ทาสสาวจ้าวดวงใจ

-

เขียนโดย thelittlegirl

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 21.08 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  9,621 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 21.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ทาสสาว:ตอนที่ 4 ไม่เด็ก แต่สาวแล้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ทาสสาวจ้าวดวงใจ ตอนที่ 4

ไม่เด็ก แต่สาวแล้ว

 

               แสงจันทร์ทอประกายเหลืองนวลบนท้องฟ้าในยามมืด บานประตูของเรือนเล็กๆ หลังหนึ่งค่อยๆ แย้มออก ใบหน้าเล็กโผล่ออกไปสำรวจ พอเห็นว่าทางสะดวกก็รีบออกจากเรือนและปิดประตูอย่างเบามือที่สุด เพื่อไม่ให้ยายที่นอนหลับอยู่ในเรือนรู้สึกตัว จากนั้นก็หอบผ้าในอ้อมแขนวิ่งจู๊ดไปยังริมน้ำที่หมายตาไว้

 

     แก้ววางผ้าที่เอามาด้วยลงตรงริมฝั่ง แล้วรีบผลัดผ้ามานุ่งผ้าถุงกระโจมอก จากนั้นก็กระโดดลงน้ำเสียงดังตูม หัวเราะคิกคักอย่างถูกใจที่สามารถแอบยายมาเล่นน้ำได้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยายก็ห้ามไม่ให้เธอมาเล่นน้ำ เพราะกลัวตกเป็นเป้าสายตาให้พวกบ่าวชายโลมเลีย คนที่เคยชินกับการอาบน้ำแร่แช่น้ำคลองอย่างเธอจึงอัดอั้นนัก

 

     เมื่อก่อนตอนอยู่กับพ่อและแม่ เธอก็มักจะกระโดดน้ำคลองเล่นกับเด็กในหมู่บ้านเดียวกันเสมอ หมู่บ้านที่เธออยู่นั้นเป็นหมู่บ้านกลางป่า คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะยึดอาชีพทำนาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและส่งส่วยให้กับทางการ ส่วนน้อยที่เหลือบ้างก็ค้าขาย บ้างก็ขายตัวเป็นทาสของพวกขุนนางของเมืองที่อยู่ใกล้ๆ

 

     คนในหมู่บ้านอยู่อาศัยกันอย่างมีความสุขมาตลอด แต่แล้วหลายเดือนก่อนก็เกิดโรคระบาดขึ้น คนติดโรคร้ายตายกันแทบทั้งหมู่บ้าน รวมถึงพ่อและแม่ของเธอด้วย คนที่เหลือไม่กล้าอาศัยอยู่ต่อ จึงพากันย้ายไปอยู่ที่อื่น มีบางส่วนที่เดินทางมายังพระนครหลวง แก้วจึงฝากให้พวกเขาช่วยส่งข่าวมาให้ยายรู้ ยายจึงรีบไปรับเธอมาอยู่ที่นี่

 

     เสียงน้ำแตกกระจายดังมาจากริมน้ำ เรียกความสนใจจากร่างสูงที่ออกจากเรือนมาเดินตากน้ำค้าง หวังดับไฟปรารถนาร้อนรุ่มที่คุกรุ่นอยู่ในกายชาย ความสงสัยทำให้เขาก้าวเท้าไปยังที่มาของเสียงนั้น ลอบมองผ่านแมกไม้ที่ขึ้นอยู่ริมฝั่งไปยังร่างที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำอย่างสนุกสนาน แสงตะเกียงจากศาลาริมน้ำทำให้เห็นเลาๆ ว่าร่างนั้นเป็นผู้หญิง แต่ก็มองได้ไม่ชัดนักว่าเป็นใคร ที่แอบมาเล่นน้ำกลางค่ำกลางคืนดังพรายสาวเยี่ยงนี้

 

     เมื่อว่ายน้ำจนหนำใจแล้ว แก้วก็ขึ้นมานั่งตรงริมฝั่ง ใช้มะกรูดเผาสระผม และใช้ใยบวบถูเนื้อตัวให้สะอาด ทำให้คนที่แอบมองอยู่หลังพุ่มไม้ได้รู้ว่า ที่แท้พรายสาวตนนี้ก็คือหลานสาวแสนซนของยายอิ่ม บ่าวเก่าแก่ที่ทำงานกับเรือนเขามานาน ตั้งแต่สมัยที่เจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของเขายังอยู่ ได้ยินว่าคุณหญิงแม่มีบุญคุณกับยายอิ่ม ตอนนั้นยายอิ่มมาตลาดคนเดียวแล้วเจ็บท้องแก่จะออกลูก คุณหญิงแม่บังเอิญไปเจอเลยให้พวกบ่าวพาไปส่งโรงหมอ นอกจากจะจ่ายค่าหมอให้แล้ว ยังให้คนไปส่งบ้านและให้อัฐจำนวนหนึ่งไว้เลี้ยงดูลูก พอลูกสาวโตและได้ผูกข้อมือกับคนในหมู่บ้านเดียวกัน ยายอิ่มจึงมาทำงานรับใช้ตอบแทนบุญคุณของคุณหญิงแม่

 

     ปุรงค์เดชไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่า วันหนึ่งตนเองจะมาแอบดูทาสสาวอาบน้ำเช่นนี้ แต่ภาพเด็กสาวนุ่งผ้าถุงกระโจมอกกำลังอาบน้ำที่ริมฝั่งนั้น ทำให้เขายากจะละสายตา ผ้าถุงเปียกแนบไปกับเรือนกายสาว เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของสาวน้อยวัยกำดัดชัดเจนนัก ทั้งเอวน้อยคอดกิ่ว สะโพกผายกลมกลึง และอกอวบอิ่มน่าขยำ ช่างชวนให้กายชายเจ็บปวดรวดร้าว

 

     “อุ๊ย!” เจ้าพระยาวัยห้าสิบสามหัวใจกระตุกอย่างแรง ยามแม่สาวน้อยยื่นใยบวบไปขัดผิวในร่มผ้า แล้วกระโจมอกหลุดไปกองอยู่ที่เอวน้อย เผยเต้าสวยจุกสีน้ำตาลอ่อนให้ออกมาล้อแสงจันทร์ ทำให้เขาไม่อาจปรามาสว่าหล่อนเป็นเพียงเด็กกะโปโลได้อีก หากแต่หล่อนโตเป็นสาวทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วจริงๆ

 

     แก้วอาบน้ำเสร็จแล้วก็เช็ดตัวด้วยผ้าขาวม้า เปลี่ยนไปนุ่งผ้าถุงผืนใหม่ แล้วรีบกลับเรือนก่อนที่จะถูกยายจับได้ ทิ้งคนที่มาเดินเล่นเพื่อดับอารมณ์ปรารถนา ให้มีอารมณ์ร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม และยากจะหลับตาลงได้ในค่ำคืนนี้

 

 

               เช้าวันใหม่ บ่าวทาสทุกคนตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ต่างก็เร่งรีบทำกิจธุระส่วนตัวให้เสร็จ แล้วแยกย้ายกันไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย สองยายหลานเดินจูงมือกันไปยังเรือนใหญ่ พอขึ้นเรือนมาก็เห็นนังรื่นและนังเยื้อน บ่าวทาสที่มีหน้าที่ทำงานบนเรือนใหญ่เหมือนกัน กำลังปัดกวาดเรือนอยู่ก่อนแล้ว ส่วนอีกคนคือนังสา คนรับใช้ใกล้ชิดของคุณหญิงดาวเรือง กำลังนั่งบีบนวดคลายความปวดเมื่อยให้กับคุณหญิงอยู่ สองยายหลานเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปช่วยหยิบจับทำงานบ้าง

 

     คุณหญิงดาวเรืองเหลือบตามองคนมาใหม่เพียงนิด ก่อนจะหันไปถามความกับนังสา “ท่านเจ้าคุณยังไม่ออกมาจากห้องอีกรึ” เห็นสามีผิดเวลารับสำรับเช้าจากทุกวัน ก็ไม่รู้ว่าไม่สบาย หรือไม่พอใจที่เมื่อคืนหล่อนไม่ได้ปรนนิบัติ จนพาลไม่อยากเห็นหน้าหล่อนกันแน่ แต่จะด้วยสาเหตุไหนก็ล้วนทำให้หล่อนกังวลใจทั้งสิ้น

 

     “ยังเจ้าค่ะ เมื่อคืนท่านเจ้าคุณเข้านอนดึก เช้านี้เลยน่าจะตื่นสายนะเจ้าคะ” อีสากล่าวตอบพร้อมกับหาเหตุผลมาปลอบประโลมเจ้านาย ด้วยรู้ดีถึงความกังวลของคุณหญิงดาวเรือง มีอยู่หลายหนที่คุณหญิงไม่ยอมทำหน้าที่ภรรยา สร้างความไม่พอใจแก่ท่านเจ้าคุณ เช้าวันต่อมาท่านเจ้าคุณจึงออกไปจากเรือนแต่เช้ามืด โดยไม่อยู่รอรับสำรับเช้าพร้อมกับคุณหญิง และมักจะเฉยชาใส่ติดต่อกันอีกหลายวัน กล่าวได้ว่าตลอดสิบกว่าปีที่ครองคู่กันมานี้ ความสัมพันธ์ของเจ้านายทั้งสองนั้นกระท่อนกระแท่นยิ่งนัก

 

     “เอ็งลองไปดูอีกทีสินังสา” คุณหญิงดาวเรืองยังคงไม่วางใจ จึงสั่งให้บ่าวคนสนิทไปดูอีกรอบ

 

     “เจ้าค่ะ” นังสารับคำ แล้วทำท่าจะผละไปทำตามคำสั่ง แต่ปรากฏว่าท่านเจ้าพระยาพร้อมไอเจิดบ่าวข้างกายมาถึงพอดี คุณหญิงดาวเรืองเห็นดังนั้นก็ดีใจ รีบสั่งให้อีสาจัดสำรับที่ป้าแม้นเอามาส่งให้ตั้งนานแล้วขึ้นโต๊ะ

 

     “ไม่ต้อง วันนี้ข้าไม่กินข้าวเช้า” เจ้าพระยาวัยกลางคนบอกปัด เหตุเพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะหลับตาลงได้ก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางแล้ว ทำให้เช้านี้ตื่นนอนสายกว่าปรกติอยู่มาก อีกทั้งยังต้องรีบไปเข้าเฝ้าพ่ออยู่หัว จึงไม่มีเวลามาละเลียดชิมสำรับเช้าอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา

 

     หนึ่งเจ้าพระยากับหนึ่งข้ารับใช้ รีบเดินตามกันไปอย่างเร่งรีบ แต่ก่อนจะลงจากเรือนนั้น เจ้าพระยาปุรงค์เดชก็หันไปเห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ตนเองต้องตื่นสาย จึงชะงักมองด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร

 

     “ท่านเจ้าคุณขอรับ” ไอ้เจิดทักอย่างสงสัย ไม่ทราบว่าท่านเจ้าพระยาที่กำลังรีบอยู่ หยุดเดินทำไม คนโดนทักดึงสายตากลับก่อนจะลงเรือนไป

 

     “นังสา เอ็งว่าหนนี้เจ้าคุณพี่จะหมางเมินข้าไปอีกกี่วัน” คุณหญิงดาวเรืองตัดพ้อด้วยความเศร้าสร้อย น้ำตาไหลผ่านร่องแก้มไปสองสาย

 

     “โธ่! คุณหญิงเจ้าขา” นังสาพลอยทุกข์ใจไปกับเจ้านายด้วย

 

     แก้วที่เช็ดแจกันลายครามอยู่ลอบมองด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในเหตุการณ์นัก ใคร่จะสอบถามยายให้กระจ่าง แต่ตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงเลยไม่กล้า ครั้นเหล่สายตาไปมองทางป้ารื่นกับป้าเยื้อนบ้าง ก็เห็นว่าทั้งสองคนยังคงก้มหน้าทำงานเป็นปรกติ คล้ายว่าไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น แก้วเลยได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

 

 

               ภายในท้องพระโรงสำหรับว่าราชการของวังหลวง หลังการว่าราชการเสร็จสิ้นลง พ่ออยู่หัว หรือสมเด็จพระเจ้านฤบาลไกรศร ทรงมีรับสั่งให้เจ้าพระยาปุรงค์เดชเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ส่วนขุนนางอื่นให้แยกย้ายกันกลับได้

 

     “พระองค์มีสิ่งใดจะรับสั่งกับกระหม่อมหรือพะย่ะค่ะ” เจ้าพระยาปุรงค์เดชทูลถามเมื่อขุนนาง มหาดเล็ก และนางข้าหลวง ถอยออกไปหมดแล้ว

 

     “เราบอกเจ้ากี่หนแล้วปุรงค์เดช ว่าหากไม่มีคนนอกอยู่ ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับเรา” ทรงบอกแก่พระสหายที่เคร่งครัดในธรรมเนียมอย่างเอือมระอา ทั้งที่ตอนเด็กๆ ครั้งพระองค์เป็นเพียงองค์ชายที่องค์หนึ่ง ยังเคยวิ่งเล่น แข่งม้า และฝึกฟันดาบด้วยกันอย่างสนิทสนม

 

     “หามิได้พระเจ้าค่ะ กระหม่อมเป็นเพียงขุนนาง มิอาจเอื้อมตีตนเสมอพระองค์แลบรมวงศานุวงศ์”

 

     พ่ออยู่หัวทรงถอนปัสสาวะให้กับความดื้อด้านของอีกฝ่าย “เราคร้านจะโน้มน้าวเจ้าแล้ว วันนี้ที่เรียกเจ้ามาพบก็หามีเรื่องอันใดไม่ เพียงอยากถามความว่าเมื่อใดเจ้าจักมีลูก เมียเจ้าก็มิมีปัญญาจักให้ได้ ไยเจ้าไม่ลองรับนางเล็กๆ เข้าเรือนอีกสักทีเล่า” ทรงมองหน้าอีกฝ่ายแล้วตรัสถามอย่างระวัง ด้วยกลัวไปกระทบแผลในใจของพระสหายเข้า

 

     คนถูกถามอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นจริงดังคาด จะให้เขารับนางเล็กๆ อีกอย่างนั้นรึ พระองค์ทรงจำไม่ได้หรือไร ว่าอีนางเล็กๆ ไม่รักดี เคยทำให้เขาขายหน้าคนทั้งพระนครหลวงมาแล้ว แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี แต่เขาก็ไม่อาจลืมความอับอายในครั้งนั้น

 

     พ่ออยู่หัวเห็นสีหน้าสหายแล้วก็ไม่อยากฝืนบังคับ “เอาล่ะๆ เราเพียงถามดูเท่านั้น ไม่ได้จะบังคับเจ้าเสียหน่อย เฮ้อ! สงสารแต่ลูกๆ ของเรา ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรคู่หมายจักมาเกิดเสียที” พระองค์ทรงหมายมั่นให้โอรสหรือธิดาสักองค์ได้สมรสกับบุตรหรือบุตรีของสหายรัก แต่จนป่านนี้แล้วสหายก็ยังไม่มีทายาทมาสืบสกุล น่าหนักใจแทนบรรพบุรุษยิ่งนัก

 

     “กระหม่อมฉันไร้ความสามารถ” คนเป็นเจ้าพระยาก้มศีรษะลงนิ่ง

 

     “เอาล่ะๆ ไม่พูดถึงเรื่องนั้นแล้ว” พ่ออยู่หัวนฤบาลไกศรตัดบท แล้วเปลี่ยนไปเสวนาเรื่องบ้านเมือง “เราได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ฝิ่นระบาดนัก”

 

     “พระเจ้าค่ะ เป็นพวกฝาหรั่งที่นำมาขายให้กับพวกพ่อค้า ก่อนจะกระจายไปสู่ชาวบ้านอีกทอดหนึ่ง” รู้ที่มาที่ไปเพราะตัวเขาเองก็ทำการค้ากับพวกฝาหรั่งอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้ซื้อขายฝิ่นอย่างพ่อค้าคนอื่น

 

     “ฝิ่นนี้มีโทษนัก ไม่เป็นผลดีต่อไพร่ฟ้าทุกคน เราจักสั่งห้ามซื้อขายฝิ่น เจ้ามีความเห็นเช่นไร”

 

     “กระหม่อมเห็นด้วยพระเจ้าค่ะ แต่เกรงว่าพวกพ่อค้าแลขุนนางที่ทำการค้าฝิ่นอยู่อาจจะไม่เห็นด้วย และทำการต่อต้าน” การค้าฝิ่นนี้ทำกำไรมากนัก คงไม่มีใครยอมเสียผลประโยชน์ส่วนนี้ไปง่ายๆ

 

     แม้พ่ออยู่หัวทรงมีพระราชอำนาจเหนือขุนนางทั้งปวง แต่พระองค์ก็ไม่อาจหักด้ามพร้าด้วยมือเปล่า “เราจะไปครุ่นคิดส่วนนี้ให้ดี ส่วนเจ้าเองก็ช่วยเราหาวิธีด้วย”

 

     “พระพุทธเจ้าค่ะ” ปุรงค์เดชน้อมรับพระดำรัส แล้วจึงทูลลากลับ

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา