เทพตกสวรรค์ ภาคทัณฑ์แห่งเทพ

-

เขียนโดย 秋冬夢春

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 00.28 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,570 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2562 01.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) พระผู้มีพระภาคพระองค์ที่ 1 ในการอารักขา : พระนามสรณังกรพุทธเจ้า (ตรัสรู้)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“แกจะไม่มีวัน!แกจะไม่มีวันหลุดพ้น!!!”

 

“(เฮือก!!)”

องค์ชายสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นขึ้นในยามดึกใต้ร่มไม้แห่งหนึ่งที่ร่มรื่นสงบเงียบ

เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่เขาได้ตามติดพระโพธิสัตว์ที่เสด็จออกจากพระนครเพื่อแสวงหาสัจธรรมอันเที่ยงแท้แห่งโลกธาตุ

 

เหงื่อที่อาบไล้โลมกายตอกย้ำว่าเมื่อครู่เขาฝันร้ายถึงอดีตกาลที่ผ่านมาคำสาปแช่งของมารที่เขาสังหารมันทิ้งไปเมื่อหลายกัลป์ที่ล่วงมา

ดวงจันทร์เพ็ญสง่าในเดือนวิสาขะราวกับจะสรรเสริญพระมหาบุรุษที่บำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นปาตลีเป็นโพธิบัลลังก์

แต่แล้วสิ่งที่เขาเฝ้าฝันมิให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้……

 

“(ตึง! ตึง! ตึ่งๆ! ตึง! ตึง! ตึ่งๆ!)”

เสียงกลองย่ำขับขานการเดินทัพอันยิ่งใหญ่ปลุกให้เทพพลัดถิ่นที่สงบเสงี่ยมต้องเผลอไผลดึงคาตานะออกมาจากคมฝัก

ด้วยสัญชาตญาณส่วนตัวมาแต่กำเนิดได้ถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นไออันตราย

 

“(กึ่ก!)”

กองทัพมารนับแสนล้านโกฏิอสงไขยเกณฑ์เข้าล้อมโพธิบัลลังก์ของพระมหาบุรุษหวังกดดันให้ยอมแพ้ในพระโพธิญาณและกลับไปเฉกเช่นปุถุชน

 

“ลุกขึ้น! บัลลังก์นั้นคือของเรา!!”

เสียงคำรามของพญามารดังสะท้านทั่วปฐพีพิภพโลกธาตุ

เหล่าเทพต้องหวั่นไหวหลับหนีลี้ภัยไปสุดขอบจักรวาลเหลือเพียงเทพพระองค์เดียวที่คอยถวายการอารักขา

และพระบารมีที่สั่งสมมาจนนับไม่ถ้วนชาติภพอสงไขย

 

พระมหาบุรุษบำเพ็ญสมาธิกำหนดรับรู้ลมหายใจเข้าและออกมิได้หวั่นไหวหรือตกพระทัยต่อสิ่งรอบด้าน

เสียงของพญามารที่กำลังคำรามอยู่เบื้องหน้านั้น อาจทำให้เทพทั้งหลายหวาดกลัว

หาใช่พระองค์ไม่?

 

เทพผู้คอยอารักขาองค์พระศาสดาคุกเข่าอยู่ไม่ห่างนักในจิตตอนนี้แตกออกเป็นสองเสี่ยง

จะละทิ้งหน้าที่? หรือจะยืนหยัดสู้ถวายการอารักขาพระองค์?

 

แต่ว่าเมื่อช้างคีรีเมขล์สูง150โยชน์ไสเข้าชนหมายปองร้ายพระองค์มิได้ทันให้เทพอารักขาตัดสินใจว่าจะเลือกเส้นทางใด

บัดนั้นตราทัณฑ์อสงไขยเริ่มแผ่วร้อนบนแผ่นหลังของเทพอารักขา

บีบรัดให้เขาต้องออกจากความมืดยืนประจัญหน้ากับช้างที่เป็นใหญ่ในหมู่ช้างสูงถึง150โยชน์

 

เทพเพียงองค์หนึ่งกับกองทัพมารนับแสนล้านอสงไขยหากเป็นปุถุชนคนธรรมดาแล้วนั้นคงมิพ้นจะกลัวตายจนสติกระเจิง

ยิ่งช้างคีรีเมขล์ที่ดูน่าเกรงขามไสเข้าชนตามคำสั่งของพญามารเทพทั้งหลายย่อมหวาดกลัวและหลบลี้ให้พ้นทาง

ทว่าเขากลับทำมิได้เบื้องหลังของเขามีพระนิยตโพธิสัตว์ที่กำลังจะตรัสรู้ธรรมในไม่ช้านี้นั้น

ต่อให้ศึกนี้ถึงแก่ชีวิตเขาก็จะพิทักษ์ไว้มิให้เศษเสี้ยวใดๆแตะพระวรกายอันบริสุทธิ์

 

เพียงมือข้างเดียวของเขาก็สามารถหยุดการไสชนของช้างคีรีเมขล์ที่สูง150โยชน์ได้ชะงัด

แต่ทว่ามันกลับทำให้เกิดแรงกระแทกอันมหาศาลที่พอจะบดขยี้แผ่นพสุธานี้ได้

หากเพียงแต่ฝ่ายที่รับแรงกระแทกกลับมิได้รับบาดเจ็บหรือรอยแผลใดๆเลยแม้แต่น้อย

 

“ข้ายังมิอนุญาต! ให้เจ้า…เข้าใกล้พระพุทธองค์!!!”

องค์ชายพูดพร้อมกับจ้องดวงตาของคีรีเมขล์ที่น่าเกรงขาม

ดวงตาสีแดงชาดซ่อนความดุร้ายไว้ในนั้นปะทุขึ้นจางๆในค่ำคืนวันเพ็ญ

แรงกดดันมหาศาลจนคีรีเมขล์สะดุ้งสะเทือนเผลอก้าวถอยหลังออกห่างจากเทพอารักขา

 

สิ่งที่ตามมาหลังจากองค์ชายหยุดการไสชนของคีรีเมขล์ได้แล้วนั้น คือ ห่าฝนธนูมรณะที่พร้อมจะปลิดชีพองค์ชายและพระนิยตโพธิสัตว์

 

“(ฉึกๆๆๆๆ!)”

ห่าฝนธนูนับล้านดอกที่ยิงมานั้นปักร่างขององค์ชายผลัดถิ่นจนแทบมิเหลือช่องว่างใดๆ

ส่วนพระนิยตโพธิสัตว์ ทรงประทับอยู่บน ณ โพธิบัลลลังก์เช่นเดิม

ห่าฝนธนูมรณะกลายเป็นดอกไม้นานานชนิดบูชาพระองค์ 

 

“จงหลีกทางไป! เทพตกสวรรค์ผู้พลัดถิ่น! เป้าหมายข้าหาใช่ท่านแต่เป็นพระโพธิสัตว์ที่ประทับบนบัลลังก์ของเรา!!!”

พญามารบนคีรีเมขล์ขับเสียงคำรามออกมาดังก้องไปทั่วสากลจักรวาลโลกธาตุ

 

“ข้าจะมิยอมถอย…ถ้าท่านอยากม้วยมรณาก็เชิญเข้ามา!!!”

องค์ชายที่ถูกธนูปักทั่วร่างพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมแตะคาตานะศักดิ์สิทธิของตน

 

สิ่งที่เขายึดเหนี่ยวจิตใจในตอนนี้คือ เทพีอมาเตระสึ ผู้เป็นมารดร

ไม่รู้สิ? ด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่? เขานึกถึงผู้เป็นมารดรของตน

ทั้งๆที่เป็นผู้ขับไล่เขาออกจากสวรรค์แห่งแดนอาทิตย์อุทัยช่างตลกขบขันยิ่งนัก…

 

อันที่จริงบาดแผลในตอนนี้ควรจะทำให้เทพเช่นเขาตายได้นับล้านๆครั้ง

แต่ทว่าตราแห่งทัณฑ์อสงไขยที่ประทับอยู่บนแผ่นหลังกลับมิยอมให้ละทิ้งแม้ลมหายใจที่แผ่วเบา

สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เขาเป็นอันมาก

 

“ท่านช่างรนหาที่ตาย! สมควรตายวันละพันครั้ง!!! ทหารแห่งข้า!! โจมตีมัน!!!!”

พญามารส่ายหน้าเบาๆก่อนจะสั่งกองทัพด้วยน้ำเสียงที่ดุดันราวกับฟ้าจะถล่มทลาย

 

“อาา~ ก็เข้ามาสิ!!! คมดาบของข้ากำลังต้องการจะลิ้มเลือดมารอยู่พอดี!!”

ดวงตาสีแดงชาดกระตุกวูบก่อนที่ร่างที่เต็มไปด้วยศรมรณะจะเอี้ยวตัวจนแทบจะราบลงกับพื้นหลบการเสือกหอกของมารตนหนึ่ง

 

องค์ชายคว้าปลายหอกเอาไว้ชักคาตานะของตนออกมาแล้วฟาดผ่าครึ่งมารตนนั้นเป็นศพแรกและศพสุดท้าย

หยาดเลือดหยดแรกในรอบกาลเวลาอสงไขยปลุกจิตวิญญาณแห่งเทพบรรพกาลผู้สังหารมารที่แม้แต่เทพชั้นสูงยังต้องเกรงกลัว

 

“ออกไป!! ออกไปจากตัวข้า!!(บึ้มมมม!!!) อ๊ากกกกกก!!!”

เสียงระเบิดดังขึ้นก่อนที่จะตามมาด้วยร่างของมารหลายตนที่ฉีกขาดกระจุยไปคนละส่วน

 

ท่ามกลางฝุ่นควันมีร่างหนึ่งยืนอยู่พร้อมกับดาบที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์

ผมสีดำสนิทปกปิดใบหน้าอันงดงามราวกับสตรี ชุดยูกาตะสีดำสนิทปลิวไสวเล็กน้อยตามแรงลม คมดาบคาตานะสะท้อนแสงจันทร์จนแสบตา

 

“ข้า! คือเทพผู้อารักขาองค์สมเด็จพระศาสดา!! ใครหน้าไหนอยากตายก็เข้ามา!!! ข้าจะส่งมันไปลงนรกอเวจีให้สิ้น!!!!”

ร่างที่หุ้มไปด้วยสีทองนวลตาขององค์ชายตะโกนออกไปแม้มารมีจำนวนมาก

แต่ในตอนนี้เขาก็หากลัวไม่กลับกันกลับกระชับดาบคาตานะให้มั่น

จิตที่หวาดกลัวเมื่อครู่หายไปจนสิ้นไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว

 

“เห็นแก่เกียรติของกองทัพแห่งพญามารผู้ยิ่งใหญ่ข้าจะใช้เพียงแค่หัตถ์ข้างขวา!(ฟั่บ!)”

องค์ชายเอ่ยทำนองเสียดแทงเย้ยหยันพญามารที่ประทับบนหลังคีรีเมขล์

 

“เจ้า!! เจ้าต้องตายสนองวาจานับล้านๆครั้ง!!!”

พญามารเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวโกรธาทัพพญามารเตรียมตัวโจมตีกระหน่ำใส่เทพตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง

 

แต่ในขณะที่ทั้งสองฝั่งกำลังจะปะทะกันอีกครั้งนั้น…สุรเสียงของกระโพธิสัตว์ก็ดังขึ้นด้านหลังขององค์ชาย

พระสุรเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตาที่สูงส่ง

“ดูกร~ท่านเทพผู้อารักขาแห่งเรา

ท่านจักทำสิ่งใดจงอย่าให้สิ่งนั้นรบกวนสมาธิท่าน

หาไม่แล้วท่านจักต้องทัณฑ์อสงไขยไปอีกนานเท่านาน~

ส่วนทางเรานั้นท่านมิต้องเป็นกังวล

มิมีสิ่งใดในโลกนี้ทำร้ายเราจนถึงแก่ชีวิตได้~”

องค์ชายนั้นปราดเปรื่องพอที่จะรู้ว่าพระองค์กำลังต้องการที่จะเตือนสติของตนที่กระหายใคร่ในการสังหารอันเป็นหนทางแห่งบาปที่จะเพิ่มระยะเวลาของทัณฑ์อสงไขยของเขามากขึ้นไปอีก

 

“รับเกล้าด้วยพระพุทธเจ้าข้า!!”

เขาวางดาบก้มกราบพระโพธิสัตว์ด้วยความนอบน้อม

 

ก่อนที่จะกระชับคมดาบคาตานะให้มั่นตั้งจิตให้เป็นสมาธิหลอมรวมกับดาบคาตานะจนประสานแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียว

ก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว!! องค์ชายพุ่งทะยานไปหากองทัพมารที่รุกล้ำมาด้วยความเร็วสูงสุดที่เขาจะทำได้

 

ความเร็วขององค์ชายนั้นไวมากเสียจนมองด้วยตาเปล่าไม่ทันไวเสียจนกองทัพมารจับต้องเขาไม่ได้

“มหาเวทย์วิชาซ่อนกลิ่นกาย รูปแบบที่1!

เวทย์มายาพรางกาย!!!”

นั่นคือชื่อวิชาที่เขาใช้ในการศึกครั้งนี้แลดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเสียด้วย

 

รู้ตัวอีกทีหนึ่งเขาก็ทะยานมาจนอยู่ท่ามกลางกองทัพมารนับแสนล้านโกฏิครรลองสายตามิเห็นพระนิยตโพธิสัตว์ประทับอยู่รอบๆมีมารนับไม่ถ้วนจำนวนเข้าล้อมรอบ

 

“ยอมแพ้ซะ!! แล้วพวกข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!!”

จู่ๆมารตนหนึ่งตะโกนขึ้นพลางชี้หอกไปทางองค์ชาย

 

มารทั้งหลายเห็นดังนั้นก็เข้ารุมล้อมจนองค์ชายเหลือเพียงพื้นที่เล็กๆในการตั้งรับ

ถึงกระนั้นก็มิอาจลบรอยยิ้มอันน่ากลัวออกจากมุมปากนั้นได้เลย

 

“ข้าหรือ? ที่ต้องยอมแพ้?อย่าทำให้ข้าขันหน่อยเลย~เป็นพวกเจ้ามากกว่าเสียกระมัง~”

เสียงเอ่ยเบาๆขององค์ชายสร้างความพรั่นพรึงให้แก่มารรอบๆ

 

แต่แล้วในจังหวะที่มารทุกตนกำลังยืนดูเชิงกับองค์ชายมารตนหนึ่งได้เสือกหอกเข้ามาที่สีข้างขององค์ชายอย่างรวดเร็ว

ในเสี้ยววินาทีองค์ชายจับปลายหอกและเบนมันออกไปให้ออกห่างแต่ทว่ามันก็ทำให้คมหอกบาดมือขององค์ชายจนโลหิตชุ่มฝ่ามือ

เหตุการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้นคือสิ่งที่แม้บอกให้มนุษย์ทุกตนรับรู้ก็มิอาจเข้าใจได้...

 

“(ตุบๆ! ตุบๆ! ตุบ!)”

เสียงหัวใจขององค์ชายเต้นเป็นจังหวะขึ้นและลงอย่างช้าๆ

หยาดโลหิตที่ชุ่มฝ่ามือถูกบางสิ่งดูดหายไปจนสิ้นจนไร้ซึ่งหยาดโลหิตใดๆ

 

ไอแห่งความน่าเกรงขามแทรกซึมเข้าไปทุกอณูของสนามรบ

ระหว่างเทพอารักขาพระศาสดา 1 องค์กับมารนับแสนล้านโกฏิ

 

ไอแห่งเทพสีทองสง่าเปล่งประกายในความมืดมิดในค่ำคืนจันทร์กระจ่าง

กองทัพมารนับแสนเข้ารุมล้อมร่างขององค์ชายที่ยืนนิ่งสงบ

 

จิตขององค์ชายเข้าสอดประสานกับคมดาบจนเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง

เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ากองทัพมารดาหน้าเข้ามาหาตนบัดนี้ยืนในท่าตั้งขบวนเข้าโจมตี

 

“เอาล่ะ! ข้าเชื่อใจเจ้านะ ดาบยามาโตะเอ๋ย”

องค์ชายกล่าวกับคมดาบของตน

 

“สังหารมัน!!! แล้วตัดศรีษะมันไปมอบให้แก่ท่านพญามาร!!!”

มารตนหนึ่งที่ดูจะเป็นหัวหน้ากองสั่งให้โจมตีองค์ชาย

 

(ทางพญามารนั้นมิได้ตามติดมาเพราะกำลังขัดขวางพระนิยตโพธิสัตว์อยู่)

คมหอกนับสิบเสือกเข้ามาหาองค์ชายที่ตั้งรับแต่ทุกครั้งองค์ชายก็จะหลบได้ร่ำไปสร้างความฉงนให้แก่เหล่ามารเป็นอันมาก

คมดาบคาตานะตวัดขึ้นผ่าแฉลบกลางหน้าอกของมารบางตนจนได้รับบาดเจ็บ

แม้บาดแผลจะดูเล็กน้อยแต่ผลที่ตามมานั้นมิใช่เรื่องตลกสำหรับมารเท่าใดนัก

 

เพราะดาบยามาโตะขององค์ชายนั้นเป็นหนึ่งในดาบต้องสาปของแดนสวรรค์

ที่บ้านเกิดขององค์ชายมันคือ หนึ่งในสองดาบ ที่เทพเจ้าแห่งลมพายุตีขึ้น

ก่อนที่จะถูกมารดรขององค์ชาย หรือ เทพีอมาเตระสึขับไล่ออกจากสวรรค์

ฤทธิ์ของมันมีอำนาจที่สามารถแยกทุกสิ่งอย่างออกจากกันได้

แม้กระทั่งความเป็นจริงแต่ถึงกระนั้นมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมที่จะตัดผ่าสิ่งนั้น

องค์ชายใช้มันตัดชีวิตมารที่อาละวาดจนเกิดสุญกัลป์

แต่ต้องแลกมาด้วยความทรมานในฐานะเทพตกสวรรค์และต้องทนทุกข์กับทัณฑ์อสงไขยที่ยาวนานแทบไม่มีที่สิ้นสุด

 

หน้าอกของมารทุกตัวที่โดนยามาโตะตวัดผ่านจนเกิดรอยแผลกลับฉีกออกจนเกิดแผลเหวอะหวะที่ทำให้เจ็บปวดทุรนทุราย

 

“อ๊าก!! หน้าอกข้า! หน้าอกข้ากำลังจะฉีกออก! ว๊ากกก!!”

มารหลายตนตะโกนด้วยความเจ็บปวดร้องตะโกนลั่นทั่วบริเวณแต่ทว่ามันกลับไม่สิ้นชีวิต

องค์ชายตวัดคมดาบงดงามราวกับกำลังร่ายรำศิลปะบ้านเกิดของตน

ผ่านมารตนแล้วตนเล่าเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

 

จนกระทั่งเกิดแผ่นดินไหวขนาดหนักจนแม้แต่องค์ชายก็ต้องชะงักไปชั่วครู่ความสงสัยบังเกิดขึ้นในใจ

แต่ทว่ามันก็ถูกปัดไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเห็นช้างคีรีเมขล์ลอยมากับมวลน้ำมหาศาลที่ถาโถมเข้ามาใส่กองทัพมารที่อยู่ใกล้ๆกัน

การร่ายรำดาบขององค์ชายจึงหยุดลงเพื่อหลบภัยอันตราย

 

ชั่วขณะเวลานี้โลกได้บังเกิดพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใหม่ทรงพระนาม

“สมเด็จพระสรณังกรอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า”

 

ภาพจากมุมสูงในมุมมองขององค์ชายเห็นสภาพแวดล้อมได้แทบทั้งสนามรบ

กองทัพมารนับแสนล้านโกฏิที่เคยน่าเกรงขามปรากฏเบื้องล่างบัดนี้กลายเป็นมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคลื่นยักษ์กวาดกองทัพมารไปจนสิ้น

 

“มหานทีเหล่านี้มาจากที่ใดกันหนอ?”

องค์ชายคำนึงในใจด้วยไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

เขาจึงเหาะไปร่อนลงใกล้ๆกับโพธิบัลลังก์ที่พระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่

 

“ข้าแต่พระพุทธองค์หยาดน้ำเหล่านี้มาจากที่ใดกันพระพุทธเจ้าข้า?”

องค์ชายเอ่ยถามข้อสงสัยแก่พระพุทธองค์

 

“ดูกร~ท่านเทพผู้เจริญหยาดน้ำเหล่านี้หาใช่หยาดน้ำทิพย์อื่นใด

หากแต่เป็นหยาดน้ำทิพย์ที่ตถาคตได้บำเพ็ญบารมีมาเป็นเวลายาวนานนับอสงไขยกัลป์”

พระพุทธองค์ทรงตรัสกับเทพเบื้องหน้าด้วยพระสุรเสียงเปี่ยมด้วยพระเมตตา

 

“ข้าพระพุทธองค์ขอกราบกรานแด่พระพุทธองค์ผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง

ขอพระพุทธองค์ทรงเสด็จสั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า!”

องค์ชายเอ่ยกล่าวนอบน้อมแด่พระพุทธองค์ผู้เป็นพระบรมครูแห่งโลกธาตุ

 

“ตถาคตรับคำของเธอ~ แต่ทว่าในตอนนี้ผู้ที่ออกบวชตามตถาคตจักต้องได้สดับซึ่งพระธรรมอมตะเสียก่อน~”

พระพุทธองค์ตรัสแก่องค์ชายที่ตอนนี้กำลังนั่งพับเพียบอยู่ตรงเบื้องหน้าพระพักตร์

 

“ข้าพระพุทธองค์จักขอติดตามพระองค์ไปจนกว่าพระองค์จะเสด็จสู่ซึ่งพระนิพพาน

ข้าพระองค์จักขอถวายตัวเป็นเทพอารักขาพระพุทธองค์ ควรมิควรก็แล้วแต่พระพุทธองค์จะทรงวินิจฉัยพระพุทธเจ้าข้า!!”

องค์ชายถวายตัวเป็นเทพอารักขาพระพุทธองค์เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนได้สะดวก

 

พระพุทธองค์ทรงประทับวินิจฉัยอยู่เพียงครู่ก็ตรัสขึ้นกับเทพตรงหน้า

 

“ตถาคตจักรับเธอเป็นเทพอารักขาของตถาคตตามแต่โทษทัณฑ์ของเธอมาแต่หนหลัง

เมื่อครั้นสมัยพระผู้มีพระภาค พระนาม ตัณหังกรพระองค์นั้น~”

พระพุทธองค์ทรงตรัสกับเทพเบื้องหน้า ที่บัดนี้มีรัศมีสีทองแผ่ซ่านออกมา

 

ตราประทับแห่งทัณฑ์นิรันดร์กาลถูกผนึกเอาไว้ชั่วคราว

ชุดยูกาตะสีดำถูกสับเป็นสีขาวบริสุทธิ์ปักลายนกกระสาสีแดงที่ชายผ้าในสภาพที่เรียบง่ายและสุภาพ

 

เหล่าเทพยดาแซ่ซ้องสาธุการแด่การกำเนิดขึ้นของพระบรมศาสดาแห่งโลกธาตุ และ เทพอารักขาพระบรมศาสดาก็ได้ถือกำเนิดในเวลาไล่เลี่ยกัน

 

ณ บัดนี้องค์ชายได้กลายเป็นเทพอารักขาอย่างเต็มตัวแต่ทว่านี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวที่เขาจะต้องพบเจอ

นับจากนี้ไปเบื้องหน้าสิ่งที่เขาโศกเศร้าเสียใจกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันคืออนาคตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาสำคัญกว่านัก

“ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนในโลกหากบังอาจแตะต้องพระวรกายอันบริสุทธิ์แล้วไซร้ข้าจะส่งมันไปลงนรกหมกไหม้นับกัลป์อสงไขย!!”

______________________________________________________________________________________________

พระผู้มีพระภาคพระองค์ที่ 1 ในการอารักขา : พระนามสรณังกรพุทธเจ้า

ตอนที่3 : ตรัสรู้

______________________________________________________________________________________________

พอดีไรต์พึ่งเคลียร์งานรับน้องเสร็จ และพึ่งถึงบ้าน ขออภัยในความล่าช้าครับ..........

______________________________________________________________________________________________

ชี้แจง

ส่วนการอัพเดตนิยายนั้น

เรื่องหลัก(เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล) จะอัพเดต สัปดาห์ละ 1 ตอน และจะอัพทุกคืนวันศุกร์ หรืออย่างช้า เย็นวันเสาร์ นะฮะ:3 

 

เรื่องรอง (เทพตกสวรรค์ ภาคทัณฑ์แห่งเทพ) จะอัพเดตสัปดาห์ละ 1 ตอน และจะอัพทุกๆวันอังคารนะครับ หรืออย่างช้าเย็นวันพุธ

(ต้องใช้เวลาศึกษาพุทธประวัติ กับ ประวัติของเทพญี่ปุ่นแต่ละองค์ให้ดีก่อน)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา