The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
99) โอโบอา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wall.alphacoders.com
มาวินกำลังปีนต้นไม้ เพื่อหนีสัตว์เลื้อยคลานตัวหนึ่ง ลำตัวกว้างประมาณนิ้วเศษ ทั่วร่างเป็นสีดำมะเมื่อม ดวงตาเรียวเล็กบนศีรษะกลมๆเปล่งประกายแดงฉานประดุจทับทิม ลิ้นยาวแลบออกมาเป็นระยะ ปากก็อ้ากว้างจนเห็นเขี้ยวแหลม พร้อมเสียงขู่ที่น่าสะพรึงกลัว
“ ฟ่อ……..”
พอได้เห็นเหตุการณ์ ทั้งเหมยลี่และโจจี้ก็โล่งอกไปตามๆกัน พวกเขานึกระอาในความไม่เอาไหนของมาวิน
“ เฮ้อ……ไอ้เราก็นึกว่าแคมป์โดนโอโบอาบุก ที่ไหนได้ ก็แค่งูดำไร้พิษสง นายนี่มันปอดแหกจริงๆเลย กลัวแม้กระทั่งสัตว์ตัวเล็กๆ ” โจจี้บ่น ส่วนเหมยลี่ไม่พูดอะไร แต่ก็ปรากฏแววเบื่อหน่ายบนใบหน้าอย่างชัดเจน
“ พวกนายอย่ามัวแต่ปลงสังเวชกันอยู่ซิฟะ มาช่วยกันไล่ไอ้ตัวยาวไม่มีขานี่ก่อน ชั้นกลัวเจ้าพวกนี้จริงๆนะ กลัวซะจนอยากดิ้นตายเลย ” มาวินรีบร้องขอความช่วยเหลือจากสองสหาย ท่าทางน่าสงสาร
เหมือนโจจี้จะนึกเวทนาหรืออนาถจิต เขาจึงก้าวเข้าไปหางูตัวนั้นอย่างช้าๆ พอเข้าระยะ ก็ชักดาบคาตานะออกมาวูบหนึ่ง วินาทีต่อมา คอของสัตว์เลือดเย็นก็ขาดกระเด็น มันกระตุกอยู่พักหนึ่ง ก่อนแน่นิ่งไปในที่สุด
โจจี้เอาผ้าผืนเล็กมาเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนคมดาบ จากนั้นก็เสียบศาสตราเข้าฝัก พร้อมร้องบอกมาวินที่กำลังเกาะกิ่งไม้
“ รีบลงมา เจ้าลิงหัวเขียว ชั้นจัดการมันเรียบร้อยแล้ว ”
“ นายแน่ใจนะว่ามันตายจริงๆ ดูดิ ตัวยังกระตุกอยู่เลย ” มาวินถามย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ เออ คอมันขาดซะขนาดนี้แล้ว ยังต้องกลัวอะไรอีก ” โจจี้ร้องบอก พลางเตะร่างงูที่ไร้หัวให้ลอยไปไกล
“ เหอๆ แทงค์กิ้วหลาย บอกความจริงให้ก็ได้ ชั้นน่ะกลัวงูที่สุด เห็นทีไร ใจแป้วทุกที ” มาวินร้องบอกเบาๆ เขาลงมาจากต้นไม้ ท่าทางหวาดระแวง
“ ฮ่าๆ ชั้นพอเข้าใจ ทุกอย่างในโลกนี้ ย่อมมีอะไรที่แพ้ทางกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งนักสู้ระดับสุดยอดอย่างนาย ” โจจี้หัวเราะ แต่ก็แอบแดกดันเล็กน้อย
“ มันแน่อยู่แล้ว ถึงชั้นจะเป็นนักสู้ชั้นยอดยังไง ก็ควรมีอะไรที่แพ้ทางกันบ้าง เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นายกำลังประชดชั้นรึเปล่าฟะ ” มาวินพูดเรื่อยเปื่อย แต่ในตอนหลัง เหมือนเขาจะรู้สึกตัว
“ ฮะๆ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่ไอ้คำว่า…แทงค์กิ้วหลาย มันแปลว่าอะไรเหรอ ” โจจี้หัวเราะบ่ายเบี่ยง พร้อมเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่น
“ เฮ้อ…..มันแปลว่า….ขอบใจมากน่ะ ” มาวินรู้สึกเบื่อหน่าย ถึงนาทีนี้ เด็กหนุ่มชักไม่แน่ใจแล้วว่า…….ระหว่างเขากับโจจี้ ใครจะชวนระอามากกว่ากัน
ขณะที่สามสหายกำลังสนทนากันอยู่นั้นเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงขู่ที่คล้ายเจ้างูตัวเล็ก ผิดก็แต่ว่ากระแสนั้นดังกว่าร้อยเท่า
“ ฟ่อ…….. ”
นอกจากเสียงขู่ ยังปรากฏเสียงบางอย่างที่เคลื่อนที่เข้าหาพวกเขาอย่างช้าๆ เจ้าสิ่งนั้นท่าทางจะใหญ่และหนักมาก
“ ครืด…….. ”
โจจี้ชักดาบคาตานะออกมาอีกครั้ง ส่วนเหมยลี่ตั้งท่าต่อสู้เต็มที่ มีเพียงมาวินเท่านั้นที่ยืนงง ปากก็เอ่ยถามเสียงหลง
“ เฮ้ ตัวอะไรมาน่ะ บอกกันมั่งดิ ”
“ มันคือ…โอโบอา เป็นงูโบราณที่ตัวใหญ่มาก ” โจจี้สรุปโดยเร็ว สายตาเพ่งมองไปยังทิศทางที่เกิดเสียง
“ หา…….มันคืออะไรนะ ” มาวินร้องตะโกน ดวงตาเล็กเรียวเบิกโพลงด้วยความตื่นกลัว
“ มันคืองูยักษ์ หุบปาก แล้วเตรียมรับมือ ” คราวนี้เหมยลี่ถึงกับตบะแตกจนกล่าวกระแทกเสียงเข้ม แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะให้ผลตรงกันข้าม เพราะทันทีที่เธอพูดจบ เด็กหนุ่มหัวเขียวก็เตลิดหนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้
“ จ้าก……. งูอีกแล้ว คราวนี้ตัวใหญ่ยักษ์ด้วย ช่วยลูกช้างด้วย เจ้าแม่ เจ้าพ่อจ๋า ”
เหมยลี่และโจจี้พากันส่ายหัวไปมาด้วยความเซ็ง แต่ทั้งสองไม่มีเวลาไปสนใจ เพราะมหันตภัยใหญ่ยักษ์กำลังเลื้อยเข้ามา จุดประสงค์นั้นชัดเจนเหลือเกิน นั่นก็คือ……ผลาญชีวิตของชาวคณะ
“ เฮ้ เหมยลี่ เรามาวางแผนสู้กันดีกว่า ” โจจี้เสนอแนะ โดยที่สายตายังไม่ละจากเหตุการณ์
“ ได้ ชั้นจะคอยพุ่งเข้าไปก่อกวนมัน พอได้จังหวะ นายก็ฟันคอด้วยท่าไม้ตาย น่าจะบั่นให้ขาดในทีเดียว ” เหมยลี่วางแผนอย่างรวดเร็ว ด้วยเธอเคยเห็นท่าไม้ตายของโจจี้มาแล้ว
“ ตกลงตามนี้ ” โจจี้นิ่งตรึกตรองครู่หนึ่ง ก่อนตอบตกลง
ทั้งสองตั้งท่าเตรียมรับศึก โดยมีมาวินนั่งลุ้นอยู่บนคาคบต้นไม้ ไม่นาน เสียงนั้นก็พลันเงียบไป
“ อ้าว เสียงเงียบไป มันคงหนีไปแล้วมั้ง ” มาวินอุทานเบาๆ พร้อมเหลียวมองไปรอบๆด้วยความหวาดกลัว
ทว่าสิ่งที่มาวินคาดการณ์ มันผิดพลาดล้านเปอร์เซ็นต์ เจ้าตัวที่ก่อให้เกิดเสียงประหลาดได้โงหัวขึ้นมาจากพุ่มไม้ใหญ่ มันคืองูดำขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสองเมตร ส่วนความยาวน่าจะไม่ต่ำกว่า 15 เมตร ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมาที่เหมยลี่และโจจี้ ราวกับกำลังจ้องหนูตัวเล็กๆ ลิ้นสองแฉกแลบออกจากปากทู่ๆเป็นระยะ พร้อมเสียงคุกคามที่น่าสะพรึงกลัว
“ ฟ่อ……”
“ จ้าก…… อย่าบอกนะว่านั่นคือ…..โคตรบรรพบุรุษงูดำที่โจจี้เพิ่งฆ่าไป ซวยแล้ว นายรีบขอโทษสิ เผื่อมันจะใจดี ให้อภัย ” มาวินแหกปากร้องด้วยอาการเสียขวัญ และในทันทีที่งูยักษ์ได้ยินเสียง มันก็ยืดคอขึ้นสูงอีกสามเมตร พร้อมหันมามองลิงน้อยประจำคณะ ปากก็แสยะยิ้ม โชว์เขี้ยวขาว เป็นเชิงชอบใจที่มีเหยื่อมาเพิ่มอีกคน
“ อะจึ้ย ซวยแล้ว ไม่น่าตะโกนเลย กระโดดหนีไปอยู่ต้นอื่น ดีมั้ยนะ ” มาวินรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่ ในใจนึกภาวนาให้สัตว์ไร้ขาไม่สนใจ
โจจี้และเหมยลี่ไม่สนท่าทางปัญญาอ่อนของมาวิน เพราะถ้าไม่พุ่งสมาธิไปที่ศัตรูใหญ่ยักษ์ มีหวังเจอเขมือบอย่างแน่นอน
งูยักษ์ส่ายหัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง มันก็อ้าปากกว้างจนสุดหล้า เผยให้เห็นฟันยาวที่แหลมคมประดุจหอกเหล็ก วินาทีต่อมา สัตว์โบราณก็ฉกลงมา ทว่าสองยอดฝีมือก็ไหวตัวทัน เลยทำให้กระโดดหลบได้อย่างง่ายดาย
“ โครม ”
เสียงดังสะท้านป่าราวกับระเบิดขนาดย่อมถล่มใส่ ดินบริเวณที่งูยักษ์ฉกถึงกับแตกกระจายจนเป็นหลุมกว้างขนาดเท่าตัวคน บ่งบอกว่า....ถ้าเมื่อกี้ หลบการจู่โจมไม่ทัน คงได้กลายเป็นเศษเนื้ออย่างแน่นอน
“ จ้าก…… ยังกะลูกปืนใหญ่ของรถถังเลย น่ากลัวจริงๆ ” มาวินอุทานดัง
หลังจากงูยักษ์โจมตีพลาด มันก็ค่อยๆโงหัวขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาอาฆาตจับจ้องไปที่เหยื่อทั้งสองอย่างดุร้าย ส่วนทางฝั่งยอดฝีมือ พวกเขาตั้งท่ารับศึกเต็มที่ เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ โจจี้ก็ร้องบอก
“ เอาล่ะ เหมยลี่ ลุยตามแผนเลย ”
สิ้นเสียงสัญญาณ เหมยลี่ก็วิ่งฉีกไปทางซ้าย ทำให้งูยักษ์ถึงกับเหลียวมองด้วยความสงสัยว่า “เจ้ามนุษย์ตัวน้อยจะทำอะไร” ส่วนโจจี้ก็อาศัยจังหวะนั้น กระโดดถอยหลังไปสามก้าว พร้อมเก็บดาบคาตานะเข้าฝักและรวบรวมกำลัง เพื่อใช้ท่าไม้ตาย
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ