ทาสสาวจ้าวดวงใจ

-

เขียนโดย thelittlegirl

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 21.08 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  9,396 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 21.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ทาสสาว:ตอนที่ 5 นัดหมาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
ทาสสาวจ้าวดวงใจ ตอนที่ 5
นัดหมาย
 
               ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวในยามย่ำค่ำ ป้าแม้นและบ่าวจากโรงครัวช่วยกันยกสำรับอาหารขึ้นมาบนเรือน เจ้าพระยาปุรงค์เดชและคุณหญิงดาวเรืองล้างมือในอ่างน้ำ แล้วมานั่งรับสำรับเย็นด้วยกันอย่างเงียบเชียบ เมื่อกินจนอิ่ม ท่านเจ้าคุณก็ยกขันน้ำขึ้นมาดื่ม
 
     “ไอ้เจิด ไปจุดตะเกียงในห้อง เตรียมบัญชีการค้าของอ้ายฝาหรั่งแลสำเภาจีนไว้ คืนนี้ข้าจักตรวจดูเสียหน่อย” พอดื่มน้ำเสร็จก็เอ่ยสั่งไอ้เจิดบ่าวข้างกาย มันจึงรีบไปจัดการตามคำสั่งนั้น บ่าวที่เหลือก้มหน้าลงต่ำ เป็นอันรู้กันว่าคืนนี้ท่านเจ้าคุณจักอยู่ที่ห้องส่วนตัว ไม่มานอนที่ห้องของคุณหญิงดาวเรืองอีกแล้ว
 
     “กินข้าวเสร็จ หล่อนก็ไปพักผ่อนเสียเล่า” ปุรงค์เดชเอ่ยบอกคุณหญิงดาวเรืองก่อนจะลุกจากไป คนเป็นคุณหญิงได้แต่วางท่านิ่งเฉยต่อหน้าบ่าวไพร่ ทั้งที่ในอกตรมตรอมและน้อยใจสามีเป็นนักหนา
 
     “ยาเจ้าค่ะคุณหญิง” คุณหญิงดาวเรืองก้มลงมองยาน้ำสีดำที่อีสายกมาให้ หลายปีที่ผ่านมานี้ แม้จะได้นั่งเชิดเป็นเมียเอก มีคนมากมายนับหน้าถือตา มีเงินทองใช้ได้ไม่ขาดมือ แต่สิ่งที่หล่อนไม่เคยได้รับเลยก็คือความรัก ในใจของท่านเจ้าพระยาผู้นั้นมีเพียงพี่มะลิคนเดียวกระมัง
 
     “ดื่มเถิดเจ้าค่ะ ไม่แน่ ยาขนานนี้อาจช่วยให้คุณหญิงแข็งแรงขึ้น และสามารถมีลูกให้ท่านเจ้าคุณได้หนาเจ้าคะ” เห็นอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ อีสาจึงต้องเกลี้ยกล่อมคนร่างกายอ่อนแอให้ดื่มยา
 
     คุณหญิงดาวเรืองหันหน้ามาทางคนพูด แล้วหันไปมองยาน้ำในถ้วยนั้นอีกครั้ง ยานี้หล่อนเพิ่งได้มาใหม่ตอนกลับบ้านเดิมไปเยี่ยมพ่อ พ่อและญาติๆ ของหล่อนไม่เคยถอดใจที่จะเสาะหาหมอเก่งมีฝีมือมารักษาหล่อน เพียงหวังให้หล่อนได้ตั้งครรภ์ จริงสินะ ขอเพียงหล่อนมีลูกให้เขาได้ เขาก็จะไม่หมางเมินเย็นชากับหล่อนเช่นนี้อีก คุณหญิงดาวเรืองคิดอย่างฮึกเหิม แล้วยกยาขึ้นดื่มจนหมดถ้วย
 
     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ ทำให้แก้วนึกถึงเรื่องที่ตนเองแอบถามยายเมื่อตอนบ่ายขึ้นมา
 
     ‘ยายจ๋า แค่ท่านเจ้าคุณไม่อยู่กินข้าวเช้า ทำไมคุณหญิงดาวเรืองถึงต้องร้องไห้ด้วยเล่าจ๊ะ’ กระซิบเสียงเบาเพราะกลัวคนอื่นมาได้ยิน
 
     ยายอิ่มถลึงตาใส่คนถามก่อนจะหันมองไปรอบๆ กาย พอแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นจึงค่อยกระซิบตอบหลานสาวขี้สงสัย ‘ก็ท่านเจ้าคุณไม่ได้อยากแต่งกับคุณหญิงดาวเรืองแต่แรก แต่ยอมแต่งเพราะคุณหญิงมะลิเธอขอร้องเอาไว้ก่อนจะเสีย แล้วก็อย่างที่เคยบอก คุณหญิงดาวเรืองร่างกายไม่แข็งแรง มีลูกให้ก็ไม่ได้ สนองกามอารมณ์ก็ไม่ได้ ทำให้ท่านเจ้าคุณหงุดหงิดไม่พอใจนัก แล้วพูดก็พูดเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะความรักที่ท่านเจ้าคุณมีต่อคุณหญิงมะลิผู้พี่ คุณหญิงดาวเรืองไม่มีทางเป็นเมียเอกมาได้จนถึงทุกวันนี้หรอก หากเป็นบ้านขุนนางคนอื่นนะ ป่านฉะนี้คงโดนลงโทษ ฐานที่ทำหน้าที่เมียบกพร่อง ไม่โดนส่งกลับบ้านเดิม ก็ต้องโดนลดเป็นเมียเล็ก แล้วแต่งเมียใหม่เข้ามาแทนที่บ้างล่ะว้า’
 
 
               ในยามกลางดึก แก้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละข้าง แล้วชะโงกหน้าไปมองคนที่นอนกรนอยู่ข้างกาย “ยาย… ยายจ๋า ยาย” เอ่ยเรียกพลางเขย่าแขนของคนที่กำลังหลับ เมื่อแน่ใจว่ายายหลับสนิทแล้ว แก้วก็ลุกขึ้นไปหยิบห่อผ้า ยิ้มร่าแอบย่องออกจากเรือนไปยังริมน้ำ
 
     เจ้าพระยาปุรงค์เดชเงยหน้าจากงานเอกสาร มองออกไปทางนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้ามืดดำประดับด้วยจันทร์เสี้ยวเล็ก และแสงของดาวระยิบ ความเหนื่อยหน่ายจากการทำงานเป็นเวลานาน ทำให้เขานึกอยากออกไปเดินยืดเส้น ผ่อนคลายความเมื่อยล้า
 
     เสียงเปิดประตูทำให้ไอ้เจิดที่นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องสะดุ้งตื่น มันทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งขณะที่เห็นท่านเจ้าคุณที่เคารพออกจากห้องมาพอดี
 
     “ข้าจะไปเดินยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย” คนเป็นเจ้าพระยาบอกกับคนสนิท พอได้ยินเสียงไอ้เจิดขยับจะตามมาก็ชะงักเหมือนคิดอะไรได้ หันไปสั่งว่า “เอ็งไม่ต้องตามข้าไปดอก เฝ้าอยู่หน้าห้องนี่แหละ”
 
     แบบนี้แสดงว่าให้มันนอนต่อได้ “ขอรับ” ไอ้เจิดรับคำอย่างดีใจแล้วกลับไปนอนตามเดิม
 
     ปุรงค์เดชทอดเท้าเดินเอื่อยเฉื่อยไปทางริมน้ำด้วยจิตใจสับสน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเดินมาทางนี้ทำไม เท้าไม่รักดีทั้งสองข้างพาเขาไปยังบริเวณเดิมที่ได้แอบดูพรายสาวเมื่อคืนวาน แลไม่รู้ว่าคืนนี้พรายสาวจะมาเล่นน้ำอีกไหมละหนอ
 
     ซ่า! ซ่า!
 
     เสียงเล่นน้ำที่แว่วมาทำให้ความคิดสะดุด หัวใจเต้นตึกตัก เดินไปแหวกพุ่มไม้ออกดูดังคนละเมอ เขาเห็นพรายสาวกำลังแหวกว่ายอยู่ในธารธารา บางคราก็ขึ้นจากน้ำมายืนบนฝั่ง แล้วค่อยกระโดดลงไปใหม่ ทำให้ผ้าถุงที่นุ่งกระโจมอกอยู่พองลม สาวน้อยจึงได้ลอยตัวในน้ำ เล่นตีโป่งอย่างสนุกสนาน จนเขาอยากลงไปเล่นด้วยกับหล่อนเสียจริง
 
     แกร็บ!
 
     เสียงเหมือนคนเหยียบกิ่งไม้ดังมาเข้าหู เจ้าพระยาวัยกลางคนรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่านอกจากตัวเขาเองแล้ว ยังมีไอ้อีคนอื่นที่มาแอบดูสาวน้อยอาบน้ำ พออ้อมไปดูตามเสียงนั้นก็ยิ่งโกรธ เขาเห็นชายหนุ่มร่างกำยำ นุ่งเพียงผ้าข้าวม้าผืนเดียวกำลังแอบดูพรายสาวของเขา ฝ่าเท้าไวกว่าความคิด ถีบไปที่แผ่นหลังนั้นเต็มแรง จนมันล้มคว่ำไปข้างหน้า
 
     “ทะ ทะ ท่านเจ้าคุณ” พอทาสหนุ่มหันกลับมาเห็นว่าใครเป็นคนถีบมัน ก็หน้าซีดเผือด
 
     “เอ็งมาทำอะไรตรงนี้! จำข้อห้ามของข้าไม่ได้รึ!” เจ้าพระยาปุรงค์เดชตะคอกถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ
 
     “กระผม… กระผมไม่ได้ตั้งใจนะขอรับท่านเจ้าคุณ เพียงออกมาเดินเล่น แล้วบังเอิญมาเห็นแม่แก้วเล่นน้ำอยู่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะละเมิดข้อห้ามของท่านเจ้าคุณเลยนะขอรับ” ทาสหนุ่มละล่ำละลักบอก รีบพนมมือไหว้ ขอให้ท่านเจ้าพระยาละเว้นโทษให้มันสักครั้ง
 
     ฝ่ายพรายสาวได้ยินเสียงดังเอะอะที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศไหนก็แตกตื่น กลัวมีคนมาเห็นว่าตนเองแอบมาเล่นน้ำกลางดึก แล้วนำไปฟ้องยายจนอาจโดนยายลงหวายที่หลัง จึงรีบขึ้นจากน้ำ หอบของวิ่งหนีกลับเรือนทั้งที่ยังไม่ได้ผลัดผ้า แต่พอจะวิ่งผ่านพุ่มไม้ สาวน้อยก็ยิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อเห็นท่านเจ้าคุณยืนอยู่ โดยมีทาสชายคนหนึ่งคุกเข่าอยู่แทบเท้า และที่สำคัญคือท่านเจ้าคุณหันมาเห็นเธอเข้าเสียแล้ว
 
     “หนนี้ข้าจักยกโทษให้ เอ็งกลับไปได้แล้วไป” ปุรงค์เดชรีบไล่ทาสคนนั้นไปให้พ้นทาง ไม่อยากให้มันได้เห็นพรายสาวของเขาในระยะประชิด
 
     “ขอบพระคุณท่านเจ้าคุณขอรับ” ทาสชายก้มลงกราบแล้วรีบวิ่งจากไปราวกับลูกธนู ด้วยกลัวว่าหากมัวชักช้า ท่านเจ้าคุณจะเปลี่ยนใจกลับมาลงโทษมันได้
 
      “เล่นน้ำเสร็จแล้วรึเจ้า” ปุรงค์เดชหันมาถามแม่พรายสาวที่ยืนทำตาโตเท่าไข่ห่าน กวาดสายตาไปทั่วร่างบาง ผ้าถุงที่นุ่งกระโจมอกเปียกน้ำจนแนบลู่ไปกับเรือนกายสาว ขับเน้นรูปทรงของปทุมมาลย์ เอวคอดเล็ก และสะโพกผายแสนเย้ายวนให้เด่นชัดสะดุดตา พานให้ใจและแก่นกายชายสั่นไหวด้วยความปรารถนา
 
     แก้วขยาดกลัวสายตาคมของท่านเจ้าพระยาเป็นทุนเดิม มาเวลานี้ยิ่งตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ถูก สายตาน่าครั่นคร้ามนั้นระคนไปด้วยประกายบางอย่าง ที่ทำให้หัวใจของสาวน้อยไม่ประสาเต้นไม่เป็นส่ำ ร้อนๆ หนาวๆ คล้ายจะเป็นไข้อย่างไรชอบกล
 
     “เอ็งออกมาเล่นน้ำกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ อันตรายนัก ไอ้ทาสเมื่อกี้มันแอบดูอยู่รู้ไหม!” พอเอ่ยถึงไอ้ทาสคนเมื่อกี้ อารมณ์ของท่านเจ้าพระยาก็ขุ่นมัวขึ้นมาอีก พาลให้น้ำเสียงท้ายประโยคนั้นห้วนดุและแข็งกร้าว คนขี้กลัวก็ยิ่งกลัวไปกันใหญ่
 
     คนที่คิดว่าตนเองโดนดุ เผลอก้าวถอยหลังไปสองก้าว อ้อมแอ้มตอบด้วยเสียงเครือน้อยๆ “ขอโทษเจ้าค่ะ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าทำโทษแก้วเลยหนาเจ้าคะ”
 
     ปุรงค์เดชได้สติ มองคนที่กำลังน้ำตาคลออย่างสงสาร จำต้องสยบโทสะพลุ่งพล่านที่มีต่อทาสชายคนเมื่อครู่ แล้วเอ่ยปลุกปลอบสาวน้อยไม่ให้เข้าใจผิดและหวาดกลัวเขา
 
     “ข้าไม่ได้ว่าเอ็ง เพียงโมโหไอ้ทาสที่มาแอบมองเอ็งอาบน้ำก็เท่านั้น” คนที่แอบมองพรายสาวเล่นน้ำได้ มีแค่เขาคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ แม้แต่จะคิดก็ไม่ได้
 
     “ต่อไปแก้วจะไม่แอบมาเล่นน้ำอีกแล้วเจ้าค่ะ” สาวน้อยเอ่ยย้ำ ถ้าเรื่องนี้ถึงหูยาย จะอย่างไรตนก็แอบมาเล่นน้ำไม่ได้อีก หากยิ่งยายได้รู้ว่ามีอ้ายทาสชายมาแอบดูเธอด้วยก็จะยิ่งโกรธ เพราะยายเคยย้ำนักย้ำหนา จงระวังตัว ห้ามปล่อยให้พวกมันโลมเลียใกล้ชิด ตามข้อห้ามที่ท่านเจ้าคุณตรงหน้าได้ตราไว้ หากเกิดเหตุใดขึ้นมา อาจจักโดนลงโทษทั้งจากหวายของยายและท่านเจ้าคุณ
 
     คนฟังใจหายวาบ ที่สาวน้อยบอกว่าจะไม่ออกมาเล่นน้ำอีกแล้ว จึงรีบกล่าวบอก “ถ้าเอ็งอยากจะมาเล่นน้ำอีกก็มาได้ ข้าอนุญาต”
 
     “ยังมาเล่นน้ำได้หรือเจ้าคะ” ดวงตากลมฉ่ำน้ำช้อนขึ้นมองอย่างดีใจ ระคนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินนัก ในเมื่อท่านเจ้าคุณเป็นคนออกปากเอง ยายก็คงไม่ว่าอะไรเธอกระมัง
 
     “ได้ แต่ข้าต้องอยู่ด้วย ข้าจะมาเฝ้าตอนเอ็งเล่นน้ำ” เจ้าพระยาเจ้าเล่ห์ตีขลุมให้ตัวเองหน้าตาเฉย มุมปากกระดกยิ้ม ครานี้ก็ได้ดูพราวสาวตัวน้อยเล่นน้ำแบบชิดเนื้อถึงตัว โดยไม่ต้องหลบอยู่หลังพุ่มไม้แล้ว
 
     เด็กสาวอ้าปากค้าง ‘แล้วเรื่องอะไรที่ท่านเจ้าคุณจะต้องมาเฝ้าเธอเล่นน้ำด้วยล่ะนี่’ เห็นแก้วทำหน้าไก่ตื่น ปุรงค์เดชก็กลัวว่าไก่จะหลุดมือ จึงแสร้งทำหน้าขึงขัง เอ่ยสำทับ “คืนวันพรุ่งอย่าลืมเล่า จงมาอาบน้ำที่นี่เหมือนเดิม ข้าจักมารอเฝ้าให้เอง”
 
     แม่สาวน้อยนิ่งอึ้ง ไม่เอ่ยวาจาใด เขาจึงถามอีก “เข้าใจคำของข้าหรือไม่” นั่นแหละแก้วถึงได้พยักหน้ารับไปอย่างมึนงง
 
     ลมอ่อนพัดโชยมา กายสาวที่ยังนุ่งผ้าถุงผืนเปียกสั่นระริก ก่อนจะอบอุ่นขึ้นเมื่อชายอายุกว่าห้าสิบปี ปลดผ้าคาดเอวมาห่มคลุมให้ และได้ยินเสียงทุ้มกล่าว “พรุ่งนี้ให้เอามันมาคืนข้าที่ริมน้ำ” ปิดทางหนีไม่ให้หล่อนบิดพลิ้ว ปุรงค์เดชพอใจนัก ฉวยมือเล็กมากุมไว้ พาเดินไปเคียงข้างกัน
 
     “ข้าจักเดินไปส่ง”
 
     แก้มใสแต้มเลือดฝาด อยากจะขืนตัวออกห่าง แต่อีกฝ่ายก็กุมมือไว้แน่นนัก จึงได้แต่ทำปากขมุบขมิบแอบบ่นว่าคนแก่วัยกว่าอยู่เบาๆ ปุรงค์เดชมองสาวน้อยข้างกาย พวงแก้มใสสีชมพูระเรื่อที่พองลมเพราะโดนขัดใจ ชวนให้อยากกอดหอม ปากจิ้มลิ้มที่แอบว่าเขาอยู่นั่นเล่า ช่างน่าลิ้มรสดูสักที
 
     ร่างสูงพาสาวน้อยมาส่งถึงหน้าเรือนหลังเล็ก ที่หล่อนกับยายพักอยู่กันสองคน ดวงตาคมกริบทอดมองร่างอรชรที่ยืนก้มหน้านิ่ง เขาขยับเข้าไปใกล้ชิดและก้มกระซิบที่ริมหูน่ารัก “ข้าไปละ พรุ่งนี้อย่าลืมนัดของเราล่ะ” กล่าวจบก็ประทับปากลงบนแก้มนวลก่อนจะหันกายจากไปด้วยรอยยิ้มเต็มวงหน้า
 
     “อุ๊ย!” คนโดนหอมแก้มสะดุ้งตกใจ สัมผัสนี้ประหลาดนัก มันทำให้แก้มร้อนซ่านและมวนที่ท้องน้อย แก้วทำสิ่งใดไม่ถูก ได้แต่มองตามหลังท่านเจ้าพระยาไป ด้วยความรู้สึกที่ชอบกล
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา