Secret Love ลิขิตรัก
เขียนโดย PMIX
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 14.06 น.
แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 14.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) รู้แค่หน้าฤาว่าจะรู้ใจ /1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ชลวิทย์ อริยภาส ก้าวลงมาจากรถยนต์ส่วนตัวคันหรู ในมือยังถือโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่ใช้มาหลายปี อีกทั้งเป็นเครื่องที่น้องสาวเขาประเคนให้ เพราะหล่อนอยากได้เครื่องใหม่ แต่เขาก็เต็มใจรับมาใช้ เพราะคำนึงถึง ประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม
"ว่าไงเรา.. พี่รออยู่ที่เดิมนะ!” เป็นที่รู้กันว่าสถานที่นั้นคือลานจอดรถใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย
"วันนี้น้องไม่ได้ขอให้พี่วิทย์มารับนะ”เสียงนั้นไม่มีแววแห่งความดีใจแฝงอยู่เลย "นี่น้องก็คิดว่า..จะไปเดินห้างกับเพื่อน” น้องสาวตัวดีของเขาว่า
"ก็ไปสิ! พี่ไปส่ง.. เดี๋ยวไปช่วยถือของให้.. ไงจ๊ะ!!” ทำน้ำเสียงให้ราบเรียบสุด
วางสายแล้วรออยู่สักพัก..
หน้าบูดๆก็เห็นมาแต่ไกล พอมาถึงเขายิ้มรอรับไว้ก่อน
"แล้วไงเรา!.. ไม่ดีใจหรอกเหรอที่พี่แวะมารับ “สาวน้อยยืนกอดอกหน้ามุ่ย
"วันนี้ว่างเหรอค่ะ ถึงมาได้ คุณริณอนุญาติแล้วเหรอคะ” น้ำเสียงนั้นฟังก็รู้ว่าช่างประชด ชลวิทย์เอื้อมมือจะจับหัวน้อง แต่ทันใดนั้นน้องสาวตัวดีเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวนะคะพี่วิทย์.. เดี๋ยวน้องมา!” ร่างอ้อนแอ้นนั้นไม่รอช้า ปลีกตัวออกไป
ชลวิทย์ มองตามร่างนั้นห่างออกไป แต่ก็อยู่ในระยะสายตาว่า หญิงสาวสองคนกับชาย สาม คนเดินกำลังจะขึ้นรถอยู่ น้องสาวเขาเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางสนิทสนม ยัยตัววุ่นน่าจะเป็นฝ่ายพูดฝ่ายเดียวเสียมากกว่า
ทั้งกลุ่มก็ดูไม่ใส่ใจ แล้วขึ้นรถไป ทิ้งน้องสาวเขายืนมอง
แวบหนึ่งเขาเห็นสาวผมยาวหน้าหวานเหลียวมองมาที่เขา
ก่อนเธอจะขึ้นรถไป
.....................................................
อัครเมฆ ปันสา หนุ่มน้อยนั่งเหงื่อโทรมกาย อยู่ข้างสนามฟุตบอล เป่าลมออกจากปากฟู่ใหญ่ และหายใจหอบเอาลมเข้าปอด ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูสีเทาอ่อนที่กองไว้ บนอัฒจันทร์ หลังจากจบการแข่งขัน ในการดวลแข้ง กับเพื่อนๆ
แม้จะไม่บ่อยเหมือนสมัยเรียนมัธยมแล้ว เพราะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา แต่ทั้งหมดก็มักจะหาเวลานัดกันมา เพื่อไม่ให้ขาดการติดต่อ
หลังจากอัครเมฆออกจากบ้านมา
ก็มีเพียงแม่เท่านั้นยังคอยห่วงใย มาหาที่บ้านเช่าประจำไม่ขาด ส่วนคุณหมอใหญ่นั้นแทบไม่ได้เจอหน้าหลังจากนั้น มีเพียงบางครั้งมารับมาส่งแม่ จากบ้านเช่าหลังเล็กๆของเขา เพื่อกลับบ้าน
เขาเองก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับพ่อนัก จึงทำเป็นไม่ใส่ใจว่า ท่านจะมากับแม่หรือไม่อย่างไร
หนุ่ม ร่างสูงโปร่ง เดินตามเข้ามานั่งข้างๆ เอามือข้างที่ใกล้ ตบลงบนเข่าอัครเมฆเบาๆ
"ไงว่ะ...เอ เป็นไรว่ะ วันนี้ดูเครียดๆ?” เขายังคงก้มหน้าไม่สบตาคนถาม ยังไม่ทันจะได้ตอบ ชายหน้าตี๋เพื่อนคนสนิท ชายหนุ่มรุ่นเดียวกับเขาหลายคนเริ่มทยอยมา ทางนี้
อัครเมฆซับเหงื่อ แล้วก็วางผ้ากองไว้ข้างๆ หนุ่มอ้วนวิ่งแบกน้ำหนักมานั่งทรุดรั้งท้าย พูดโพล้งขึ้นมาไม่สนใจสถานการณ์รอบข้าง
"ข้าว่าทีมเราแพ้ แหงแก๋เลยว่ะ ดูพวกมันสิ ทีมเราทำไมต้องแพ้พวกมันตลอดเลย”
"เพราะเองนะแหละ อึดอาดๆ” แมนสรวง หนุ่มร่างโย่ง พูดพร้อมกับผลักเพื่อนอ้วนเบาๆ เป็นเชิงหยอก
"นี่เองโทษข้าเหรอ ทีไอ้เอ มันมัวใจลอยไม่โทษมันล่ะ” เหมือนเพื่อนตุ้ยนุ้ยจะได้สติ กับคำพูดตน เพราะทุกสายตาจ้องเขม็ง แผ่รังสีอำมหิตไปถึง ยกเว้นเขาคนเดียวที่ก้มหน้านิ่ง
"เออๆ ข้าผิดเอง ก็ได้” เพื่อนตัวกลมว่า พร้อมเกาหัวยิก จนเหงื่อกระเซ็น ทุกสายตาจึงเบนมาที่เขา
"เป็นไรมากเปล่าว่ะเอง?”ทวิภัตร เพื่อนตาตี่สุดในกลุ่ม ถามซ้ำ ประโยคคล้ายกันราวกะนัดกันมา
“บอกพวกข้าได้นะเว้ย เผื่อพวกข้าช่วยได้” พูดพร้อมกับตีเข่าเขาอีกครั้งเบาๆ แล้ววางมือไว้บนเข่าของเขา จนรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของเพื่อนสนิท
"ขอบใจพวกเองมาก” ส่ายหัวสลัดความสับสนท้อแท้ "มีปัญหาที่ทำงานนิดหน่อยว่ะ!” เขาหยุดคำตอบไว้เพียงเท่านั้น
แต่ในหัวสมองกลับคิดอะไรไปถึง ปัญหาดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องถูกตักเตือนถึงสองครั้งสองหน และเขาเองก็คิดจะตัดปัญหาด้วยการลาออก
"ทำไมว่ะ?” แมนสรวงถาม ทุกสายตาคาดคั้น
"ทะเลาะกับแขกว่ะ!” เขาตอบเพียงเท่านั้น
”พวกเองอย่าถามข้าเลยนะเว้ย!!.. ข้าไม่อยากเล่าเรื่องไร้สาระที่ผ่านไปแล้ว เอาเป็นว่า ตอนนี้ข้ากำลังมองหางานใหม่อยู่” เขาสรุปรวบรัด
บอกเพื่อนไปอย่างนั้นแต่เขากลับจำเหตุการณ์ไร้สาระเหล่านั้น ไม่ลืม
มันก็แค่เรื่องหญิงสาวเสริฟรุ่นพี่ คนหนึ่งมาให้ความสนิทสนมด้วย จนเกินพอดี ทั้งเขาเองพยายามอย่างยิ่งจะหลบเลี่ยง แต่ยิ่งปลีกตัวหนี ก็เหมือนหล่อนจะยิ่งรุกราน จนทำให้สามีผู้หญิงคนนั้นเกิดหึงหวง และมาพาลหาเรื่องทะเลาะ กลั่นแกล้ง และมี การทำร้ายร่างกายสาวเสริฟภรรยาตน จนต้องเข้าปกป้อง
เป็นเหตุให้ทั้งเขา และสาวรุ่นพี่ ถูกเรียกไปตักเตือน และแน่นอนว่าท้ายที่สุด สักวันหนึ่งไม่นานจากนี้อาจจะต้องถูกไล่ออกอยู่ดี นั่นจึงเป็นเหตุให้ต้องรีบชิงลาออกเสีย
และที่ต้องกังวลยิ่งไปกว่าอื่นใด ก็คือค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเทรมเรียนภาคค่ำ ทั้งค่าบ้านเช่า โดยเขาต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ แม้ว่าแม่จะโอนเงินเข้าบัญชีไว้ให้ แต่เพราะหยิ่งทนงเกินกว่าจะใช้เงินจากน้ำพักน้ำแรงของหมอใหญ่
"เอ้อ เดี๋ยวพวกข้า ช่วยหาอีกแรง” แมนสรวง ยิ้มให้ กำลังใจ เขาพยักหน้าน้อยๆ
"เออ.. ใช่!! ข้าจะถามญาติๆ..เพื่อนๆ ป๊าข้าให้ เผื่อมีงานดีๆ” ทวิภัตรว่า
"ตอนนี้เองก็ทนๆอีกสักนิด หางานให้ได้ก่อนค่อยออกนะ ถ้ายังพอไหว แต่ถ้าไม่ไหว จะออก ขาดเหลืออะไร เอาเงินที่พวกข้าก่อนก็ได้เว้ย!!” น้ำเสียงนั้นให้กำลังใจ
"เออ.. ขอบใจพวกเองมาก แต่เรื่องเงินข้าคงไม่รบกวนพวกเองหรอก” รู้สึกซึ้งในน้ำใจเพื่อน "เออ...พวกเองได้ข่าวแอนบ้างไหมว่ะ?” เขาเปลี่ยนเรื่อง
"อ้อ..เออ ได้ข่าวว่าอยู่กับอากง อาม่า แถวเยาวราช ปิดเทรมนี้คงจะกลับ” แมนสรวงว่า “ไว้นัดรวมพลกันนะ"
"แต่ว่าไหม เราจะชวนดีไหมว่ะ? ได้ข่าวเปล่าว่ะ เห็นว่าเลิกกับไอ้โยแล้ว”เจ้าอ้วนว่าท่าทางจริงจัง
"เงียบไปเลยป่ะไอ้ตูดหมึก!!” ทวิภัตรว่า หนุ่มกลมกิ๊กร่างอ้วนหุบกัดปากตัวเอง
"เออ ข้าไปนะเว้ย!!”เขาลุกขึ้น รู้สึกเจ็บแปลบในอกข้างซ้าย เมื่อได้ยินชื่อนั้น แล้วเดินผละออกไป แว่วเสียงตามหลังแว่วว่า
"เองนะ ไอ้อ้วน ไม่น่าพูดเลย” เสียงห้าวๆ ของแมนสรวง ตามด้วยเสียงเจ้าอ้วนกลมกิ๊ก
"นี่ข้าพูดอะไรก็ผิด ตลอดเลยใช่ไหมเนี้ย?”
"เออ!!!” ทุกคนพูดพร้อมเพรียงกันจนฟังคล้ายเสียงประสาน
************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ