามวันก่อน กูเพิ่งเลิกกินเหล้ากับไอ้แหยมกำลังจะกลับบ้าน ตอนนั้นน่าจะสี่ทุ่มกว่าแล้ว แทบจะไม่มีใครบนถนนสักคน กูเองก็ชักจะกลัวๆเลยรีบเดิน คิดว่าจะให้ถึงบ้านไวๆ แต่ดันปวดท้องหนักแล้วกูก็คิดขึ้นได้ว่ามันมีห้องน้ำเก่าอยู่ข้างสวนรกร้างริมถนน ช่วงที่ไฟมันเสียไง พวกเอ็งจำได้ใช่มั้ย”
หลายคนพยักหน้า อีกหลายคนจดจ่อกับเรื่องของตาเฒ่า เฮียใช้ลากเก้าอี้มานั่งลงข้างวง หลังจากกระดกแก้ว ตาเฒ่าเริ่มเล่าต่อ
“หลังจากูเข้าห้องน้ำได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเดินคุยกัน ผู้หญิงกับผู้ชาย ตามประสาของคนที่เป็นห่วงคนอื่นอย่างกูก็เลยอดไม่ได้ลองแนบตามองลอดผ่านรูเล็กๆบนประตูห้องน้ำ แต่มันมืดมาก มืดจนเกือบจะมองอะไรไม่เห็น ดีที่ว่ายังพอมีแสงไฟจากถนนอีกด้านส่องมาหน่อย แล้วกูก็มองเห็นนังพะเยาว์ มันกำลังคุยกับใครสักคน แต่ตรงนี้แหละที่แปลก ไอ้คนนั้นมันดูเลือนๆลางๆชอบกล มองยังไงก็ไม่ชัด แล้วอยู่ดีๆเหมือนพะเยาว์จะเดินเร็วขึ้น ไอ้คนนั้นมันก็ไม่ได้เร่งฝีเท้าตาม”
แกหยุดกลืนน้ำลายแล้วทำท่าเหมือนจะยกแก้วแต่ว่าก้นแก้วกลับว่างเปล่า ทิดแม้นทนไม่ไหวจึงจัดแจงผสมเหล้ายื่นส่งให้ เฒ่าสุขยิ้มอายๆ
“กูเห็นเหมือนท่อนอะไรกลมๆยื่นออกมาจากตูดของไอ้คนนั้น เหมือนกับงูแต่ก็ไม่ใช่ ตรงนี้แหละสำคัญ” แกเว้นระยะ “หลังจากนั้นร่างของมันก็หายไป หายไปต่อหน้าต่อตาเลย พอนังพะเยาว์หันกลับมามองไม่เห็นมันก็ตกใจแล้วเหมือนจะออกวิ่ง แต่แค่หันหลังกลับไป เสือโคร่งตัวใหญ่มหึมาก็ยืนประจันหน้ากับมัน กูแทบจะหยุดหายใจตอนที่เสือตัวนั้นกระโจนกัดคอนังพะเยาว์ มันดิ้นอึกอักอยู่แปบเดียวก็ถูกลากหายไปทางถนนอีกฝั่ง ไม่ถึงห้านาทีก็หายไปทั้งคู่ คืนนั้นกูไม่ได้กลับบ้าน นั่งอยู่ในห้องน้ำนั่นจะเช้าเริ่มเห็นพระบิณฑบาตรนั่นแหละถึงได้เผ่นกลับบ้าน หลังจากนั้นก็ไม่กล้าไปไหน ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง พวกเอ็งพวกแรกเลย”
“ลุงแน่ใจนะว่ามันเป็นสมิง”
“ยิ่งกว่าแน่อีก เอาหัวกูเป็นประกันได้เลย”
“ถ้าเป็นอย่างที่ลุงเล่าจริงก็แสดงว่าไอ้เสือผีมันกลับมาแล้ว”
“ไม่ใช่แค่กลับมา คราวนี้มันยังเปลี่ยนเหยื่ออีกด้วย มันล่าคนแล้ว” ตาเฒ่าสุขพูด หลายคนพยักหน้า บรรยากาศเยือกเย็นลงจนขนหัวลุก ยิ่งเมื่อได้ฟังเรื่องเล่า คนที่อยู่บ้านไกลก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะลุง ฆ่ามันเหรอเสือสมิง ถ้าฆ่ามันโดนหัวหน้ากัมปนาทจับแน่”
“กระสุนธรรมดายิงมันไม่ตายหรอก คนเดียวที่จะช่วยได้ก็คือหลวงพ่อดำ หลวงพ่อเคยเป็นพรานชั้นครู ท่านต้องรู้วิธีปราบมัน”
“งั้นเราเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ตำรวจฟัง”
“ตำรวจเขาก็จะได้ว่าเอ็งบ้านะสิ พอทีโว้ย กูกลับดีกว่า ยิ่งดึกยิ่งน่ากลัว”
แล้วตาเฒ่าก็ปลีกตัวไปจากวงเหล้าเงียบๆโดยไม่ลืมที่แกหนีบขวดเหล้าไปด้วย หลังจากเฒ่าสุขจากไปแล้ว การสนทนาถึงเรื่องเล่าเสือสมิงก็ยังดำเนินต่อไป หลายคนเชื่อ หลายคนไม่เชื่อ ในขณะที่บางคนก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือความกลัว ทุกคนยอมรับว่าบังเกิดความกลัวขึ้นแล้วในจิตใจ ไม่ถึงสี่ทุ่มดี สมาชิกของวงสนทนาก็พากันกลับบ้าน วันนี้วงเหล้าสลายตัวเร็วกว่าปกติ แม้แต่เฮียใช้ก็รีบปิดประตูร้านอย่างรวดเร็ว
อากาศที่ค่อนข้างจะหนาวเย็นจัดปลุกให้จอมขวัญลืมตาตื่น หล่อนรู้สึกมึนหัวเหมือนจะไม่สบายเล็กน้อย จอมขวัญพยายามพลิกตัวเพื่อหลับต่อแต่ลมวูบหนึ่งก็พัดผ่านจนหล่อนอดขนลุกไม่ได้ ความรู้สึกบางอย่างบอกกับหล่อนว่าห้องนี้ไม่ได้มีแค่หล่อนอีกต่อไปแล้ว จอมขวัญเปิดโคมไฟหัวเตียง สาดอ่อนนวลสาดส่องรอบห้อง แล้วหญิงสาวก็แทบจะส่งเสียงอุทานออกมาดังๆ รองเท้าคู่หนึ่งสงบนิ่งอยู่บริเวณมุมห้องในเงามืด หล่อนเพ่งตามองก่อนจะพบเห็นร่างมืดๆของใครสักคนยืนนิ่งอยู่ จอมขวัญมั่นใจว่าเป็นผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย หญิงสาวจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือแต่เหมือนลำคอตีบตัน เสียงร้องไม่สามารถล่วงพ้นออกมาได้ นอกจากนั้นตอนนี้รางกายส่วนต่างๆก็คล้ายจะแข็งตัว ลูกสาวของจอมพลกำลังกลายเป็นอัมพาต
เงาร่างนั้นเคลื่อนที่คืบหน้ามาเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในเงามืดห่างจากหล่อนประมาณสองเมตร แล้วหล่อนก็สังเกตเห็นจุดบางอย่างสองจุดค่อยขยายใหญ่ขึ้น จุดสีแดงแกมเหลืองจัด คุณพระช่วย ดวงตานั่นเอง ดวงตาของร่างประหลาด ดวงตาที่กำลังเปล่งประกายแสงอย่างน่าสะพรีงกลัวมันไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ หากแต่เป็นดวงตาของสัตว์ร้าย แล้วร่างนั้นก็หัวเราะขึ้น หญิงสาวถึงกับผงะ หล่อนจำเสียงหัวเราะนั้นได้ดี ถึงจะไม่ได้ยินมานานพอสมควรแล้ว มันกลับมาแล้ว
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว” มันพูดขึ้นเหมือนกับล่วงรู้ความคิดของหล่อน “ใกล้จะถึงเวลาที่เจ้าจะต้องไปกับข้าแล้ว แต่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าไปแบบไม่รู้สิ่งใดเลย”
มันหยุดพูดชั่วครู่ใหญ่คล้ายกำลังพิจารณามองดูหล่อน
“เจ้ายังคงเหมือนเดิม เจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ที่เจ้าทรยศข้า ข้าก็เฝ้ารอวันเวลาที่จะแก้แค้นเจ้าให้สมอยาก หึหึ ระกาเอ๋ย ข้าจะทำให้เจ้าล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ทุกอย่างเพื่อให้เจ้าสำนึกผิด เจ้าจะต้องมาปลดปล่อยข้าจากทัณฑ์ทรมานที่เจ้าได้เป็นผู้ก่อเอาไว้”
ดวงตาคู่นั้นคล้ายจะขยายใหญ่ขึ้นอีก ใหญ่จนกระทั่งว่าจอมขวัญไม่สามารถเห็นสิ่งอื่นใดได้อีก หญิงสาวรู้สึกตื่นตระหนกจนสุดชีวิต หล่อนพยายามกรีดร้องจนกระทั่งในที่สุดเสียงร้องของหล่อนก็ลอดอกมาจากปากได้ เสียงของหญิงสาวดังก้องในความมืดสลัว
ป้านวลยังไม่นอน สังหรณ์บางอย่างซึ่งอธิบายไม่ถูกบอกกับหญิงสูงวัยว่าคืนนี้จะมีเหตุร้าย หญิงชราจึงยังคงนอนเอามือประสานไว้ที่หน้าอกอยู่ เกือบชั่วโมงป้านวลจึงอดรนทนไม่ไหว หล่อนลุกขึ้นแล้วก้าวออกจากห้องนอนของตัวเองมุ่งตรงไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ถัดไป ป้านวลอยากจะดื่มน้ำเผื่อว่าจะสามารถทำให้หลับได้ในค่ำคืนประหลาด ยังไม่ทันที่ป้านวลจะดื่มน้ำหมดแก้ว หางตาของหญิงชราก็มองเห็นเงาร่างของใครบางคนเผ่นแวบขึ้นบันไดไป แม่บ้านประจำตระกูลจอมขมวดคิ้ว หล่อนเดินก้าวยาวตามไปด้วยความสงสัย
แล้วป้านวลก็มาหยุดยืนมองไปในความสลัวของทางเดินบนชั้นสอง แสงไฟจากโคมเล็กซึ่งส่องให้เห็นทางเดินอย่างไม่ค่อยจะชัดเจนในสายตาของคนสูงอายุเช่นหล่อนม่ได้สาดส่องกระทบสิ่งใด ทุกสิ่งเป็นปกติ ป้านวลถอนหายใจให้กับวัยที่ล่วงพ้นไปของตัวเอง วัยที่เพิ่มมากขึ้นทำให้หล่อนเห็นภาพแปลกหลอกตัวเอง ป้านวลหันหลังกลับกำลังจะเดินลงบันไดก็พอดีกับที่จอมขวัญกรีดร้อง คนวัยชราร้องเรียกชื่อหญิงสาวแล้ววิ่งตรงไปเคาะประตูห้องอย่างแรงจนเสมือนว่าจะทำให้ประตูนั้นหลุดตามแรงมือ
ประตูห้องนอนของจอมขวัญเปิดผัวะก่อนที่ร่างของบางคนวิ่งสวนป้านวลออกมา มนุษย์ปริศนาสะบัดมือฉาดยังใบหน้าของหญิงชราส่งผลให้ป้านวลลงไปนอนกองบนพื้นพรม แล้วมันก็ยกเท้าเหยียบซ้ำอย่างแรงบริเวณท้องอันใหญ่โตของป้านวลอีกสองครั้งก่อนจะวิ่งสวนลงบันไดแล้วเงียบเสียงไป ปล่อยให้ป้านวลนอนเอามือกุมท้องร้องโอดโอยอยู่หน้าห้องของหญิงสาว
หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีแสงไฟฟ้าทั้งบ้านตระกูลจอมก็สว่างพรึ่บ จอมพลกับจอมภพวิ่งตรงมาหาทั้งคู่ สองพ่อลูกกำลังนั่งคุยงานกันอยู่ในห้องทำงานชั้นล่าง จอมภพถึงกับกำปืนพกประจำตัวมาด้วย ยังไม่ทันขึ้นบันไดร่างหนึ่งก็กระโจนสวนลงมา มันยกเท้าถีบเข้าบริเวณหน้าอกของจอมพลจนร่างผู้มีอิทธิพลของอำเภอหนองเสือร้องล้มกลิ้ง ส่วนพี่ชายของจอมขวัญนั้นหลบหลีกได้ มนุษย์คนนั้นไม่ได้สนใจคนทั้งคู่อีก มันวิ่งหนีหายออกไปทางประตูหลังบ้าน จอมภพละล้าละลังไม่กล้าตัดสินใจจนกระทั่งจอมพลตะโกนให้ตามมันไป ชายหนุ่มจึงวิ่งอย่างเร็วเพื่อตามจับบุคคลปริศนา
เขาตามออกมาจนถึงบริเวณสวนของบ้านซึ่งตกอยู่ในความมืด ถึงแม้จะพยายามมองหายังไงก็หาไม่เจอ อีกราวสิบนาทีต่อมาชัชวาลก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมด้วยคนงานในไร่อีกประมาณห้าคน ทั้งหมดมีสีหน้าตกใจ ทุกคนมีอาวุธอยู่ในมือ โดยเฉพาะชัชวาลถือลูกซองล่าสัตว์
“มันไปทางไหนครับนาย”
ลูกน้องคนสนิทถามขึ้น จอมภพเพ่งมองในความมืด
“ฉันไม่แน่ใจว่ะชัช แต่ถึงยังไงนายก็พาคนของเราออกไปตรวจดู พยายามจับหรือหาร่องรอยของมันให้ได้ เดี๋ยวฉันจะกลับไปดูพ่อกับขวัญ”
“ได้ครับนาย นายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมพาลูกน้องตามจับมันเองครับ”
แล้วชัชวาลก็พาคนงานในไร่ทั้งหมดเดินอย่างระวังเข้าสู่อาณาเขตอันมืดมิดใต้เงาต้นไม้ จอมภพยืนฟังเสียงอยู่ที่นั่นจนกระทั่งลับร่างของทั้งหมด เขาจึงเหน็บปืนที่เอวแล้วเดินตรงไปยังห้องน้องสาวอย่างร้อนใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ