Believe
-
เขียนโดย หัวใจวาย
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.55 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
20.12K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 16.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ๑๗ คงอยู่ - ๔.๑ (ต่อ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคงอยู่ - ๔.๑ (ต่อ)
แสบขยับร่างแนบกับบานประตู เด็กชายกดสะโพกแนบชิดกับแผ่นไม้พลางจ้องมองเหตุการณ์ในห้องรับแขกไม่วางตา เด็กชายตื่นเพริดเมื่อเห็นร่างสีคล้ำไร้หัวผละออกห่างจากโต๊ะ ท่อนเนื้อดุ้นเขื่องวาวเยิ้มที่จมอยู่ในร่างชายผู้มีชีวิตถูกดึงออกมาจนสุดความยาว มนุษย์หนุ่มที่นอนหงายอยู่ยันกายลุกขึ้นตาม เขาทิ้งขาที่ใหญ่แน่นห้อยลงข้างโต๊ะและนั่งหอบจนแผ่นหลังขยายกว้าง เขานั่งรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนตัวลงไปนั่งคุกเข่า หลังจากนั้นก็ป่ายปีนขึ้นคล่อมบนร่างสีคล้ำทันทีที่ร่างนั้นทิ้งตัวลงนั่งเหยียดขาบนพื้นห้อง
มนุษย์หนุ่มคว้าจับท่อนเขื่องสีคล้ำที่ชูชันของร่างไร้หัว เรียวหนวดของเขาขยายออกตามริมฝีปากที่กำลังเหยียดยิ้มในขณะที่เขารูดถอกมันเล่น มนุษย์หนุ่มกระตุกมือถี่รัวขึ้นลงตามความยาวของท่อนชายที่ใหญ่อวบนั้นอยู่นาน หลังจากนั้นเขาก็ยกตูดกลมแน่นของตนเองคล่อมท่อนคล้ำแข็งและกดตัวลง
ชั่วเวลาเพียงอึดใจเดียวแก้มก้นกลมงอนก็ครอบครองความอวบยาวนั้นลงไปมากกว่าครึ่งลำ สองมือของมนุษย์หนุ่มเหนี่ยวยึดบ่าหนาแกร่งใกล้ต้นคอที่มีรอยตัดเรียบ สองขาแน่นใหญ่กางออกในท่ายอง หลังจากนั้นเขาก็ควบขย่มท่อนแข็งจนตูดกระเพื่อมไหวและเพิ่มความแรงขึ้นทุกขณะ
ตั้บ! ตั้บ! ตั้บ! ตั้บ! ตั้บ! ตั้บ!
“อืมมม อือ ซี๊ดดด อะ...อาาาา โอ โอย” เสียงครางอย่างทรมานลอดออกมาจากปากใต้หนวดเรียวของมนุษย์หนุ่มที่ก้มหน้าหงุดอย่างทรมาน แม้เขาจะไม่หยุดขย่มตัวเลยแม้ชั่วขณะเดียว แต่มันก็อาจไม่เพียงพอสำหรับร่างไร้หัว เพราะอยู่ๆ มือคล้ำหยาบก็คว้าจับเอวของมนุษย์หนุ่มแน่นจนเป็นรอยยุบบุ๋มก่อนจะออกแรงกดลงพร้อมกับยกสะโพกคล้ำหนาสอดสวนขึ้นมา
“อะ...โอ๊ยยย อู...อูยยยย!”
มนุษย์หนุ่มหมดแรงทรงตัวจนต้องปล่อยร่างตกตามแรงกดของมือคล้ำหยาบ ร่างกายกำยำดิ้นพล่านร้อนลนอย่างเปล่าประโยชน์อยู่ในวงแขนแข็งแกร่ง มือคล้ำใหญ่จับยึดเอวแน่นและยกขึ้นลงอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย สะโพกหนาคล้ำก็ยกขึ้นเสยแทงอย่างรุนแรง มนุษย์หนุ่มทำได้เพียงกอดรัดและเกร็งร่างนิ่งขึงรับการเสือกแทงอย่างทรมาน
“ซี๊ดดด อื้อออออ โอ้ย อูยยย โอ๊ยยย!!”
เสียงร่างกายกระแทกตั้บถี่รัวขึ้นสู่จุดสูงสุด เสียงนั้นลั่นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหยุดลง ร่างของมนุษย์หนุ่มหอบสะท้านและค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นในที่สุด
แสบเดาได้ว่าบทรักน่าจะจบแล้ว เพราะตอนนี้ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงร่างกำยำที่หอบหายใจหนักอยู่ในความสลัวเพียงร่างเดียว สิงห์นั่งหอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนและหมุนตัวมาหยิบผ้าขาวม้าที่พาดอยู่บนโต๊ะเล็ก
แสบเห็นหยดน้ำสีขาวสะบัดเหวี่ยงออกปลายจากท่อนเนื้อโก่งยาวเป็นสายในตอนที่พ่อสิงห์หมุนตัวมาก้มหยิบผ้าไปเช็ดร่างกาย แม้ะชอบภาพหยดน้ำที่เยิ้มย้อยอยู่ตรงปลายกลมทู่ แต่เด็กชายรู้แล้วว่าต้องรีบกลับห้องไปนอนก่อนที่พ่อสิงห์จะแต่งตัวเสร็จ
เด็กชายรีบเดินกลับห้องอย่างเงียบเชียบ ทางเดินที่มืดสลัวพุ่งตรงไปข้างหน้าแลดูไกลเหลือเกิน หนำซ้ำมันยังไม่มีที่ให้หลบซ่อนตัวเลย หากพ่อสิงห์ออกมาจากห้องนั่งเล่น เขาจะเห็นเด็กชายทันที
////////////////////////////////
“ถึงตรงนี้ อาจารย์คิดว่าจะให้เรื่องเป็นไงต่อดี ระหว่าง ‘พ่อสิงห์ออกมาเจอลูกชายเดินอยู่’ กับ ‘ไอ้แสบกลับเข้าห้องได้ทัน’ แบบไหนะน่าสนใจกว่ากันรับ?” เด็กแว่นหยุดเล่าอย่างปุบปับและหันไปมองโชคชัยที่จ้องแล็พท้อปอยู่
“หืม? ถามกูเหรอ?” โชคชัยหันมองใบหน้าเล็กที่จ้องอยู่ เขาไม่ทันได้เตรียมตัวที่จะตอบคำถามเพราะต้องตั้งสมาธิไปกับการพิมพ์ เมื่อถูกตั้งคำถามแบบกระทันหัน เขาจึงตอบกลับไม่ได้ “แล้วมันจะต่างกันยังไง?”
“มันก็มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างไปครับ ถ้าไอ้แสบไม่โดนเจอตัว เรื่องราวมันก็จะวนลูป พ่อสิงห์ก็จะหาเรื่องมานอนบ้านไม้ให้ผีเอาอีก แต่ถ้าโดนเจอตัว พ่อสิงห์อาจจะยอมรับกับลูกชายและหาทางเคลียร์ หรืออาจจะทำอย่างอื่นแทน”
“อ๋อ! มันจะแตกย่อยไปได้อีกเยอะนี่เอง” โชคชัยพยักหน้ารับและกวาดตามองมองอีกครั้ง “แล้ว...เป็นไปได้มั้ยที่ไอ้เด็กแสบจะโดนเอาบ้าง?”
“มีโอกาสพอๆ กับพ่อแหละครับ แต่นั่นก็เท่ากับว่าเราเฉลยว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกชายหัวขาดออกมา”
“อ้าว! ไม่ใช่ผ้าขาวม้าเหรอไง มันโผล่ทุกตอนเลยนี่”
“ไม่รู้ซิครับ ผมแค่อยากใช้ผ้าขาวม้าเป็น ‘สัญลักษณ์’ แทนผู้ชายไทยโบราณ แต่ในเบื้องหลังของเรื่องมันอาจจะมีอะไรที่ใช้เป็นตัวล่อผีอีกก็ได้ ‘จารย์น่าจะสังเกตได้ว่าทั้งสองครั้งที่ไอ้แสบตื่นขึ้นมาก็เจอชายหัวขาดกับพ่อแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นตอนที่ผีถูกเรียกออกมา” เด็กชายแว่นเอ่ยตอบด้วยเสียงเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ไม่ใช่กับโชคชัยที่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีปริศนามากเกินกว่าที่ตนคิด
“เออ! ซับซ้อนเข้าไป” โชคชัยเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“มันควรจะมีนะครับ อย่างที่พี่อาจบอกน่ะ คนส่วนใหญ่ที่อ่านจะพยายามมองหาเหตุผลที่ผีออกมา มันมีแนวโน้มว่าคนอ่านจะปักใจเชื่อว่าชายไร้หัวคือผีหวงผ้าขาวม้าสูงมาก”
“ต้องคิดกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” โชคชัยบ่นออกมาและเกาหัวที่มีผมสีเข้มสั้นปกคลุม
“แล้วแต่ครับ นิยายผีอาจจบแบบไม่มีเหตุผลก็ได้ ผีออกมาแล้วผีก็ไป คนอ่านไปคิดต่อกันเอาเอง” เด็กชายแว่นตอบและลุกขึ้นจากเตียง “เขียนต่อให้ถึงฉากตอนเช้านะครับ เสร็จแล้วก็โพสท์ในบล็อกให้ด้วย ผมจะเข้าไปตรวจ”
“เอางั้นเหรอวะ?” โชคชัยถามกลับพร้อมกลับทำตาโตที่ถูกเด็กชายสั่งราวกับตนเป็นเด็กนักเรียน “กูเขียนเป็นที่ไหนล่ะ?”
เด็กชายแว่นไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่ยิ้มและคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไป ครู่ใหญ่ทีเดียวที่ทั้งสองต่างเงียบ หลังจากนั้นโชคชัยจึงได้ยินเสียงเด็กชายดังมาจากห้องน้ำ
“ถ้าแบบแรกจบแล้ว เราก็ลองเขียนแบบที่กันสองต่อ”
เด็กชายพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่โชคชัยจะได้ยินเสียงประตูห้องพักเปิดออก มันเปิดเพียงครู่เดียวก่อนจะปิดลงในเวลาไล่เลี่ยกัน โชคชัยจึงถอนหายใจและวางนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ แต่เขาก็ยังนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น
“สรุปว่ากูต้องด้นให้จบใช่มั้ย?”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ