สืบสู้ผี ภาค เมฆาคนล่าผี
6.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 04.55 น.
26 ตอน
2 วิจารณ์
22.35K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) สมุดวาดเขียนสั่งตาย Part 17
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความาวิกาลคล้อยดึก ณ.ริมไร่ข้าวโพดที่อยู่ติดกับชายป่าอันมืดมิด ได้ปรากฏเงาตะคุ่มลึกลับของสิ่งประหลาดชนิดหนึ่งเคลื่อนไหววูบๆ วาบๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่เนินดินที่ริมไร่ข้าวโพด และสายตาของมันที่ขณะนี้ยังดูไม่ออกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนก็ได้มองเลยผ่านเนินดินข้างหน้าที่ทอดยาวไปสู่ตัวบ้านชั้นเดียวหลังหนึ่งที่มองเห็นอยู่ในระยะยี่สิบเมตร
สิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดนี้หายใจออกมาดังฟืดๆ ฟู่เป็นระยะๆ สายตาทั้งคู่ที่ดูแดงฉานเรื่อเรืองในความมืดของมันก็เพ่งมองไปที่บ้านหลังนี้ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
เพียงไม่นานนัก เงาตะคุ่มๆ ของร่างอันเล็กแคระร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏออกมาจากตัวบ้านโดยที่ในบ้านก็ไม่ได้เปิดไฟดวงใดขึ้นมาแม้แต่น้อย
ร่างอันเล็กแคระเยื้องย่างอย่างเนิบนาบและเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และเจ้าของร่างผู้มีดวงตาสีแดงอันเรื่อเรืองก็หายใจฟืดๆ ฟู่ๆ ขึ้นอย่างกระชั้นถี่ ราวกับจะพึงพอใจในสิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้า
และแล้วร่างอันเล็กแคระนั้นก็มาหยุดยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้นจากท่านั่ง และมันก็ก้มมองใบหน้าของร่างอันเล็กแคระด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ส่วนร่างอันเล็กแคระนั้นก็แหงนหน้าขึ้นมองสิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างงัวเงียหรือราวกับอยู่ในมนต์สะกดบางอย่าง
ทันใดนั้นท้องฟ้าที่เบื้องบนก็ปรากฏฟ้าแล่บแปลบปลาบพร้อมกับเสียงกัมปนาทดังเปรี้ยงปร้างจนร่างอันเล็กแคระนั้นถึงกับผงะตื่นจากการงัวเงีย และกระพริบตาถี่ๆ เพื่อมองใบหน้าของเจ้าของร่างผู้มีดวงตาอันแดงฉานให้ถนัดๆ
แล้วร่างอันเล็กแคระนั้นก็ถึงกับตระหนกตกใจ แล้วก้าวถอยหลังจนสะดุดขาตัวเองล้มลงก้นกระแทกพื้นทันที
"หึหึ นังเด็กน้อย หลุดจากการสะกดแล้วรึ...? " เสียงอันแหบเครือถามออกมา แต่มันไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่กลับพูดต่อไป
"แปลกนะ ฟ้ากลับคำรามในเวลาที่ข้าไม่ต้องการ แต่ก็ช่างเถอะ ถึงเจ้าจะรู้สึกตัวตอนนี้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เจ้ากลับไปนอนบนที่นอนอย่างมีลมหายใจได้อีกต่อไปแล้วล่ะเด็กน้อยเอ๋ย เหอเหอ..."
แววตาของร่างอันเล็กแคระหรือแท้ที่จริงก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตื่นตระหนกตกใจสุดขีดจนไม่อาจจะอ้าปากส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาได้ และเธอก็ค่อยๆ กระเถิบร่างถอยหลังออกไปทีละน้อย
ทันใดเธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างค่อยๆ พันขาทั้งสองข้างของเธอและพริบตาเดียวมันก็ม้วนตวัดขึ้นไปถึงกลางลำตัวของเธออย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงก้มมองที่กลางลำตัวของตัวเองอย่างเสียขวัญ แล้วก็พบว่า สิ่งที่กำลังรัดร่างของเธออยู่นั้นแท้ที่จริงก็คือขนดหางของงูตัวใหญ่นั่นเอง!
"หนูน้อยพิมใจผู้น่ารัก กระดูกของหนูนี่คงจะกรอบอร่อยอยู่ไม่น้อยนะ เหอเหอ..."
แท้ที่จริงนี่ก็คือเด็กหญิงพิมใจ หรือเด็กหญิงที่เป็นญาติของเด็กหญิงที่เป็นใบ้ และเป็นเด็กหญิงที่น่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนที่อยู่ในภาพวาดของสมุดวาดเขียนอีกคนหนึ่ง
และเด็กหญิงคนนี้นี่เองที่น่าจะเป็นผู้ที่ฉีกภาพในสมุดวาดเขียนไปถึงสี่หน้าด้วยการสั่งการของใครคนนั้นนั่นเอง
และเมื่อสิ่งมีชีวิตประหลาดได้เรียกชื่อเด็กน้อยจนเด็กน้อยสะดุ้งเฮือกและเธอได้เหลียวหน้ากลับไปมองมันแล้ว เธอก็พบว่าร่างกายของสิ่งมีชีวิตประหลาดในขณะนี้ก็ได้กลับกลายเป็นลำตัวของงูขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว และที่ส่วนใบหน้าของมันก็เริ่มเปลี่ยนรูปทรงจนกลายเป็นหัวของงูเหลือมที่มีดวงตาสีแดงฉานน่าสยดสยอง...!
มือทั้งสองข้างของเด็กหญิงพิมใจยังเป็นอิสระ และเธอก็พยายามจะแกะขนดหางของเจ้างูปิศาจนี้ออกไปอย่างสุดชีวิต แต่แรงของเด็กน้อยไหนเลยจะสู้กับแรงของงูที่กำลังบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ได้
และขณะนี้ส่วนที่เป็นหัวของงูปิศาจก็ค่อยๆ อ้าปากปลดขากรรไกร เพื่อจะกลืนกินเด็กน้อยจากที่ส่วนหัวเป็นลำดับแรก
"เด็กเอ๋ย..." เสียงของมันยังคงพูด "แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้รับเกียรติที่จะถูกจารึกไว้ในภาพวาดของสมุดวาดเขียนเล่มนั้น แต่เจ้ายังคงได้รับเกียรติในการที่จะได้มาเป็นอาหารอันโอชะของข้านะ เหอเหอ"
จบคำพูดนั้น ช่องปากอันกว้างใหญ่ของเจ้างูปิศาจก็งับเข้าที่ส่วนหัวของเด็กหญิงจนมิดไปถึงลำคอ ก่อนที่มันจะขย้อนเด็กน้อยลงไปเรื่อยๆ
และในที่สุดมือไม้ทั้งสองข้างของเด็กหญิงก็หยุดการเคลื่อนไหวและห้อยตกอยู่ข้างลำตัว และนั่นก็ทำให้เจ้างูปิศาจขย้อนเด็กน้อยลงคอไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
"ช่างเป็นภาพที่งดงามนัก..." เสียงทุ้มๆ จากคนลึกลับผู้หนึ่งดังมาจากเบื้องหลังของงูเหลือมปิศาจ และมันก็รีบหันกลับไปมองข้างหลังทันที ขณะที่มันก็ได้กลืนกินเด็กหญิงไปจนเหลือแค่ส่วนขาแล้ว
"นึกว่าคราย..." เสียงเจ้างูปิศาจพูดขณะที่ขาของเด็กหญิงยังคาอยู่ในปากของมัน "เจ้าคนใหม่ เจ้าคงจะเห็นความงดงามของการได้เป็นทาสเจ้านายของเราแล้วสินะ เหอเหอ..."
"อา... ใช่ล่ะ มันดูงดงามมากจริงๆ ..." คนลึกลับพูดมาจากเงามืด "รู้อย่างนี้ข้าคงจะยอมเป็นทาสให้กับเจ้านายซะตั้งแต่แรกโดยไม่คิดขัดขวางหรือต่อต้านใดๆ ซะก็ดี..."
"ก็ไม่ได้สายเกินไปนี่ ตอนนี้เจ้าก็ได้กลายมาเป็นพวกเราโดยสมบูรณ์แล้ว อีกหน่อยเจ้าก็จะได้มีโอกาสได้ลิ้มของอร่อยอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ ..." เจ้างูพูดขณะที่กำลังจะขย้อนขาของเด็กหญิงลงไปให้หมด แต่ดูเหมือนมันจะติดขัดอะไรอยู่ในลำคอ
"มีอะไรผิดพลาดรึ...? " คนลึกลับในความมืดถามขึ้นเพราะเห็นเจ้างูปิศาจทำท่าอึกๆ อักๆ อยู่ในลำคอ
"แปลก... แปลก? " เจ้างูส่ายลำตัวแปลกๆ ตามคำพูด
"แปลกยังไงรึ? " คนลึกลับถาม
"ปกติข้ากินเด็กครั้งไหนก็รู้สึกอร่อยแบบไร้ข้อกังขาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ ตอนแรกรู้สึกอร่อย แต่ตอนนี้ข้ากลับร้อนรุ่มในลำตัวเหลือเกิน มันแปลกมากๆ ...? "
คนลึกลับในความมืดเพ่งมองปฏิกิริยาอันทุรนทุรายของเจ้างูที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มเห็นไอควันอันขาวขุ่นระเหยออกจากลำตัวของเจ้างูมากขึ้นทุกที
"เจ้า... เจ้าแน่ใจหรือว่า ได้กินเด็กคนนั้นเข้าไป? "
"ข้า... ข้าแน่ใจ หรือว่า มันไม่ใช่? " หน้าตาของเจ้างูเริ่มบิดเบี้ยว "โอยๆ ... ข้าร้อนไปหมดทั้งตัวแล้ว...! "
แต่เมื่อคนลึกลับได้มองไปที่ปากของเจ้างูอีกครั้ง ก็ได้เห็นว่า ที่ในปากของเจ้างูปิศาจที่ยังมีขาของเด็กหญิงคาอยู่นั้น บัดนี้ขาคู่นั้นก็ได้กลายเป็นฟางข้าวที่กำลังเริ่มลุกไหม้อยู่ในปากเจ้างูปิศาจ
"อา... สิ่งที่เจ้ากลืนกินลงไป น่ากลัวว่าจะไม่ใช่คนล่ะ...? " คนลึกลับในความมืดพูดแล้วก็ค่อยๆ ขยับถอยห่างออกไป
"เจ้า... เจ้าคนใหม่ เจ้าเห็นอะไร?! " เจ้างูปิศาจร้อนรุ่มมากขึ้นจนสบัดหัวไปมา "อา... อะไรอยู่ในตัวข้า ข้าร้อนเหลือเกิน! อะไรอยู่ในปากข้ากันล่ะนี่... โอ๊ยๆ อ้าคคคค! "
แล้วเจ้างูปิศาจก็สบัดหัวอีกครั้งอย่างรุนแรงจนทำให้สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นฟางข้าวติดไฟนั้นพุ่งออกจากปากของมันไปยังร่างคนลึกลับที่กำลังถอยห่างออกไปทันที!
คนลึกลับรีบยกแขนขวาขึ้นมากันฟางข้าวติดไฟนั้นได้ทันก่อนที่จะมากระทบกับหน้าของตัวเอง แต่ฟางข้าวติดไฟที่กระทบกับแขนท่อนล่างของมันก็แผดเผาเนื้อแขนของมันทันทีจนมันต้องกระโดดหนีห่างออกไปอีกหลายวาพลางร้องโอ๊ยออกมาดังลั่น
และเมื่อมันเหลียวหน้าไปมองที่เจ้างูปิศาจ มันก็ได้เห็นว่าเปลวเพลิงได้ลุกไหม้จนท่วมลำตัวเจ้างูปิศาจไปซะแล้ว โดยทีเจ้างูก็ดิ้นพลิกไปพลิกมาอยู่บนพื้นดินอย่างทุรนทุราย
"โอ๊ยๆๆ ... เราเสียรู้มันซะแล้วนายข้า...! " เจ้างูส่งเสียงออกมา "มัน... มันต้องอยู่ใกล้ๆ นี่เอง โอ๊ยๆๆ ร้อนเหลือเกินๆๆ! "
ขณะที่เปลวเพลิงได้เผาผลาญเจ้างูปิศาจจนลำตัวของมันได้มอดไหม้ราวกับถ่านไฟแดงๆ แล้ว ในเสี้ยวสุดท้ายของชีวิตปืศาจของมัน มันก็ยังได้เห็นเงาร่างของบุคคลอีกผู้หนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก และคนผู้นั้นก็คือ
'เมฆา' นักสืบจอมเวท หรือนักล่าผีนามอุโฆษ ที่แม้แต่ภูติผีปิศาจระดับสามัญเมื่อได้ยินชื่อเขาแล้วก็ยังต้องเร้นร่างเลือนหายไม่กล้าจะเผชิญหน้าเขาตรงๆ และขณะนี้เมฆาก็ไม่ได้อยู่ในร่างจำแลงเป็นอาจารย์คง แต่เขาได้อยู่ในรูปโฉมจริงๆ ของเขาเอง
"เม... เมฆา...!! " เสียงสุดท้ายของเจ้างูเมื่อดังออกมาแล้ว ตัวของมันทั้งหมดก็แตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที!
เมฆาเดินเข้ามามองร่างของเจ้างูปิศาจที่บัดนี้เหลือแต่เพียงขี้เถ้ากองอยู่กับพื้นเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเกรียมๆ
และก่อนที่คนลึกลับจะหมุนตัวจากไป เมฆาก็เรียกขึ้นทันที
"หยุด...!! "
คนลึกลับชงักฝีเท้า และเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมองเมฆา แสงไฟจากไฟฉายก็กระทบกับหน้าของมันทันที!
แต่ใบหน้าของมันกลับถูกสวมด้วยไอ้โม่งสีดำอยู่ชั้นหนึ่ง เมฆาจึงมองไม่ออกว่าคนลึกลับผู้นี้เป็นใครกัน แต่เขาก็ยังมองออกว่าดวงตาของคนลึกลับคนนี้ไม่ใช้ดวงตาของมนุษย์อีกต่อไป ร่างและจิตวิญญาณของมันผู้นี้อาจกล่าวได้ว่า ได้อยู่ในอำนาจครอบงำของวิญญาณพยาบาทตนนั้นอย่างเกือบสมบูรณ์แล้วก็ว่าได้
เมฆาลดไฟฉายกำลังสูงลง แล้วก็ควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างสบายอารมณ์
"คุณโดนครอบงำเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เเล้ว น่าเสียดายจริงๆ ..." เมฆาพูดขึ้นหลังจากพ่นควันบุหรี่ออกมาครั้งหนึ่ง
"เสียดาย...? " คนลึกลับเลิกคิ้วขึ้น "เสียดายอะไร...? "
เมฆายิ้มอย่างเกรียมๆ "ก็เสียดายความเป็นมนุษย์ของคุณที่เคยมีมาน่ะสิ..."
คนลึกลับมองหน้าเมฆานิ่ง ก่อนพูดต่อ
"คุณไม่ธรรมดาเลยนะเมฆา และผมก็เสียดายอยู่อย่างหนึ่งเหมือนกัน..."
"เสียดายอะไร...? "
"เสียดายที่อำนาจเวทมนต์ของคุณอาจจะต่อต้านอำนาจของเจ้านายผมไม่ได้น่ะสิ"
เมฆสูบบุหรี่อีกครั้ง แล้วพ่นควันโขมง "คุณพูดอย่างนี้ ยังอาจจะมีโอกาสอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คุณอาจจะสามารถหลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของมันก็ได้"
คนลึกลับนิ่งไปชั่วครู่ "ที่จริงคุณก็รู้ว่ามันสายเกินไปแล้ว เพราะร่างกายของผมได้ถูกผสมด้วยดีเอ็นเอของปิศาจเรียบร้อยแล้ว..."
"แต่ที่จริง ใจของคุณก็ยังมีความดีเหลืออยู่บ้าง..."
ประกายตาของคนลึกลับราวกับจะยิ้ม
"อาจใช่... แต่ผมได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ชาตินี้จะไม่มีใครอภัยให้ผมหรอกคุณเมฆา..." คนลึกลับพูดประโยคนี้แล้วก็หันร่างเดินจากไปทันที
"ผมจะทำลายสมุดวาดเขียนอาถรรพ์นั้นให้ได้ ด้วยการปราบเจ้าวิญญาณพยาบาทนั้นให้ได้ในเร็วๆ นี้...! " เมฆาส่งเสียงไล่หลังไป
คนลึกลับเหลียวหน้ากลับมา
"บางทีคุณอาจทำได้ และจงรีบทำโดยไว เพราะเจอกันอีกครั้งผมอาจจะฆ่าคุณโดยที่ัคุณไม่รู้ตัว ครั้งหน้าร่างกายและจิตใจของผมอาจจะกลายเป็นปิศาจไปอย่างสมบูรณ์แล้วก็ได้..." คนลึกลับกล่าวแล้วก็รีบเดินจากไปสู่ความมืดมิดของไร่ข้าวโพด
เมฆาสูบบุหรี่อีกครั้งและโยนทิ้งกับพื้นทันที ก่อนที่จะหันกลับไปมองที่บ้านหลังนั้น
"เจ้าพราย อย่างน้อยคืนนี้เราก็กำจัดปิศาจไปได้ตัวหนึ่งนะ และเด็กหญิงพิมใจนั่นก็ยังคงปลอดภัยอยู่ในบ้าน" เมฆากลับพูดกับอากาศที่ว่างเปล่า
"เจ้านายหลอกไอ้ปิศาจงูหน้าโง่นั่นได้ซะสนิทใจ วิชาผูกหุ่นพยนต์ของเจ้านายสมบูรณ์แบบมากๆ มันถึงกับกลืนกินหุ่นพยนต์ที่ทำจากฟางข้าวโดยคิดว่าเป็นเด็กจริงๆ จากนั้นก็โดนเผาซะด้วยอาคมเจ้านาย ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงนี้ดังขึ้นใกล้ๆ เมฆา ก่อนที่หมอกสีขาวจะมารวมตัวกันเป็นเจ้าผีพรายตาโบ๋หน้าทะเล้น
"คืนนี้ไม่ต้องห่วงอะไรเด็กนี่อีกแล้ว แต่ข้ารู้สึกสังหรณ์ประหลาดๆ ซะแล้วนะตอนนี้..." เมฆาว่าแล้วก็จ้ำพรวดๆ ออกจากที่ตรงนั้น
"หอนอะไร... เอ๊ย สังหรณ์อะไรเหรอเจ้านาย? " เจ้าพรายตาโบ๋ลอยตามเมฆามาติดๆ
เเล้วเสียงร้องของนกกลางคืนชนิดหนึ่งก็ดังขึ้น ก่อนที่จะปรากฏเงาร่างของนกฮูกสีขาวถลาลงมาที่ไหล่ของเมฆาด้วยอาการตื่นตระหนกและกระพือปีกไม่หยุด
และเมื่อเมฆาได้ลูบสัมผัสตัวของนกฮูกแล้ว ภาพสัมผัสทั้งหมดก็ถ่ายทอดสู่ตัวเขา
"ฉิบหายแล้วเจ้าพราย...! " เมฆาหันไปมองเจ้าพรายตาโบ๋ทันที
"ฉิบหายยังไงเจ้านาย? "
"เจ้าสองคนนั้น ดันออกจากสายสิญจน์ของข้าไปน่ะสิ และจากภาพที่ข้าเห็น มันทั้งสองน่าจะไปจ๊ะเอ๋กับไอ้วิญญาณพยาบาทนั่นซะแล้วล่ะตอนนี้...?! "
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
สิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดนี้หายใจออกมาดังฟืดๆ ฟู่เป็นระยะๆ สายตาทั้งคู่ที่ดูแดงฉานเรื่อเรืองในความมืดของมันก็เพ่งมองไปที่บ้านหลังนี้ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
เพียงไม่นานนัก เงาตะคุ่มๆ ของร่างอันเล็กแคระร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏออกมาจากตัวบ้านโดยที่ในบ้านก็ไม่ได้เปิดไฟดวงใดขึ้นมาแม้แต่น้อย
ร่างอันเล็กแคระเยื้องย่างอย่างเนิบนาบและเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และเจ้าของร่างผู้มีดวงตาสีแดงอันเรื่อเรืองก็หายใจฟืดๆ ฟู่ๆ ขึ้นอย่างกระชั้นถี่ ราวกับจะพึงพอใจในสิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้า
และแล้วร่างอันเล็กแคระนั้นก็มาหยุดยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้นจากท่านั่ง และมันก็ก้มมองใบหน้าของร่างอันเล็กแคระด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ส่วนร่างอันเล็กแคระนั้นก็แหงนหน้าขึ้นมองสิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างงัวเงียหรือราวกับอยู่ในมนต์สะกดบางอย่าง
ทันใดนั้นท้องฟ้าที่เบื้องบนก็ปรากฏฟ้าแล่บแปลบปลาบพร้อมกับเสียงกัมปนาทดังเปรี้ยงปร้างจนร่างอันเล็กแคระนั้นถึงกับผงะตื่นจากการงัวเงีย และกระพริบตาถี่ๆ เพื่อมองใบหน้าของเจ้าของร่างผู้มีดวงตาอันแดงฉานให้ถนัดๆ
แล้วร่างอันเล็กแคระนั้นก็ถึงกับตระหนกตกใจ แล้วก้าวถอยหลังจนสะดุดขาตัวเองล้มลงก้นกระแทกพื้นทันที
"หึหึ นังเด็กน้อย หลุดจากการสะกดแล้วรึ...? " เสียงอันแหบเครือถามออกมา แต่มันไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่กลับพูดต่อไป
"แปลกนะ ฟ้ากลับคำรามในเวลาที่ข้าไม่ต้องการ แต่ก็ช่างเถอะ ถึงเจ้าจะรู้สึกตัวตอนนี้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เจ้ากลับไปนอนบนที่นอนอย่างมีลมหายใจได้อีกต่อไปแล้วล่ะเด็กน้อยเอ๋ย เหอเหอ..."
แววตาของร่างอันเล็กแคระหรือแท้ที่จริงก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตื่นตระหนกตกใจสุดขีดจนไม่อาจจะอ้าปากส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาได้ และเธอก็ค่อยๆ กระเถิบร่างถอยหลังออกไปทีละน้อย
ทันใดเธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างค่อยๆ พันขาทั้งสองข้างของเธอและพริบตาเดียวมันก็ม้วนตวัดขึ้นไปถึงกลางลำตัวของเธออย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงก้มมองที่กลางลำตัวของตัวเองอย่างเสียขวัญ แล้วก็พบว่า สิ่งที่กำลังรัดร่างของเธออยู่นั้นแท้ที่จริงก็คือขนดหางของงูตัวใหญ่นั่นเอง!
"หนูน้อยพิมใจผู้น่ารัก กระดูกของหนูนี่คงจะกรอบอร่อยอยู่ไม่น้อยนะ เหอเหอ..."
แท้ที่จริงนี่ก็คือเด็กหญิงพิมใจ หรือเด็กหญิงที่เป็นญาติของเด็กหญิงที่เป็นใบ้ และเป็นเด็กหญิงที่น่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนที่อยู่ในภาพวาดของสมุดวาดเขียนอีกคนหนึ่ง
และเด็กหญิงคนนี้นี่เองที่น่าจะเป็นผู้ที่ฉีกภาพในสมุดวาดเขียนไปถึงสี่หน้าด้วยการสั่งการของใครคนนั้นนั่นเอง
และเมื่อสิ่งมีชีวิตประหลาดได้เรียกชื่อเด็กน้อยจนเด็กน้อยสะดุ้งเฮือกและเธอได้เหลียวหน้ากลับไปมองมันแล้ว เธอก็พบว่าร่างกายของสิ่งมีชีวิตประหลาดในขณะนี้ก็ได้กลับกลายเป็นลำตัวของงูขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว และที่ส่วนใบหน้าของมันก็เริ่มเปลี่ยนรูปทรงจนกลายเป็นหัวของงูเหลือมที่มีดวงตาสีแดงฉานน่าสยดสยอง...!
มือทั้งสองข้างของเด็กหญิงพิมใจยังเป็นอิสระ และเธอก็พยายามจะแกะขนดหางของเจ้างูปิศาจนี้ออกไปอย่างสุดชีวิต แต่แรงของเด็กน้อยไหนเลยจะสู้กับแรงของงูที่กำลังบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ได้
และขณะนี้ส่วนที่เป็นหัวของงูปิศาจก็ค่อยๆ อ้าปากปลดขากรรไกร เพื่อจะกลืนกินเด็กน้อยจากที่ส่วนหัวเป็นลำดับแรก
"เด็กเอ๋ย..." เสียงของมันยังคงพูด "แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้รับเกียรติที่จะถูกจารึกไว้ในภาพวาดของสมุดวาดเขียนเล่มนั้น แต่เจ้ายังคงได้รับเกียรติในการที่จะได้มาเป็นอาหารอันโอชะของข้านะ เหอเหอ"
จบคำพูดนั้น ช่องปากอันกว้างใหญ่ของเจ้างูปิศาจก็งับเข้าที่ส่วนหัวของเด็กหญิงจนมิดไปถึงลำคอ ก่อนที่มันจะขย้อนเด็กน้อยลงไปเรื่อยๆ
และในที่สุดมือไม้ทั้งสองข้างของเด็กหญิงก็หยุดการเคลื่อนไหวและห้อยตกอยู่ข้างลำตัว และนั่นก็ทำให้เจ้างูปิศาจขย้อนเด็กน้อยลงคอไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
"ช่างเป็นภาพที่งดงามนัก..." เสียงทุ้มๆ จากคนลึกลับผู้หนึ่งดังมาจากเบื้องหลังของงูเหลือมปิศาจ และมันก็รีบหันกลับไปมองข้างหลังทันที ขณะที่มันก็ได้กลืนกินเด็กหญิงไปจนเหลือแค่ส่วนขาแล้ว
"นึกว่าคราย..." เสียงเจ้างูปิศาจพูดขณะที่ขาของเด็กหญิงยังคาอยู่ในปากของมัน "เจ้าคนใหม่ เจ้าคงจะเห็นความงดงามของการได้เป็นทาสเจ้านายของเราแล้วสินะ เหอเหอ..."
"อา... ใช่ล่ะ มันดูงดงามมากจริงๆ ..." คนลึกลับพูดมาจากเงามืด "รู้อย่างนี้ข้าคงจะยอมเป็นทาสให้กับเจ้านายซะตั้งแต่แรกโดยไม่คิดขัดขวางหรือต่อต้านใดๆ ซะก็ดี..."
"ก็ไม่ได้สายเกินไปนี่ ตอนนี้เจ้าก็ได้กลายมาเป็นพวกเราโดยสมบูรณ์แล้ว อีกหน่อยเจ้าก็จะได้มีโอกาสได้ลิ้มของอร่อยอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ ..." เจ้างูพูดขณะที่กำลังจะขย้อนขาของเด็กหญิงลงไปให้หมด แต่ดูเหมือนมันจะติดขัดอะไรอยู่ในลำคอ
"มีอะไรผิดพลาดรึ...? " คนลึกลับในความมืดถามขึ้นเพราะเห็นเจ้างูปิศาจทำท่าอึกๆ อักๆ อยู่ในลำคอ
"แปลก... แปลก? " เจ้างูส่ายลำตัวแปลกๆ ตามคำพูด
"แปลกยังไงรึ? " คนลึกลับถาม
"ปกติข้ากินเด็กครั้งไหนก็รู้สึกอร่อยแบบไร้ข้อกังขาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ ตอนแรกรู้สึกอร่อย แต่ตอนนี้ข้ากลับร้อนรุ่มในลำตัวเหลือเกิน มันแปลกมากๆ ...? "
คนลึกลับในความมืดเพ่งมองปฏิกิริยาอันทุรนทุรายของเจ้างูที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มเห็นไอควันอันขาวขุ่นระเหยออกจากลำตัวของเจ้างูมากขึ้นทุกที
"เจ้า... เจ้าแน่ใจหรือว่า ได้กินเด็กคนนั้นเข้าไป? "
"ข้า... ข้าแน่ใจ หรือว่า มันไม่ใช่? " หน้าตาของเจ้างูเริ่มบิดเบี้ยว "โอยๆ ... ข้าร้อนไปหมดทั้งตัวแล้ว...! "
แต่เมื่อคนลึกลับได้มองไปที่ปากของเจ้างูอีกครั้ง ก็ได้เห็นว่า ที่ในปากของเจ้างูปิศาจที่ยังมีขาของเด็กหญิงคาอยู่นั้น บัดนี้ขาคู่นั้นก็ได้กลายเป็นฟางข้าวที่กำลังเริ่มลุกไหม้อยู่ในปากเจ้างูปิศาจ
"อา... สิ่งที่เจ้ากลืนกินลงไป น่ากลัวว่าจะไม่ใช่คนล่ะ...? " คนลึกลับในความมืดพูดแล้วก็ค่อยๆ ขยับถอยห่างออกไป
"เจ้า... เจ้าคนใหม่ เจ้าเห็นอะไร?! " เจ้างูปิศาจร้อนรุ่มมากขึ้นจนสบัดหัวไปมา "อา... อะไรอยู่ในตัวข้า ข้าร้อนเหลือเกิน! อะไรอยู่ในปากข้ากันล่ะนี่... โอ๊ยๆ อ้าคคคค! "
แล้วเจ้างูปิศาจก็สบัดหัวอีกครั้งอย่างรุนแรงจนทำให้สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นฟางข้าวติดไฟนั้นพุ่งออกจากปากของมันไปยังร่างคนลึกลับที่กำลังถอยห่างออกไปทันที!
คนลึกลับรีบยกแขนขวาขึ้นมากันฟางข้าวติดไฟนั้นได้ทันก่อนที่จะมากระทบกับหน้าของตัวเอง แต่ฟางข้าวติดไฟที่กระทบกับแขนท่อนล่างของมันก็แผดเผาเนื้อแขนของมันทันทีจนมันต้องกระโดดหนีห่างออกไปอีกหลายวาพลางร้องโอ๊ยออกมาดังลั่น
และเมื่อมันเหลียวหน้าไปมองที่เจ้างูปิศาจ มันก็ได้เห็นว่าเปลวเพลิงได้ลุกไหม้จนท่วมลำตัวเจ้างูปิศาจไปซะแล้ว โดยทีเจ้างูก็ดิ้นพลิกไปพลิกมาอยู่บนพื้นดินอย่างทุรนทุราย
"โอ๊ยๆๆ ... เราเสียรู้มันซะแล้วนายข้า...! " เจ้างูส่งเสียงออกมา "มัน... มันต้องอยู่ใกล้ๆ นี่เอง โอ๊ยๆๆ ร้อนเหลือเกินๆๆ! "
ขณะที่เปลวเพลิงได้เผาผลาญเจ้างูปิศาจจนลำตัวของมันได้มอดไหม้ราวกับถ่านไฟแดงๆ แล้ว ในเสี้ยวสุดท้ายของชีวิตปืศาจของมัน มันก็ยังได้เห็นเงาร่างของบุคคลอีกผู้หนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก และคนผู้นั้นก็คือ
'เมฆา' นักสืบจอมเวท หรือนักล่าผีนามอุโฆษ ที่แม้แต่ภูติผีปิศาจระดับสามัญเมื่อได้ยินชื่อเขาแล้วก็ยังต้องเร้นร่างเลือนหายไม่กล้าจะเผชิญหน้าเขาตรงๆ และขณะนี้เมฆาก็ไม่ได้อยู่ในร่างจำแลงเป็นอาจารย์คง แต่เขาได้อยู่ในรูปโฉมจริงๆ ของเขาเอง
"เม... เมฆา...!! " เสียงสุดท้ายของเจ้างูเมื่อดังออกมาแล้ว ตัวของมันทั้งหมดก็แตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที!
เมฆาเดินเข้ามามองร่างของเจ้างูปิศาจที่บัดนี้เหลือแต่เพียงขี้เถ้ากองอยู่กับพื้นเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเกรียมๆ
และก่อนที่คนลึกลับจะหมุนตัวจากไป เมฆาก็เรียกขึ้นทันที
"หยุด...!! "
คนลึกลับชงักฝีเท้า และเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมองเมฆา แสงไฟจากไฟฉายก็กระทบกับหน้าของมันทันที!
แต่ใบหน้าของมันกลับถูกสวมด้วยไอ้โม่งสีดำอยู่ชั้นหนึ่ง เมฆาจึงมองไม่ออกว่าคนลึกลับผู้นี้เป็นใครกัน แต่เขาก็ยังมองออกว่าดวงตาของคนลึกลับคนนี้ไม่ใช้ดวงตาของมนุษย์อีกต่อไป ร่างและจิตวิญญาณของมันผู้นี้อาจกล่าวได้ว่า ได้อยู่ในอำนาจครอบงำของวิญญาณพยาบาทตนนั้นอย่างเกือบสมบูรณ์แล้วก็ว่าได้
เมฆาลดไฟฉายกำลังสูงลง แล้วก็ควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างสบายอารมณ์
"คุณโดนครอบงำเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เเล้ว น่าเสียดายจริงๆ ..." เมฆาพูดขึ้นหลังจากพ่นควันบุหรี่ออกมาครั้งหนึ่ง
"เสียดาย...? " คนลึกลับเลิกคิ้วขึ้น "เสียดายอะไร...? "
เมฆายิ้มอย่างเกรียมๆ "ก็เสียดายความเป็นมนุษย์ของคุณที่เคยมีมาน่ะสิ..."
คนลึกลับมองหน้าเมฆานิ่ง ก่อนพูดต่อ
"คุณไม่ธรรมดาเลยนะเมฆา และผมก็เสียดายอยู่อย่างหนึ่งเหมือนกัน..."
"เสียดายอะไร...? "
"เสียดายที่อำนาจเวทมนต์ของคุณอาจจะต่อต้านอำนาจของเจ้านายผมไม่ได้น่ะสิ"
เมฆสูบบุหรี่อีกครั้ง แล้วพ่นควันโขมง "คุณพูดอย่างนี้ ยังอาจจะมีโอกาสอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คุณอาจจะสามารถหลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของมันก็ได้"
คนลึกลับนิ่งไปชั่วครู่ "ที่จริงคุณก็รู้ว่ามันสายเกินไปแล้ว เพราะร่างกายของผมได้ถูกผสมด้วยดีเอ็นเอของปิศาจเรียบร้อยแล้ว..."
"แต่ที่จริง ใจของคุณก็ยังมีความดีเหลืออยู่บ้าง..."
ประกายตาของคนลึกลับราวกับจะยิ้ม
"อาจใช่... แต่ผมได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ชาตินี้จะไม่มีใครอภัยให้ผมหรอกคุณเมฆา..." คนลึกลับพูดประโยคนี้แล้วก็หันร่างเดินจากไปทันที
"ผมจะทำลายสมุดวาดเขียนอาถรรพ์นั้นให้ได้ ด้วยการปราบเจ้าวิญญาณพยาบาทนั้นให้ได้ในเร็วๆ นี้...! " เมฆาส่งเสียงไล่หลังไป
คนลึกลับเหลียวหน้ากลับมา
"บางทีคุณอาจทำได้ และจงรีบทำโดยไว เพราะเจอกันอีกครั้งผมอาจจะฆ่าคุณโดยที่ัคุณไม่รู้ตัว ครั้งหน้าร่างกายและจิตใจของผมอาจจะกลายเป็นปิศาจไปอย่างสมบูรณ์แล้วก็ได้..." คนลึกลับกล่าวแล้วก็รีบเดินจากไปสู่ความมืดมิดของไร่ข้าวโพด
เมฆาสูบบุหรี่อีกครั้งและโยนทิ้งกับพื้นทันที ก่อนที่จะหันกลับไปมองที่บ้านหลังนั้น
"เจ้าพราย อย่างน้อยคืนนี้เราก็กำจัดปิศาจไปได้ตัวหนึ่งนะ และเด็กหญิงพิมใจนั่นก็ยังคงปลอดภัยอยู่ในบ้าน" เมฆากลับพูดกับอากาศที่ว่างเปล่า
"เจ้านายหลอกไอ้ปิศาจงูหน้าโง่นั่นได้ซะสนิทใจ วิชาผูกหุ่นพยนต์ของเจ้านายสมบูรณ์แบบมากๆ มันถึงกับกลืนกินหุ่นพยนต์ที่ทำจากฟางข้าวโดยคิดว่าเป็นเด็กจริงๆ จากนั้นก็โดนเผาซะด้วยอาคมเจ้านาย ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงนี้ดังขึ้นใกล้ๆ เมฆา ก่อนที่หมอกสีขาวจะมารวมตัวกันเป็นเจ้าผีพรายตาโบ๋หน้าทะเล้น
"คืนนี้ไม่ต้องห่วงอะไรเด็กนี่อีกแล้ว แต่ข้ารู้สึกสังหรณ์ประหลาดๆ ซะแล้วนะตอนนี้..." เมฆาว่าแล้วก็จ้ำพรวดๆ ออกจากที่ตรงนั้น
"หอนอะไร... เอ๊ย สังหรณ์อะไรเหรอเจ้านาย? " เจ้าพรายตาโบ๋ลอยตามเมฆามาติดๆ
เเล้วเสียงร้องของนกกลางคืนชนิดหนึ่งก็ดังขึ้น ก่อนที่จะปรากฏเงาร่างของนกฮูกสีขาวถลาลงมาที่ไหล่ของเมฆาด้วยอาการตื่นตระหนกและกระพือปีกไม่หยุด
และเมื่อเมฆาได้ลูบสัมผัสตัวของนกฮูกแล้ว ภาพสัมผัสทั้งหมดก็ถ่ายทอดสู่ตัวเขา
"ฉิบหายแล้วเจ้าพราย...! " เมฆาหันไปมองเจ้าพรายตาโบ๋ทันที
"ฉิบหายยังไงเจ้านาย? "
"เจ้าสองคนนั้น ดันออกจากสายสิญจน์ของข้าไปน่ะสิ และจากภาพที่ข้าเห็น มันทั้งสองน่าจะไปจ๊ะเอ๋กับไอ้วิญญาณพยาบาทนั่นซะแล้วล่ะตอนนี้...?! "
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ